ล่วงเข้ายามเฉินวันต่อมา
ชิงหลินที่พึ่งหลับไปไม่ถึงสองชั่วยาม ต้องจำใจตื่นเพราะเสียงปลุกของสามสหายน้อย งัวเงียลุกขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ตามเนื้อตามตัวมีรอยช้ำเป็นจ้ำห้อเลือดจางๆเต็มไปหมด แถมยังกวนนางทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อึดถึกอย่างกับช้างสาร! แล้วนี่หายไปไหนของเขานะ?
"หลินหลิน ฟานฟานหิวแล้ว"เจ้าพยัคฆ์น้อยวิ่งนำสองจิ้งจอกน้อยเข้ามาในห้อง ตามมาติดๆคือสองสาวใช้ เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย ในมือถืออ่างล้างหน้ากับผ้าขนหนูเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
"ฮูหยินน้อย ล้างหน้าล้างตาก่อนเถิดเจ้าค่ะ"เสี่ยวอี้วางอ่างล้างหน้าแล้วเดินเข้ามาประคองนางลงจากเตียง
"...ท่านแม่ทัพไปไหนหรือ?"ถามสาวใช้หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว โดยมีสามสหายน้อยเล่นสนุกหยอกล้อกันอยู่บนเตียง
"ท่านแม่ทัพไปลานฝึกทหาร เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนแล้วเจ้าค่ะ"เสี่ยวอี้ตอบพลางสางผมให้ฮูหยินน้อยของตนไปด้วยอย่างเบามือ
"ท่านแม่ทัพยังกำชับว่า ห้ามปลุกฮูหยินน้อยและให้นำอาหารพร้อมยาบำรุงมาส่งที่นี่แทนเจ้าค่ะ"คำพูดของเสี่ยวอี้ทำชิงหลินรู้สึกเขินกับถ้อยคำแฝงความนัยนั้น จะบอกว่านางต้องหมดเรี่ยวหมดแรงจนลุกไม่ขึ้นใช่รึไม่? ร้ายนักนะ
"หลินหลิน เป็นอันใดเจ้าคะ? หน้าแดงเชียว"หมั่นโถวน้อยเดินมายืนข้างเท้าเอียงหัวเรียวเล็กมองหลินหลินที่นั่งหน้าแดงอยู่หน้ากระจกทองเหลือง
"ข้าสบายดี ขอบใจที่ห่วง"ตอบจิ้งจอกน้อยทางจิต สองมืออุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก
"เสี่ยวสุ่ย ให้คนนำอาหารเข้ามาเถิดข้าหิวแล้ว"หันไปสั่งเสี่ยวสุ่ย แล้วหันกลับมาสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้งครั้นเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงลุกมานั่งที่โต๊ะ รอเพียงครู่เดียวอาหารสี่ห้าอย่างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่นางชอบก็ถูกลำเลียงมาวางตรงหน้าโดยการนำของพ่อบ้านเจา
พ่อบ้านเจาหรือเจาเหยียน ทำงานรับใช้สกุลมู่มานาน ครั้นคุณชายมู่หลิ่งเหวินได้เป็นแม่ทัพใหญ่และได้รับพระราชทานจวนแม่ทัพแห่งนี้ เจาเหยียนก็ได้ติดตามมารับใช้คุณชายอย่างที่ใจปรารถนา
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่อยู่รับใช้ท่านแม่ทัพ เจาเหยียนไม่เคยเห็นท่านแม่ทัพพึงใจ หรือชื่นชอบสตรีใดมาก่อน ออกจะรำคาญเสียด้วยซ้ำ แม้แต่กับคู่หมายที่ควรเอาอกเอาใจ ท่านแม่ทัพก็หาใส่ใจไม่ ปล่อยปละละเลยทั้งยังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายแบบคลุมถุงชนนี้
แต่ทุกอย่างกลับพลิกผัน ภายหลังจากที่คู่หมายรอดจากความตายอีกครั้ง เจาเหยียน เห็นท่านแม่ทัพเริ่มไปมาหาสู่คู่หมาย ใบหน้าที่มักเรียบนิ่งเฉยชาไม่แยแสสิ่งใด ราวกับเทพน้ำแข็ง เริ่มปรากฏรอยยิ้มและเริ่มบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ จนเจาเหยียนอดประหลาดใจไม่ได้ ล่าสุดก่อนเข้าพิธีวิวาห์ คุณชายดูตื่นเต้นยินดีปรีดายิ่งนัก ถึงขนาดเข้ามาโอบไหล่ตนตบแรงๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนทำเอาเจาเหยียนถึงกับอึ้งกิมกี่
เมื่อวานยังเรียกเจาเหยียนไปกำชับ ให้คอยดูแล ปรนนิบัติฮูหยินน้อยให้ดี อย่าให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเด็ดขาด ที่สำคัญฮูหยินน้อยยังมีสิทธิ์ตัดสินใจ เรื่องต่างๆภายในจวนได้ไม่ต้องรอคำสั่งยืนยันจากท่านแม่ทัพ
อา...ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะโปรดปรานฮูหยินน้อยของตนอยู่มากเลยทีเดียว เจาเหยียน พยักหน้าหงึกๆกับความคิดนี้ของตนเอง
"พ่อบ้านเจา ท่านแม่ทัพรับอาหารเช้าแล้วหรือ?"ชิงหลินถามพ่อบ้านชราวัยห้าสิบปลายๆ รูปร่างผอมสูงราวร้อยหกสิบเซนติเมตร ใบหน้าเรียวยาวไว้เครา ดูท่าทางสุภาพ สุขุม และใจดี
"ยังขอรับ"
"อ้าว..แล้วปกติ ท่านแม่ทัพรับอาหารเช้ายามใด?"
"ไม่แน่นอนขอรับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์"
"แล้วการฝึกทหารเริ่มยามใดถึงยามใด?"
"เริ่มยามเหม่าสิ้นสุดที่ยามเฉินเต็มยามขอรับ"
"อืม..ข้ารู้แล้ว ขอบใจมาก จะไปทำอะไรก็เชิญเถิด"ชิงหลินจิบน้ำชาเล็กน้อย มองสามสหายน้อยที่จัดการอาหารของตัวเองเรียบร้อยแล้วเช่นกันแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
"ฮูหยินน้อย ท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?"เสี่ยวสุ่ยเอ่ยถามฮูหยินน้อย
ชิงหลินทำเพียงส่งยิ้มให้เสี่ยวสุ่ย ย่อตัวลงเบื้องหน้าสามสหายน้อยแล้วถาม "สนใจ ไปเที่ยวดูลานฝึกทหารกับข้าไหม?"
"หลินเอ๋อร์ไปไหน พวกเราไปด้วย"เจ้าพยัคฆ์น้อยตอบกลับทันทีไม่ต้องคิดเสียเวลา
"ลานฝึกทหาร? น่ากลัวหรือไม่เจ้าคะ?"หมั่นโถวน้อยร้องถามอย่างกล้าๆกลัว
"ลานฝึก ไม่ใช่ลานประหาร จะน่ากลัวได้เยี่ยงไรเล่า!"เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องบอกเจ้าจิ้งจอกน้อย
"เสี่ยวอี้ เอาอุปกรณ์วาดรูปของข้ามา"ชิงหลินสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆจากนั้นจึงหันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน "เสี่ยวสุ่ย ให้พ่อบ้านเจานำอาหารที่เตรียมไว้ให้ท่านแม่ทัพ ไปกับข้าด้วย"
"เจ้าค่ะคุณหนู"เสี่ยวสุ่ยตอบรับคำสั่งของฮูหยินน้อยแล้วรีบไปทางโรงครัว
-------------
ลานฝึกทหารจวนแม่ทัพไร้พ่าย ถูกกั้นด้วยกำแพงสูง มีประตูเหล็กที่ทำจากเหล็กกล้าขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าเฉกเช่นเดียวกับจวนทั่วไป ข้างประตูเหล็กมีประตูเล็กอยู่สำหรับให้คนเดินเข้าออก มีทหารยามยืนยามตลอดสิบสองชั่วยาม
"พ่อบ้านใหญ่เจา มาทำอันใดที่นี่ขอรับ"ทหารยามถามพ่อบ้านใหญ่แห่งจวนแม่ทัพไร้พ่ายอย่างให้เกียรติ สายตาดุดันมองสตรีใบหน้าจิ้มลิ้ม งดงาม ในอ้อมแขนอุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อย ยืนอยู่เบื้องหลังพ่อบ้านใหญ่ด้วยความสนใจ แล้วพลันหน้าแดงเมื่อเห็นนางส่งยิ้มให้
"เสียมารยาท ท่านผู้นี้คือ ฮูหยินน้อยของท่านแม่ทัพ"เจาเหยียนกล่าวตำหนิทหารยาม
"ฮูหยินน้อยโปรดอภัยด้วย!"สองทหารยามรีบคุกเข่าก้มหน้าต่ำ ให้รู้สึกหวาดหวั่นใจขึ้นมา อา...นางคือฮูหยินน้อย สตรีที่ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้กับท่านแม่ทัพ ซ้ำยังครอบครองหัวใจน้ำแข็งของท่านแม่ทัพไว้แต่เพียงผู้เดียว!
"ลุกขึ้นเถิด ท่านแม่ทัพอยู่ที่ลานฝึกทหารใช่หรือไม่?"เสียงหวานถามแบบไม่เจาะจง
"เอ่อ...ขอรับ ฮูหยินน้อย"หนึ่งในสองทหารยามก้มหน้าต่ำตอบนาง
"ฮูหยินน้อยต้องการนำอาหารไปให้ท่านแม่ทัพ รบกวนเจ้านำทางทีเถิด"เจาเหยียนกล่าวแทนฮูหยินน้อย
"เอ่อ..."ทหารยามคนเดิมมีท่าทีหนักใจ สายตาดุดันเหลือบมองเพื่อนทหารยามด้วยกันอย่างขอความเห็น แต่อีกฝ่ายกลับหลบตาก้มหน้าต่ำ ไอหยา..เจ้านี่ คิดปล่อยให้ข้าเผชิญชะตากรรมคนเดียวรึ!
"ฮูหยินน้อย!ท่านมาอยู่ที่นี่เอง"จิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อ ก้าวยาวๆเข้ามาหาชิงหลินพร้อมกับถอนใจแรง พวกตนสองคนได้รับคำสั่งให้คอยคุ้มกันฮูหยินน้อย สลับกับจิ๋นซาน จิ๋นซื่อที่คอยคุ้มกันยามค่ำคืน
ตนกับจิ๋นเอ้อ กลับไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงครึ่งชั่วยามพอกลับมาอีกครั้ง บ่าวหญิงคนหนึ่งก็แจ้งว่า ฮูหยินน้อยมาลานฝึกทหาร ตนกับจิ๋นเอ้อจึงรีบรุดมาจนแทบจะเหาะมาเลยทีเดียว
"อา...ข้าลืมไป ขอโทษเจ้าสองคนด้วยนะ"หันไปกล่าวขอโทษสององครักษ์ด้วยรู้ดีว่าสามีเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง จึงได้ส่งสี่องครักษ์คนสนิทมาคอยคุ้มกัน แต่นางไม่ได้ไปไหนไกลเสียหน่อย แค่หน้าจวนแม่ทัพเองนะ
"ฮูหยินน้อย ยามนี้ท่านต้องระวังตัวให้มาก ไม่ควรไปไหนเพียงลำพังนะขอรับ"ด้วยความคุ้นชินและเป็นห่วง จิ๋นเอ้อที่มักจะประหยัดคำพูดคำจาจึงเผลอตำหนินางต่อหน้าบ่าวคนอื่น ท่ามกลางความอึ้ง ตกใจของเหล่าผู้ติดตามไม่เว้น จิ๋นอี้
"เอ่อ.....รู้แล้ว ข้าจะจำไว้"รับคำพร้อมกับกระพริบตาปริบๆไม่คิดว่าจะได้ยินคำตำหนิจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้
----------
กลางลานฝึกทหาร
ทหารนับหมื่นล้อมเข้าเป็นวงกลม ส่งเสียงโห่ร้องกันจนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เหล่าทหารหาญฮึกเหิมสนุกสนานกันได้ขนาดนี้ เป็นเพราะมีการประลองมือเปล่าที่น่าตื่นเต้น ระหว่างท่านแม่ทัพกับรองแม่ทัพจางมู่หลง
ทันใดนั้นปรากฏร่างสีขาวสายหนึ่งพุ่งเข้ามากลางวงล้อม ก่อนจะหยุดลงเบื้องหน้าของผู้เป็นใหญ่ในจวนนี้
"เจ้าพยัคฆ์น้อย?"มู่หลิ่งเหวินเลิกคิ้วมองมันด้วยความประหลาดใจ มันมาทำอันใดที่นี่? แล้วหลินเอ๋อร์เล่าอยู่ที่ใด? "มีเรื่องอันใดรึ?"ย่อตัวลงถามมันทางจิต
"ช่วยหลินหลินที หลินหลินถูกเจ้าร่างยักษ์ชุดดำ เอาตัวไปแล้ว!"เจ้าพยัคฆ์น้อยตะโกนบอกทางจิตเสียงดัง ตากลมเล็กสีเทาไหวระริกและชุ่มไปด้วยน้ำตา
"เจ้าว่าอันใดนะ!"แม่ทัพหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริง จะเป็นไปได้เยี่ยงไร? นางอยู่ในจวนแม่ทัพที่คุ้มกันแน่นหนา มดสักตัวยังไม่อาจเล็ดรอดสายตาเข้าไปได้ ซ้ำยังเป็นยามกลางวัน แล้วจะให้เชื่อลงได้อย่างไร? แต่ด้วยนิสัยอวดดี จองหองและหยิ่งผยองของเจ้าพยัคฆ์น้อย หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเหนือบ่ากว่าแรงมันแล้ว อย่าฝันว่ามันจะมาขอความช่วยเหลือจากตน และทุกครั้งล้วนเป็นเรื่องของนางทั้งสิ้น ที่สำคัญมันไม่เคยโป้ปดมดเท็จสักครั้งเดียว!
"หลินหลินถูกจับตัวไปแล้ว!"เจ้าพยัคฆ์น้อยตะโกนซ้ำอีกครั้งทางจิต หยดน้ำใสๆเริ่มไหลออกมาจากตากลมเล็กสีเทา ทั้งโมโห ทั้งเจ็บใจ ทั้งเป็นห่วงหลินหลินจนไม่อาจสงบจิตใจได้
โมโหในความไม่เอาไหนของตัวเอง ที่ปล่อยให้เจ้าพวกชุดดำเข้าประชิดตัวหลินหลิน โดยที่มันสัมผัสจิตสังหารของพวกมันไม่ได้
เจ็บใจที่มันยังเป็นเพียงลูกพยัคฆ์ไร้ซึ่งความน่ากลัว น่าเกรงขาม ทำให้เจ้าพวกน่าตายนั่นกล้าลักพาตัวหลินหลินต่อหน้าต่อตามัน
เป็นห่วงไม่รู้ว่ายามนี้หลินหลินจะเป็นเช่นใดบ้าง พวกมันจะทำร้ายหลินหลินหรือไม่? หลินหลิน....ฟานฟานขอโทษ เจ้าพยัคฆ์น้อยส่งเสียงครางออกมาจนเหล่าทหารกล้า รวมถึง จางมู่หลง ที่ยังไม่รู้เรื่องราวได้แต่ยืนมองอย่างโง่งม
"หลินเอ๋อร์รึ ถูกจับตัวไป?"
"ก็ใช่น่ะสิ!"
"ที่ใด!? เมื่อไหร่!?"มือหนารวบตัวเจ้าพยัคฆ์น้อยขึ้นมาระดับสายตา ออกแรงบีบจนพยัคฆ์น้อยเริ่มรู้สึกเจ็บบริเวณลำตัว ใบหน้าหล่อเหลางดงามราวเทพเซียนดำมืดรังสีฆ่าฟันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเหล่าทหารกล้าถอยหนีโดยไม่รู้ตัวตามสัญชาตญาณ
"หน้าจวน ราวหนึ่งเค่อกว่าเห็นจะได้"เจ้าพยัคฆ์น้อยตอบกลับอย่างรวดเร็ว มันรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก ที่ลานฝึกทหารอยู่ลึกกว่าที่มันคาดไว้ ทำให้มันต้องเสียเวลาไปเกือบหนึ่งเค่อจึงจะมาถึงที่นี่ได้ โดยมีเสียงของเหล่าทหารเป็นสิ่งนำทางไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่ามันจะต้องเสียเวลาไปอีกนานเท่าใด
"ท่านแม่ทัพ! มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือขอรับ?"จางมู่หลงเอ่ยปากถาม ด้วยคุ้นชินกับโทสะของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ดียิ่งกว่าผู้ใด แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ เพราะจางมู่หลงพึ่งจะเคยได้สัมผัสโทสะที่รุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรก อา...ผู้ใดกันที่หาญกล้าทำให้เทพสงครามมีโทสะได้ถึงเพียงนี้ ? รนหาที่ตายแท้ๆ
"มู่หลง ข้าต้องการใช้กองกำลังปีศาจมู่หนึ่งกอง"แม่ทัพหนุ่มยืดกายยืนขึ้นช้าๆ หันมาสั่งการกับรองแม่ทัพด้วยน้ำเสียงเข้มต่ำอย่างที่ใครฟังก็รู้ว่าท่านแม่ทัพ พยายามสะกดกั้นโทสะที่ประทุอยู่ภายในอกและพร้อมที่จะระเบิดออกมาเผาผลาญทุกสิ่งให้มอดไหม้เป็นเถ้าธุลีได้ทุกเวลา อย่างสุดกำลัง
"....กองกำลังปีศาจมู่?"นี่มันร้ายแรงถึงขั้นต้องใช้กองกำลังปีศาจมู่เลยเชียวรึ? ใบหน้างามคล้ายสตรีเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนตื่นตกใจ
กองกำลังปีศาจมู่ เป็นกองกำลังที่ท่านแม่ทัพก่อตั้งขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ยังเป็นเพียงคุณชายได้รับความสนับสนุนจากนายท่านซึ่งยามนั้นมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ กองกำลังปีศาจมู่เป็นกองกำลังส่วนตัวของท่านแม่ทัพ มีทั้งสิ้นสิบกองกำลัง เรื่องความสามารถไม่ต้องกล่าวถึง กองกำลังปีศาจมู่หนึ่งคนสามารถสู้กับคนหลายสิบคนในคราวเดียวได้อย่างสบายๆ แล้วนี่ให้เรียกมาทั้งกอง หนึ่งร้อยคนมันไม่มากไปหน่อยหรือ?
"เดี๋ยวนี้ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ!"แม่ทัพหนุ่มกดเสียงต่ำลงไปอีก ดวงตาคมทรงเสน่ห์ คมกริบราวกับใบมีด จนจางมู่หลงเสียวสะท้านไปทั้งตัว
"ขอรับท่านแม่ทัพ!"จางมู่หลงประสานมือรับคำสั่งแล้วหมุนกายจากไปปฏิบัติคำสั่งอย่างรวดเร็ว
"...จิ๋นซาน จิ๋นซื่อ เจ้าสองคนตามข้ามา แล้วให้ทหารฝีมือดีสักยี่สิบคนตามไปที่หน้าจวนด้วย"หันไปสั่งสององครักษ์ ก่อนจะอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยด้วยมือซ้ายแล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินไปยังหน้าจวนด้วยความเร็วเทียบเท่าฝีเท้าของเจ้าพยัคฆ์น้อย ซึ่งเป็นความเร็วที่สององครักษ์ไล่ตามไม่ทัน
หนึ่งบุรุษหนึ่งพยัคฆ์มาถึงหน้าจวนในเวลาหนึ่งเค่อต่อ ดวงตาคมทรงเสน่ห์วาวโรจน์ เมื่อเห็นร่างขององครักษ์และบ่าวไพร่รวมห้าคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ใกล้ๆคือ ร่างเล็กสีขาวปลอดของเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวพี่ พอมันเห็นแม่ทัพหนุ่มก็รีบวิ่งเข้าหาพร้อมกับส่งเสียงเห่าไม่หยุด
แม่ทัพหนุ่มเลิกคิ้วมองดูจิ้งจอกน้อยที่กำลังส่งเสียงเห่าอย่างหงุดหงิด เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่มันต้องการจะสื่อบอกตน ขณะวางเจ้าพยัคฆ์น้อยลง สายตาคมพลันเหลือบไปเห็นผงสีขาวบนอาภรณ์สีน้ำหมึกของจิ๋นอี้
"นี่มัน....ผงนิทรา?"แม่ทัพหนุ่มรีบกลั้นลมหายใจ ปลดผ้าคาดหัวสีน้ำเงินเข้มมาปิดจมูกของตนไว้ นับว่าโชคยังเข้าข้างที่เวลานั้นเขานั่งอยู่เหนือลม จึงไม่ได้สูดดมผงนิทราเข้าไปหาไม่ คงหมดสติตามองครักษ์และบ่าวไพร่ไปเป็นแน่ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยจึงย่อตัวนั่งลงข้างร่างสูงใหญ่ของจิ๋นอี้ยกมืออังใต้จมูกแล้วถอนใจโล่งอก เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆขององครักษ์ที่เป่ารดหลังนิ้วมืออย่างสม่ำเสมอ
ผงนิทรา เป็น ยานอนหลับที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุดในบรรดายานอนหลับที่มีอยู่ในยุคนี้ ชาวบ้านธรรมดาหากถูกพิษนี้จะหมดสติทันที แต่หากเป็นผู้มีวรยุทธจะรู้สึกชาไม่อาจขยับตัวได้ราวสามลมหายใจเข้าออกก่อนจะหมดสติ เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นเวลากว่าสิบสองชั่วยามในคนธรรมดา และห้าชั่วยามในผู้มีวรยุทธ ไร้ยาถอนพิษ สิ่งที่ทำได้คือรอปล่อยให้หมดฤทธิ์ยาไปเอง มีผลกับมนุษย์เท่านั้น การที่สามมารน้อยไม่เป็นอันใดจึงไม่แปลก
"เจ้าจงเล่ามาให้ละเอียด"หันมาคาดคั้นความจริงจากเจ้าพยัคฆ์น้อย
"ฮึ!...หลินหลินอยากนำอาหารมาให้เจ้า จึงได้เกิดเรื่อง"
"..ไว้ช่วยนางได้ก่อน เจ้าค่อยมาตำหนิข้า!"
"...ข้ารู้ ไม่ต้องให้เจ้ามาบอกหรอก ขณะที่กำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าทหารยามน่าตายนั่น ข้าเห็นพวกชุดดำห้าคน โผล่มาจากไหนไม่รู้ ซัดผงสีขาวๆนั่นใส่พวกหลินหลิน แล้วอุ้มหลินหลินกระโดดหายไปในอากาศต่อหน้าต่อตาข้า ทุกอย่างปุบปับและรวดเร็ว จนข้าและเป่าเปายังไม่ทันได้ขยับตัวเสียด้วยซ้ำ"เจ้าพยัคฆ์น้อยร่ายยาวด้วยความอัดอั้นตันใจ จนน้ำใสๆเอ่อซึมออกมาจากตากลมเล็กสีเทา มันรีบหันหัวกลมๆเล็กๆหนีไปอีกทาง เพื่อปิดบังความอ่อนแอของตัวเอง
"...เดี๋ยวนะ..เจ้าบอกว่า หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเจ้า?"
"ใช่?...มีอะไรผิดรึ?"
"...แล้วพวกมันหายตัวไปทางทิศใด?"
"ทางนั้น"
"นั่นมันทิศทางที่จะไปจวนเสนาบดีหานหนิงเฉิง?..หรือว่า..."แม่ทัพหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ดวงตาคมทรงเสน่ห์กระตุกวาบ กำหมัดแน่น ฮึ่ม!...เจ้าขุนนางชั่ว ถึงกับกล้าลงมือกลางวันแสกๆ หากหลินเอ๋อร์ของข้ามีแม้แต่รอยขีดข่วนข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้นหานหนิงเฉิง!
"ท่านแม่ทัพ! นี่มันเกิดอันใดขึ้นขอรับ?"จิ๋นซานเอ่ยถามแม่ทัพหนุ่มทันทีที่เหินลงสู่พื้น ตามมาติดๆคือจิ๋นซื่อ
"กลั้นลมหายใจ เร็ว!"แม่ทัพหนุ่มตะโกนสั่งสององครักษ์รีบปฏิบัติไม่ติดใจสงสัยในคำสั่ง
จากนั้นแม่ทัพหนุ่มใช้ดาบพยัคฆ์อัดพลังปราณเข้าไป กวัดแกว่งจนเกิดลมพายุขนาดย่อมพัดพาผงสีขาว พร้อมด้วยฝุ่นผง เศษดินเศษใบไม้ลอยขึ้นสูงจนหายไปในอากาศ หลงเหลือไว้เพียงร่างชายหญิงทั้งห้าที่ยังคงหลับใหล
"...อย่าพึ่งซักไซ้ให้มากความ นำพวกเขาไปด้านในก่อน เร็วเข้า!"ชี้นิ้วสั่งการเสียงเข้ม ประจวบเหมาะกับทหารกล้ายี่สิบนายมาถึงพอดี จึงช่วยกันนำร่างหมดสติของชายหญิงทั้งห้าเข้าไปด้านในก่อน
"ท่านแม่ทัพ กองกำลังปีศาจมู่ พร้อมแล้วขอรับ"จางมู่หลงรายงานเมื่อแม่ทัพหนุ่มเดินผ่านประตูเล็กเข้ามาด้านในมีพยัคฆ์น้อยกับจิ้งจอกน้อยเดินตามหลังมาติดๆ
แม่ทัพหนุ่มไล่สายตามองกองกำลังปีศาจมู่ทั้งร้อยนาย ที่ผ่านการฝึกมาอย่างโชกโชน ทุกรูปแบบ และร่างกายยังสามารถต้านพิษได้มากกว่าห้าสิบชนิด เป็นกองกำลังที่มู่หลิ่งเหวินภูมิใจและพอใจมาก เป็นกองกำลังหลักที่มีส่วนช่วยให้การทำสงครามของแม่ทัพหนุ่มชนะสงครามเสียทุกครั้งไป
"ท่านแม่ทัพ!!!!"เสียงดังกึกก้องฮึกเหิมจากกองกำลังปีศาจมู่ ทำเจ้าพยัคฆ์น้อยกับเจ้าจิ้งจอกน้อยรู้สึกตื่นเต้นจนหูกระดิกขนตั้งไปตามๆกัน
"อืม..ศัตรูคราวนี้ดูเหมือนฝีมือพอตัวและยังมีฮูหยินน้อยของข้าเป็นตัวประกัน ดังนั้นจึงไม่อาจบุ่มบ่ามเข้าไปประจันซึ่งๆหน้าได้"มู่หลิ่งเหวินใช้ปราณเสียงช่วยในการสั่งการให้ได้ยินทั่วกัน ใบหน้าหล่อเหลาสงบนิ่งไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่ภายในมันพลุ่งพล่านร้อนรน กระวนกระวายคล้ายจะระเบิดอยู่รอมร่อ หลินเอ๋อร์...ได้โปรดรอพี่ พี่จะรีบไปช่วยเจ้าให้เร็วที่สุด
"ท่านแม่ทัพ ข้าคิดว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือ หาที่ซ่อนตัวฮูหยินน้อยให้พบก่อน แล้วค่อยจัดการพวกมัน"จางมู่หลงเสนอความเห็นหลังจากฟังเรื่องราวจบ
"แต่ข้าคิดว่าเราน่าจะลอบเข้าไป จับบุตรีเจ้าหานหนิงเฉิงมาเป็นตัวประกันแลกเปลี่ยนกับฮูหยินน้อยนะขอรับ"กองกำลังปีศาจมู่หลายนายเห็นด้วยกับความคิดนี้ของ องครักษ์จิ๋นซาน หากบุตรสาวคนโปรดตกอยู่ในอันตราย เจ้าหานหนิงเฉินต้องไม่อยู่เฉยเป็นแน่
"ชักช้า ข้าว่าเจ้ารีบไปช่วยหลินหลินกลับมาได้แล้ว"เจ้าพยัคฆ์น้อยส่งเสียงบอกเจ้าร่างยักษ์ พอมาถึงหน้าจวนเจ้าเป่าเปาน้อยก็รีบเล่าเรื่องราวที่สามารติดต่อกับน้องสาวทางจิตระยะไกลได้ให้ฟังทันที ทำให้มันคลายความเป็นห่วงหลินหลินไปได้หลายส่วน
"...เจ้า...พูดเหมือนกับรู้ว่าหลินเอ๋อร์ถูกจับตัวไว้ที่ใด?"แม่ทัพหนุ่มย่อตัวนั่งลงจ้องตากลมเล็กสีเทาของมันเพื่อค้นหาความจริง
"แน่นอนสิ ยังมีเจ้าหมั่นโถวด้วยที่ถูกจับตัวไป"
"....เจ้ากำลังจะบอกว่า เจ้าสามารถติดต่อกับเจ้าจิ้งจอกน้อยได้?"
"ถูกต้อง เจ้าเป่าเปากับน้องสาวสามารถส่งกระแสจิตคุยกันระยะไกลได้"
"ฮึ..สรุปเป็นความสามารถของสองจิ้งจอกน้อยหาใช่ของเจ้าไม่"
"เจ้า..."
"เรื่องนี้พักไว้ก่อนเถิด หลินเอ๋อร์อยู่ที่ใดรีบบอกมาเร็วเข้า"สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังเต็มไปด้วยความคาดหวังและเพลิงโทสะที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
"หลินหลินถูกขังอยู่ในห้องใต้ดิน ปลอดภัยดี แต่ยังหลับอยู่ เจ้าหมั่นโถวนอนอยู่ข้างๆ"เจ้าพยัคฆ์น้อยหันไปส่งเสียงคุยกับเจ้าเป่าเปาน้อยแล้วจึงหันมาบอกเจ้าร่างยักษ์
"ห้องใต้ดินนั่นอยู่ที่ใด? ใช่จวนเสนาบดีหานหรือไม่?"
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? แต่หมั่นโถวบอกว่า เป็นห้องใต้ดินที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ด้านหน้ามีต้นกุ้ยฮวาสีส้มขนาดใหญ่"
"ต้นกุ้ยฮวา?"พึมพำกับตัวเองแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "มู่หลง"
"ขอรับท่านแม่ทัพ"จางมู่หลงรับคำแข็งขัน เกือบหนึ่งเค่อที่พวกตนยืนมองท่านแม่ทัพกับพยัคฆ์น้อยทำท่าทางแปลกๆราวกับกำลังสนทนาพูดคุยกันอยู่
"แถวนี้มีจวนใดปลูกต้นกุ้ยฮวาด้านหน้าจวนบ้าง?"
"ต้นกุ้ยฮวารึขอรับ? อา..."จางมู่หลงทำท่าครุ่นคิด
"ข้านึกออกแล้ว! ถัดจากจวนแม่ทัพไปทางจวนเสนาบดีหานหนิงเฉิงราวสิบลี้มีจวนขุนนางร้างหลังหนึ่งที่ถูกลอบสังหารยกครัวเมื่อสามเดือนก่อน จวบจนบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปอยู่เลยขอรับ"จิ๋นซานเดินออกมารายงานท่านแม่ทัพ
"ดี! แบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน มู่หลง เจ้าพากองกำลังปีศาจมู่ลอบเข้าด้านหลัง ส่วนข้าจะเข้าทางประตูหน้าเอง หากมีผู้ใดพบเห็นให้ใช้ผงลืมเลือน และจงจำไว้...ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด ไปได้!"ออกคำสั่งพร้อมทั้งกำชับเสียงเข้ม
"ขอรับ"จางมู่หลงรับคำสั่งก่อนจะแยกตัวไปทำตามแผน
"จะไปช่วยหลินหลินแล้วใช่หรือไม่? ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องขอ
"ตกลง"แม่ทัพหนุ่มตอบมัน หันไปพยักหน้าให้จิ๋นซานอุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยส่วนตัวเองอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยเพราะมันสามารถสื่อสารกับตนได้
"ไปได้!"จิ๋นซานที่อุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยออกคำสั่งแทนท่านแม่ทัพแล้วภารกิจช่วยเหลือฮูหยินน้อยแห่งจวนแม่ทัพไร้พ่ายก็ได้เริ่มต้นขึ้น