webnovel

ภาคต่อตอนที่ 29 สิ่งที่ซ่อนอยู่ในถ้ำ

"ติดอยู่ในถ้ำ?แล้วพวกเขาไปทำอะไรที่นั่น?"ชิงหลินร้อนรนจนนั่งไม่ติด ใบหน้าที่ซีดเผือดปรากฏเหงื่อเย็นผุดออกมา ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริก คิ้วโก่งเรียวขมวดเป็นปมแน่นจนเกิดร่องตรงหัวคิ้วทั้งสอง

"ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินน้อย ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ?"เสี่ยวอี้ร้องเรียกฮูหยินน้อยของตนพร้อมทั้งเขย่าแขนนางไปด้วย เมื่อเห็นนายสาวยืนนิ่งเหงื่อกาฬผุดเต็มใบหน้า ท่าทางเหม่อลอยไม่ได้สติ ครั้นเห็นนายสาวยังนิ่ง "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ!"จึงเรียกซ้ำอีกครั้งเสียงดัง

"อา..มีอะไรหรือเสี่ยวอี้?"เสียงที่ดังทำร่างเล็กสะดุ้งเฮือกได้สติกลับมา กระพริบตามองมือทั้งสองที่ถูกสองสาวใช้จับอยู่ แล้วเลื่อนขึ้นมองใบหน้าน่ารักที่กำลังทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ จากนั้นหันไปมองรอบกายก็พบกับสายตาเป็นห่วง กำลังมองมาที่ตนเป็นจุดเดียว ถึงได้รู้ว่าตนคงจะเผลอแสดงอะไรที่ไม่ดีออกไป

"ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ? สีหน้าไม่สู้ดีเลย"เสี่ยวอี้ร้องถามนายสาว

ชิงหลินรู้ตัวว่าทำให้ทุกคนเป็นห่วงจึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติบีบมือของสองสาวใช้แล้วกล่าว "...ข้าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"

"แล้วพิราบขาวตัวนี้มาหาท่านทำไมเจ้าคะ?"เสี่ยวสุ่ยถามตรงประเด็น แต่กลับได้รอยยิ้มเป็นคำตอบแทนจึงรู้ว่าฮูหยินน้อยไม่สะดวกใจที่จะตอบคำถามนาง นางจึงเลือกที่จะเงียบไม่เซ้าซี้ถามต่อ

-------------

ภายในถ้ำตามแผนที่

เหตุการณ์ก่อนหน้ามู่หลิ่งเหวินพร้อมคณะหลังจากที่เดินเข้ามาภายในถ้ำได้เพียงสองเค่อ ซึ่งภายในถ้ำทั้งชื้นทั้งเหม็นอับ เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยเรียวแหลมน้อยใหญ่ หากไม่ระวังอาจเป็นอันตรายได้ นับว่าเป็นกลไกธรรมชาติที่น่ากลัวเลยทีเดียว

เมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งมืดขึ้นเรื่อยๆ จิ๋นซาน จิ๋นซื่อ จึงจุดคบเพลิงเดินนำจิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อ ถือคบเพลิงคอยระวังหลัง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวังและเงียบเชียบ

"ท่านแม่ทัพ มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมาย จะไปทางใดดีขอรับ?"จิ๋นซานถาม

ครั้นเห็นแม่ทัพหนุ่มพยักหน้า องครักษ์ทั้งสี่ก็เข้าใจและรีบแยกย้ายกันไปสำรวจบริเวณปากถ้ำเล็กถ้ำน้อยทั้งสิบทันทีหวังจะได้พบเบาะแสหรือสัญลักษณ์กลไกของที่ซ่อนคลังอาวุธ

ฝ่ายมู่หลิ่งเหวินกวาดตามองไปรอบกายอย่างละเอียดถี่ถ้วน ความมืดสลัวหาใช่อุปสรรคในการมองเห็นไม่ เพราะแม่ทัพหนุ่มได้รับการฝึกฝนประสาทสัมผัสทั้งห้ามาเป็นอย่างดี จนสามารถมองเห็นในที่มืดได้ถึงแปดส่วนจากสิบส่วนในการมองเห็นยามกลางวัน

ถ้ำนี้น่าพิศวงยิ่งนัก ราวกับถูกสร้างขึ้นเพื่อตบตาผู้บุกรุกให้สับสนและหลงทางได้โดยง่าย เช่นนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าถ้ำใดคือทางที่จะไปยังที่ซ่อนคลังอาวุธ?

"ท่านแม่ทัพ"มู่หลิ่งเหวินหมุนกายสูงไปตามเสียงเรียกของจิ๋นซื่อ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นคำถาม

"พวกเราคิดว่าน่าจะเป็นถ้ำนี้ขอรับ"ร่างสูงได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าองครักษ์ทั้งสี่แล้วกล่าว "เหตุผล?"

"ถ้ำทั้งสิบมีเพียงถ้ำนี้ที่ปากทางเข้าแตกต่างจากถ้ำอื่นเล็กน้อยขอรับ"จิ๋นอี้ใช้คบเพลิงชี้ลงบนหิน ตรงบริเวณทางเข้าที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปกากบาทเล็กๆที่หากไม่สังเกตจะไม่มีทางเห็น

"แต่ข้าลองทุกวิถีทางดูแล้วก็ไร้วี่แววขอรับ"จิ๋นซานรายงานบ้าง

แม่ทัพหนุ่มนั่งยองดูสัญลักษณ์ที่องครักษ์บอกครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินเข้าไปด้านในถ้ำนั้นอย่างระมัดระวัง

เพียงยี่สิบก้าวเท่านั้น....ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก!...แอ๊ดดด...ตึง!!

จู่ๆพื้นตรงบริเวณที่ทั้งหกยืนอยู่ก็แยกออกจากกัน ส่งผลให้ร่างทั้งหกล่วงลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว แล้วพื้นที่แยกออกก็ปิดลงอีกครั้งขังทั้งหกไว้ข้างใน

แม้จะตกลงมาจากความสูงเกือบร้อยเมตร แต่ด้วยทั้งห้ายกเว้นหม่าเทียนอี้เป็นวรยุทธ์ จึงไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ส่วนหม่าเทียนอี้ ได้จิ๋นซาน จิ๋นซื่อช่วยพาลงพื้นอย่างปลอดภัย

เบื้องล่างมืดสนิทไร้แสงสาดส่องเข้ามาฝุ่นฟุ้งกระจายเริ่มจางหาย สี่องครักษ์รีบล้อมกรอบเข้าปกป้องแม่ทัพหนุ่มและหม่าเทียนอี้ไว้ทั้งสี่ทิศ มือกระชับดาบมั่นเตรียมพร้อม เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

พรึ่บ! คบไฟทั้งสี่ถูกจุดราวกับตั้งเวลาไว้ ส่องสว่างไสวจนมองเห็นภายในอย่างชัดเจน

"อา"หม่าเทียนอี้อุทานอย่างตื่นตะลึง เมื่อเห็นอาวุธยุทโธปกรณ์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ดาบ หอก ทวน ธนู หรือแม้แต่ชุดเกราะที่ทำด้วยเหล็กกล้าจำนวนมาก ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบหมวดหมู่ บ่งบอกถึงความมีวินัยของผู้เป็นเจ้าของ

นี่ข้าฝันอยู่? หม่าเทียนอี้ไล่สายตาไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า กะคะเนด้วยสายตาน่าจะกว้างราวหนึ่งลี้ ยาวเท่าใดไม่อาจประเมินได้ คล้ายกับว่าจุดที่พวกเขายืนอยู่เป็นเพียงทางเข้าสู่คลังอาวุธที่แท้จริงเท่านั้น เพียงทางเข้าสองฝั่งยังมีอาวุธมากมายเรียงรายสำหรับทหารกว่าพันคนเข้าไปแล้ว! และดูเหมือนอาวุธเหล่านี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไร้สนิมจับเกาะ! นี่มันถ้ำอัศจรรย์หรืออย่างไร?

หม่าเทียนอี้เดินเข้าไปใกล้ จับดาบยาวเล่มหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นลูกศรดอกหนึ่งที่อยู่ทิศตรงข้ามพุ่งออกมาจากกำแพง ตรงเข้าหาหม่าเทียนอี้อย่างแม่นยำ

ฉับ! เคร้ง! จิ๋นอี้ที่อยู่ที่ใกล้สุดกระโดดเข้ามาใช้ดาบฟันฉับไปที่ลูกศรไม้หัวเหล็ก จนขาดเป็นสองท่อนตกลงพื้น ช่วยหม่าเทียนอี้ไว้ได้ทันท่วงที หม่าเทียนอี้ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น โยนดาบที่ทำให้ตนเกือบตายทิ้งอย่างไม่ใยดี

"นายอำเภอหม่า เป็นเช่นไรบ้าง?"จิ๋นอี้พยุงร่างอีกฝ่ายขึ้นมา

"ขะข้า...ไม่เป็นไร ขอบคุณองครักษ์จิ๋น"หม่าเทียนอี้ฝืนยิ้มให้องครักษ์หนุ่ม

"ท่านแม่ทัพ ดูเหมือนอาวุธทุกเล่ม จะมีกลไกป้องกันอยู่นะขอรับ"จิ๋นอี้รายงาน

"อืม...นั่นแสดงให้เห็นว่าสุดปลายทางนี้ นอกเหนือจากคลังอาวุธแล้ว อาจจะมีสิ่งล้ำค่าอยู่ก็เป็นได้"มู่หลิ่งเหวินคาดเดา

"แล้วจะทำเช่นไรต่อดีขอรับ?"จิ๋นซานเอ่ยถาม เดินหน้าต่อก็ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอันใดรออยู่บ้าง จะถอยหลังหรือก็ดูจะไร้ทางออก แต่ด้วยวิสัยของท่านแม่ทัพจิ๋นซานมั่นใจว่า ท่านแม่ทัพต้องเลือกอย่างแรกเป็นแน่

"ข้าอยากรู้ว่าปลายอุโมงค์นี้มีสิ่งใดรออยู่กันแน่? จะเป็นไปตามที่ข้าคาดเดาไว้หรือไม่?"ตอบโดยที่สายตายังคงจับอยู่ทางเข้าของอุโมงค์ที่มืดมิด มองไม่เห็นด้านใน

"นายอำเภอหม่า"

"ขอรับท่านแม่ทัพมู่"

"คงต้องรบกวนท่าน รั้งอยู่ที่นี่แล้ว"

"ได้ ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ ทุกท่านระวังตัวด้วย"หม่าเทียนอี้รับคำอย่างว่าง่าย ด้วยหนทางข้างหน้าไม่รู้ว่าต้องพบกับอะไรบ้าง คนไร้วรยุทธเช่นตนไปด้วยเกรงว่าจะไปเป็นตัวถ่วงเสียเปล่าๆ

แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าตอบ จิ๋นซาน จิ๋นซื่อ นำคบเพลิงสองในสี่มาถือไว้ อาสาเดินนำทางแม่ทัพหนุ่มเข้าไป จิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อ คุ้มกันปิดท้าย

พรึ่บ! ทันทีที่เท้าก้าวผ่านกระถางคบเพลิงที่ติดอยู่กับผนังสองฝั่งอุโมงค์ก็ลุกพึ่บพั่บอย่างน่าอัศจรรย์ ความสว่างจากกระถางคบเพลิง ส่องให้เห็นราวเหล็กที่มีอาวุธเสียบอยู่ทอดยาวไกลสุดสายตา ดาบบางเล่มอยู่ในฝัก บางเล่มไร้คมฝัก

ขณะที่บุรุษทั้งห้ากำลังตื่นตะลึง ประตูเหล็กตรงทางเข้าที่ไม่คิดว่าจะมี เลื่อนลงมาจากด้านบนอย่างรวดเร็ว ปิดกั้นหม่าเทียนอี้และกลุ่มของแม่ทัพหนุ่มออกจากกัน

ชั่วลมหายใจเข้าที่ตกใจทั้งห้าก็ตั้งสติได้ จิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อ พุ่งทะยานพร้อมกับอัดพลังปราณใส่ประตูเหล็กกล้าเต็มกำลังจนเกิดเสียงดังสนั่นคิดว่า พลังที่ปล่อยไปน่าจะทำลายประตูเหล็กได้ แต่พวกเขาคาดผิดเพราะประตูเหล็กไม่ได้รับความเสียหายเลย ทั้งสองจึงอัดพลังปราณโจมตีไปอีกหลายครั้งจนรู้สึกเหนื่อยหอบ

"..พอแล้ว"มู่หลิ่งเหวินสั่ง เดินเข้ามาลูบประตูเหล็กเรียบๆไร้ลวดลาย ด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนจะกระตุกวาบแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

"เป็นเช่นนี้เอง มิน่า..."

"มีอันใดหรือขอรับ?"จิ๋นซานเอ่ยถาม

"ประตูนี้ ทำจากเหล็กชนิดพิเศษ เรียกว่า เหล็กมายา"

"เหล็กมายา?"สี่องครักษ์ทวนคำเบาๆ

"ถูกต้อง เป็นเหล็กหายากราคาสูงมาก สามารถดูดซับพลังปราณได้ ทำลายได้ยากยิ่ง"

"เช่นนั้น เราจะออกจากที่นี่ได้อย่างไรขอรับ?"จิ๋นเอ้อกล่าวถามเป็นครั้งแรก

"มีทางเดียว คือ หากลไกปิดเปิดให้พบ"เมื่อได้ฟังคำตอบสี่องครักษ์รีบแยกย้ายกันไปหากลไกที่ว่าทันที ผ่านไปหนึ่งเค่อก็กลับมาพร้อมความผิดหวัง เมื่อรอบๆนี้ไม่มีสิ่งใดที่พอจะเป็นกลไกดังที่ท่านแม่ทัพกล่าวได้เลย

"เช่นนั้น ก็คงต้องเดินหน้าต่อไป"แม่ทัพหนุ่มสรุป

--------------

ทางด้านหม่าเทียนอี้รู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก เมื่อเห็นประตูเหล็กเลื่อนลงมาปิดกั้นตนและกลุ่มของแม่ทัพหนุ่มไว้ เขาทุบประตูและร้องเรียกอีกฝ่าย แต่เสียงที่สะท้อนกลับมาคือเสียงของตนเท่านั้น เมื่ออับจนหนทางหม่าเทียนอี้ จึงทำได้เพียงนั่งพิงประตูอย่างหมดอาลัยตายอยาก

__________

กลับมาที่เรือนพัก ชิงหลินรีบใช้ปราณพลังจิต ขอความช่วยเหลือจากหงส์เพลิง เพราะนางกำลังตั้งครรภ์อ่อนไม่เหมาะที่จะขี่ม้า จากนั้นหันมาเล่าเหตุการณ์ให้ทุกคนฟัง พร้อมทั้งกำชับอย่าได้ตื่นตระหนก

"หมายเลขสาม ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน ฝากที่เหลือด้วย"กล่าวกับผู้คุ้มกันของตนอีกครั้ง หลังจากขึ้นไปนั่งบนหลังของหงส์เพลิงเรียบร้อยแล้ว มีสี่สหายน้อยอยู่เคียงข้างไม่ห่างและพิราบขาวที่มาส่งข่าว

"ฮูหยินน้อย โปรดระวังตัวด้วย ข้าจะรีบตามไปให้เร็วที่สุดขอรับ"หมายเลขสามกล่าวกับนายหญิง

"อืม...ข้ารู้แล้ว"นางพยักหน้าแล้วก้มมองหงส์เพลิง "ไปกันเถิดท่านพญาหงส์เพลิง" สิ้นเสียงของนางร่างสีแดงเพลิงอันใหญ่โตและน่าเกรงขาม ก็หายวับไปกับตา สร้างความตื่นตะลึงให้แก่กองกำลังหลิ่งหลินทั้งแปดยิ่งนัก รวมถึงสองสาวใช้ที่ตื่นตกใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงกับแข้งขาอ่อน ทรุดลงไปกองกับพื้น เดือดร้อนให้หมายเลขสาม หมายเลขสี่ ต้องช่วยพยุงพากลับจวนที่พัก

เพียงชั่วอึดใจชิงหลินก็มาหยุดยืนอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำแล้ว หงส์เพลิงหดตัวเล็กลงเท่าเหยี่ยวปกติเพื่อสะดวกในการเดินทาง ส่วนสี่สหายน้อยออกสำรวจดมกลิ่นอย่างรู้งาน

"ไปกันเถิด" ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเดินตามสี่สหายน้อยเข้าไปในถ้ำอย่างระมัดระวัง มีหงส์เพลิงเกาะอยู่ที่หัวไหล่ซ้าย ได้พิราบขาวเป็นผู้นำทาง จนมาหยุดตรงปากทางเข้าถ้ำที่เจ็ด

"ถ้ำนี้แหละเจ้าค่ะ ที่เหวินเหวินตกลงไป" พิราบขาวร้องบอกหลินหลิน

ชิงหลินพยักหน้าเดินเข้ามาใกล้ปากถ้ำที่ว่า เพ่งสายตามองฝ่าความมืดออกไป ดีที่ได้หงส์เพลิงช่วยทำให้การมองเห็นในที่มืดไม่เป็นอุปสรรคสำหรับนาง จากนั้นจึงหลับตาใช้ปราณพลังจิตเพ่งลงไปสำรวจด้านล่างแล้วจึงได้พบนายอำเภอหม่าเทียนอี้ นั่งพิงประตูขนาดใหญ่อยู่ บริเวณโดยรอบมีอาวุธชนิดต่างๆมากมาย

นั่นคงเป็นอาวุธที่ไว้ใช้ในสนามรบ แล้วสามีนางกับสี่องครักษ์ไปอยู่ที่ไหน? หรือจะอยู่หลังประตูเจ้าปัญหานั่น?

ผ่านไปเกือบสองเค่อก็พบเข้ากับถ้ำใหญ่ขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลสามสนามรวมกัน อัดแน่นไปด้วยอาวุธหลากหลายชนิดกองสุมกันจนดูเหมือนภูเขาขนาดย่อม สูงราวห้าเมตรเกือบแตะเพดานถ้ำเลยทีเดียว ฝั่งตรงข้ามกองภูเขาอาวุธ เป็นหีบขนาดใหญ่กว่ายี่สิบหีบวางเรียงซ้อนไล่ระดับจนสูงเทียบเท่าภูเขาอาวุธ ซึ่งนางคิดว่าน่าจะเป็นหีบสมบัติ

มัวแต่ตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ทำให้นางลืมจุดประสงค์ในการใช้ปราณพลังจิตไปชั่วขณะ พอตั้งส.ติได้จึงเพ่งหาสามีและสี่องครักษ์และพบทั้งห้านอนสลบไสลอยู่ตรงกลางกองภูเขาทั้งสองนั่นเอง

แย่แล้ว!! พวกเขาเป็นอะไรไป? หรือว่าในห้องนั้นมีพิษ? ทำอย่างไรดี? ข้าจะทำอย่างไรดี?

Próximo capítulo