“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ
ปี 2015 ณ โรงแรมสี่ดาวในเขตมณฑลซานซี ประเทศจีน
"หลินเอ๋อร์ ตื่นสิลูก อย่าทิ้งแม่ไป ฮือๆๆ"
"หลินเอ๋อร์...ลูกพ่อ" เสียงของชายวัยกลางคนซึ่งมีรูปร่างสูงโปร่งทั้งยังไว้เคราแพะ น่าจะเป็นคนมีฐานะ ช่อลดางุนงงกับภาพที่ได้เห็น ที่นี่ที่ไหน แล้วคนพวกนี้เป็นใคร
ดวงตาเล็กตี่มองสำรวจไปทั่วห้อง กลิ่นอายโบราณๆ การแต่งกายของคนกลุ่มนี้ดูคุ้นๆ อา...ใช่ เหมือนภาพยนตร์จีนกำลังภายใน เมื่อเบนสายตากลับมายังจุดเดิมก็พบเด็กสาวอายุราวสิบหกสิบเจ็ด นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้คล้ายหลับ เครื่องหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก แต่กลับซีดเซียวเหมือนคนป่วย ข้างเตียงมีหญิงสาววัยสามสิบปีเศษ ทว่าใบหน้าอวบอิ่มที่งดงามของหญิงคนนั้นกลับนองไปด้วยน้ำตา สองมือเกาะกุมมือเล็กขาวซีดข้างหนึ่งไว้แน่น
ชายคนนั้นยืนอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งบีบไหล่เธอที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น แม้จะไม่มีน้ำตาแต่เธอคิดว่าเขาก็คงเสียใจไม่แพ้กัน ดูได้จากใบหน้าหมองคล้ำซึ่งเต็มไปด้วยความเศร้า ข้างเตียงยังมีเด็กสาวหน้าตาน่ารัก แต่ยังเทียบกับเด็กสาวที่นอนอยู่ไม่ได้ ทั้งสองคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ยังมีหญิงชราร่างอวบอ้วนอีกคนนั่งร้องไห้พร้อมกับมองร่างที่นอนอยู่บนเตียงไม่วางตา ขณะเดียวกันก็พร่ำเรียกคุณหนูๆ บรรยากาศชวนให้หดหู่ใจยิ่งนัก
เวลา 06.00 น.
ติ๊ดๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือที่ปลุกกระปุกตั้งฉ่ายให้ตื่นจากฝัน ช่อลดาลืมตามองเพดานพลางครุ่นคิดเกี่ยวกับความฝันนั้นซ้ำไปซ้ำมาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะตัดสินใจลุกไปอาบน้ำ
วันนี้เธอมีโปรแกรมจะไปเที่ยวชมพระราชวังต้องห้าม และปิดท้ายด้วยสวนสัตว์ที่เธอชื่นชอบ ไม่สิ...เรียกว่าคลั่งไคล้น่าจะถูก ว่างเมื่อไรเธอเป็นต้องไปทุกครั้ง จะว่าเป็น 'ทาสรักสัตว์โลก' ก็คงได้
แต่สัตว์ที่ช่อลดาชอบมากที่สุดกลับเป็นสัตว์ในตำนานที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลก นั่นก็คือ 'มังกร' เธอถึงกับสักรูปมังกรเสียจนเต็มแผ่นหลัง แน่นอนว่าแม่ของเธอไม่รู้และไม่มีวันที่เธอจะบอกแม่ด้วย ไม่อย่างนั้นงานนี้มีหวังโดนบ่นเป็นสิบปีแน่ๆ เพราะแม่เธอเกลียดคนที่มีรอยสักเป็นที่สุด
ขณะที่อาบน้ำอยู่นั้นหญิงสาวเผลอเหยียบสบู่ที่บังเอิญตกลงบนพื้นจนหงายหลัง ศีรษะฟาดผนังห้องน้ำอย่างจังเสียงดังโป๊กก่อนที่เธอจะหมดสติแน่นิ่งไป กว่าจะมีคนมาพบก็เป็นเวลาบ่ายโมงวันถัดมา
เมื่อเลยเวลาเช็คเอาต์ผู้จัดการพร้อมด้วยแม่บ้านจึงถือวิสาสะใช้คีย์การ์ดสำรองเปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะผงะเมื่อพบร่างไร้วิญญาณของช่อลดาอยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ศีรษะพิงผนังห้องน้ำ เนื้อตัวขาวซีดเพราะเสียเลือดมากจากแผลด้านหลังศีรษะ ซ้ำยังโดนน้ำเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ช่างน่าอนาถนัก ยังดีที่น้ำจากฝักบัวช่วยชำระคราบเลือดจนแทบไม่เหลือภาพความสยดสยองแก่สายตาผู้พบเห็น นอกจากภาพอุจาดตาในสภาพเปลือยล่อนจ้อนเท่านั้น!
"ท่านยมใจร้าย ฉันเพิ่งจะยี่สิบเจ็ดเองนะ แฟนก็ยังไม่มี เป็ดปักกิ่ง หมูหัน หูฉลามน้ำแดง หมั่นโถว ซาลาเปา ขนมจีบ ก็ยังไม่ได้กิน ที่สำคัญนะ ทำไมต้องตายอุจาดอย่างนั้นด้วย!"
"ยมบาลร่างสูงใหญ่หน้าตาดุดันที่มารับวิญญาณช่อลดาส่ายหน้าระอา ไม่ได้สนใจคำตัดพ้อต่อว่าของเธอเลยแม้แต่น้อย เปิดบัญชีไล่หารายชื่อเท่าไรก็หาไม่เจอ
"โอ๊ะ! เจ้ายังไม่ถึงที่ตายนี่นา" ยมบาลโพล่งออกมาอย่างลืมตัว ครั้นเห็นช่อลดาถลึงตาใส่จึงเอ่ย "เอาน่า มันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง เจ้าไม่ต้องห่วง แม้เจ้าจะใช้ร่างเดิมไม่ได้แล้ว แต่ข้าจะหาร่างใหม่ที่ดีกว่าและไฉไลกว่าให้เจ้าแล้วกัน โดยที่เจ้าไม่ต้องเสียเวลาไปเกิดใหม่"
ยมบาลรวบรัดตัดตอน ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าทุกข์คัดค้าน วิญญาณช่อลดาถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น สมองว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก จนกระทั่ง…
"เอาละ ข้าหาร่างใหม่ให้เจ้าได้แล้ว มานี่สิ" ช่อลดากัดฟันเดินมายืนข้างๆ ยมบาลผู้สะเพร่า เขม้นมองกระจกแปดเหลี่ยมบานใหญ่ตรงหน้าซึ่งยมบาลบอกว่าเป็นกระจกส่องภพ ไว้ใช้ตรวจดูพฤติกรรมของมนุษย์ และยังใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างเทพเซียนอื่นๆ
"นั่น...นั่นเด็กสาวที่เราฝันเห็นนี่..." เธออุทาน ดวงตาเบิกโตด้วยความตกใจและประหลาดใจในคราวเดียวกัน
"เจ้าพร้อมหรือยัง" ยมบาลถาม
"พร้อมอะไร" ช่อลดาย้อนถามเพราะไม่เข้าใจในคำพูดที่ยมบาลต้องการจะสื่อ ยังไม่ทันรู้คำตอบเธอก็ถูกผลักเข้าไปในกระจกเสียแล้ว
"อ๊ะ วะ...ว้าย! พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยยย" ช่อลดาตกใจร้องเสียงหลง พร้อมกับร่างที่ถูกดูดอย่างแรง
"อย่าได้ห่วง เจ้าจะรู้และทำได้เหมือนเจ้าของร่างเดิมทุกประการ เพียงแต่จิตใจเป็นของเจ้า และข้าให้พรเจ้าอีกหนึ่งข้อ นั่นคือเมื่ออยู่ที่นั่นครบสี่สิบห้าวัน เจ้าจะสามารถเข้าใจภาษาสัตว์และพูดคุยกับพวกมันได้ ถือเป็นพรไถ่โทษจากข้า" สิ้นเสียงทรงอำนาจของยมบาลช่อลดาก็หมดสติไป
ยามซื่อ[1] เรือนหยกฟ้าคฤหาสน์สกุลชิง ฤดูใบไมผลิ[2]
"หลินเอ๋อร์ หลินเอ๋อร์" เสียงเรียกที่อ่อนโยนแฝงด้วยความเศร้าสร้อย ปลุกช่อลดาที่อยู่ในร่างของสาวน้อยวัยสิบหกให้ค่อยๆ ลืมตาตื่น เธอหันไปทางเสียงเรียกด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย ก่อนจะตะลึงตาค้างเมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขาชัดเจน เพราะเป็นใบหน้าของคนที่เธอเห็นในฝันและในกระจกส่องภพของยมบาลนั่นเอง
"ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ฟื้นแล้ว ฮือๆๆ" ชิงฮูหยินหันไปกล่าวกับชิงหยวนผู้เป็นสามี ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
"อาฝู รีบไปตามหมอมาเร็ว อย่าได้ชักช้า" ชิงหยวนสั่งพ่อบ้านใหญ่ด้วยน้ำเสียงที่เจือความร้อนรน เมื่อเห็นว่าบุตรีทำหน้าตาบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวดหนักหนา
"ขอรับนายท่าน บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้" อาฝูหรือฝูเฉียนซึ่งเป็นพ่อบ้านใหญ่พาร่างผอมบางคล้ายสตรีทว่าแข็งแรงรีบรุดออกไปทันที
ชิงหยวนหันกลับมามองบุตรีที่เอนหลังพิงหัวเตียง โดยมีฮูหยินของตนอยู่ใกล้ๆ พลางถอนใจอย่างโล่งอก
"คุณหนูป่วยคราวนี้นานกว่าทุกครั้งเลยนะเจ้าคะ" แม่นมฝูเอ่ยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
ชิงฮูหยินผินหน้ามามองแม่นมร่างอวบอ้วนของบุตรี ยิ้มพลางพยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วย แม้น้ำตาของนางจะหยุดไหลแล้ว แต่ยังคงมีคราบน้ำตาอยู่บนแก้มขาวผ่อง
"ฉัน...เอ่อ...ข้าต้องขออภัยท่านพ่อท่านแม่ที่ทำให้เป็นห่วง" ช่อลดาในร่างชิงหลินพูดตะกุกตะกักขัดเขินด้วยไม่คุ้นชิน แม้น้ำเสียงจะแหบแห้ง แต่กลับมีความตื่นเต้นซุกซนซ่อนอยู่ในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเปลือกไม้
'อา...ไม่เลว ได้เป็นคุณหนูด้วย แถมพ่อก็หล่อ แม่หรือก็ยังสวยยังสาวอยู่เลย มีลูกตอนอายุเท่าไรกัน ไม่แปลกที่เด็กคนนี้จะน่ารักขนาดนี้'
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รู้หรือไม่ แม่เจ้าแทบไม่ได้หลับได้นอนเพราะเป็นห่วงเจ้า จนพ่อเกรงว่าจะล้มป่วยไปอีกคน" ชิงหยวนลูบศีรษะบุตรีอย่างรักใคร่ เดิมทีเขาคิดว่านางคงไม่รอดแล้ว เพราะนางหาใช่เพียงเจ็บป่วยทางกายอย่างเดียวไม่ แต่ยังเจ็บป่วยทางใจอีกด้วย ซึ่งสาเหตุก็มาจากคู่หมายบังคับให้นางขอถอนหมั้น หาใช่เรื่องอื่นใดไม่
"ท่านแม่..." ร่างบางโผเข้ากอดร่างอวบอิ่มตรงหน้าพลางน้ำตาคลอเพราะสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใย ทำให้เธอคิดถึงแม่ของตนขึ้นมา
'แม่จ๋า ดาคิดถึงแม่จังเลยค่ะ ป่านนี้แม่จะเป็นอย่างไรบ้าง' เมื่อคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็พลันไหลออกมาจนไหล่ของอีกฝ่ายเปียกชุ่ม
เมื่อบ่าวรับใช้ในจวนรู้ข่าว ต่างก็รีบเร่งมาดูด้วยความรู้สึกยินดีระคนผิดหวัง ยินดีกับนายท่านและฮูหยินผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและคุณธรรม ที่ไม่ต้องโศกเศร้าเสียใจหากคุณหนูมีอันเป็นไป ขณะเดียวกันก็ผิดหวังที่ต้องทนกับความร้ายกาจของคุณหนูผู้นี้ต่อไปโดยไม่รู้ชะตากรรม
ช่อลดาในร่างชิงหลินไล่สายตามองบรรดาบ่าวไพร่ราวๆ ยี่สิบคนที่ยืนก้มหน้ามองพื้นอยู่นอกห้อง แต่บางคราวก็เหลือบมองเธอเป็นระยะๆ ครั้นพอสบตาเธอก็รีบหลบ เห็นแล้วก็พลันเจ็บปวดใจอย่างไรไม่รู้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว "ขอบใจทุกคนที่ห่วงใยข้า ข้าสบายดีแล้ว กลับไปทำงานต่อเถิด"
ขอบใจเช่นนั้นหรือ นางมารน้อยผู้นี้กล่าวขอบใจบ่าวไพร่? บ่าวไพร่ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาที่เผลอแสดงออกทำให้ช่อลดาสะท้านในอก เธอพอเดาออกว่าคนพวกนี้คิดอะไร แต่ก็เลือกที่จะเฉยเสีย
"ไปๆ แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว" เมื่อเห็นทุกคนยังยืนนิ่ง แม่นมฝูจึงโบกมือไล่อีกครั้ง ด้วยเกรงว่าคุณหนูจะไม่พอใจแล้วทำโทษพวกเขาอีก
"ขอรับ / เจ้าค่ะ"
เพียงครู่เดียวด้านนอกเรือนหยกฟ้าก็กลับมาว่างเปล่าอีกครา หญิงสาวจึงหันมากล่าวกับแม่นมฝู "ข้าหิวยิ่งนัก ช่วยหาอะไรมาให้ข้าหน่อยเถิด"
"ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปทำให้เดี๋ยวนี้ เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย เจ้าสองคนตามข้ามา" แม่นมฝูหรือฝูเหลียน ภรรยาของฝูเฉียน รับคำสั่งคุณหนูด้วยความยินดี แล้วหันมาเรียกสาวใช้ร่างบอบบางที่นั่งถัดออกมาให้ไปกับนางด้วย ปล่อยให้เจ้านายทั้งสามมีเวลาสนทนากันเป็นการส่วนตัว
[1] ยามซื่อ คือช่วงเวลาตั้งแต่ 09.00 น. - 10.59 น.
[2] ฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนมีนาคม - พฤษภาคม