เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย สองสาวใช้พี่น้องที่ได้ติดตามมารับใช้คุณหนูของตนที่จวนแม่ทัพ ยืนก้มหน้า สองมือประสานกันอยู่ด้านหน้าห้องหอของบ่าวสาวใบหน้าทั้งสองแดงเรื่อเมื่อได้ยินเสียงดังรอดออกมาจากในห้อง กระดากอายจนต้องถอยร่นออกมายืนให้ห่างอีกนับสิบก้าว
"หัวหน้า หลินหลินร้องทำไมหรือเจ้าคะ?"หมั่นโถวน้อยที่ต้องระเห็จออกมาจากห้องพร้อมกับหัวหน้าและพี่ชายร้องถามเจ้าพยัคฆ์น้อย
".....เรื่องนั้น..เจ้าเป็นพี่ชาย ก็จงตอบเอง"เจ้าพยัคฆ์น้อยบุ้ยให้เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวพี่เป็นผู้ตอบคำถามแทน เพราะมันไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายให้เจ้าจิ้งจอกน้อยเจ้าปัญหานี่ฟังอย่างไรดี
"...."หัวหน้านะหัวหน้าโยนเผือกร้อนมาให้ข้าอีกแล้ว เจ้าเป่าเปาน้อยบ่นอุบในใจ มันถอนหายใจอย่างระอาแล้วจึงหันมาทางน้องสาวที่จ้องมองมันตาแป๋ว
"มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ อีกหน่อยเจ้าโตขึ้นก็จะเข้าใจเอง"เป่าเปาน้อยไม่อธิบายขยายความให้กระจ่างด้วยตัวมันเองก็จนใจที่จะตอบเช่นกัน
",,,,,,,?"หมั่นโถวน้อยเอียงหัวน่ารักมองไปที่ประตู เสียงร้องครางราวกับเจ็บปวดของหลินหลินยังคงดังรอดออกมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ ทำจิ้งจอกน้อยนึกห่วง อยากจะเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่าหลินหลินสบายดีหรือไม่?แต่เมื่อเห็นหัวหน้ากับพี่ชายดูไม่ทุกข์ร้อนอันใดเลยคลายความกังวลลงและรออยู่เงียบๆ
ภายในห้องหอที่ตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าสีแดง ตามธรรมเนียมจารีตที่สืบทอดกันมา บรรยากาศภายในห้องหอยามนี้อบอวลไปด้วยกรุ่นไอรักที่สองหนุ่มสาวช่วยกันสร้างขึ้น
"หลินเอ๋อร์....."เสียงแหบพร่าจากร่างใหญ่เปลือยแข็งแรง หนั่นแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง เล่นเอาร่างเล็กบอบบางที่ซ่อนความอวบอิ่มไว้ภายใต้อาภรณ์หลายชั้น ที่อยู่ใต้ร่างมองอย่างตกตะลึงในความงดงามของเขา จนลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองก็เปลือยเปล่าเฉกเช่นเดียวกัน
"หลินเอ๋อร์...เจ้าช่างงามนัก..."นิ้วแข็งแรงเชยคางมนขึ้นให้ประสานสายตาหวานซึ้งของตนครู่หนึ่งแล้วประทับริมฝีปากหนาได้รูปกับปากอวบอิ่ม ดูดเม้มเบาๆอย่างหยอกล้อแทรกลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากเล็ก กระหวัดตวัดเกี่ยวกับลิ้นเล็กอย่างช้าๆแล้วจึงค่อยเร่งเร้ารุนแรงขึ้นตามอารมณ์ปรารถนา ยิ่งเห็นนางตอบสนองจุมพิตที่ตนบรรจงมอบให้ด้วยใจเสน่หา สองแขนเรียวขาวยกขึ้นโอบรอบคอตนแล้วลูบไล้เบาๆ ก็ยิ่งทำให้เพลิงอารมณ์ปรารถนากระพือโหมรุนแรงจนยากที่จะดับได้โดยง่าย
"หลินเอ๋อร์น้อยของพี่....."เรียกนางเสียงแหบพร่าเบาหวิวและเต็มไปด้วยความเสน่หา ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ ลมหายใจหอบถี่ด้วยอารมณ์ปรารถนาที่อดกลั้นไว้มานาน ร่างหนาหยุดนิ่งค้างไว้เพราะเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดของคนร่างเล็กที่อยู่ใต้ร่างของตน เริ่มปลุกปลอบอารมณ์นางด้วยจุมพิตอันดูดดื่ม มือหนาลูบไล้บีบเย้าคลึงเค้นเบาๆไปทั่วร่างบางแทบทุกตารางนิ้วอย่างทะนุถนอมและเอาใจ เพื่อให้นางลืมความเจ็บปวด ครั้นเห็นนางดูผ่อนคลายคล้ายจะลืมเลือนความเจ็บปวดแล้ว ร่างใหญ่จึงเริ่มขยับอีกครั้ง ช้าๆเนิบนาบค่อยเป็นค่อยไป ก่อนจะขยับถี่ เร่งเร้ารุนแรงขึ้นและสงบลงเมื่อเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม
" พี่ไม่นึกว่าเจ้าจะหอมหวานไปทั้งตัวเช่นนี้"ร่างใหญ่ที่นอนตะแคงสละแขนข้างหนึ่งเป็นหมอนให้ภรรยาหมาดๆหนุนนอนพร้อมทั้งโอบไหล่นางไปด้วย มือข้างที่ว่างเชยคางมนที่เอาแต่ซุกหลบแถวอกแกร่งไม่ยอมพูดจา ครั้นเมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำด้วยความเขินอาย ดวงตากลมโตไหวระริกมองตนอย่างโง่งม แล้วก็ให้รู้สึกใจเต้นแรงมือหนาเริ่มซุกซนลูบไล้แผ่นหลังเนียนละเอียดอย่างเรียกร้อง ดวงตาคมทรงเสน่ห์หรี่ปรือเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
"บ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ หลินเอ๋อร์อยากอาบน้ำแล้ว"ชิงหลินทุบหน้าอกเขาแรงๆ ขยับตัวหนีเมื่อมือเขาเริ่มอยู่ไม่สุขและเริ่มปลุกเร้าอารมณ์นางอีกครั้งจนขนลุกซู่ทุกที่ที่มือหนาสัมผัส
หารู้ไม่ว่าการการอ้างว่าจะไปอาบน้ำ ไม่ได้ช่วยให้หนีรอดจากเงื้อมมือของพยัคฆ์หนุ่มผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงรักได้เลย
"เช่นนั้นก็อาบด้วยกันเถิด"กล่าวพลางลุกขึ้นนั่งทำให้ผ้าห่มที่คลุมเลื่อนลงมาจนเผยให้เห็นร่างเปลือยท่อนบน
ชิงหลินรีบดึงผ้าห่มมาห่อร่างเปลือยของตนไว้จนมิด เหลือเพียงศีรษะที่โผล่ออกมา พร้อมกับหมุนตัวหนีไม่สนใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นชีเปลือยที่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย
"หึๆ"มู่หลิ่งเหวินหัวเราะไม่รู้สึกขัดเขินแม้แต่นิดเดียว ดวงตาคมทรงเสน่ห์มองดูนางที่นั่งหันหลังเข้ากำแพงห้อง ขดตัวกลมอยู่ในผ้าห่มอย่างรักใคร่ มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่านัก นางช่างน่ารักและหวานหอมไปทั้งตัว ร่างเล็กบอบบางกลับไม่ผอมแห้งอย่างที่ใจคิด ตรงข้ามกลับอวบอิ่มนุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมือดีเหลือเกิน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกปวดหนึบขึ้นมาเสียแล้ว ไม่ได้ๆ ข้าต้องรู้จักหักห้ามใจให้มากกว่านี้ เดี๋ยวหลินเอ๋อร์น้อยตกใจและเกลียดกลัวข้าขึ้นมา แล้วข้าจะทำเยี่ยงไรเล่า?
"อุ๊ย! จะทำอะไรเจ้าคะ?"ร้องถามอย่างตกใจเมื่อถูกเขาอุ้มขึ้นแนบอกทั้งผ้าห่ม
"เจ้าอยากอาบน้ำมิใช่หรือ? พี่กำลังจะพาเจ้าไปอาบน้ำ"กล่าวกับนางในอ้อมแขนแล้วเดินอุ้มนางหายเข้าไปยังหลังม่านสีแดงที่มีถังน้ำขนาดสองคนตั้งรออยู่ก่อนที่นางจะเข้ามาในห้องนี้ แม่ทัพหนุ่มวางนางลงอย่างเบามือ ก่อนจะเดินไปจุดเทียนที่อยู่ใกล้ๆแล้วเดินกลับมาหานางทั้งที่เปลือยกายอยู่!
"เอ่อ....หลินเอ๋อร์อาบเองได้ พี่เหวินออกไปก่อนได้ไหมเจ้าคะ?"ไม่กล้ามองเขาตรงๆ เพราะรู้ว่าเขาเปลือยอยู่
"พี่อยากอาบกับเจ้ามิได้หรือ? หรือเจ้ารังเกียจพี่?"ตัดพ้อเสียงอ่อย
"หลินเอ๋อร์พูดเมื่อไหร่กัน"นางรีบปฏิเสธด้วยกลัวว่าเขาจะเสียใจ พร้อมกับหันมาเผชิญหน้าเขาอย่างลืมตัว แล้วเบิ่งตากว้างเมื่อเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นเต็มตานางรีบหมุนตัวกลับหลับตาปี๋ ใจดวงน้อยเต้นโครมครามร่างกายร้อนรุ่มจนเหงื่อซึมออกมา
"หึๆ เช่นนั้นก็รีบอาบเถิด เจ้าจะได้พักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"แม่ทัพหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แล้วดึงรั้งผ้าห่มที่ห่อหุ้มร่างเล็กออก
"หันหลังไปก่อนสิเจ้าค่ะ ได้โปรด"ชิงหลินส่งเสียงออดอ้อนเขาสองมือเรียวขาวยึดจับผ้าห่มไว้แน่นแม่ทัพหนุ่มจึงยอมรามือหันหลังให้แต่โดยดี
ชิงหลินไม่รอช้ารีบปลดผ้าห่มออกแล้วลงไปแช่น้ำค่อนข้างเย็นในถังที่โรยด้วยกลีบกุหลาบไว้มากมายอย่างรวดเร็ว หันหน้าเข้าหาขอบถังน้ำอาบหลับตาปี๋เพื่อจะได้ไม่ต้องมองร่างเปลือยของเขา
มู่หลิ่งเหวินเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้กับอาการเขินอายของภรรยาอันเป็นที่รัก ก้าวขาลงในถังน้ำอาบแล้วรวบร่างเล็กบอบบางเข้ามา จนแผ่นหลังขาวผ่องสลักรูปมังกรฟ้าตัวใหญ่แนบชิดกับหน้าอกแข็งแกร่งของตนไม่ใส่ใจกับท่าทีขัดขืนของนาง
"หลินเอ๋อร์ เจ้าทำให้มันตื่น เจ้าต้องรับผิดชอบ"เสียงแหบพร่าที่ดังอยู่ข้างหูทำชิงหลินตัวแข็งทื่อ ใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นไปอีก รับรู้ถึงบางสิ่งกำลังดุนดันอยู่แถวสะโพก ขณะที่กำลังตื่นตะลึงอยู่ มือหนาที่อยู่ใต้น้ำของเขาก็เริ่มซุกซน ลูบไล้ท่อนขาของนางเรื่อยขึ้นมาจนถึงปทุมถันคู่งามอย่างหยอกเย้า สร้างความเสียวซ่านจนร่างเล็กเผลอครางออกมา และแล้วบทรักในถังอาบน้ำก็เริ่มขึ้นและกว่าจะจบลงก็ทำเอาชิงหลินสำลักความสุขที่เขามอบให้ หมดเรี่ยวแรงจนแทบสลบไสล เดือดร้อนต้องให้สามีรูปงามอุ้มมาที่เตียง เช็ดเนื้อเช็ดตัว สวมใส่อาภรณ์ให้อย่างเต็มใจ ก่อนจะนอนกอดนางแล้วหลับไปในที่สุดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ทิ้งให้สองสาวใช้และสามสหายน้อยรออยู่หน้าประตู โดยที่ชิงหลินไม่ได้รู้เรื่องนี้เลยสักนิด เพราะแม่ทัพหนุ่มสั่งสองสาวใช้ให้ยืนรอเงียบๆอย่าได้ทำให้นางรู้ตัว ด้วยเกรงว่านางจะเขินอาย หากรู้ว่าการเข้าหอมีผู้ร่วมฟังอยู่ด้วย สมกับเป็นแม่ทัพจริงๆ
------------
วันรุ่งขึ้นก่อนยามเฉินราวหนึ่งเค่อ ซึ่งภายนอกสว่างมากแล้ว
ชิงหลินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของหนุ่มรูปงาม ผู้เป็นสามีอย่างสมบูรณ์ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ สลัดความง่วงงุนออกไป ขยับตัวเล็กน้อยแล้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดโดยเฉพาะตรงส่วนนั้น ก่อนชะงักเมื่อพบว่า ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของสามีรูปงามที่นางรักจนหมดหัวใจและยังได้เขามาครอบครอง ไม่รู้ว่าสาวๆจะใจสลายกันมากน้อยขนาดไหน คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้นางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"อา....สามีข้า ช่างรูปงามนัก คิ้ว..ตา..จมูก..ปาก..ฮิๆ"ในยามที่พูดก็ใช้นิ้วชี้ลากไล้อย่างแผ่วเบาไปด้วย ไล่จากคิ้วเรื่อยลงมาที่ตา จมูก และปากของเขาอย่างสนุกมือ พร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆ
ไม่รู้เลยว่าผู้ที่ถูกกระทำเล่นสนุกอยู่ รู้สึกตัวตื่นมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว ด้วยคุ้นชินกับการตื่นเช้าแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสักเพียงใดก็ตาม พอถึงยามเหม่าก็จะรู้สึกตัวตื่นเสียทุกครั้งไป
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เห็นภรรยาอันเป็นที่รักหลับอย่างมีความสุข จึงไม่อยากปลุกนางปล่อยให้นางหลับให้เต็มที่ ช่วงที่นางหลับมู่หลิ่งเหวินก็กระทำการเฉกเช่นเดียวกับที่นางกำลังทำอยู่ คิดแล้วก็ให้รู้สึกดีต่อใจนักที่นางใจตรงกับตน
"พี่รูปงามมากใช่หรือไม่?"
"อุ๊ย...ว๊าย..."ชิงหลินตกใจจนเผลออุทานออกมาเมื่ออยู่ดีๆเขาก็ลืมตาพร้อมกับถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ซ้ำยังดึงร่างนางให้ขึ้นมาทาบทับร่างใหญ่แข็งแกร่งของเขาอีก
"แกล้งคนนอนหลับ สมควรถูกลงโทษรู้หรือไม่?"ขู่นางยิ้มๆดวงตาคมทรงเสน่ห์มองนางอย่างรักใคร่หลงใหล
"หลินเอ๋อร์เปล่าแกล้ง เป็นท่านที่แกล้ง"ใบหน้าจิ้มลิ้มพูดไปก็หน้าแดงไปสองมือยันหน้าอกแกร่งไว้
"พี่หรือแกล้งเจ้า?"เลิกคิ้วย้อนถามดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องอยู่กับใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่ตลอดเวลา
"ก็ท่านแกล้งหลับ"
"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่แกล้งหลับ?"
"ก็ถ้าท่านหลับอยู่จริงๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าหลินเอ๋อร์กำลัง....."ชิงหลินชะงักคำพูดอายจนไม่กล้าพูดต่อ อุตส่าห์จะหาเรื่องเขากลับกลายเป็นว่าเป็นตัวเองที่กำลังสาวไส้ให้กากิน
"หือ? เหตุใดไม่พูดต่อเล่า?"แม่ทัพหนุ่มเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อเห็นคิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิดราวกับฉุกคิดได้
"....อ๊ะ สายป่านนี้แล้วหรือนี่ ท่านลุง ท่านป้า..เอ่อ..ไม่ใช่สิ ท่านพ่อท่านแม่คงรอแย่แล้ว รีบลุกล้างหน้าล้างตาเถิดเจ้าค่ะ"รีบเปลี่ยนเรื่องหวังให้เขาเลิกเซ้าซี้ บี้ไล่หาความจริง
"หึๆ..สามวันนี้ ไม่ต้องไปยกน้ำชาหรอกเจ้า"
"เอ๊ะ..ทำไมล่ะเจ้าคะ?"หันกลับมามองส่งเสียงถามอย่างสงสัย หากจำไม่ผิดเช้าหลังคืนเข้าหอ ตามหลักสะใภ้ต้องยกน้ำชาเพื่อฝากฝังตัวและการยอมรับจากพ่อแม่สามีไม่ใช่หรือ?
"พี่เป็นคนขอท่านไว้เอง เพราะพี่คิดว่าเจ้าต้องตื่นไม่ไหวเป็นแน่ แล้วก็เป็นไปตามที่พี่คาดไว้ไม่ผิด"
".....คนบ้า น่าไม่อาย นี่แน่ะๆๆ"ชิงหลินอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน เมื่อได้ยินคำพูดแฝงความนัยที่น่าอายของเขา
"โอ๊ะๆๆ เจ้าทำร้ายสามีเช่นนี้ได้อย่างไร? แบบนี้ต้องถูกทำโทษเสียแล้ว"ร่างใหญ่จับมือเล็กไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วพลิกตัวขึ้นมาค่อมทับร่างนางไว้
สร้างความตกใจแก่คนที่อยู่ใต้ร่างยิ่งนักกับการกระทำที่รวดเร็วแบบไม่ให้ให้ตั้งตัวของเขา ดวงตากลมโตเบิ่งกว้างจ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนก
เปิดโอกาสให้ดวงตาคมทรงเสน่ห์ได้สำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงเรื่ออย่างละเอียด โน้มหน้าลงไปประกบริมฝีปากอวบอิ่มแผ่วเบาแล้วผละออกสองสามครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจุมพิตที่ดูดดื่ม เร่าร้อนดุดันและเอาแต่ใจ จนชิงหลินหายใจหายคอแทบไม่ทันกับจุมพิตที่เขามอบให้
"หลินหลิน....หลินหลิน...ตื่นเร็วเข้า ฟานฟานหิวแล้ว"เสียงร้องเรียกที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้สติที่เตลิดไปกลับมา ยันอกเขาให้ออกห่างก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"พอเถิดเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์หิวแล้ว"อ้างเรื่องหิวมาบังหน้า
".....ก็ได้"ร่างใหญ่สูดลมเข้าแรงอย่างขัดใจ อยากจับเจ้าพยัคฆ์น้อยมาถอนขนเสียให้เกลี้ยง แล้วดูซิว่ามันจะยังกล้าเชิดหัวอวดดีได้อีกหรือไม่?"ใครอยู่ข้างนอกบ้าง?"ลุกขึ้นมานั่งที่ขอบเตียงโดยดึงตัวภรรยาอันเป็นที่รักขึ้นมาด้วย
"ท่านแม่ทัพ ฮูหยินน้อย"เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยสองสาวใช้ข้างกายของชิงหลิน เดินก้มหน้าต่ำเข้ามาในห้อง นางสองคนได้ยืนเฝ้าจนเลยยามจื่อจึงได้กลับไปนอน โดยนำสามพยัคฆ์กลับไปนอนที่ห้องของพวกนางด้วย ก่อนจะกลับมายืนรอที่หน้าห้องตอนยามเหม่าตามคำสั่งของท่านแม่ทัพผู้เป็นประมุขจวนแห่งนี้
"ฮูหยินน้อย?"ชิงหลินทวนคำสาวใช้ ก่อนจะหน้าแดงเมื่อคิดได้ว่าเสี่ยวอี้หมายถึงใคร เหลือบตามองเจ้าของร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลากำลังมองมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนและหวานล้ำ ยิ่งเห็นเขาพยักหน้าลงยืนยันถึงสิ่งที่สาวใช้กล่าว ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนเผลอยิ้มออกมาออกมาอย่างมีความสุข ชั่วเสี้ยวนาทีมันทำให้คิดถึงแม่อีกโลกหนึ่งขึ้นมา หากแม่ได้เห็นว่านางมีความสุข แม่คงดีใจมากพอคิดมาถึงตรงนีพลันขอบตาร้อนผ่าว
"หลินเอ๋อร์ เป็นอันใดไป?"ถามเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของภรรยา ประคองใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นไว้ด้วยสองมือแข็งแรงของตน
คนถูกถามส่ายหน้าพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนหวานให้แทนคำตอบ กระพริบตาถี่ไล่น้ำตา สองมือวางทับซ้อนฝ่ามือใหญ่อบอุ่นของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสามี ที่ยังคงโอบประคองใบหน้าอยู่อย่างนุ่มนวลทะนุถนอม ด้วยความขอบคุณในความห่วงใยที่เขามีให้พลางกล่าว "หลินเอ๋อร์ สบายดีเจ้าค่ะ"
"หลินหลิน ฟานฟานคิดถึงหลินหลินเหลือเกิน"เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องขึ้นเรียกความสนใจ
"หมั่นโถวก็คิดถึงเจ้าค่ะ หมั่นโถวเป็นห่วงหลินหลิน เมื่อคืนหมั่นโถวได้ยินหลินหลินร้องด้วยเจ้าค่ะ"คนฟังถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงลามไปถึงใบหูและลำคอ ไพล่คิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
"หลินเอ๋อร์ หน้าแดงเหลือเกินมีไข้หรือเปล่า?"มู่หลิ่งเหวินถามใช้มืออังหน้าผากแก้มและลำคอของนางทดสอบ
"ปละเปล่า หลินเอ๋อร์สบายเจ้าค่ะ เอ่อ...วันนี้ท่านพี่ไม่มีธุระที่ไหนหรือเจ้าคะ?"รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
"หึๆ เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป ฝ่าบาททรงอนุญาตไม่ต้องให้พี่เข้าเฝ้ารายงานตัวเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อจะได้….มีทายาทโดยเร็ว"ประโยคหลังกระซิบข้างหูเล็กน่ารักของนาง แล้วก็ได้เห็นใบหน้าซับสีเลือดจนอดใจไม่ได้จุมพิตที่แก้มนางเสียฟอดใหญ่
"อุ๊ย"อุทานอย่างตกใจ ก่อนจะเงยหน้าถลึงตาใส่เขาที่ทำประเจิดประเจ้อต่อหน้าสาวใช้และสามสหายน้อย
"พี่จะไปรอเจ้าที่โต๊ะอาหารนะ"ตบท่อนขาแข็งแกร่งแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจากยังไม่วายหันมาส่งยิ้มหวานเยิ้มให้
เมื่อคืนมู่หลิ่งเหวินค่อนข้างอ่อนโยนและทะนุถนอมนางมากเป็นพิเศษ เพราะเกรงว่านางจะขยาดกลัวไม่อยากให้เขา 'กิน' อีก เขาจึงข่มกลั้นความปรารถนาไม่ทำตามที่ใจเรียกร้องมากเกินไป ดังนั้นการที่บ่าวไพร่เห็นนางลุกเดินเหินด้วยตนเองไหวจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
"หลินหลิน ฟานฟานหิวแล้ว"เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องบอกนางอีกครั้งแล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนตักของนางอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
"หมั่นโถวก็หิวเจ้าค่ะ"จิ้งจอกน้อยตัวน้องก็กระโดดขึ้นมานั่งข้างๆบ้าง เงยหัวมองนางอย่างออดอ้อน ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาของชิงหลิน ส่วนเป่าเปาน้อยกระโดดขึ้นมานั่งข้างน้องสาวเงียบๆ
"อืม..ได้ๆ ขอข้าล้างหน้าล้างตาก่อนนะ"ตอบยิ้มๆวางเจ้าพยัคฆ์น้อยลงบนเตียงนอนแล้วหันไปล้างหน้าล้างตา โดยมีสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอย่างดี
"ฮูหยินน้อย ท่านแม่ทัพให้บ่าวนำยาบำรุงมาให้เจ้าค่ะ"เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตู
"...นำเข้ามาข้างในเถิด"ตอบกลับไปเสียงหวานแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะทรงกลมภายในห้องใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุข ก่อนรอยยิ้มจะค่อยเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยวเหยเกดูไม่งามเมื่อได้กลิ่นฉุนกึกลอยมาจากถ้วยยา
"...วางไว้ก่อนเถิด เดี๋ยวข้าค่อยกินทีหลัง"
"เอ่อ..ท่านแม่ทัพกำชับว่า บ่าวต้องนำถ้วยยาเปล่ากลับไปให้ท่านแม่ทัพดูด้วยเจ้าค่ะ"บ่าวคนเดิมคุกเข่ากับพื้น ก้มหน้าต่ำด้วยความหวาดหวั่น เสี่ยวซิ่ง สาวใช้วัยสิบสาม เป็นสาวใช้หน้าตาธรรมดา ไร้จุดเด่น ที่ฮูหยินมู่ส่งมารับใช้ฮูหยินน้อยของท่านแม่ทัพ แม้จะทราบมาบ้างว่าฮูหยินน้อยใจดีไม่ถือเนื้อถือตัว แต่การจะไปทำให้ฮูหยินน้อยขุ่นเคืองใจมันคงไม่เป็นผลดีกับนางในภายหน้าเป็นแน่ และที่ทำให้เสี่ยวซิ่งลำบากใจคือฮูหยินน้อยเกลียดกลัวการกินยายิ่งนัก!
"...ก็ได้ ข้าจะกิน"ถอนใจแรง คนบ้า...ก็รู้ว่าข้าไม่ชอบกินยา ยังจะมาบังคับให้กินอีก แม้จะรู้ว่าเขายังไม่อยากให้นางตั้งครรภ์ยามนี้แต่ก็อดบ่นไม่ได้
"อา..ขอบคุณเจ้าค่ะฮูหยินน้อย"เสี่ยวซิ่งเงยหน้ากล่าวขอบคุณฮูหยินน้อย ด้วยความซาบซึ้งใจ เพราะไม่คาดคิดว่าฮูหยินน้อยจะยอมกินยาโดยง่ายเช่นนี้ แล้วเหตุใดท่านแม่ทัพจึงกล่าวว่าฮูหยินน้อยเกลียดกลัวการกินยา?
"อึกๆเสี่ยวอี้ขอน้ำหน่อย"เห็นใบหน้างามบิดเบี้ยวเหยเกน้ำตาคลอหน่วย สายตาที่มองถ้วยยาอย่างขยาดขยะแขยงราวกับพบเห็นสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็นของฮูหยินน้อย เสี่ยวซิ่งถึงได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ฮูหยินน้อยเกลียดกลัวการกินยาแต่เพราะไม่อยากเห็นนางถูกท่านแม่ทัพทำโทษจึงได้ฝืนกินยาแสนขมนี้สินะ สมแล้วที่บ่าวไพร่ชื่นชมว่าใจดี อ่อนโยนและมีเมตตา เสี่ยวซิ่งถึงกับตั้งจิตสาบานว่าจะคอยรับใช้ฮูหยินน้อยของท่านแม่ทัพให้ดีที่สุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่
"หลินหลินไปเถิด ฟานฟานหิวแล้ว"เป็นครั้งที่สามแล้วที่เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องประท้วงนาง
"อืม...ไปก็ไป"ตอบทางจิต ส่งถ้วยยาคืนเสี่ยวซิ่งแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
"จริงสิ เจ้าชื่ออะไรรึ?"ถามสาวใช้ที่ยังนั่งคุกเข่าตรงหน้า
"บ่าวชื่อเสี่ยวซิ่งเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"
"อืม..ลุกขึ้นเถิดเสี่ยวซิ่ง แล้วถือถ้วยยานั่นตามข้ามา"พูดจบก็เดินนำออกไป โดยมีสามสหายน้อยวิ่งนำหน้า ส่วนสามสาวใช้ เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยและเสี่ยวซิ่งเดินตามหลังฮูหยินน้อยไปติดๆ
--------
ที่โต๊ะอาหาร มู่หลิ่งเหวินนั่งรอภรรยาอันเป็นที่รักด้วยใจจดจ่อ ดวงตาคมทรงเสน่ห์จับอยู่หน้าประตูทางเข้าตลอดเวลา สร้างความประหลาดใจแก่พ่อบ้านเจาและบ่าวไพร่นับสิบที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะอาหารยิ่งนัก
เกิดอันใดขึ้น? แม่ทัพที่สุขุมเยือกเย็น สังหารศัตรูได้ไม่กระพริบตาหายไปไหน? นี่ใช่แม่ทัพหนุ่มผู้นั้นจริงหรือ?เหตุใดจึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้? หรือจะเป็นเพราะฮูหยินน้อย?
"หลินเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว"
"รอนานไหมเจ้าคะ?"
"พี่ก็พึ่งมาถึงเช่นกัน มานั่งตรงนี้เถิด"
"..."พ่อบ้านเจาถึงกับอ้าปากค้าง มองดูท่านแม่ทัพรีบลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปโอบประคองฮูหยินน้อยอย่างทะนุถนอมมานั่งข้างๆ ซ้ำยังปดเพื่อให้นางสบายใจอีก ท่านแม่ทัพเปลี่ยนไปเพราะฮูหยินน้อยจริงๆหรือนี่?
"นำอาหารเข้ามา!"เสียงสั่งที่เข้มขึ้นและทรงอำนาจ ทำเอาพ่อบ้านเจาถึงกับสะดุ้ง ลนลานหันไปกวักมือให้บ่าวไพร่ลำเลียงอาหารนับสิบอย่างขึ้นโต๊ะแล้วถอยฉากกลับไปยืนตำแหน่งเดิมไม่ลืมอาหารสำหรับเจ้าสามสหายน้อยด้วย
ส่วนสี่องครักษ์ จิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อ จิ๋นซาน จิ๋นซื่อ ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูฝั่งละสองคน เหลือบมองเข้ามาในห้องมุมปากยกยิ้มเล็กน้อยอย่างล้อเลียน ด้วยทราบเรื่องดีทุกอย่าง
"อาหารเยอะแยะมากมายขนาดนี้ จะกินหมดหรือเจ้าคะ?"มองดูอาหารนับสิบอย่างแล้วถามสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ แม้จะรู้สึกเขินอยู่บ้างก็เถิด สามี...สามี...สามี..ต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจ
"พี่ไม่รู้ว่าเจ้าชอบกินอันใดบ้าง? จึงให้พ่อครัวทำออกมาหลายๆอย่าง เจ้าลองชิมดูหน่อยเถิด ชอบไม่ชอบสิ่งใด พี่จะได้สั่งให้พ่อครัวทำให้"กล่าวเอาใจมือคีบอาหารใส่ในถ้วยข้าวของนางจนพูน
"..เอ่อ..พี่เหวินก็ทานด้วยสิเจ้าคะ"คีบอาหารให้สามีรูปงามคืนบ้างพร้อมกับส่งยิ้มหวาน เล่นเอาสี่บ่าวหญิงที่ยืนก้มหน้ารอรับคำสั่ง หน้าแดงยืนบิดไปมาเมื่อได้ยินบทสนทนาเกี้ยวพาของผู้เป็นนายทั้งสอง ผิดกับเสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย ที่อมยิ้มด้วยความปลาบปลื้มยินดีกับสิ่งที่ท่านแม่ทัพทำให้คุณหนูของพวกนาง
-----------
หลังมื้ออาหารเช้าผ่านไป สองสามีภรรยาพากันไปนั่งพักผ่อนที่หอเก๋งสีขาวริมสระบัว เพื่อให้บ่าวไพร่ทำงานขนย้ายข้าวของกันได้สะดวก
"พี่เหวิน เรื่องของสามสหายน้อย..."ชิงหลินตั้งใจจะขอให้ทั้งสามตัวพักอยู่ในห้องเดียวกับนางเหมือนเช่นที่ผ่านมา
"พี่ได้จัดห้องไว้ให้พวกมันแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป"
"เอ๊ะ...ยุ่งยากเปล่าๆ ให้นอนที่ห้องหลินเอ๋อร์ก็ได้เจ้าค่ะ"
"ไม่ได้! พี่ไม่ยอมเด็ดขาด!"ค้านเสียงแข็งด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางลืมแล้วรึ ว่านางแต่งงานแล้ว? มารดานางเถิด! เห็นเจ้าสัตว์หน้าขนสามตัวนั่น ดีกว่าสามีตนเองได้อย่างไร? มันน่านัก!
การค้านหัวชนฝาของเขาทำคนฟังถึงกับตะลึง ไม่คิดว่าจะเขาโมโหเพราะเรื่องแค่นี้ ดวงตากลมโตจึงมองคนตัวใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อระคนขบขัน
"....เจ้า...หัวเราะเยาะพี่หรือ?"
"....หลินเอ๋อร์เปล่าหัวเราะนะ....อุ๊ฟ...."โบกมือปฏิเสธพัลวันก่อนจะรีบปิดปากเมื่อหลุดหัวเราะออกมาคำหนึ่ง ก็หน้าเขาตอนนี้มันมืดครึ้มราวกับท้องผูก ไม่ได้ถ่ายมาหลายวัน
"ฮึ่ม!....เจ้ากล้าหัวเราะเยาะพี่ รอก่อนเถิด"
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยน้า^_^