พ่อบ้านไห่รีบสอดภาพวาดของชิงหลินไว้ล่างสุดพลางกล่าว "เอ่อ...ไม่มีอันใดขอรับ ข้าน้อยเพียงแต่ชื่นชมในฝีมือของเหล่าคุณหนูเพลินไปหน่อย นี่ขอรับนายท่าน"
หานหนิงเฉิงรับภาพวาดมา ส่ายหน้าระอากับความไม่เอาไหนของพ่อบ้าน จากนั้นก็ส่งภาพทั้งหมดให้อัครเสนาบดีตู้ฮุ่ยเปียวตัดสิน แต่ตู้ฮุ่ยเปียวกลับเสนอให้แขกขุนนางน้อยใหญ่ รวมถึงบรรดาฮูหยินร่วมกันให้คะแนนรูปที่ชื่นชอบที่สุดเพียงหนึ่งรูป โดยปิดชื่อแซ่ของเจ้าของรูปไว้เพื่อความยุติธรรม
ผ่านไปราวสองเค่อ การชมรูปและให้คะแนนจึงแล้วเสร็จ บรรดาคุณหนูต่างลุ้นจนตัวโก่ง เพราะได้ชมรูปด้วยแต่มิมีสิทธิ์ลงคะแนน
"เอาละ ผลจากการให้คะแนน สามภาพนี้เป็นรูปที่ได้คะแนนสูงสุด อันดับสามเป็นของคุณหนูหานหนิงอัน อันดับสองเป็นของคุณหนูจ้าวซูเจิน และอันดับหนึ่งเป็นของคุณหนูตู้เหมยฮวา คุณหนูทั้งสามเชิญรับรางวัลจากท่านอัครเสนาบดีด้วยขอรับ"
เสียงปรบมือพร้อมคำชื่นชมมากมายดังขึ้นทั่วห้องโถง พร้อมร่างสาวงามทั้งสามตามลำดับเยื้องย่างมารับรางวัลด้วยใบหน้าแดงก่ำ ประหม่าสายตาของบุรุษทั้งหลายที่จ้องมองอยู่จนก้าวเท้าแทบไม่ออก พยายามตั้งสติให้มั่นคงอย่างสุดฤทธิ์
"ไม่ต้องเสียใจไปนะหลินเอ๋อร์" มารดาเอ่ยปลอบบุตรีที่นั่งอยู่ข้างๆ
"ขอบคุณท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ" นางบีบมือมารดากลับพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ และมีสายตาปลอบใจจากสามบุรุษที่ส่งมาให้อีกแรง
"อาหลินแห่งบ้านชิง เหตุใดเจ้าจึงเลือกเขียนรูปนี้" เสียงที่ค่อนข้างดังของตู้ฮุ่ยเปียวทำให้เกิดความเงียบแทบจะทันที
สายตาทุกคู่จ้องมาทางชิงหลินอย่างสงสัยใคร่รู้ แต่มีหลายคนที่ยิ้มเยาะนางว่าเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา ไม่รู้สิ่งใดควรไม่ควร นางคงอยากเรียกร้องความสนใจใช่หรือไม่
"เรียนท่านอัครเสนาบดี เหตุผลที่ข้าน้อยเลือกเขียนรูปนี้ เพราะเห็นว่าตรงตามหัวข้อที่กำหนดไว้เจ้าค่ะ" นางกล่าวหลังจากยอบกายคารวะแล้ว
"หือ? รูปสตรีเกี่ยวข้องกับหัวข้อดอกเหมยตรงไหนกัน" ตู้ฮุ่ยเปียวหรี่ตามองเด็กสาวที่ยืนเด่นกลางห้องโถงด้วยความสงบ ไม่มีอาการประหม่าให้เห็นก็นึกชื่นชมในใจ
"ขออภัยเจ้าค่ะ รบกวนคุณหนูเหมยฮวาสักครู่ได้หรือไม่เจ้าคะ" ชิงหลินขออนุญาตตู้ฮุ่ยเปียว จากนั้นก็เดินเข้าไปหาตู้เหมยฮวา จูงมือนางออกมายืนตรงกลาง สร้างความตระหนกแก่ตู้เหมยฮวายิ่งนัก จากนั้นกางรูปเขียนซึ่งเป็นภาพหญิงสาวออก เลื่อนไปใกล้ๆ ใบหน้าของตู้เหมยฮวา ให้ตู้ฮุ่ยเปียวได้เปรียบเทียบ
ตู้ฮุ่ยเปียวหรี่ตาพิจารณาภาพเขียนสลับกับมองใบหน้าบุตรีของตนสามสี่ครั้ง ดวงตาเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยความสงสัยในคราแรกพลันแปรเปลี่ยนเป็นทอประกายชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
"ฮ่าๆๆ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าช่างเป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก" ตู้ฮุ่ยเปียวหัวเราะดังลั่นอย่างชอบใจ เมื่อเข้าใจสิ่งที่นางต้องการจะสื่อ เด็กสาวคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ส่งเสียงฮือฮาไม่หยุดพลางมองอัครเสนาบดีอย่างโง่งม
"เจ้าอธิบายให้พวกเขาฟังทีเถิด รวมถึงถ้อยคำใต้รูปเขียนนั่นด้วย"
ชิงหลินยอบกายครั้งหนึ่งแล้วจึงเริ่มอธิบาย "หัวข้อในการแข่งขันครั้งนี้คือดอกเหมย แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องเป็นดอกไม้จริงๆ เท่านั้น ข้าน้อยจึงเลือกเขียนภาพที่สื่อความหมายว่าดอกเหมยแทนเจ้าค่ะ"
"และเจ้าก็เลยเลือกวาดรูปฮวาเอ๋อร์บุตรีข้า เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก" เสียงฮือฮาตามมาด้วยคำว่าอ้อ! มีความหมายเช่นนี้นี่เอง บุตรีสกุลชิงหรือ ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจยิ่ง น่าเสียดายที่นางมีคู่หมายเสียแล้ว
มู่หลิ่งเหวินกลับไม่ได้ยินดีในเสียงชื่นชมเหล่านั้น และไม่พอใจอย่างยิ่งกับสายตาของบุรุษเพศทั้งหลายที่เอาแต่จับจ้องคู่หมายของเขาตาเป็นมันเช่นนี้ อาการคล้ายกำลังหึงหวงของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของมู่หลิ่งฟู่และชิงหยวนตลอดเวลา สองบุรุษหันมาสบตากันแล้วยกมุมปากยิ้มอย่างขบขัน
"สำหรับถ้อยคำใต้ภาพ 'สาวงามเพียบพร้อม' เป็นถ้อยคำที่ข้าน้อยต้องการหยอกเย้าผู้ที่ได้ชมภาพของข้าน้อยเจ้าค่ะ"
"หยอกเย้าผู้ชม? อย่างไรหรือ" หานหนิงเฉิงที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถาม
"เรียนท่านเสนาบดีหาน เมื่อท่านได้ชมรูปนี้ย่อมเกิดความสงสัยจนต้องเอ่ยถามเจ้าของรูป นั่นคือการหยอกเย้าของข้าน้อยเจ้าค่ะ"
"อ้อ! เป็นเช่นนี้เอง แล้วรูปของเจ้าต้องการจะสื่อถึงสิ่งใด หรือต้องการเอาใจข้า" ตู้ฮุ่ยเปียวใช้ถ้อยคำกดดัน สีหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าไม่ได้ล้อเล่นเช่นถ้อยคำ ด้วยตระหนักว่าตนมีอำนาจสูงสุดในงานวันนี้ และการที่นางเขียนรูปบุตรีของตนไม่ใช่นางต้องการประจบเอาใจตนหรอกหรือ แม้ฝีมือการใช้พู่กันของนางเมื่อเทียบกับบุตรีของตนยังนับว่าห่างชั้น แต่อาจจะมีส่วนคล้ายคลึงอยู่บ้างก็ตามที
"มิได้เจ้าค่ะ เป็นความบังเอิญโดยแท้ ข้าน้อยหาได้มีเจตนาดังที่ท่านกล่าวไม่"
"เอาเถิด ข้าไม่ได้ติดใจสงสัยในเจตนาของเจ้า ที่ข้าอยากรู้คือความหมายของคำใต้รูปนี้" ตู้ฮุ่ยเปียวโบกมือคราหนึ่ง เริ่มเกิดความตึงเครียดขึ้นสองส่วน หลายคนลอบกลืนน้ำลาย
"ท่านพี่..." ชิงฮูหยินเอ่ยขึ้นเบาๆ ใบหน้างามซีดเผือดและเป็นกังวล แต่ชิงหยวนทำเพียงส่ายหน้า ไม่ได้กล่าวสิ่งใด นางจึงได้แต่ทอดถอนใจ
"เจ้าใจเย็นก่อน ข้าเชื่อว่าหลินเอ๋อร์ของเราจัดการปัญหานี้ได้" มู่ฮูหยินเห็นสหายเป็นกังวลใจจึงแตะหลังมือเบาๆ พลางยิ้มปลอบสหายรักของตน
"ก่อนที่ข้าน้อยจะอธิบายความหมายของถ้อยคำนี้ ข้าน้อยขอบังอาจเรียนถามตู้ฮูหยินสักเล็กน้อยเพื่อเป็นวิทยาทานได้หรือไม่เจ้าคะ"
ตู้ฮูหยินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ กล่าวยิ้มๆ "เจ้าอยากรู้สิ่งใดจงถามมาเถิด ถ้าตอบได้ข้าก็ยินดี"
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ข้าขอเรียนถามตู้ฮูหยิน 'สาวงามเพียบพร้อม' สำหรับสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนควรเป็นเช่นไรเจ้าคะ"
เมื่อตู้ฮูหยินได้ฟังก็ถึงกับอมยิ้ม ด้วยนึกเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า
"แน่นอนว่าต้องมีรูปโฉมที่งดงาม ชาติตระกูลดี และเชี่ยวชาญศิลปะทั้งสี่ นั่นคือ เพลงพิณ หมากล้อม การเขียนพู่กัน และเขียนรูป จึงจะสมกับคำว่า 'สาวงามเพียบพร้อม' " ตู้ฮูหยินอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางเสียงชื่นชมและเห็นด้วยกับคำอธิบายของนาง
"ขอบคุณตู้ฮูหยิน ข้าน้อยกระจ่างแก่ใจแล้ว เพียงแต่..." ชิงหลินอึกอักไม่พูดต่อ
"พูดมาเถอะ อย่ามัวอ้ำอึ้งอยู่เลย" ตู้ฮุ่ยเปียวกล่าวอนุญาต
"ขออภัยเจ้าค่ะ เพียงแต่ในใจข้าน้อยมิอาจเห็นด้วยกับตู้ฮูหยิน..."
"สามหาว! อย่าลำพองด้วยเห็นว่าใต้เท้าไม่ถือสาหาความเจ้า หัดเจียมตนไว้บ้าง" หานหนิงเฉิงตบโต๊ะดังปัง! ลุกขึ้นชี้หน้านาง ตวาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ชิงหลินเห็นดังนั้นจึงรีบคุกเข่ากับพื้น ก้มหน้าลงไม่พูดสิ่งใดออกมา
มู่หลิ่งเหวินทำท่าจะลุกขึ้น แต่ถูกมู่หลิ่งฟู่ห้ามไว้ ส่งสายตาเป็นเชิงว่าให้รอดูไปก่อน แม่ทัพหนุ่มจึงยอมนั่งลง แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่งไร้ความกังวล แต่ภายในใจทั้งโกรธและหวาดหวั่นแทนนาง ส่วนมู่ฮูหยินก็บีบมือสหายรักให้คลายความกังวลใจ
"ท่านอย่าได้อารมณ์เสียไปเลย นั่งลงก่อนเถิด" ตู้ฮุ่ยเปียวกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ากดดัน หานหนิงอันหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย นั่งลงตามเดิมอย่างกระแทกกระทั้น
"เอาละ เจ้าพูดต่อเถิด" ตู้ฮุ่ยเปียวสะบัดมือเป็นสัญญาณให้นางพูดต่อ
"ขอบคุณเจ้าค่ะ อันคำว่า 'สาวงามเพียบพร้อม' ในความเห็นของข้าน้อยต้องประกอบด้วยสามดีเจ้าค่ะ"
"หือ? อันใดนะ"
"สามดี? ท่านเข้าใจหรือไม่"
"ข้าก็สุดจะรู้เช่นกัน" เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกคราว จนตู้ฮุ่ยเปียวต้องยกมือขึ้นห้ามให้เงียบ
"สามดีคืออันใดหรือ" ตู้ฮุ่ยเปียวถามขึ้น
"สามดีคือ คิดดี วาจาดี และกระทำดี ถ้าหญิงสาวผู้ใดปฏิบัติได้ ย่อมขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามเพียบพร้อมเจ้าค่ะ"
"ข้าก็ยังไม่เข้าใจ อาศัยเพียงสิ่งนี้จะทำให้เป็นสาวงามเพียบพร้อมได้เช่นไรกัน" ตู้ฮุ่ยเปียวถามต่อ
"เรียนท่านอัครเสนาบดี คิดดีในความเห็นของข้าน้อยคือการตระหนักถึงแต่สิ่งดีงาม ไม่คิดในแง่ร้าย ไม่คิดทำลายล้างผู้อื่น ไม่คิดดูถูกตนเองหรือผู้อื่น เมื่อคิดดีแล้ว การจะกล่าวสิ่งใดออกไปก็ล้วนจะเป็นถ้อยคำที่ไพเราะเสนาะหูทั้งสิ้น และยังอาจจะได้มิตรสหายจริงใจที่เงินทองหาซื้อมิได้ และต้องทำแต่สิ่งดีๆ เป็นประโยชน์แก่ตนเอง ผู้อื่น และบ้านเมือง รวมทั้งปฏิบัติต่อบุคคลรอบกายอย่างดี ถ้ามีสามอย่างนี้แล้ว แม้หญิงสาวจะมีรูปลักษณ์มิเป็นที่ปรารถนาของบุรุษ นางก็สามารถเป็นสาวงามเพียบพร้อมได้เจ้าค่ะ"
เสียงฮือฮาเกิดขึ้นอีกคราว มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
"ที่เจ้ากล่าวมาก็มีเหตุผล แต่ข้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของฮูหยินของท่านอัครเสนาบดีมากกว่า" หานหนิงเฉิงแสดงความเห็นและประจบเล็กน้อย ซึ่งหลายคนก็พยักหน้าเห็นชอบ มีบางคนที่ยิ้มเยาะชิงหลิน
"เช่นนั้น...ข้าน้อยขอบังอาจเรียนถามท่านเสนาบดี หากท่านเชื่อว่าการเป็นสาวงามเพียบพร้อมเพียงมีรูปโฉมงดงามและเชี่ยวชาญศิลปะทั้งสี่ก็เพียงพอ แล้วถ้ามีหญิงสาวนางหนึ่งเพียบพร้อมเช่นที่ท่านกล่าว แต่มีความคิดชั่วร้าย เอ่ยถ้อยคำร้ายๆ และยังกระทำแต่สิ่งเลวร้าย เช่นนี้แล้วหญิงงามผู้นั้นยังจะขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามเพียบพร้อมอยู่อีกกระนั้นหรือ"
"เจ้า!" เสนาบดีหานอึ้งเพราะจนด้วยคำพูด เด็กสาวคนนี้ต้อนเขาจนมุมไม่เหลือทางให้รอดเลย แม้จะรู้สึกโกรธแค้นและเสียหน้ามากเพียงใดก็ได้แต่เก็บไว้ในใจก่อนเท่านั้น ไม่สามารถลงมือกับนางในยามนี้ได้
"เอาละๆ วันนี้เจ้าทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตา ความเห็นของทั้งสองล้วนเข้าที เช่นนั้นก็แล้วแต่ตัวบุคคลจะเลือกปฏิบัติเถิด เพราะสำหรับข้าแล้วมันมิมีสิ่งใดผิดสิ่งใดถูกต้องที่สุด เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ อาหลินแห่งสกุลชิง" ตู้ฮุ่ยเปียวสรุปอย่างมีเหตุผล มุมปากมีรอยยิ้มชื่นชมประดับอยู่
"เพียงท่านอัครเสนาบดีและทุกท่านไม่ถือสาหาความข้าน้อย ข้าน้อยก็ไม่รู้จะตอบแทนในความใจกว้างนี้อย่างไรไหว ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ" ถ้อยคำฉะฉาน มั่นคง และไม่มีอาการหวาดกลัว ทำให้นางได้รับเสียงชื่นชมมากมาย
หลังงานเลี้ยงสิ้นสุด ตู้ฮุ่ยเปียวนั่งอยู่ในรถม้าคันโตเพียงลำพัง ใบหน้าผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิตและการเมืองปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หึๆ ช่างเป็นเด็กสาวที่ใจกล้ายิ่ง ถ้อยคำแฝงของนางมีหรือที่ตนจะไม่เข้าใจ นางต้องการเตือนสติขุนนางที่ประพฤติตนมิชอบ ไร้ซึ่งคุณธรรมเสียมากกว่า สามดีหรือ น่าสนใจจริงๆ อาหลินแห่งสกุลชิง