ยามเหม่าโถงหลักจวนนายอำเภอชิงไห่
มู่หลิ่งเหวินลืมตาตื่นขึ้นด้วยความเคยชิน หากอยู่ที่จวนแม่ทัพนี่คือช่วงฝึกฝนความแข็ง แกร่งของร่างกาย แต่ยามนี้ร่างของเขามีร่างเล็กนุ่มนิ่มก่ายกอดอยู่ราวกับตนเป็นหมอนข้าง!
ในอดีตแม่ทัพหนุ่มคุ้นชินกับการนอนคนเดียวและมักจะหลับลึกเพียงหนึ่งหรือสองชั่วยามเท่านั้น ก่อนแต่งนางเข้ามายังคิดอยู่ว่าจะสามารถนอนหลับได้อย่างเคยหรือไม่ แต่คาดไม่ถึง การมีร่างเล็กนุ่มนิ่มหอมกรุ่นนอนอยู่เคียงข้างกลับทำให้หลับลึกนานขึ้นบางครั้งนานถึงสี่ชั่วยาม และการได้พักผ่อนอย่างเพียงพอส่งผลให้อารมณ์ ร่างกายที่ตึงเครียด ผ่อนคลายดุจดื่มโอสถชั้นเลิศที่สวรรค์ประทานมาให้
แม่ทัพหนุ่มเบนศีรษะออกห่างเล็กน้อย มองดูร่างเล็กที่นอนอิงแอบแนบชิดข้างกาย ศีรษะเล็กหนุนท่อนแขนแกร่ง ใบหน้าจิ้มลิ้มข้างหนึ่งแนบซบอยู่แถวหน้าอกขวา มือเรียวขาววางอยู่บริเวณอกซ้ายของตน
ดวงตากลมโตคู่งามปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยตามจังหวะการหายใจ ดูเย้ายวนและน่าทะนุถนอมยิ่ง เส้นผมเงางามนุ่มลื่นที่ละลงมาคลอเคลียแก้มเนียนใส ทำให้ไม่อาจหักห้ามใจให้ดูเฉยๆได้ มือหนาปัดปอยผมทัดหูเล็กได้รูปให้อย่างเบามือ ความนุ่มลื่นที่ปลายนิ้วพร้อมกลิ่นหอมอ่อนที่โชยออกมาจากเส้นผมเงางามดุจแพรไหมชวนให้ใจปั่นป่วน หากไม่ติดขัดตรงที่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ เห็นทีแม่ทัพหนุ่มคงจะมอบความรักให้นางไปแล้ว
ร่างหนาสูดลมเข้าแรงปรับอารมณ์ที่ปั่นป่วนให้สงบ พอจะสงบลงเจ้าร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดกลับขยับกายเสียดสีบดเบียดแนบชิดเข้ามามากขึ้น จนสีข้างสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นอวบอิ่มของปทุมถันคู่งาม ผสานกับความอุ่นร้อนหอมกรุ่นจากกายนาง ส่งผลให้จิตใจที่กำลังจะสงบลุกโชนขึ้นพรึ่บแตะเพดานทันที
ปลายนิ้วแข็งแรงเชยคางเรียวขึ้นจนใบหน้าจิ้มลิ้มแหงนเงยไปข้างหลัง ขยับกายเล็กน้อยแล้วจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่มแผ่วเบานุ่มนวล แล้วค่อยดุดันขึ้นตามอารมณ์ปรารถนา
"อืออออ"เสียงครางแผ่วเบาจากร่างเล็กทำแม่ทัพหนุ่มชะงักผละริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย คิดว่านางคงตื่นแล้วเพราะการกระทำเอาแต่ใจของตน ก่อนจะนึกได้ว่า หลินเอ๋อร์ของตนขี้เซาเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นฉี! อาการเมื่อครู่ก็เป็นเพียงการละเมอเช่นปกติเท่านั้น
ฝ่ายชิงหลินคิดว่า ตัวเองกำลังอยู่ในห้วงฝันอันแสนหวานที่ออกจะลามกนิดหน่อย ด้วยกำลังฝันว่า ถูกหนุ่มรูปงามที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมอบจูบที่แสนหวานให้ จูบแสนหวานชวนวาบหวิว เนิบช้าแล้วค่อยดุดันเร่าร้อนสร้างความพอใจแก่นางจนเผลอส่งเสียงครางออกมา เจ้าของจูบแสนหวานก็ผละจากทำให้รู้สึกเสียดายนิดหน่อย
กลับมาที่แม่ทัพหนุ่มยามนี้มองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ห่างเพียงนิ้วกั้นด้วยสายตาร้อนแรง จากนั้นหลุบมองริมฝีปากอวบอิ่มแล้วประกบปากหนาได้รูปของตนลงไปอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ดุดัน เรียกร้องและเอาแต่ใจยิ่ง เป็นการกระทำที่จงใจปลุกนางให้ตื่นจากการหลับใหล
แต่หลินเอ๋อร์ของเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้น แม่ทัพหนุ่มจึงเลื่อนริมฝีปากมายังลำคอระหงขาวผ่อง คลอเคลียจุมพิตสูดดมกลิ่นหอมไม่ยอมห่าง มือหนาลูบไล้เลื่อนไปปลดสายคาดเอวผ้าที่ผูกไว้หลวมๆ ออกแรงกระชากอย่างรวดเร็วก็หลุดออก โดยที่เจ้าของร่างไม่ทันได้รู้สึกตัว ยกศีรษะนางขึ้นดึงแขนตนเองออกมาแล้ววางศีรษะนางลงกับหมอน ทุกการกระทำรวดเร็วจนน่านับถือ
"หึ...ดูสิว่าเจ้าจะขี้เซาได้อีกนานเท่าใด?"พึมพำด้วยเสียงอันแหบพร่าจบ นิ้วแข็งแรงจับปลายคางมนให้หันมาทางตนแล้วจุมพิตเป็นครั้งที่สาม เมื่อร่างเล็กตอบสนองกลับตามสัญชาตญาณ ลำแขนแข็งแรงจึงรวบร่างเล็กของนางขึ้นมาทาบทับร่างแกร่งของตน ทั้งสองแลกจุมพิตกันอย่างดูดดื่มเสียอยู่อย่างเดียว คืออีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว หากร่างเล็กรู้สึกตัวความดูดดื่มคงจะล้ำลึกกว่านี้สิบเท่า
"อืมมมมม"เสียงครางแผ่วเบา กระตุ้นแรงปรารถนาให้เตลิดเปิดเปิงจนกู่ไม่กลับ ร่างแกร่งพลิกกลับขึ้นมาคร่อมร่างเล็กแทน ลำตัวยกขึ้นศอกทั้งสองวางอยู่ข้างหัวไหล่เล็กที่ยังคงหลับพริ้ม อดที่จะขบขันไม่ได้ อา...หลินเอ๋อร์ เจ้าช่างหลับลึกจริงๆ
"หลินเอ๋อร์"ก้มกระซิบข้างหูเป่าลมใส่สำทับอย่างหยอกเย้าและหยั่งเชิง
"อืมมมม"เสียงครางตอบกลับมา พร้อมกับอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดและย่นคอหนีราวกับรำคาญที่ถูกรบกวนของร่างเล็ก สร้างความขบขันระคนเอ็นดูต่อแม่ทัพหนุ่มยิ่ง จึงแสร้งจุมพิตเร็วๆที่ริมฝีปากอวบอิ่มหลายครั้ง
"อืมมมม"คราวนี้เสียงครางดังขึ้นกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันยิ่งขมวดแน่นเข้าจนหัวคิ้วทั้งสองแทบจะชนกัน มือหนึ่งปัดป่ายด้านหน้าตัวเองอย่างรำคาญใจ
เพี๊ยะ! ฝ่ามือพิฆาตฟาดเข้ากับแก้มสากอย่างพอเหมาะพอเจาะ โดยที่แม่ทัพหนุ่มไม่ทันหลบ แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้คนถูกตบถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
นัยน์ตาคมหรี่มองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างจับผิดว่าจงใจหรือละเมอทำไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะส่ายหน้าระอา "อา...ละเมอหรอกรึ? แม้จะละเมอทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่การทำร้ายสามี เจ้าต้องถูกลงโทษรู้รึไม่?"แม่ทัพหนุ่มกระซิบทั้งใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกโด่งอย่างหยอกเย้า จากนั้นโน้มใบหน้าต่ำลงถูไถจมูกโด่งรั้นเชิดไปมาสองสามครั้ง แล้วประกบปากจุมพิตอย่างดูดดื่ม ผละออกแล้วประกบลงไปใหม่อีกครั้งอย่างไม่รู้จักอิ่ม
ขณะเดียวกันมือหนาก็ลูบไล้ใบหน้าจิ้มลิ้มนุ่มลื่น เลื่อนมาที่ลำคอระหงไหปลาร้า สอดมือผ่านอาภรณ์เนื้อบางเบาเข้ากอบกุมความนุ่มหยุ่นอวบตึงเต็มมือ บีบคลึงเคล้นหนักเบาสลับกันปลายนิ้วโป้งไล้วนยอดปทุมคู่งามสร้างความเสียวซ่านแก่ร่างเล็กจนครางออกมา
ซึ่งเสียงครางพร้อมกับร่างที่แอ่นโค้งยอดปทุมชูชันสู้มือ ปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าในกายให้ตื่นขึ้น มือร้อนเพิ่มความเร็วและน้ำหนักลงไปอีก ละจากริมฝีปากอวบอิ่มลงคลุกเคล้า เกลือกกลั้วใบหน้ากับปทุมถันคู่งามข้างที่ว่างอย่างเมามัน
มือข้างที่ว่างปลดดึงอาภรณ์ของนาง เหลือเพียงกางเกงซับในสีขาวบางเบาปกปิดร่าง แม่ทัพหนุ่มถึงกับหายใจติดขัดจ้องมองผิวขาวผ่องราวหิมะอย่างหลงใหล ปทุมถันคู่งามลอยเด่นปลายยอดสีชมพูชูชันดั่งบุปผาอันงดงามของฤดูใบไม้ผลิ ชวนสัมผัสลิ้มลองยิ่ง
"หลินเอ๋อร์ของพี่ เจ้าช่างงามนัก"กล่าวพลางใช้ปลายนิ้วเขี่ยยอดปทุมคู่งามทั้งสองอย่างแผ่วเบาเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของนาง จากนั้นเข้าครอบครองยอดปทุมที่หอมหวานกว่าบุปผาทุกชนิดอย่างดูดดื่ม เมื่อหนำใจแล้วก็เคลื่อนใบหน้าลงมาหน้าท้องแบนราบไล้เลียหยอกเย้า สองมือกอบกุมอยู่กับปทุมคู่งาม สร้างความรัญจวนใจจนร่างเล็กสั่นสะท้าน บิดเร่าอย่างห้ามไม่อยู่ ทุกครั้งที่มือและลิ้นชื้นร้อนผ่าวลากผ่านจะได้ยินเสียงครางออกมาจากปากอวบอิ่ม
แต่ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเคลื่อนต่ำลงไปอีก แก้มสากทั้งสองข้างก็ถูกมือเรียวนุ่มนิ่มยึดไว้อย่างแน่นหนาหยุดแม่ทัพหนุ่มไว้
"โจรราคะ กล้าลักหลับข้าหรือ?"นั่นเป็นเหตุการณ์ในเช้าตรู่ที่แสนจะสดใส อากาศกำลังดี อารมณ์กำลังคึกได้ที่ ของต้นฤดูเหมันต์…..