webnovel

ตอนที่ 19 เที่ยววังองค์รัชทายาท1/2  

ล่วงเข้ายามซวี

หลังจากส่งองค์รัชทายาทกลับไปยังที่ประทับแล้ว ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนชิงหยวนได้บอกให้ฮูหยินของตนกลับไปที่ห้องก่อน เพราะตนยังมีเรื่องต้องสะสางอีก

เมื่อชิงหยวนเดินมาถึงห้องหนังสือก็เห็นเฟิ่งอิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไร" ชิงหยวนเอ่ยถามทันทีที่หย่อนกายนั่งลง เหตุที่ต้องให้เฟิ่งอิงลงมือสืบเองเพราะไม่ไว้ใจผู้ใด ด้วยสังหรณ์ใจว่าจะมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในหน่วยพยัคฆ์ดำ แม้จะเป็นเพียงการคาดเดา แต่ก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ สู้หาทางป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า

"เรียนนายท่าน การลอบสังหารคุณหนูทั้งสี่ครั้ง ผู้อยู่เบื้องหลังคือคุณหนูหานและบิดาของนางขอรับ" เฟิ่งอิงรายงาน

"หือ? เจ้าว่า...สี่ครั้งหรือ"

"ก่อนหน้าข้าก็คิดเช่นเดียวกับนายท่าน แต่เมื่อไปสืบดู จึงได้รู้ความลับนี้เข้าโดยบังเอิญขอรับ" เฟิ่งอิงรายงานต่อ

"ว่าต่อไป" ชิงหยวนโบกมือคราหนึ่ง ใบหน้าเริ่มเข้มขึ้นด้วยแรงโทสะ 'มันจะมากไปแล้ว!'

"ครั้งแรก...ในงานชมบุปผาที่จวนเสนาบดีหาน การตกน้ำของคุณหนูไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีคนจ้องจะเอาชีวิตคุณหนู และคนผู้นั้นก็คือคุณหนูหานหนิงอัน บุตรีของเสนาบดีหานขอรับ"

"เจ้าว่าอันใดนะ ไม่ใช่เหตุบังเอิญหรอกหรือ ดี ดียิ่งนัก" ชิงหยวนแสยะยิ้ม ดวงตาคมวาวโรจน์ที่น้อยครั้งเฟิ่งอิงจะได้เห็น

"เอ่อ...ผู้ที่ลงก็มือคือเสี่ยวเอิน ซึ่งคุณหนูก็ทราบเรื่องนี้ดี และไถ่ถอนตัวนางด้วยเงินห้าร้อยตำลึงเงินขอรับ" เฟิ่งอิงรายงานต่อ

ชิงหยวนบีบถ้วยชาจนแทบจะแหลกคามือ สีหน้าเข้มขึ้นอีกหลายส่วน

"นายท่านโปรดใจเย็น ข้าได้สืบประวัติของเสี่ยวเอินแล้ว นางทำไปเพราะมารดาถูกจับตัวไว้ อีกทั้งยังล้มป่วยขอรับ" เฟิ่งอิงรีบแจงรายละเอียดให้ชิงหยวนคลายใจ และมันก็ได้ผล เมื่อผู้เป็นนายสูดหายใจแล้วค่อยๆ ปล่อยออกมาช้าๆ เพื่อระงับโทสะ

"ครั้งที่สองที่คุณหนูถูกลักพาตัว แต่หน่วยพยัคฆ์ดำตามไปช่วยไว้ได้ทัน ส่วนสาเหตุดูเหมือน...เอ่อ...เกิดจากความหึงหวงแม่ทัพมู่ขอรับ" เฟิ่งอิงตอบเสียงเบา ใบหน้าคมเข้มขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

ชิงหยวนลูบเคราพร้อมกับกล่าวอย่างสุขุม "อืม ข้าพอจะเดาออก อาเหวินเป็นแม่ทัพหนุ่มอนาคตไกล ซ้ำยังรูปงาม สตรีทั่วแคว้นต่างหมายปอง ไม่แปลกที่สตรีเหล่านั้นจะเห็นหลินเอ๋อร์เป็นเสี้ยนหนามตำใจ"

"ครั้งที่สาม...ระหว่างทางมาเรือนพสุธา และครั้งที่สี่...ในป่านั่น เป็นหน่วยลอบสังหารของเสนาบดีหานหนิงเฉิง แต่สองครั้งหลังแผนการลอบสังหารคุณหนูเป็นแผนลวง จริงๆ ต้องการกำจัดสกุลชิงที่เป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำขององค์รัชทายาทเสียให้สิ้นซาก โดยใช้เรื่องตามหาของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งอย่างสัตว์มงคลทั้งสี่ขอรับ" เฟิ่งอิงรายงานอย่างละเอียด

"อืม ไม่ผิดจากที่ข้าคาดการณ์ไว้ เสนาบดีหานช่างเจ้าเล่ห์นัก คิดใช้เรื่องนี้กำจัดข้า ซ้ำยังสั่นคลอนตำแหน่งขององค์รัชทายาทลงได้หนึ่งส่วน" ชิงหยวนลูบเคราตัวเอง เพราะหากเรื่องนี้ล้มเหลว นอกจากสกุลชิงต้องถูกลงอาญาแล้ว ขุนนางฝ่ายตรงข้ามคงฉวยโอกาสนี้โจมตีองค์รัชทายาทว่าไร้ความสามารถ เรื่องเล็กน้อยยังไม่อาจจัดการได้ แล้วจะปกครองราษฎรนับหมื่นนับแสนได้อย่างไร ช่างเป็นอุบายที่แยบยลยิ่งนัก

ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉย แต่ดวงตาคมเรียวดุกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เฟิ่งอิงอยากจะบุกไปจวนเสนาบดีหาน จับเจ้าหานหนิงเฉิงมาทรมานให้มันค่อยๆ ตายลงช้าๆ แล้วโยนเศษซากให้สัตว์กินยิ่งนัก

"เฮ้อ! ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บแค้นแทน แต่อย่าทำอันใดวู่วามเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่" ชิงหยวนตบบ่าเฟิ่งอิง กำชับเสียงเข้มเมื่อเห็นแววตาโกรธแค้นของผู้คุ้มกันคนสนิท

"ขอรับ" เฟิ่งอิงตอบรับคำสั่ง

ฝ่ายแม่ทัพหนุ่ม เมื่อออกมาจากโถงกลางก็เสนอตัวเดินมาส่งคู่หมายกลับห้อง ตลอดทางไม่มีการพูดคุยใดๆ จวบจนถึงหน้าห้องพักของนาง แม่ทัพหนุ่มก็หมุนกายสูงในชุดลำลองสีน้ำเงินเข้มตามแบบที่คุณชายทั่วไปนิยมสวม กลับมาเผชิญหน้ากับคู่หมายที่มีสาวใช้คอยประคองอยู่ตลอด ใบหน้างดงามดุจเทพเซียนเรียบตึง ดวงตาคมทรงเสน่ห์มีประกายขุ่นเคือง

"ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

"เสี่ยวเอิน เจ้าเข้าไปก่อน" ชิงหลินบอกสาวใช้ ครั้นเมื่อสาวใช้เปิดประตู ฟานฟานน้อยก็วิ่งสวนออกมาอย่างรวดเร็ว จนเสี่ยวเอินตกใจร้องอุทานออกมา เรียกความสนใจจากแม่ทัพหนุ่มและคู่หมายได้เป็นอย่างดี

"ฟานฟาน เป็นเด็กดีหรือเปล่า...หือ?" ชิงหลินย่อตัวลงอุ้มพยัคฆ์น้อยพาดไหล่ด้วยแขนข้างเดียว

"ดีดี" ฟานฟานน้อยร้องบอกนาง ด้วยครั้งนี้หลินหลินของมันบอกว่าจะไปเจรจาเรื่องสำคัญ มิอาจนำมันไปด้วยได้ จึงให้นอนรออยู่ที่ห้อง อย่าไปไหน และอย่าทำลายข้าวของเด็ดขาด ซึ่งมันก็ทำตามแต่โดยดี

"ดีมาก เด็กดี"

แม่ทัพหนุ่มมองภาพตรงหน้าพลางถอนหายใจ ดวงตาคมทรงเสน่ห์อ่อนโยนลงสองส่วน อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่จางลง

คราวแรกที่ได้ฟังคำตอบของนางที่กราบทูลองค์รัชทายาท แม่ทัพหนุ่มแทบอยากจะสาปให้นางเป็นใบ้พูดไม่ได้เสียให้รู้แล้วรู้รอด มีอย่างที่ไหน แทนที่จะตอบปฏิเสธหรือขอคำแนะนำจากตนก่อน นางกลับตอบตกลงที่จะไปดูแลเจ้าพยัคฆ์น้อยที่วังองค์รัชทายาท! แม้แม่ทัพหนุ่มจะพยายามใช้เรื่องการบาดเจ็บของนางมาเป็นข้ออ้าง เพื่อเหนี่ยวรั้งให้นางดูแลพยัคฆ์น้อยอยู่ที่นี่ แต่องค์รัชทายาทกลับตรัสว่าบุรุษพูดแล้วไม่คืนคำ ทำให้แม่ทัพหนุ่มจนด้วยคำพูด

"ท่านมีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าหรือเจ้าคะ" นางเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเงียบอยู่นาน

"ไปอยู่ที่วังองค์รัชทายาท เจ้าต้องระวังตัวให้มาก อย่าเที่ยวเล่นซุกซนจนตัวเองบาดเจ็บเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่" แม่ทัพหนุ่มกล่าวกำชับ กิริยาคล้ายบิดาสั่งสอนบุตร

"ข้าโตแล้วนะ เหตุใดจึงพูดราวกับข้าเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาเช่นนั้น" ใบหน้าจิ้มลิ้มงอง้ำ เชิดหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ใกล้เสียจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัว ก่อนจะชะงักเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมทรงเสน่ห์ที่มองนางอย่างลึกซึ้งและอ่อนโยน จนนางใจสั่นและตาพร่าไปชั่วขณะ

"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นสาวแล้ว แถมยัง..." น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มแหบพร่าและเบาหวิว ดวงตาคมทรงเสน่ห์สบกับตากลมโตก่อนจะหลุบมองริมฝีปากอวบอิ่มที่รู้ดีว่ามันหอมหวานเพียงใดอย่างหลงใหล

คราวแรกที่ได้ยิน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ต้องหน้าแดงเมื่อเห็นสายตาเขาหลุบมองริมฝีปากของนาง ภาพจูบสะท้านทรวงปรากฏขึ้นมาในหัวทันที เผลอถอยหลังสองก้าวอย่างลืมตัว เมื่อเห็นอาการของนางแล้วดวงตาคมทรงเสน่ห์ก็กระตุกวาบก่อนจะกลับมาเรียบเฉย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล "เจ้ากลัวข้า?"

"เหตุใดข้าต้องกลัวท่าน" ชิงหลินเชิดหน้าตอบอย่างไม่ยอมแพ้

"แล้วเจ้าถอยหลังหนีข้า มันเพราะเหตุใด" แม่ทัพหนุ่มโน้มใบหน้างดงามดุจเทพเซียนลงมาเสมอใบหน้าจิ้มลิ้มจนนางเผลอก้าวถอยหลังไปอีก

แม่ทัพหนุ่มหลุบตามองพื้นแวบหนึ่งก่อนจะเหลือบตาขึ้นมาจ้องนาง คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้น มุมปากยกยิ้มน้อยๆ "หึๆ แล้วยังจะบอกว่าเจ้าไม่กลัวข้าได้อีกหรือ"

"ขะ...ข้าเปล่ากลัวท่าน" หญิงสาวยังคงไม่ยอมรับ เชิดใบหน้าที่ยามนี้แดงก่ำใส่เขาอีกที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขินอายหรือโมโหกันแน่

"หากไม่กลัวข้า แล้วที่ถอยหลังหนีถึงสี่ก้าว จะให้เข้าใจว่าอย่างไร" แม่ทัพหนุ่มยืดตัวตรง สองมือไพล่หลัง หลุบตามองคู่หมายที่อุ้มพยัคฆ์น้อยพาดบ่าจนได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของมัน ด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

"ข้าแค่ตกใจ จู่ๆ ท่านก็เข้ามาใกล้ เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้น" นางแถข้างๆ คูๆ

"เช่นนั้น...ถ้าข้าบอกกล่าวให้เจ้ารู้ตัวก่อน เจ้าจะไม่ตกใจใช่หรือไม่" คำถามของแม่ทัพหนุ่มบีบให้ตอบได้เพียงใช่หรือไม่ใช่

ชิงหลินไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ถ้าตอบว่าไม่ใช่ มันก็จะขัดแย้งกับคำพูดที่พูดไว้ก่อนหน้า แต่ถ้าตอบว่าใช่ เขาก็คงจะใช้คำนี้มาปั่นหัวนางเล่นไปอีกนานเป็นแน่ ช่างเป็นผู้ชายที่เจ้าเล่ห์จริงๆ

"หึๆ ข้าจะถือว่านั่นคือคำตอบ เช่นนั้นเจ้าอยู่นิ่งๆ ข้าจะเข้าไปหาเจ้าเอง" กล่าวจบร่างสูงก็มายืนชิดร่างเล็กที่กำลังงุนงงเสียแล้ว

"อุ๊ย!" ชิงหลินร้องอุทาน ทำท่าจะถอยหลังอีก แต่เอวคอดกิ่วกลับถูกรวบเข้าหาร่างสูงด้วยท่อนแขนแข็งแรง เล่นเอานางตะลึงลานเพราะทำอะไรไม่ถูก สติหลุดลอยไปชั่วครู่ ครั้นพอสติกลับคืนมา จึงพยายามใช้ต้นแขนและหัวไหล่ข้างที่ไม่เจ็บ ซ้ำยังอุ้มฟานฟานน้อยดันตัวเขาออก แต่แรงหญิงหรือจะสู้แรงชาย ไม่เพียงดันเขาออกไม่สำเร็จ ยังกลับถูกเขากอดรัดเอวด้วยท่อนแขนข้างเดียวแน่นขึ้นกว่าเดิม จนลำตัวตั้งแต่เอวลงไปแนบชิดกับร่างแกร่งจนแทบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

"เอ่อ...พี่เหวิน ข้าเจ็บแผล" ชิงหลินร้องบอกเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขากอดนางไม่ยอมปล่อยเสียที

แม่ทัพหนุ่มจึงดันตัวนางออกห่าง ย้ายมือมาจับต้นแขนเรียวเล็กของนาง ดวงตาคมทรงเสน่ห์จับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่งนานจนชิงหลินอึดอัด

"ข้าจะไปเยี่ยมเจ้าบ่อยๆ ดูแลตัวเองให้ดี เข้าใจหรือไม่" เขากำชับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนชิงหลินสัมผัสได้และรับปากแต่โดยดี ด้วยรู้ดีว่าถึงเขาจะเอาแต่ใจและชอบแกล้งนาง แต่เขาก็คอยช่วยเหลือนางอยู่เสมอ ถือเป็นผู้ชายที่น่าไว้ใจและพึ่งพาได้คนหนึ่ง

"หลังงานนี้เสร็จสิ้น ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้น ฝ่ามือหนาไล้ใบหน้าเนียนนุ่มอย่างเบามือ ก่อนจะประคองใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงก่ำไว้ด้วยฝ่ามือหนาอุ่น ดวงตาคมทรงเสน่ห์จับจ้องอยู่ที่ใบหน้างามนิ่ง

"เอ๊ะ...เอ่อ...เจ้าค่ะ"

ฝ่ามือหนาขยับขึ้นลงตามคำพูดของนาง ยามนี้ใจดวงน้อยของชิงหลินเต้นรัวแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน ต้องโทษการกระทำที่หวานจนเลี่ยนของเขาที่ทำให้นางเป็นอย่างนี้

"เจ้ารีบพักผ่อนเถิด"

"ข้าทราบแล้ว ขอตัวเจ้าค่ะ" ชิงหลินทำตามอย่างว่าง่าย ย่อกายเล็กน้อยพอเป็นพิธี สาวเท้าเตรียมเดินเข้าห้อง ก่อนจะชะงักตรงธรณีประตู แล้วหันกลับมาทางเดิมก็เห็นเขายืนมองส่งอยู่

"หือ? เจ้ามีอันใดหรือ" แม่ทัพหนุ่มเลิกคิ้วถาม

"เอ่อ...ฝันดีเจ้าค่ะ" บอกเสร็จก็รีบเข้าห้องไปทันที ถ้อยคำสั้นๆ แต่กลับฟังแล้วชุ่มชื้นหัวใจยิ่งนัก

มู่หลิ่งเหวินยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะพึมพำเบาๆ "หวังว่าเจ้าจะฝันดีเช่นกัน หลินเอ๋อร์ของพี่"

เช้าวันใหม่ ก่อนยามเฉินเล็กน้อย

ชิงหลินในคราบหนุ่มน้อยหน้าหวาน สวมอาภรณ์สีดำสนิท ผมรวบสูงปล่อยหางม้า รัดด้วยผ้ามัดผมสีขาวทิ้งชายผ้ายาวๆ ให้ปลิวยามต้องลม แม้จะรู้ดีว่าการเดินทางกลับเมืองหลวงครั้งนี้ต้องนั่งอุดอู้อยู่ในรถม้าแทนการขี่ม้าเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่นางก็ไม่ยอมสวมชุดรุ่มร่าม แต่งหน้าหนาเตอะ ทำผมทรงแปลกๆ ใส่น้ำมันมันเยิ้มส่งกลิ่นชวนคลื่นไส้ แบบที่คุณหนูทั้งหลายนิยมแต่งกัน ทำเอาเสี่ยวเอินทำหน้างอง้ำ เพราะนางตั้งความหวังว่าคุณหนูของนางจะต้องงดงามจนไม่มีผู้ใดกล้าหัวเราะเยาะ แต่กลับตาลปัตร คุณหนูของนางกลับไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้เลย

"เป็นอันใดไปเสี่ยวเอิน" ชิงหลินที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วถามสาวใช้ที่กำลังสางผมให้ ขณะที่มือก็ลูบตัวฟานฟานน้อยบนตัก

"เหตุใดคุณหนูถึงแต่งตัวเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ" เสี่ยวเอินเอ่ยถามนายสาว พลางสางผมไปด้วย

ชิงหลินยังไม่ทันตอบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าประตู

"หลินเอ๋อร์ เสร็จหรือยังลูก" ชิงฮูหยินเอ่ยถามบุตรี

"ท่านแม่ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ" หญิงสาวลุกไปนั่งข้างมารดา

"นี่เจ้า...เหตุใดจึงแต่งกายเช่นนี้ฮึ!" ชิงฮูหยินถามเสียงเข้ม

"อ้อ จริงสิ ท่านแม่คงยังไม่รู้ ลูกทูลขอเข้าไปในฐานะผู้ฝึกสอนพยัคฆ์เจ้าค่ะ" คนถูกถามชี้แจงแก่มารดา

"ผู้ฝึกสอนพยัคฆ์? เพราะเหตุใดกัน" ชิงฮูหยินถามต่อ

"เพื่อความปลอดภัยอย่างไรเจ้าคะ"

ชิงฮูหยินชะงักไปครู่หนึ่ง หากเข้าไปอย่างเปิดเผยย่อมเป็นที่ริษยาจากบรรดาพระชายาขององค์รัชทายาทได้ แม้จะประกาศว่านางเป็นคู่หมายของแม่ทัพมู่ที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลเจ้าพยัคฆ์น้อยชั่วคราว ก็ใช่ว่าจะหมดเรื่อง จะต้องมีผู้ที่ไม่เชื่อและหาทางกลั่นแกล้งบุตรสาวตนเป็นแน่ การปลอมตัวปิดชื่อแซ่อาจจะปลอดภัยกว่าจริงๆ เมื่อใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว ชิงฮูหยินก็นึกชื่นชมในความเฉลียวฉลาดและรอบคอบของนาง

"แม่เข้าใจแล้ว เมื่ออยู่ที่นั่นจงเก็บเนื้อเก็บตัว อย่าทำตัวเด่น เข้าใจหรือไม่" ชิงฮูหยินกำชับบุตรี

"น้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ ฮูหยินคนงาม" บุตรสาวล้อเลียนมารดาจนถูกฟาดเผียะที่ต้นแขน

"อูย...เจ็บนะเจ้าคะ" นางแกล้งสูดปากพร้อมกับถูบริเวณที่ถูกตี ส่งสายตาละห้อยน่าสงสารเพื่อขอความเห็นใจจากมารดา

"เจ้านี่นะ ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย" ชิงฮูหยินส่ายศีรษะแล้วลุกขึ้น โดยมีบุตรสาวอุ้มฟานฟานน้อยเดินเคียงคู่กันออกมาจากห้อง มีเสี่ยวเอินเดินตามหลัง และปิดท้ายด้วยสองสาวใช้

หน้าเรือนพสุธา

การเดินทางในครั้งนี้มีผู้ร่วมขบวนมากกว่าร้อยคน ล้วนเป็นทหารม้าที่ฝึกมาเป็นอย่างดีภายใต้คำสั่งของแม่ทัพหนุ่ม มีรถม้าสี่คัน คันแรกตกแต่งอย่างหรูหรางดงาม บ่งบอกฐานะของผู้ที่นั่งภายในได้เป็นอย่างดี ส่วนคันที่สองมีขนาดเพียงหนึ่งในสามของคันแรก แม้จะไม่หรูหรางดงามเท่า แต่สำหรับชิงหลินแล้ว นี่ก็หรูหราเสียจนไม่อยากจะนั่ง ส่ววนอีกสองคันที่เหลือใช้ขนสัมภาระขององค์รัชทายาทและของชิงหลิน

ขณะที่ยืนดูการจัดขบวนของเหล่าทหารม้าเพียงลำพัง เพราะมารดาปลีกตัวไปกำกับบ่าวไพร่เรื่องข้าวของของนางที่ต้องนำติดตัวไปในครั้งนี้ด้วย

"หลับฝันดีหรือไม่"

เสียงคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ ทำเอานางสะดุ้งหมุนกายมาทางเจ้าของเสียง จึงได้เห็นบุรุษรูปงามในชุดแม่ทัพเต็มยศสีดำรัดรูป สวมทับด้วยเสื้อคลุมไร้แขนสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ คาดเข็มขัดหนังสีดำหัวพยัคฆ์ทำด้วยเหล็กกล้าเส้นโต ที่แขนมีแผ่นหนังสีดำพันจากข้อมือขึ้นมาครึ่งหนึ่งของท่อนแขนแข็งแรง ดูน่ายำเกรงและน่าหลงใหลในคราเดียวกัน

พอไล่สายตาขึ้นด้านบน ดวงตากลมโตก็พลันเบิกกว้าง เมื่อพบกับใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติราวเทพบุตร ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาคมทรงเสน่ห์ทอประกายหวานล้ำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

'มองแบบนี้หมายความว่าไงนะ' หญิงสาวแอบคิดในใจ

"หลินเอ๋อร์"

ชิงหลินสะดุ้ง เผลอถอยออกห่าง เมื่อจู่ๆ เขาก็โน้มใบหน้าลงมาเสียใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นที่กระทบกับใบหน้า

"หึๆ" แม่ทัพหนุ่มหัวเราะ ยืดตัวตรง สองมือไพล่หลัง มองคู่หมายในคราบบุรุษหน้าหวานอย่างขบขัน

"มีอะไรน่าขันหรือเจ้าคะ" ใบหน้าจิ้มลิ้มงอง้ำ ส่งเสียงถามอีกฝ่าย

แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้น ดูมีเสน่ห์ในสายตาสาวน้อยใหญ่ทั่วไป แต่สำหรับนางกลับมองว่าช่างน่าหมั่นไส้จนอยากจะกระโดดข่วนให้หน้าเละ

"ฮึ่ย! ขอตัวเจ้าค่ะ" หญิงสาวกระแทกเสียงใส่เขาแล้วเดินจากไปทันที มู่หลิ่งเหวินอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเลิกคิ้วมองเจ้าพยัคฆ์น้อยที่พาดอยู่บนไหล่ของคู่หมายแยกเขี้ยว ยกเท้าหน้าตะกุยอากาศมาทางตน ก็นึกขันจนหลุดหัวเราะหึๆ ออกมา

Próximo capítulo