webnovel

จารใจรัก

Author: ซีจื่อฉิง
History
Completed · 31K Views
  • 1231 Chs
    Content
  • ratings
  • NO.200+
    SUPPORT
Synopsis

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เซี่ยฟางหวา บุตรสาวของจวนจงหย่งโหว ยอมสละตนเองไปเข้าร่วมการฝึกฝนกับองครักษ์เงาที่ภูเขาไร้นามตั้งแต่อายุเจ็ดขวบเพื่อค้ำจุนวงศ์ตระกูลในภายภาคหน้า ผ่านไปแปดปี นางทำลายภูเขาไร้นามจนสิ้น ปลอมตัวกลับเข้ามาที่เมืองหลวงอีกครั้ง แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลกให้นางต้องพบกับเขา อ๋องน้อยแห่งจวนอิงชินอ๋อง พบกันเพียงครั้งนางกลับสลัดเขาไม่หลุด ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะดั้งเดิมของตนได้ ทั้งยังต้องไปเป็นหญิงใบ้คอยรับใช้ข้างกายเขาอีก กลยุทธ์ วิชาแพทย์ นางล้วนฝึกฝนจนแตกฉาน แต่กับ ฉินเจิง ผู้นี้ นางกลับจนปัญญาที่จะต่อกรด้วยจริงๆ

Chapter 1ส่วนที่ 1 บทที่ 000 บทนำ

บทนำ

ฤดูหนาวในปีหนานฉินที่สองร้อยเจ็ดสิบแปด ปี 278 พระราชบุตรองค์ชายลำดับที่สี่ ฉินยวี่ ฉินอวี้ หลังจากดื่มเหล้าจนเมามายก็วางเพลิงเผาวังหลวงจนเกือบจะทำให้ล่มสลายวอดวาย

ฮ่องเต้ทรงโกรธมากกริ้วหนัก บรรดาขุนนางต่างสะพรึงกลัว

ผู้ตรวจการณ์ของกรมการตรวจตราแห่งราชวงศ์ฉินยื่นรายงานความประพฤติต่อฮ่องเต้ โดยมีเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นผู้นำ ขอร้องให้ฝ่าบาททรงลงโทษพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ฉินยวี่ฉินอวี้อย่างเด็ดขาด

หลูหย่งกล่าวว่า “พระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่เป็นพระโอรสบุตรที่ประสูติเกิดจากองค์ฮองเฮา แต่กลับไม่รู้จักระมัดระวังกิริยาคำพูด สูญเสียไร้ซึ่งคุณธรรม ทำให้การอบรวมสั่งสอนของฝ่าบาทต้องสูญเปล่าและ ฮองเฮาความก็ทรงรักและเอ็นดูของฮองเฮาต้องสูญเปล่ามาก วันนี้หลังดื่มเหล้าเสวยน้ำจัณฑ์ก็สูญเสียซึ่งทรงกระทำเรื่องไร้คุณธรรมถึงกับกล้าวางเพลิงเผาวังหลวง วันพรุ่งหลังจากเสวยน้ำจัณฑ์ก็คงจะสูญเสียพระสติรับรู้ผิดชอบชั่วดี คงจะกล้าทำลายไปถึงเทพเซ่อจี้* กระหม่อมเข้าใจว่าหลังดื่มเหล้าจะทำให้สูญเสียซึ่งนิสัยจึงกล้าทำลายระบบของประเทศชาติบ้านเมือง ราชวงศ์ชสำนักเห็นว่าจะทำให้บรรพบุรุษหลายชั่วคนต้องอับอายมีพระโอรสเช่นนี้ ช่างเป็นที่น่าอับอายแก่บรรพชนนัก หากไม่ลงโทษให้อย่างเด็ดขาด ลูกหลานราชนิกุลจะลอกเลียนแบบ ทำให้เกิดรากเหง้าแห่งความหายนะใหญ่มากยิ่งขึ้นภายหลังอาจจะก่อให้เกิดภัยร้ายที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่า ทิ้งทิ้งภัยพิบัติไว้หลายชั่วคน เห็นทีถึงครานั้นจะสำนึกผิดเสียใจก็คงสายไปแล้วขอรับพ่ะย่ะค่ะ”

วาจากล่าววาจาประณามดังก้องกังวานทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าโต้เถียง

ใบหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ฝ่ามือบีบที่ที่เท้าพระกรจับเก้าอี้ซึ่งที่ทำจากทองแตกด้วยมือเปล่า

เสนาบดีฝ่ายขวากำลังจะเอ่ยปากก็หันไปสนใจสังเกตเห็นฝ่าพระหัตถ์ที่ฝ่ามือที่มีเลือดอาบพระโลหิตของฮ่องเต้ทันที ร่างกายสั่นเล็กน้อยพร้อมกับถอยกลับไปหลังไปก้าวหนึ่ง

ข้อวิพากษ์วิจารณ์ของราชสำนักในท้องพระโรงมีแนวโน้มที่จะตกโอนเอนไปอีกฝั่งในทันที ไม่มีผู้ใดกล้าร้องขอเพื่อพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่แม้แต่คนเดียวอีกต่อไป

ข่าวการเคลื่อนไหวในท้องพระโรงของราชสำนักกระจายไปที่ยังบรรดานางสนมวังหลังอย่างรวดเร็ว ฮองเฮาที่ประทับพักอยู่ที่ในตำหนักตำหนักเฟิ่งหล่วนสีพระพักตร์ใบขาวหน้าซีดในทันที พระหัตถ์มือที่กุมถ้วยชาไม่ต้องใช้แรงก็ถูกบีบแตก พระองคุลีนิ้วเล็กเรียวยาวของพระนางถูกแก้วบาดจนเป็นรอยแผลหนึ่ง ทันใดนั้นฉับพลันโลหิตเลือดสดๆ ก็ไหลออกมา

นางสนมกำนัลที่คอยปรนนิบัติรับใช้ต่างตื่นตระหนก ขุนนางหญิงไม่รอช้ารีบเข้าไปห้ามเลือดให้ฮองเฮา

ฮองเฮาขว้างถ้วยชาทิ้ง ผลักหญิงรับใช้นางกำนัลออกไปและลุกขึ้นยืนยืนอย่างรวดเร็วและรุนแรง กล่าวตรัสอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธว่า “พวกนั้นทำแบบนี้เหมือนบีบบังคับให้ฉินยวี่ฉินอวี้ไปตาย!” กล่าวจบพระนางก็สูดพระปัสสาสะดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “เตรียมรถรถ! ไปตำหนักจินเตี้ยนวังหลวง!”

เมื่อตรัสอลั่นคำสั่งออกไป เหล่าข้าราชบริพารเด็กรับใช้ในตำหนักตำหนักเฟิ่งหล่วนงต่างหน้าถอดสี

ขุนนางหญิงนางข้าหลวงกล่าวไร้ซึ่งเสียงจะเตือนเสียงแหบแห้งสติ “ฮองเฮาเพคะ นางสนมวังหลังไม่สามารถอาจแทรกแซงราชการแผ่นดินได้ หากพระองค์ท่านหุนหันพลันรงบุกเข้าแล่นไปยังโถงราชสำนักท้องพระโรงเช่นนี้ ท่านอาจจะทรง…”

“กต่อให้็นับว่าฮองเฮาอย่างข้าของตำหนักนี้ถูกฆ่าตายปลด ก็จะไม่ยอมปล่อยให้แผนของหญิงชั่วสองคนนั้นแห่งตำหนักตำหนักอี่ชุ่ยและตำหนักตำหนักอยวี้่ฝูสำเร็จ และก็ไม่อาจยอมให้พวกมันฆ่าบุตรชายลูกชายของข้าแบบนี้” พระสุรเสียงของฮองเฮาแม้จะสั่นเครือ แต่ก็แน่วแน่ในการตัดสินใจอย่างหนักแน่นเด็ดขาด “ฉินยวี่ฉินอวี้เป็นบุตรชายลูกชายเพียงคนเดียวของข้า!”

ขุนนางหญิงนางข้าหลวงหยุดพูดในทันที

ฮองเฮาสะบัดแขนเสื้อและก้าวอย่างรวดเร็วเสด็จออกจากตำหนักตำหนักเฟิ่งล่วงหลวน

ความเยือกเย็นปกคลุมโถงราชสำนักท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างกำลังรอคอยการตัดสินใจของฮ่องเต้ว่าจะทรงลงโทษพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่อย่างไร

แม้จะยังไม่มีพระราชโองการ แต่ทุกคนก็ทราบดีว่าโทษนั้นต้องไม่เบาเป็นแน่ พระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่หากไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนัง

“เพื่อเป็นการเตือนใจพวกทำชั่ว ขอฝ่าบาทเร่งมีพระราชโองการลงโทษพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปด้วยเถิดด้วยขอรับพ่ะย่ะค่ะ!” เสนาบดีฝ่ายซ้ายเห็นพระองค์ทรงยังไม่ทรงรับออกคำสั่งจึงกล่าวเร่งเร้าเชิญอีกครั้งหนึ่ง

“หลูหย่ง เจ้าจะรีบร้อนไปไยทำไมเล่า พระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่มีความผิดก็จริง แต่เมื่อก่อนก็มีคุณงามความดีช่วยเหลือผู้อื่น เท่าที่เคยเป็นมาก็ไม่เคยมีเรื่องออกนอกกรอบออกนอกลู่นอกทางอันใด เมื่อวานพระองค์ทรงเมามายเหล้าเผาวังหลวงก็อาจจะเพราะมีสาเหตุเหตุผล ตอนนี้พระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ยังไม่ทรงสร่างเมา ไม่ให้ทรงแก้ตัวใดใดเลยก็ลงโทษเสียแล้ว เจ้าไม่คิดว่ารีบเร่งเกินไปหรือ” ในที่สุดเสนาบดีฝ่ายขวาก็ออกปากเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาทและขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายท่านแห่ใต้เท้างซือหลี่เจียน*หลายท่าน[footnoteRef:1] ต่างเห็นกับตา คนที่วางเพลิงเป็นพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่พระองค์คนนี้แน่นอน ยังมีอันใดปลอมมิจริงพออีกหรือ หรือเจ้าจะกล่าวว่าฝ่าบาทและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ตาฝาดมองผิดคนกันเล่า? คนเมาเหล้า ดื่มเสร็จก็สูญสิ้นคุณธรรม หลังสร่างเมาจะรู้ได้อย่างไรว่าตนทำอะไรลงไปบ้าง ถึงนับว่าเป็นการแก้ตัวแต่ก็หนีความจริงที่ว่าทรงเขาเป็นผู้คนวางเพลิงไม่รอดอยู่ดี” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวด้วยโทสะที่อัดแน่นอยู่เต็มอกอย่างเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม [1: ]

เสนาบดีฝ่ายขวาย่นคิ้ว กำลังจะโต้แย้ง

ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็ตบที่จับเก้าอี้ที่เท้าพระกรสีทอง กล่าวตรัสอย่างโกรธกริ้วว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว! พระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ขาดคุณธรรม ที่เราคอยอบรมสั่งสอนไม่ห่างกายเมื่อก่อนก็สูญเปล่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลดขั้นจากพระราชบุตรลำดับที่ดีองค์ชายสี่เหลือให้เป็นเพียงประชาชนสามัญชนและเนรเทศไปยังม่อเป่ย ไม่มีคำสั่ง ก็ห้ามเหยียบเข้าเมืองหลวงอีกแม้แต่ก้าวเดียวกตลอดกาล ไม่สามารถขัดราชโองการได้!”

“ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญอายุยืนหมื่นปีพันปี”

เสนาบดีฝ่ายซ้ายนำเหล่าขุนนางคุกเข่าก้มหน้าพลางตะโกดนเสียงดัง

เสนาบดีฝ่ายขวาหลับตา ใบหน้าสูงวัยซ่อนเร้นความจำใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ได้อย่างแนบเนียน

เมื่อมีพระราชโองการออกมาแล้ว ก็ไร้ซึ่งทางหนีได้อีกทีไล่ ทุกคนต่างรู้ว่าชาตินี้ของพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ได้จบสิ้นลงแล้ว

ประชาชนสามัญชนคือใคร

ก็คือบุคคลระดับล่างสุดของสังคมที่ต่ำกว่าชั้นล่างสุด

ม่อเป่ยเป็นสถานที่แบบไหน

ก็คือสถานที่ที่หนาวยะเยือกห่างไกลและไร้ความเจริญที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงสองพันลี้

ภายในวังหลวงเงียบสงบลงไปชั่วขณะ

“ฝ่าบาทฮ่องเต้ขอรับ ฮองเฮาทรงขอเข้าเฝ้าขอรับพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ภายในนายหนึ่งขันทีผู้หนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดัง

บรรดาขุนนางต่างตกใจและเงยหน้าขึ้นมอง

“นางมาทำไม ให้นางกลับไป!” ฮ่องเต้ทรงมึนงงอึ้งงัน สะบัดชายแขนฉลองพระองค์เสื้ออย่างโกรธเกรี้ยว

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมาขอเข้าเฝ้า!” องครักษ์ภายในขันทียังไม่ทันที่จะเข้าไปขวาง ฮองเฮาที่ทรงสวมชุดเป็นทางการสีแดงเข้มก็ก้าวพรวดพราดเร็วๆ ถลันเข้ามาในวังท้องพระโรง

“เหลวไหลไปใหญ่แล้วก่อเรื่องวุ่นวาย!” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเห็นฮองเฮาไม่คำนึงถึงการกีดขวางก็ถลันบุกเข้ามาจึงตำหนินางประโยคหนึ่ง

เหล่าขุนนางต่างกลั้นหายใจไม่มีใครกล้าส่งเสียง ถึงจะเป็นผู้ตรวจการขุนนางผู้ซื่อสัตย์ เวลานี้ก็ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาขัดขวางตำหนิฮองเฮา

ฮองเฮากวาดตาที่เยือกเย็นพระเนตรมองมองบรรดาขุนนางด้วยสายพระเนตรเย็นชา พระเนตรสายตาเริ่มตวัดมองจากเสนาบดีฝ่ายขวาเคลื่อนไปยังเสนาบดีฝ่ายซ้าย นิ่งไปชั่วขณะแล้วจึงคุกเข่าลงตัวตรงกลางพระตำหนักตำหนัก กล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจนว่า “หม่อมฉันสั่งสอนลูกไม่เหมาะสม ดี จึงก่อให้เกิดความผิดครั้งใหญ่หลวง หม่อมฉันขอร้องให้ฝ่าบาทประทานความตายแก่หม่อมฉันเถิดเพคะ!”

สิ้นเสียง ทั้งท้องพระโรงวังต่างตกใจ

ใบหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทรงและลุกขึ้นยืนในทันที ตรัสกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าคือมารดาผู้ให้กำหนดพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ ส่วนเราเป็นบิดาผู้ให้กำเนิด เจ้าขอให้เราประทานความตายให้เจ้าเช่นนี้ หมายความว่าอยากให้เราฆ่าตัวตายตามใช่หรือไม่ เพราะอย่างไรเสียเราก็สอนลูกไม่ดีถูกวิธี!”

“ฝ่าบาทมิบังอาจ ขอฝ่าบาทระงับอารมณ์โปรดอย่าทรงกริ้ว” เหล่าขุนนางสะดุ้ง ทุกคนต่างหวาดกลัว

ฮองเฮาได้ยินวาจานั้นน้ำตาพระอัสสุชลก็เอ่อคลอดวงตา ตรัสเกล่าวเสียงดังว่า “ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ใครบ้างไม่เคยทำผิด เมื่อก่อนก็เคยมีเรื่องที่ลูกชายของตระกูลเสนาบดีฝ่ายซ้ายตีคนจนตายปรากฏขึ้น ในตอนนั้นเพียงแค่จัดการลงโทษสถานเบาๆ เท่านั้น ที่นี่เต็มไปด้วยพลเรือนและทหารตำหนักนี้เต็มไปด้วยขุนนางบุ๋นบู๊มากมาย เหตุใดคนมีผู้ใดถึงกล้ารับรองบ้างว่าตั้งแต่เล็กจนโตลูกหลานจากตระกูลตัวเองจะไม่เคยทำผิด บุตรของข้าหลังดื่มเหล้าจนเมามายก็หลงลืมตนระเริงเผาวัง แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต หากฝ่าบาทจะลงโทษสถานหนัก หม่อมฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด ลดขั้นฉินยวี่ฉินอวี้เป็นประชาชนสามัญชน หม่อมฉันยังพอรับได้ ได้แต่แค่ตำหนิเขาที่ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มหัวแข็งเขาอายุยังน้อยเอาแต่ใจตนเอง ดื่มเหล้ามากมายเสียจนลืมตัวเสียกริยา แต่เหตุใดถึงยังต้องทรงเนรเทศเขาไปยังสถานที่หนาวยะเยือกที่ร้างผู้คนเช่นม่อเป่ยด้วยเล่าเพคะ เช่นนี้จะต่างอะไรกับการฆ่าเขาตรงไหนกัน? ฝ่าบาท หม่อมฉันมีบุตรชายคนนี้เพียงคนเดียวนะเพคะ!”

“ฉินยวี่ฉินอวี้คือสายเลือดของเรากับเจ้า ไหนเลยจะเหมือนลูกของครอบครัวธรรมดาสามัญเล่า? ลูกของครอบครัวอื่นสามารถทำผิดได้หรือ ลูกของเราทำผิดก็ต้องถูกประณาม ประณามทั้งเราทั้งบรรพบุรุษหลายชั่วคน!” พระพักตร์ใบหน้าองค์ของฮ่องเต้น่าเกรงขาม พระสุรเสียงน้ำเสียงเด็ดขาด “เราเอ่ยวาจาออกไปแล้ว จะกลับคำได้อย่างไร? เห็นแก่ที่เรารู้ว่าเจ้ารักลูก แต่เจ้าก็ทำผิดที่หุนหัฉะนั้นเราจะไม่เอาผิดเจ้าเรื่องที่เจ้าบุกเข้ามาในท้องพระโรง นพลันแล่นเข้ามาในวัง เจ้าออกไปเถอะ!”

“ฝ่าบาท!” สีพระพักตร์ขหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“ทหาร ใครก็ได้ มาพยุงประคองฮองเฮากลับตำหนักตำหนัก!” ฮ่องเต้ไม่ยอมให้ฮองเฮาได้กล่าวอะไรอีก สะบัดพระหัตถ์กวักมือเรียกเสนาบดีฝ่ายซ้าย

องครักษ์ภายในขันทีเดินไปที่ยังฮองเฮาในทันที หมายจะพยุงพระนางออกไป

ฮองเฮาลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปดึงปิ่นหงส์เก้าหางบนศีรษะมาจ่อที่ลำพระต้นศคอของตัวเองพลางทอดพระเนตรมองฮ่องเต้ด้วยความสิ้นหวัง “ฝ่าบาท หากวันนี้มิอาจเอาชีวิตกลับไปได้ทรงถอนรับสั่ง หม่อมฉันก็จะขอตายที่ตำหนักจินเตี้ยนวังแห่งนี้! ถึงอย่างไรลูกชายของหม่อมฉันไปม่อเป่ยก็ต้องตายสถานเดียว ถึงตอนนั้นคนผมขาวต้องมาส่งคนผมดำ ไม่สู้หม่อมฉันตายเพื่อชดใช้ความผิดเสียก่อนยังจะดีกว่าอยู่แล้ว สู้หม่อมฉันตายก่อนยอมรับผิดและการลงโทษจะได้ไม่ต้องทนเห็นลูกตายก่อนตัวเองไม่ดีกว่าหรือ!”

“เจ้า…” พระพักตร์ใบหน้าของฮ่องเต้ขึ้นสีเขียวเขียวคล้ำขึ้นทันใด

องครักษ์ภายในขันทีถอยกลับไปสองก้าวด้วยความตื่นตระหนก

บรรยากาศในวังท้องพระโรงเปลี่ยนเป็นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันในชั่วพริบตา

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าการลดขั้นพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่เป็นประชาชนสามัญชนและเนรเทศไปยังม่อเป่ยเช่นนี้ แม้จะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่โทษนั้นหนักหนาอย่างยิ่ง เกรงว่าหลังจากนี้พระราชบุตรพระราชธิดาและลูกหลานราชนิกุลองค์อื่นจะผูกติดเป็นนิสัย กลัวหัวหดกันไปหมดจนไม่กล้าออกนอกกรอบอีก เมื่อเวลาผ่านไปเกรงว่าทุกคนคงไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นของศีลธรรมจรรยา หนานฉินจะไร้ซึ่งผู้มากพรสวรรค์คนที่กล้าออกนอกกรอบอีก เกรงว่าจะอันตรายต่อคนรุ่นหลังเป็นอย่างมากนะพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายขวาโค้งตัวออกจากแถว

ฮ่องเต้ได้ยินพระพักตร์ใบหน้าแห่งความโกรธเกรี้ยวก็ลดลงเล็กน้อย ค่อยๆ ประทับนั่งลงพลางมองเสนาบดีฝ่ายขวา “ตามที่เจ้าพูด หมายความว่าวาจาที่เรากล่าวไปควรเป็นโมฆะหรือ?”

“ฝ่าบาทมิบังอาจไม่ได้เด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ สัจจะวาจาจะเป็นโมฆะได้อย่างไรเล่าขอรับพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายโต้แย้งทันที

สีใบหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้เข้มขึ้นเล็กน้อย

“แม้โทษจะหนักเป็นอย่างยิ่ง แต่หากพูดตามผลที่ตามมาของการวางเพลิงจนเกือบทำให้วังหลวงล่มสลายก็สมควรถูกลงโทษ ในเมื่อฝ่าบาทกล่าววาจาตรัสออกมาแล้ว ก็ไม่ควรแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยเด็ดขาด” เสนาบดีฝ่ายขวามองเสนาบดีฝ่ายซ้าย กวาดตามองฮองเฮาที่จ่อปิ่นปักผมเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิ้หนึ่งชุ่นว เขาพลันก็กลับคำพูด “แต่ว่ากระหม่อมมีคำแนะนำขอรับ พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อจะเนรเทศไปยังม่อเป่ย ไม่สู้ส่งพระราชบุตรลำดับทีสี่องค์ชายสี่ไปยังเขาไร้นามไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะขอรับ”

กล่าวจบ บรรดาขุนนางก็ส่งเสียงเกรียวกราวฮือฮา

บนโลกหล้ามีคำพูดสืบต่อกันมาสองประโยค นั่นคือ “บนสวรรค์ร่ำรวยด้วยเกียรติยศและวาสนา โลกมนุษย์นั้นดั่งด่านนรกประตูผี”

บนสวรรค์ร่ำรวยเกียรติยศและวาสนาหมายถึงถนนหนทางที่ร่ำรวยและมีเกียรติของเมืองหลวงหนานฉิน ส่วนโลกมนุษย์ดั่งด่านนรกประตูผีหมายถึงเขาไร้นามแห่งม่อเป่ย

ถนนหนทางที่ร่ำรวยและมีเกียรติของเมืองหลวงหนานฉินโดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็หมายถึงฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ประตูสูงใหญ่แต่ละบานของตำหนักวังเชื่อมต่อกันแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรือง

ส่วนเขาไร้นามแห่งม่อเป่ยนั้นกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เป็นจุดเริ่มต้นสถานที่สำหรับที่ราชสำนักใช้ฝึกอบรมกองกำลังป้องกันอย่างลับๆองครักษ์เงาแห่งราชสำนัก ผู้คนที่ถูกเลือกเข้ามาในเขาไร้นาม มีสามเส้นทางให้เลือกเดินคือ ทางที่หนึ่งไม่ถูกคู่ฝึกซ้อมฆ่าตายกลางการฝึก ทางที่สองผ่านการเข่นฆ่าประลองฝีมือกลายเป็นองครักษ์เงาของผู้คุ้มกันราชสำนักที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และทางสุดท้ายไม่สามารถฆ่าคนได้แต่คนอื่นก็ฆ่าตนไม่ได้ ทำได้แค่เฝ้าปกปักษ์รักษาเขาไร้นาม ชั่วชีวิตไม่สามารถออกไปจากที่นั่นี่ได้ชั่วชีวิต

ทั้งสามทางนี้ ไม่ว่าจะทางไหน ก็อธิบายได้ว่าเขาไร้นามไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี

เรียกได้ว่าเขาไร้นามเป็นภูเขาแห่งกองกระดูกก็ว่าได้

เมื่อพูดถึงชื่อเขาไร้นามขึ้นมา ทุกคนต่างเสียวสันหลังวาบ

เสนาบดีฝ่ายขวาเสนอเขาไร้นามขึ้นมา แม้แต่ร่างกายพระวรกายของฮ่องเต้ก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ตรัสพูดอะไรอยู่นาน

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า หากการนำพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ไปยังเขาไร้นามก็อาจจะสามารถแก้ไขนิสัยให้ดีขึ้นได้ หากได้เผชิญหน้ากับคุกจิ่วถังแห่งเขาไร้นาม สวรรค์อาจเห็นใจความผิดที่ทำไปวันนี้ ฝ่าบาทอาจทรงเห็นควรว่าเรื่องที่แล้วก็แล้วกันไปได้ให้อภัยกับเรื่องที่ผ่านมาได้ หากพระราชบุตรองค์ชายสี่ไม่สามารถเผชิญหน้าฝ่าออกมาจากกับเขาไร้นามได้ นั่นก็หมายความว่าไร้ความสามารถ ต่อไปก็คงจะไม่สามารถเป็นใช้ประโยชน์ได้ ฝ่าบาทและฮ่องเฮาก็ไม่ต้องทรงกังวลทุกขพระทัย์ใจอีกพ่ะย่ะค่ะขอรับ” เสนาบดีฝ่ายขวานิ่งไปครู่หนึ่ง เห็นว่าไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดจึงกล่าวต่อไป

ฮ่องเต้ฟังจบก็ทอดพระเนตรมองไปยังฮองเฮา ตรัสถามเสียงเข้ม “ฮองเฮา เจ้าคิดว่าที่เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวเป็นอย่างไรบ้าง”

ฮองเฮาจิตใจพระทัยแฝงไปด้วยความหวาดกลัว มือมือที่กุมปิ่นสั่นเล็กน้อย สิ่งที่เหมือนกันคือม่อเป่ย หากเนรเทศไปม่อเป่ย บุตรชายของนางคงไปไม่ถึงม่อเป่ยก็คงต้องถูกคนแอบลอบฆ่าอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากส่งไปยังเขาไร้นาม มีฝ่าบาทส่งคนตามไปคุ้มกันตลอดทางต้องไม่มีใครกล้าลงมือแน่นอน หากเคราะห์ดี นางยังสามารถได้บุตรชายของนางคืนมา นี่เป็นโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ นางควรจะคว้ามันเอาไว้ เมื่อคิดได้แบบนี้ นางจึงก็โยนปิ่นทิ้งอย่างรวดเร็วและรุนแรง “หม่อมฉันเห็นด้วยกับที่เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวเพคะ”

“เสนาบดีฝ่ายซ้าย ขุนนางท่านอื่น พวกเจ้าคิดว่าที่เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวเป็นอย่างไร” พระพักตร์ใบหน้าของฮ่องเต้ไม่แสดงซึ่งพระอารมณ์ใดๆ

“กระหม่อมคิดว่าที่เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวมีเหตุผลขอพ่ะย่ะค่ะรับ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายมองเสนาบดีฝ่ายขวา กล่าววาจาคล้อยตาม

คนส่วนใหญ่ไม่มีใครคัดค้าน

“ถ้าอย่างนั้นก็งั้นตัดสินเช่นนี้แล้วกัน! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่งคนคุ้มกันราชบุตรลำดับที่องค์ชายสี่ไปยังเขาไร้นามแห่งม่อเป่ย หากเขาพึ่งพาความสามารถของตัวเองผ่านคุกจิ่วถังแห่งเขาไร้นามมาได้ เราจะคืนศักดิ์แก่เขาและยังเป็นราชบุตรลำดับองค์ชายที่สี่ของเรา หากเขากลับออกมาไม่ได้ ก็ถือว่าเขาก่อกรรมทำเข็ญเองทำตัวเอง” ฮ่องเต้กล่าวตรัสประโยคเดียวก็สามารถชี้้ขาดคำตัดสินสุดท้ายได้

บรรดาขุนนางก้มหน้า ตะโกนกล่าวว่าฮ่องเต้ทรงเป็นผู้ทรงพระปรีชาญาณเสียงดัง

อีกด้านหนึ่ง พระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่ซึ่งยังไม่สร่างเมาถูกฮ่องเต้จัดกองทัพคุ้มกันกว่าห้าพันนายไปส่งยังเขาไร้นามแห่งม่อเป่ยทันที

หลังจากฮองเฮากลับไปยังตำหนักตำหนักเฟิ่งหล่วนงก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ล้มหมอนนอนเสื่อประชวรอยู่บนเตียง ขณะเดียวกันฮ่องเต้ที่รักและเอ็นดูพระราชบุตรลำดับที่สี่องค์ชายสี่มาโดยตลอด วันนี้ก็ล้มป่วยทรงประชวรด้วยเช่นกัน

โรงสำนักหมอแพทย์หลวงวุ่นวายอลหม่านไปชั่วขณะหนึ่ง

เมฆครึ้มปกคลุมเมืองหลวงช่วงเวลาหนึ่ง

ดอกเหมยร่วงหล่นในจวนอิงชินหวาง อ๋อง คนผู้คนหนึ่งได้ยินผลการตัดสินโทษครั้งสุดท้ายของราชสำนักจบก็โพล่งออกมาด้วยความแปลกใจ “คิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าหลี่จะแนะนำฝ่าบาทให้ส่งฉินยวี่ฉินอวี้ไปยังเขาไร้นาม นั่นไม่ใช่ที่ที่เด็กน้อยคนนั้นของจวนจงหย่งโหวอยู่ไปหรอกหรือ?”

เขาว่าจบก็มีอีกคนที่เอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ “คุณหนูของจวนจงหย่งโหวไปม่อเป่ยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

คนที่กล่าวคนแรกเงียบไปชั่วขณะ อุทานออกมา “อ้อ ข้าจำผิดไป เป็นพี่ชายฝ่ายหญิงของภรรยาฮูหยินจงหย่งโหวต่างหากที่ป้องกันพรมแดนอยู่ที่ม่อเป่ย สองสามวันก่อนข้าได้ยินมาว่าคุณหนูผู้อ่อนแอที่ถูกเลี้ยงมาในห้องหับสตรีหอมาตลอดผู้นั้นอยากไปเยี่ยมผู้เป็นอาที่อยู่ม่อเป่ย ยังไม่ทันได้ไปก็เป็นไข้ตัวร้อน อ่อนแอนจนราวกับว่าปลูกโรคได้ขนาดนี้ นางจะสามารถไปที่ไหนได้”

คนคนนผู้นั้นฟังแล้วก็ปล่อยวางโล่งใจ “อ่า พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ไม่เห็นพี่จื่อกุยหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าอาการป่วยของเขาดีขึ้นหรือยัง? แปลกจริงๆ พี่จื่อกุยกับน้องสาวญาติสนิทของเขามักจะป่วยติดกันบ่อยๆ กลับกันญาติพี่น้องห่างๆ กลับฮึกเหิมแข็งแรงฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผนพยัคฆ์ หรือว่าฮวงจุ้ยสายเลือดทางตรงของจวนจงหย่งโหวจะมีปัญหา?”

ฮวงจุ้ยมีปัญหารึา? เมื่อก่อนคนที่พูดประโยคนี้ออกมาเคยหัวเราะเยาะ เบะและแบะปากอย่างไม่ใส่ใจ

ในเวลาเดียวกัน นกอินทรีตัวหนึ่งบนเข้ามาในจวนจงหย่งโหว นกอินทรีตัวนั้นบนวนเวียนไปมารอบจวนโหวก่อนจะเข้าไปในสวนจือหลัน

หน้าต่างของสวนจือหลันเปิดอยู่ ข้างในมีเสียงพูดคุยของคนแก่และเด็กหนุ่ม รวมถึงเสียงไอไม่ต่อเนื่องตามกันมาเป็นระยะตลอดเวลา

นกอินทรีตัวนั้นบินเข้าหน้าต่างมาอย่างเงียบๆ ร่อนลงบนไหล่ของคนที่เอนตัวลงพิงข้างเตียง คนผู้คนนั้นเห็นนกอินทรีตัวนี้ก็หยุดไอในชั่วพริบตา มิรอช้ารับกระดาษจดหมายที่ผูกติดกับขาของมันมาเปิดอ่าน

ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่กลางห้องเห็นกระดาษจดหมายก็รีบถามทันที “จดหมายเขียนมาว่าอย่างไร”

คนคนนั้นอ่านจดหมาย ยิ้มยินดีก่อนจะเปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้ม หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็กล่าวด้วยใบหน้าสงบนิ่งว่า “น้องสาวบอกว่าสองเดือนหลังจากนี้จะกลับเมืองหลวง”

“กลับเมืองหลวงรึ? แปดปีแล้วนะ ในที่สุดนางก็…สามารถกลับมาได้แล้วหรือ?” ผู้อาวุโสแสดงสีหน้าตื่นเต้น “นางยังว่าอะไรอีก”

คนคนนั้นเงียบไปชั่วขณะ “น้องสาวบอกว่า เมื่อเดือนก่อนนางลงมือทำลายเขาไร้นาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบนโลกนี้จะไม่มีเขาไร้นามอีก”

“อะไรนะ?” ผู้อาวุโสลุกขึ้นยืนอย่างไม่อยากเชื่อ กล่าวด้วยเนื้อตัวสั่นๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นที่ราชสำนัก…นางจะทำลายเขาไร้นามได้อย่างไรยังไง? นาง…นางกล้าทำได้อย่างไรกันยังไง?”

“น้องสาวไม่โกหกหรอก” คนคนนั้นนำกระดาษจดหมายยื่นให้กับผู้เฒ่า

ผู้อาวุโสรับจดหมายไปอ่าน เบื้องหน้ามืดสนิท ล้มหมดสติลงไปบนพื้น

แพทย์หมอหลวงของสำนักโรงหมอหลวงแบ่งจากฮ่องเต้และฮองเฮามายังจวนจงหย่งโหวกลุ่มหนึ่ง แล้วช่วงเวลานั้น หมอหลวงก็ขาดถึงคราวขาดแคลน

---

*ซือหลี่เจียน ตำแหน่งขันทีผู้ตรวจและอ่านฏีกาถวายฮ่องเต้

*เทพเซ่อจี้ตลาด เป็นชื่อเรียกของเทพที่ชาวบ้านที่ทำการเกษตรกราบไหว้บูชา เซ่อ หมายถึง เทพถู่เสิน หรือ เทพแห่งผืนดิน จี้ หมายถึง เทพกู้เสิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง การคงอยู่ตลอดกาล

You May Also Like

ภรรยาโชคดีงดงามและน่ารัก

 (หนังสือใหม่ชี้ทาง เกิดใหม่ในยุค 80 เป็นแม่สามีใจร้าย) หลิวซานเหนียงเกิดใหม่ เมื่อนึกถึงชีวิตที่โดดเดี่ยวในชาติก่อน ชาตินี้เธอต้องแต่งงานให้ได้  เธอมีรูปโฉมที่อ่อนช้อยงดงามเกินไป ทำให้มีคนมาสู่ขอจนเหยียบธรณีประตูแทบพัง   แต่ว่า บัณฑิตจากฮู่ท่งต้าเหลียวนั้นแต่งไม่ได้ คนผู้นี้ในอนาคตจะเป็นคนอกตัญญูไร้น้ำใจ  พ่อค้าหาบเร่จากฮู่ท่งเสี่ยวเหลียวก็ไม่ได้เช่นกัน คนผู้นี้ภายหลังจะติดการพนันจนบ้านแตกสาแหรกขาด   หลังจากปฏิเสธไปหลายคู่ ชื่อเสียงว่าเธอเป็นคนเลือกมากก็แพร่สะพัดออกไป...  หลิวซานเหนียงกังวลจนผอมไปหลายรอบ ในเวลานี้ ฉู่เยี่ยนช่างตีเหล็กกลับมาสู่ขอเธอ!!!  หลิวซานเหนียง: ...  คนผู้นี้ในอนาคตกลายเป็นแม่ทัพติ้งเป่ยหวังผู้มีชื่อเสียงก้องโลก แต่เขา เขารูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงมาก เธอกลัวว่าจะถูกเขาบีบตายด้วยมือเดียว!  ฉู่เยี่ยนโอบเธอไว้ในอ้อมแขน เสียงทุ้มต่ำพูดว่า: "อย่ากลัวฉัน ข้างนอกฉันเป็นหมาป่า แต่เมื่อกลับมา ฉันก็เป็นสุนัขของเธอ เธอคือเจ้านาย" (ใครกล้าแตะต้องหญิงของเขา 1v1)

Skin White As Snow · History
Not enough ratings
350 Chs

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · History
Not enough ratings
91 Chs

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! “เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ” “ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ” “ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง” “ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย “ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป...” ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ “เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน” “....” *** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้บริษัท Ink Stone Entertainment *** ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100% เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ : China Literature เรื่อง : คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า ผู้เขียน : เยี่ยนเสี่ยวม่อ (燕小陌) [大小姐她总是不求上进] / [燕小陌] ©2023 Ink Stone Entertainment Co., Ltd. All rights reserved. Thai translation rights arranged with China Literature by Ink Stone Entertainment Co., Ltd. คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า จำนวนตอนต้นฉบับจีน 642 ตอน

เยี่ยนเสี่ยวม่อ (燕小陌) · History
Not enough ratings
611 Chs

คืนถอนหมั้น! ธิดาตระกูลแม่ทัพถูกท่านอ๋องแย่งตัวไปแต่งงาน

ชาติก่อน เจียง เพ่ย์หวนถูกชายเลวแผนร้าย ตายอย่างทรมาน และยังทำให้ทั้งตระกูลถูกทำลาย เมื่อกลับมาในวัย 18 ปี เธอยังคงเป็นธิดาผู้สง่างามแห่งตระกูลแม่ทัพ คู่หมั้นรังเกียจว่าเธอตกน้ำเสียพรหมจรรย์ จึงมาขอถอนหมั้นเพื่อแต่งงานกับน้องสาวร่วมสกุลของเธอ? ทุกคนหัวเราะเยาะเธอ แต่เธอกลับยินดี: หนึ่งแสนเหรียญทองคำ ฉันจะยอมรับเรื่องนี้ หลังถูกถอนหมั้น ทั่วเมืองหลวงต่างลือกันว่าเธอถูกทอดทิ้งก่อนวันแต่งงาน ไม่ได้เป็นชายารัชทายาทกษัตริย์ห้วยหนาน และยากที่จะได้แต่งงานอีก ใครจะรู้ ฝ่าบาทผู้สูงศักดิ์ไร้ผู้เทียบเฉิงหวังกลับออกมาพูดว่า: แต่งงานกับนาง มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ? สาวงามตระกูลดีมากมายต้องผิดหวัง แต่เจียง เพ่ย์หวนกลับปฏิเสธอย่างแน่วแน่ เขาเป็นท่านอ๋องของชายเลว พระโอรสองค์เล็กของอดีตฮ่องเต้ ภายนอกดูสง่างามสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วโหดเหี้ยม เธอสาบานว่าจะแก้แค้นให้ชาติก่อน ปกป้องครอบครัวและญาติพี่น้องให้ดี ไม่ต้องการมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับราชวงศ์ แต่สุดท้ายวันหนึ่ง เธอก็พลาดท่ากลายเป็นพระชายาเฉิงหวังที่ใครๆ ต่างอิจฉา เจียง เพ่ย์หวนรู้สึกตัว หันไปโกรธชายที่นอนข้างๆ: เซียวหนานเย่ เจ้าวางแผนฉันใช่ไหม? ฝ่าบาทเฉิงหวังผู้เด็ดขาดมองภรรยาที่กำลังโกรธจัด อดขำไม่ได้ เขาโน้มตัวกระซิบข้างหู เสียงหวานซึ้ง: ขอภรรยาโปรดให้อภัย ชาตินี้ข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น

วางข้าวสวย · History
4.7
364 Chs

สาวชาวนาข้ามมิติกับคฤหาสน์จิ่นซิ่ว

  【ทำนา】+【มิติพิเศษ】+【อบอุ่น】+【ร่ำรวย】+【แก้แค้นคนชั่ว】   โม่เหยียนที่ถูกระเบิดจนเป็นจุลได้กลับชาติมาเกิดในยุคโบราณ   กลายเป็นเด็กสาวชาวนาที่กำลังหนีภัยแล้ง!   มีคุณพ่อที่เป็นผู้มีความรู้หล่อเหลาและรักใคร่เธอหนึ่งคน—ดีมาก!   มีน้องชายน้องสาวที่น่ารักร่าเริงอีกสองคน—ดีเลย!   แต่ว่า เธออยากตายอีกครั้งจริงๆ มีไหม?   บนเส้นทางหนีภัยแล้ง ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ ไม่มีที่พักก็แล้วไป   แต่กลับต้องระวังคนชั่วที่จะจับเธอไปเป็นอาหารอีก!   โชคดีที่มิติพิเศษจากชาติก่อนที่สามารถอัพเกรดได้ติดตามมาด้วย   แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร—   มิติที่มีทั้งภูเขา แม่น้ำ และอาหารกลับถูกฟอร์แมตหมดแล้ว!   เผชิญกับสถานการณ์สิ้นหวัง โม่เหยียนจุดประกายความมุ่งมั่นอีกครั้ง:   ถูกฟอร์แมตแล้วยังไง พี่สาวจะร่ำรวยให้ได้ที่ริมเมืองหลวงนี่แหละ!   เปิดภูเขา ปลูกสวนผลไม้ ซื้อร้านค้า สร้างบ้าน... ไม่ขาดอะไรเลย!   แต่ว่า... คนอิจฉาและหาเรื่องก็มีเยอะ!   ฟาร์มเป็นของเธอหรือ? เอาไป ฉันจะเอาให้เธอเจ๊งเลย!   อยากเป็นแม่เลี้ยงของเธอ? ได้ ส่งพวกพ่อม่ายให้เธอสักหลายคน!   แม่แท้ๆ มาตามหา? นี่ ใบหย่า รับไป ไม่ต้องส่ง!   ...   หา? หนุ่มหล่อมาสู่ขอ? เอ่อ อันนี้... จะปล้ำดีไหมนะ?   PS: 1. มุ่งมั่นทำนาไม่เปลี่ยนแปลง + การต่อสู้ในบ้านแบบไม่ธรรมดา + ไม่มีการต่อสู้ในวัง   2. สไตล์การเขียนค่อนข้างตรงไปตรงมา มุมมองปกติ (ไม่รวมตอนที่ผู้เขียนอาจจะเพี้ยนบ้าง)

ค่ำคืนอันหนาวเย็น · History
Not enough ratings
350 Chs

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ! คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนัก ใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใด แต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลก อาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย! ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน! เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดา ด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง! *** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้บริษัท Ink Stone Entertainment *** ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100% เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ : China Literature เรื่อง : คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง ผู้เขียน : 我吃元宝 (หว่อชือหยวนเป่า) --- [侯府小哑女] / [我吃元宝] ©2023 Ink Stone Entertainment Co., Ltd. All rights reserved. Thai translation rights arranged with China Literature by Ink Stone Entertainment Co., Ltd.

我吃元宝 (หว่อชือหยวนเป่า) · History
Not enough ratings
314 Chs

ภรรยาผู้โชคดีของบุตรชายผู้ป่วยและอ่อนแออีกทั้งยังน่ารักและแข็งแกร่ง

คฤหาสน์อำมาตย์ล่มสลาย ในวันแต่งงานของซื่อจื่อ ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านทั้งหมดถูกจับเข้าคุก ไม่ถึงสามวัน ท่านปู่และท่านกั๋วกงต่างก็เสียชีวิต งานมงคลกลายเป็นงานไว้ทุกข์ เซินอี้เจียได้กลายมาเป็นเจ้าสาวที่โชคร้ายคนนั้น สามีที่เธอได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจถูกส่งกลับมาในสภาพบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงแต่นั้น ขาทั้งสองข้างของเขายังถูกทำลายด้วย ทุกคนต่างพูดว่าซื่อจื่อที่เคยมีชื่อเสียงในเมืองหลวงคราวนี้คงไม่มีทางรอดแล้ว เซินอี้เจียมีน้ำวิญญาณติดตัวมา แอบดึงเขากลับมาจากประตูผี หลังจากซ่งจิ่งเฉินฟื้นขึ้นมา เขาแนะนำให้เธอจากไปและแต่งงานใหม่ เซินอี้เจียมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วส่ายหน้า: "ไม่ต้องกังวล ฉันจะเลี้ยงดูคุณเอง" ระหว่างทางกลับบ้านเกิด ไม่เพียงแต่มีโจรดักทาง ยังมีนักรบตายมาลอบสังหารด้วย เซินอี้เจียตบอกเล็กๆ ของตัวเองแล้วสัญญากับคุณชายรูปงามว่า: "ไม่ต้องกลัว ฉันจะปกป้องคุณให้ดี" แต่ก็มักจะมีคนที่คิดว่าตัวเองรู้ดีมาพร่ำบอกว่า การเป็นภรรยาต้องรู้หนังสือ มีคุณธรรม เป็นกุลสตรี และมีความสามารถ? หรือว่าต้องเต็มใจหาอนุภรรยาให้สามีด้วย? เซินอี้เจียแสดงความไม่เห็นด้วย เธอเป็นคนที่ออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช ทำไมเธอต้องรู้เรื่องพวกนี้ด้วย เพื่อเลี้ยงครอบครัว เธอขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ต่อสู้ในถลสนามเพื่อเอาชนะคนเลว และรับน้องชายอีกสองสามคน เซินอี้เจียใช้ชีวิตอย่างรุ่งเรือง ...... หลายปีต่อมา พวกเขากลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง ชาวโลกต่างคิดว่าซ่งจิ่งเฉินคงไม่พอใจผู้หญิงที่ใช้ความรุนแรงเช่นนี้ และจะต้องหย่าร้างเพื่อแต่งงานใหม่แน่นอน สาวงามทั้งหลายต่างเตรียมพร้อมรอให้เซินอี้เจียจากไปเพื่อที่พวกเธอจะได้เข้ามาแทนที่ พวกเธอรอแล้วรอเล่า แต่กลับได้เห็นชายหนุ่มที่งดงามราวกับเทพบุตรจับมือของเซินอี้เจียที่เพิ่งต่อยคนเสร็จด้วยความเป็นห่วงและถามว่า: "เจ็บไหม?" (1v1 หวานแหวว นางเอกรักและหลงสามีใช้ความรุนแรงได้ vs พระเอกขี้อิจฉาเจ้าเล่ห์)

ขวดเล็กๆ · History
Not enough ratings
350 Chs
Table of Contents
Volume 1 :1

ratings

  • Overall Rate
  • Writing Quality
  • Updating Stability
  • Story Development
  • Character Design
  • world background
Reviews
WoW! You would be the first reviewer if you leave your reviews right now!

SUPPORT