หลังจากสามีออกไปแล้วชิงหลินไม่ได้แตะผลไม้ทั้งที่หิว แต่กลับหมุนร่างไปนั่งขอบเตียงสองมือประสานกันอยู่บนตักหลับตาลงใช้ปราณพลังจิตดูเจ้าสี่สหายน้อย
ห่างออกไปราวห้าสิบหกสิบลี้ ขบวนคลังเสบียงภายใต้การนำของจิ๋นอี้ นางเห็นทุกคนกำลังรับประทานอาหารซึ่งเป็นหมั่นโถวกับเนื้อแห้งอยู่ ไม่ได้มีการตั้งกระโจมอย่างที่ผ่านๆมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูจะไม่เปลี่ยนแปลง คือ ความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่คุ้มกันเสบียงของกองกำลังทหาร
ครั้นเพ่งสายตาไปยังรถม้าภาพที่เห็นทำนางประหลาดใจ เสี่ยวอีเสี่ยวสุ่ย นั่งพับเพียบก้มหน้ากินหมั่นโถว จิ๋นซานนั่งอยู่ข้างเสี่ยวอี้ จิ๋นซื่อ นั่งอยู่ข้างเสี่ยวสุ่ย บรรยากาศดูแปลกตาพิกล ...ว่าแต่สี่สหายน้อยของนางไปอยู่ซะที่ไหน?
ชิงหลินจึงเพ่งจิตเข้าไปในรถม้าและภาพที่เห็นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะสี่สหายน้อยของนางอยู่ในนั้น ฟานฟานน้อยเกยคางกับตัวฟงฟงน้อย ส่วนหมั่นโถวน้อยนอนขดตัวกลมใกล้เป่าเปาน้อย ดวงตาทั้งสี่คู่ปิดสนิทลมหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกให้รู้ว่าพวกมันกำลังหลับ เห็นแล้วก็หลุดคำออกมา
ซึ่งนั่นปลุกเจ้าฟานฟานน้อยให้ตื่นขึ้น หูเล็กกระดิกไปมาจากนั้นหัวกลมๆเล็กๆก็ยกขึ้น ส่ายไปส่ายมาทำจมูกฟุดฟิดๆ
"หลินหลิน? หลินหลินใช่หรือไม่?"เสียงร้องของมัน ปลุกอีกสามตัวให้ตื่นขึ้นพร้อมกับส่ายหัวมองหานาง
"แล้วคิดว่าใครล่ะ?"
"..หลินหลิน/ขอรับ/เจ้าคะ"สี่สหายน้อยร้องเรียกนางแทบจะพร้อมกัน พวงหางสีขาวแกว่งไปแกว่งมาด้วยความดีใจ
"ฟานฟานคิดถึงหลินหลิน"เจ้าพยัคฆ์น้อยทำเสียงเศร้า
"พวกเราก็คิดถึงหลินหลินขอรับ"ฟงฟงน้อยร้องเสริม สองจิ้งจอกน้อยผงกหัวถี่รัวสนับสนุน
"ข้าก็เช่นกัน พรุ่งนี้ก็จะได้พบกันแล้ว เป็นเด็กดีนะ อย่าทำให้เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย ลำบากใจล่ะ เข้าใจไหมฟานฟาน?"
"..."หนวดเจ้าพยัคฆ์น้อยกระตุกยิกๆ หมายความว่าอย่างไร? หลินหลินจะบอกว่าฟานฟานเป็นตัวป่วนหรือ?
"ข้าหยอกเจ้าเล่น อย่างอนไปเลย...แล้วกินอะไรกันบ้างหรือยัง?"
"หลินหลินอย่างห่วง พวกเราอิ่มแล้ว"ฟงฟงน้อยตอบตามจริง
"ได้ยินอย่างนั้น ข้าก็สบายใจ ข้าจะรอพวกเจ้าที่จวนนายอำเภอ แล้วพบกันจ้ะ"
ชิงหลินลืมตาขึ้นใบหน้าจิ้มลิ้มยังมีรอยยิ้มแล้วพลันชะงัก เมื่อรู้สึกหนักที่ท่อนขาพอก้มลงมองใจดวงน้อยมีอันเต้นแรง แรงเสียจนเหมือนจะหลุดออกมานอกอก
"....ท่านมานานแล้วหรือ?"ถามออกไปแก้เขิน
"อืม..สักพักแล้ว เห็นเจ้าหลับอยู่จึงไม่ได้ปลุก"กล่าวพร้อมกับจุมพิตฝ่ามือนุ่มนิ่มเบาๆแล้ววางลงที่หน้าอกด้านซ้ายของตน
"เอ่อ..แล้วเรื่องน้ำอาบ..."พูดยังไม่ทันจบความ แม่ทัพหนุ่มก็ลุกขึ้นนั่งพยักพเยิดไปทางมุมหนึ่งของห้อง
"นั่นอย่างไรเล่า จะอาบเลยหรือไม่?"ไม่พูดเปล่า มือก็ปลดสายคาดเอวสีน้ำเงินเข้มของนางอย่างรวดเร็ว
"ดะดะเดี๋ยว หลินเอ๋อร์ถอดเองได้"มือเล็กรีบตะครุบมือสามีที่ทำท่าจะปลดชุดนาง
"...เจ้ายังไม่ยอมอภัยให้พี่ใช่หรือไม่? จึงได้ทำท่ารังเกียจพี่เช่นนี้"ตัดพ้อเสียงเศร้าพลางถอนใจแรง ใบหน้าหล่อเหลาสลดลงมือทั้งสองตกลงข้างตัวราวกับคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง
"ไม่ไม่..ไม่ใช่นะ...โธ่...ก็ได้ๆ หลินเอ๋อร์ยอมให้ท่านช่วยก็ได้"
แม่ทัพหนุ่มลอบยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติติดเศร้าเล็กน้อยแล้วว่า "พี่ช่วยอาบน้ำให้เจ้าด้วยดีหรือไม่?"
"....."ว่าแล้ว ได้คืบจะเอาศอก หากเราปฏิเสธจะทำให้เขาเสียใจรึเปล่านะ? ช่างเถิดใช่ว่าจะไม่เคยอาบน้ำด้วยกันเสียหน่อย อีกอย่างเขาก็เป็นสามีของนาง ยอมตามใจเขาบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร
"...พี่จะถือว่าเจ้าตกลง"ไม่รอช้าช้อนร่างเล็กที่เหลือเพียงเอี๊ยมชั้นในสีขาวตัวเล็กจิ๋วปิดบังอกอวบอิ่มไว้ กับกางเกงซับในสีเดียวกันบางเบาจนเห็นผิวเนื้อรำไร วางลงในถังน้ำอาบขนาดสองคนนั่ง ซึ่งแม่ทัพหนุ่มไปหามาจากจวนใกล้ๆ
"มะไม่ต้องถอดก็ได้เจ้าค่ะ"ละล่ำละลักบอกสามีที่ทำท่าจะแกะสายเอี๊ยมที่ผูกอยู่ข้างหลังของนาง โธ่...แค่นี้นางก็อายจะแย่แล้ว น้ำก็ใสแจ๋วเสียเหลือเกิน ดอกไม้ที่พอจะช่วยปิดบังอำพรางก็ไม่มี
ร่างเล็กผ่อนลมหายใจที่อีกฝ่ายรามือไป ก่อนจะเบิ่งตากว้างเมื่อเห็นเขาหันหลังบรรจงถอดอาภรณ์ของตนทีละชิ้นๆ จนเหลือเพียงกางเกงขายาวสีขาวค่อนข้างบาง พอได้สติรีบเบือนหน้าหนีหันหลังให้สองมือเกาะขอบถังไว้แน่นหลบสายตาเร่าร้อนกรุ้มกริ่มคู่นั้น หารู้ไม่ว่าการกระทำนั้น เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปลดสายเอี๊ยมได้ถนัดขึ้น
สายเอี๊ยมที่ผูกมัดกันอยู่กลางหลัง เพียงแม่ทัพหนุ่มกระตุกเบาๆก็หลุดออกจากกันอย่างง่ายดาย
"หลินเอ๋อร์...เหตุใดจึงหันหลังให้พี่เช่นนี้เล่า?"
"มะมะไม่มีอะไรนี่เจ้าคะ"
"หากไม่มีอันใด ก็หันหน้ามาคุยกับพี่เถิด"อีกฝ่ายเย้าเอนหลังพิงถังวางแขนบนขอบถังน้ำอาบ ด้วยท่าทางสบายๆ ขากางออกชันเข่าขึ้นทั้งสองข้าง
"มะมะไม่ดีกว่า อย่างนี้ดีแล้ว"ร่างเล็กที่แดงก่ำไปทั้งตัวตอบกลับตะกุกตะกัก สองมือยึดขอบถังน้ำอาบไว้แน่น
"อุ๊ย..ว้าย"ร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อถูกยกจนตัวลอยแล้ววางลงบนตัวช่วงเอวของผู้ที่ยกนาง เอี๊ยมตัวจิ๋วหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ทำให้ยามนี้ร่างกายท่อนบนของนางเปลือยเปล่า น้ำที่สูงถึงลำคอไม่อาจปกปิดผิวขาวผ่องเนียนละเอียดนุ่มลื่นราวกับหยกชั้นดีได้เลย
"อืม...หลินเอ๋อร์"แม่ทัพหนุ่มสวมกอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง ซุกไซ้ใบหน้าหล่อเหลากับลำคอขาวผ่องที่ทั้งนุ่มทั้งหอมด้วยความเสน่หา สองมือลูบไล้หน้าท้องแบนราบไล้วนไปมาแผ่วเบา ระเรื่อยมาจนถึงปทุมถันคู่งามอวบอิ่มหยอกเย้าอย่างชำนาญ
"อ๊ะอา..อย่า...อื้อออ"พอนางเผยอปากแม่ทัพหนุ่มก็มอบจุมพิตดูดดื่มให้มือข้างหนึ่งจับตรึงท้ายทอยนางไว้ไม่ยอมให้นางหลบการจุมพิตของตน ส่วนมืออีกข้างยังคงวนเวียนอยู่กับปทุมถันคู่งาม จากนั้นเลื้อยลงต่ำลูบไล้สะโพกผ่านกางเกงตัวบาง วนกลับมาที่หน้าท้องแบนราบอีกครั้ง แล้วสอดมือเข้าไปในกางเกงตัวบาง จนร่างเล็กสะดุ้งเฮือกบิดกายหนีฝ่ามือร้อน ส่งเสียงอืออาประท้วง แต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์เสน่หาพาลปลุกมังกรที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น....
กว่าครึ่งชั่วยามบทรักอันดูดดื่ม เร่าร้อนและเอาแต่ใจในถังน้ำอาบจึงสิ้นสุด ชิงหลินถูกสามีอุ้มขึ้นมาจากน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อย่างเอาใจ ราวกับภรรยากำลังปรนนิบัติสามี ซึ่งนางที่คิดจะคัดค้านในตอนแรก แต่พอเห็นสายตาออดอ้อนน่าหลงใหลคู่นั้นก็ทำให้ปฏิเสธไม่ลงยอมให้เขาทำตามใจ
ด้านแม่ทัพหนุ่มที่รู้สึกผิดนิดๆ ที่เผลอกระทำรุนแรงกับร่างเล็กจนนางหมดเรี่ยวแรง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยจ้ำจากฝีมือของตน เมื่อไฟปรารถนาถูกเติมเต็มจนสงบ จึงได้เห็นผลงานที่ฝากไว้บนร่างกายขาวผ่องเนียนละเอียดนุ่มมือ ทำให้อดหวั่นใจไม่ได้ เกรงว่านางจะขุ่นเคืองแล้วไม่ยอมให้ตนเข้าใกล้อีกหากเป็นเช่นนั้นตนจะทำเช่นไรเล่า?
"ตั้งแต่บ่าย เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลย เช่นนั้นก็กินผลไม้นี่เสียหน่อยเถิด"หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อย แม่ทัพหนุ่มก็เดินไปยกตะกร้าผลไม้มาที่เตียงนอน หยิบผลองุ่นขึ้นจ่อปากนาง
ชิงหลินมองผลองุ่น แล้วเงยหน้ามองสามีอย่างหวาดระแวงกลัวว่าเขาจะหาเรื่องแกล้งอีก
"กินเถิด พี่ไม่รังแกเจ้าแล้ว"จำใจต้องให้คำมั่นนางถึงยอมกินองุ่นที่เขาป้อนให้แต่โดยดี
"พี่เหวินก็กินด้วยสิเจ้าคะ ตั้งแต่บ่ายก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกันนี่"หยิบผลองุ่นป้อนให้เขาบ้างด้วยท่าทางเอียงอาย ก็แหม...เคยทำอย่างนี้กับใครที่ไหนกันเล่า
"เพราะหลินเอ๋อร์ของพี่น่ารักเช่นนี้อย่างไรเล่า พี่ถึงได้รักและหวงแหนยิ่งนัก"อ้าปากรับผลองุ่นจากมือนางที่บรรจงป้อนให้ จากนั้นรวบร่างเล็กบอบบางวางบนท่อนขาแข็งแรง สองแขนโอบเอวคอดกิ่วจุมพิตหนักๆที่กระหม่อมบางครั้งหนึ่ง
"หวังว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปนะเจ้าคะ"กล่าวพลางเอนร่างพิงอกแกร่ง ศีรษะซบอยู่กับซอกคอของสามีลมหายใจอุ่นๆรินรดซอกคอเขาคล้ายไม่ตั้งใจ นั่นทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับตัวเกร็งขนลุกชันไปหมดโดยเฉพาะบริเวณซอกคอ ใจพยัคฆ์เต้นไม่เป็นจังหวะหายใจติดขัด
"หลินเอ๋อร์...."แม่ทัพหนุ่มกัดฟันเรียกร่างเล็กที่ซบอิงร่างตนอย่างสบายอุรา
"เจ้าคะ?"
"เจ้ากล้ารังแกพี่หรือ?"
"หลินเอ๋อร์ไปรังแกท่านเมื่อใดกัน?"
"ก็เมื่อครู่เจ้าทำอันใด?"
"เอ๊ะ...เปล่านี่เจ้าคะ?"
"กล้าปดต่อหน้าขุนนางใหญ่เชียวรึ?"
"ไหนเล่าหลักฐาน?"
"หลักฐาน? ได้...นี่อย่างไรเล่าหลักฐาน"
"ฮะๆๆ อ๊า อย่า ไม่เอา ฮะๆๆ ยอมแล้ว ยอมแล้ว"ชิงหลินไม่คาดคิดว่าเขาจะมาไม้นี้ นางหัวเราะจนน้ำตาเล็ด สองมือเรียวไล่ตะครุบมือหนาที่เอวเป็นพัลวัน
"ต่อไปจะกล้ารังแกพี่อีกหรือไม่?"หยุดมือโอบกอดเอวคอดกิ่ววางคางลงกับไหล่เล็ก
"ไม่ไม่...หลินเอ๋อร์จะไม่ทำอีกแล้วเจ้าคะ"รีบรับปากทั้งที่ยังมีอาการหอบเล็กน้อย
"หึๆ ดี แต่ถ้าหากมีอีก...พี่จะใช้กฎตีพี่หนึ่งครั้ง พี่จะกินเจ้าสองครั้ง กับเจ้า...ฟู่...."
"อุ๊ย ขะเข้าใจแล้ว หลินเอ๋อร์จะจำไว้"รีบรับปากพร้อมกับย่นคอหนีลมที่เขาพ่นใส่
"ยามไฮ่แล้วรีบพักผ่อนเถิด"แม่ทัพหนุ่มยุติการหยอกเย้า ช้อนร่างเล็กวางลงบนเตียงดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวตะกร้าผลไม้ก็ลอยไปวางอยู่บนโต๊ะ วินาทีต่อมาเทียนทั้งหมดก็ดับลง
"ฝันดีเจ้าค่ะ"ชิงหลินทำใจกล้าจุมพิตแก้มสากของสามีกล่าวราตรีสวัสดิ์ แล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย
"ฝันดี ลูกแมวน้อยของพี่"แม่ทัพหนุ่มกดจุมพิตหน้าผากกลมมน ยกศีรษะเล็กของนางวางบนท่อนแขนตะแคงตัวมาทางร่างเล็ก แล้วดึงรั้งร่างเล็กให้หันมาทางตน จนร่างทั้งสองอยู่ในท่าตะแคงข้างเข้าหากัน โอบกอดนางไว้หลวมๆ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด