ความจริงแล้วสายฟ้าดำไม่ได้หายไปไหน แต่ถูกหงส์เพลิงกลืนกินลงท้องไปแล้วต่างหาก ทั้งยังส่งเสียงเรอออกมาดังลั่นไปทั่วบริเวณจนชิงหลินรู้สึกอายแทน
"ดูเหมือนการเจรจาจะล้มเหลว เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน"สิ้นเสียงกังวานใส มีลมพัดลงมาสายหนึ่ง พร้อมกับการปรากฏกายอย่างยิ่งใหญ่ของหงส์เพลิง กำลังกระพือปีกอันใหญ่โตช้าๆทุกครั้งที่กระพือปีกหนหนึ่ง ก่อเกิดลมแรงจนบ้านเรือนสั่นสะเทือน ชาวบ้านที่อยู่กลางลานกว้างบัดนี้ตกอยู่ภายใต้ปีกสีแดงเพลิงของหงส์เพลิงเรียบร้อยแล้ว
"อ้าว...เหตุใดจึงถอยหลังหนีเสียเล่า? อยากคุยกับข้ามิใช่หรือ?"ชิงหลินดักคอยิ้มหยัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายดีดตัวถอยหลังหนีขึ้นบนหลังคาจวนรักษาระยะห่างหลายสิบเมตร ฝูงนกที่เกาะอยู่บนหลังคาจวนบินหลบทางให้อย่างรู้งานไม่หลงเหลืออยู่บนหลังคาแม้แต่ตัวเดียว
"ฮึ่ม"ชายผู้เป็นประมุขขบกรามแน่น จ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่บนหลังหงส์เพลิงด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ในใจนึกประหวั่นพรั่นพรึงกับสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา
"ว่าอย่างไร? จะยอมปล่อยดีๆหรือต้องให้ข้าใช้กำลัง?"ชิงหลินถามอีกครั้ง ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มสดใส
ชายผู้เป็นประมุขยังคงยืนนิ่งแต่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง สายตาเข้มดุจ้องเขม็งพร้อมกับแผ่ไอสังหารออกมากดดันสตรีที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าไม่รู้จักกลัวตายนางนี้ให้หลาบจำบ้าง ไอสังหารนี้ผสานพลังภายในมีอานุภาพร้ายแรงนัก ชาวบ้านธรรมดาไร้วรยุทธอาจกระอักเลือดหรือร้ายที่สุดอาจถึงขั้นเสียชีวิต นับว่าเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว
"ฮึ!"หงส์เพลิงแค่นเสียงออกมาคำหนึ่งอย่างเย้ยหยัน เมื่อสัมผัสถึงไอสังหารที่เล็กจ้อยสำหรับมันได้ มันจึงส่งไอสังหารแบบเดียวกันแต่รุนแรงกว่าสิบเท่ากลับไปเป็นสิ่งตอบแทน จนเจ้ามนุษย์ทั้งสามที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำถอยร่นไปอีกหลายก้าว
ส่วนสี่สหายน้อยที่ยืนจังก้าบนหลังหงส์เพลิง ส่งสายตาเย้ยหยันสำทับให้ชายชุดดำทั้งสามที่หาญกล้าลองดีกับหงส์เพลิงผู้ยิ่งใหญ่
"ท่านประมุข!"มือขวา และ มือซ้าย พูดออกมาพร้อมกัน ดวงตาสั่นไหวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหวาดเกรงในพลังอำนาจของหงส์เพลิง
"หุบปาก!"ชายผู้เป็นประมุขตวาดเสียงเข้ม ใบหน้าภายใต้หน้ากากดำทะมึนและเกรี้ยวกราด สะกิดปลายเท้าพุ่งเข้าหาสตรีที่ยืนนิ่งบนหลังหงส์เพลิงด้วยความกริ้วโกรธ ดาบที่มือขวาเปล่งรัศมีสีดำมีสายฟ้าพันรอบตัวดาบ ส่งเสียงดัง เปรี๊ยะๆ ไปทั่วๆบริเวณ
ชาวบ้านที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกเส้นโตภายใต้ปีกสีแดงเพลิงดั่งเปลวไฟอันใหญ่โต ต่างขวัญผวากอดกันกลม ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เนื้อตัวสั่นไหวรุนแรงหัวใจก็เต้นแรงถี่ ต่างคิดตรงกันว่าถ้าสิ่งที่เห็นอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งก็คงดี แต่พอได้ยินเสียงเด็กคนหนึ่งร้องไห้ออกมาเบาๆ ก็ให้สำนึกได้ว่าไม่ใช่ความฝัน
ชายชุดดำหลายร้อยนายที่หลบเข้าไปในจวน พากันวิ่งออกมาดูห่างๆเมื่อเห็นท่านประมุขใช้กระบวนท่าสายฟ้าดำ พลันส่งเสียงโห่ร้องอย่างฮึกเหิม ลืมตายไปชั่วขณะ ดวงตาทุกคู่เป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือ ท่ามกลางความประหวั่นพรั่นพรึงอกสั่นขวัญแขวนของชาวบ้าน
"ย่าห์!"ชายผู้เป็นประมุขปล่อยสายฟ้าออกมาโจมตีทันที สายฟ้าสีดำรูปกากบาทพุ่งตรงใส่ร่างเล็กในชุดบุรุษสีดำอย่างพอเหมาะพอเจาะ เพื่อพิสูจน์ว่า สายฟ้าดำที่โจมตีไปครั้งแรกหายไปได้อย่างไร
ฟิ้ววววว เปรี๊ยะๆๆๆ
งับ!เอื๊อก!เออออออ
"....!!!!!"
สองเสียงแรกเป็นของสายฟ้าดำที่พุ่งโจมตีชิงหลิน ส่วนสามเสียงสุดท้ายเป็นของหงส์เพลิงที่อ้าปากงับสายฟ้าดำกลืนลงท้องแล้วปล่อยเสียงเรอออกมา
นั่นยังผลให้เสียงโห่ร้องที่ดังกึกก้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงลมพัดฟิ้วกันเลยทีเดียว แต่ละคนอยู่ในลักษณะอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง ตัวแข็งทื่อ นิ่งสนิทคล้ายถูกแช่แข็ง
"ฮึ่ม!....ย่าห์ๆๆ"ด้วยความโกรธผสมความอับอายที่ถูกกระทำดั่งเป็นตัวตลก ชายผู้เป็นประมุขจึงใช้สายฟ้าดำเข้าโจมตีหงส์เพลิงถี่ยิบ
"เฮอะ! เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ"ดวงตาสีแดงเพลิงมองสายฟ้าดำรูปกากบาทที่พุ่งเข้ามาหลายสายด้วยสายตาเหยียดหยาม สายฟ้าเด็กเล่นเช่นนี้จะทำอะไรพญาหงส์เพลิงเช่นข้าได้!
"ท่านพญาหงส์เพลิงไม่เป็นไรแน่หรือ? มาเพียบเชียว"ชิงหลินถามอย่างอดไม่ได้ เปลี่ยนมานั่งเรียบร้อยอยู่บนหลังหงส์เพลิงเพราะเกรงว่าจะตกลงไป
"ฮึ!"หงส์เพลิงแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง แล้วอ้าปากกลืนกินสายฟ้าดำหลายสายราวกับกำลังกินอาหารเลิศรสแล้วเรอใส่ผู้ที่มันเรียกว่า มนุษย์ชั้นต่ำ เพียงแต่ครั้งนี้หาใช่การเรอใส่ธรรมดาไม่ เพราะหงส์เพลิงดึงสายฟ้าดำที่กลืนกินลงไปมารวมเป็นก้อนกลม แล้วปล่อยออกมาทางปากโจมตีกลับอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยงงงงง!!!ลูกบอลสายฟ้าดำพุ่งเข้าหาชายสวมหน้ากากปีศาจอย่างรวดเร็ว รุนแรงและทรงอานุภาพยิ่ง ส่งผลให้ร่างของผู้ถูกโจมตีและมือซ้าย มือขวาที่ยืนประกบ กระเด็นกระดอนไปไกลนับลี้ ตกลงสู่พื้นเสียงดังสนั่นสลบเหมือดทันที
"เฮ้อ..หวังว่าคงไม่ถึงกับตายหรอกนะ"ชิงหลินพึมพำเบาๆ สายตาจับอยู่ทิศทางที่ร่างชายชุดดำทั้งสามกระเด็นไปครู่หนึ่งด้วยความเห็นใจแล้วก้มลงมองหงส์เพลิงด้วยความชื่นชม
"ฟานฟาน ฟงฟง เป่าเปา ฝากพวกเจ้าไปจับสามคนนั้นมาให้ข้าทีเถิด"ขอร้องแกมบังคับทางจิต
"หมายความว่า...ฟานฟานสามารถทำตัวใหญ่ได้ใช่รึไม่?"
"ใช่ ข้าอนุญาต"
"แล้วเล่นได้รึไม่?"
"ฟาน...ฟาน"
"รู้แล้ว รู้แล้ว ฟานฟานไม่เล่นก็ได้"
".....เจ้านี่น้า"คนสั่งส่ายหน้าอ่อนใจกับความเจ้าซุกซนของเจ้าพยัคฆ์น้อย เข้าใจดีว่า เล่น ของเจ้าพยัคฆ์น้อย หาใช่เดินเที่ยวเล่นไม่ คำว่า เล่น ของเจ้าตัวดี หมายถึงเล่นกับร่างของทั้งสามนั่นต่างหาก!
"ฝากด้วยนะฟงฟง เป่าเปา"
"ขอรับ"ฟงฟงน้อย เป่าเปาน้อยส่งเสียงรับพร้อมกัน เจ้าฟานฟานน้อยสะบัดหัวให้หลินหลินอย่างแง่งอน ก่อนจะกระโดดลงไปบนหลังคาจวนเชิดหัวขึ้นแล้วเดินนำทั้งสองอย่างไม่รีบร้อน
"เฮ้อ...เหลือเกินจริงๆ...ท่านหงส์เพลิงช่วยพาข้าลงไปหน่อยเถิดเจ้าค่ะ"
หงส์เพลิงทำตามที่นางต้องการบินลงมาด้านข้างลานกว้าง ในระยะที่นางสามารถกระโดดลงได้เองจากนั้นย่อร่างอันใหญ่โตน่าเกรงขามจนมีขนาดเท่าเหยี่ยวปกติ บินไปเกาะหัวพยัคฆ์หินที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าทางเข้าจวน
บรรดาลูกน้องของชายสวมหน้ากากปีศาจเหยียบห้าร้อย พากันถอยร่นไม่เป็นขบวน สายตาจับอยู่ที่ร่างเล็กบอบบางของสตรีที่อุ้มจิ้งจอกน้อย สลับกับหงส์เพลิงที่เกาะอยู่ข้างๆด้วยความตื่นกลัวและหวาดเกรง ผิดกับชาวบ้านที่มองสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตาแห่งความหวังระคนประหลาดใจ
คนถูกมองกวาดตามองกลุ่มชายชุดดำที่ยังคงก้าวถอยหลังห่างออกไปเรื่อยๆจนคนที่อยู่หลังสุดหลังติดประตูไปต่อไม่ได้ แล้วหันกลับมาที่กลุ่มชาวบ้านใช้มีดสั้นที่อยู่บนพื้นคาดว่าน่าจะเป็นของกลุ่มคนชุดดำทำตกไว้ ตัดเชือกให้ชาวบ้านเป็นอิสระ
"หลินหลิน....เรากลับมาแล้ว"เสียงที่ดังมาจากด้านข้างจวนเรียกความสนใจของผู้ที่อยู่ด้านหน้าลานกว้างได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกครั้งที่ทุกคนยกเว้นนางเกิดอาการตาค้าง ตัวแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง
ภาพสองพยัคฆ์โคร่งตัวใหญ่ยักษ์ กับ หนึ่งจิ้งจอกขาวย่างสามขุมออกมายืนเด่นอวดสายตา บนพื้นมีร่างชายชุดดำสามคนในสภาพย่ำแย่เสื้อผ้าขาดวิ่นมีรอยไหม้อยู่ทั่วไป โดย เฉพาะชายสวมหน้ากากปีศาจที่ดูจะหนักหนาสาหัสที่สุด
ชายทั้งสามนอนนิ่งราวกับคนตาย ชิงหลินสาวเท้าเข้าไปเอามืออังใต้จมูกจับชีพจรที่ลำคอและข้อมือ แล้วถอนใจโล่งอกที่ทั้งสามคนยังมีชีวิตอยู่ จึงหันไปส่งยิ้มขอบคุณหงส์เพลิงที่ยั้งมือ
"ปล่อยท่านประมุขเดี๋ยวนี้!"
เสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมๆกับการปรากฏกายของชายชุดดำสี่นายอาวุธครบมือ ชายเจ้าของเสียงยืนเด่นอยู่หน้าสุด อีกสามคนอยู่ข้างหลัง ด้านหน้าทั้งสามมีตัวประกันสี่คน ถูกมัดมือปิดปากอย่างแน่นหนา มีดาบยาวจ่ออยู่ที่คอ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่นายอำเภอชิงไห่ หม่าเทียนอี้และสมาชิกในครอบครัว เป็นเหตุให้ชาวบ้านที่กำลังช่วยกันมัดมือมัดเท้าชายทั้งสามที่นอนสลบไสลเพราะถูกหงส์เพลิงเล่นงานหยุดชะงัก รีบกลับมารวมกลุ่มกับคนอื่นๆที่ยังคงยืนส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาอยู่กลางลานกว้าง
ชายชุดดำทั้งสี่คือ ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้คุมตัวตัวประกันอยู่ในโถงหลัก ส่วนสาเหตุที่กล้าใช้วาจาข่มขู่กระทำการอุกอาจราวก็เป็นเพราะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น เพียงได้ยินเสียงดังราวกับฟ้าถล่มจึงได้ออกมาดู ใครจะไปคิดว่า กลับต้องมาเจอท่านประมุขในสภาพยับเยิน จนแทบหาที่ดีไม่ได้เช่นนี้ แล้วยังท่าทางหวาดกลัวของเจ้าพวกนั้นอีก แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พึงระลึกว่า ชายชุดดำทั้งสี่ออกมาในตอนที่สามสหายน้อย หดร่างกลับมาเล็กลงเท่าเดิมก่อนหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!!!
ชิหลินลุกขึ้นยืนหันกลับไปทางเจ้าของเสียงแล้วหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา มีความกังวลสายหนึ่งพาดผ่านดวงตาคู่งามก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว ขืนชักช้าตัวประกันอาจตกอยู่ในอันตราย นั่นคือสิ่งที่นางกังวลอยู่ยามนี้
-----------
กลับมาที่มู่หลิ่งเหวินและกองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบ หลังออกจากอำเภอเฟิ่งกู่มาได้สามในสี่ของระยะทางซึ่งก็ล่วงเข้ายามอิ่วก็ได้พบกองกำลังของตนที่ดักรออยู่นานแล้วเข้า เพื่อแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในอำเภอชิงไห่ให้แม่ทัพหนุ่มทราบ ส่วนชาวบ้านที่พวกเขาตามคุ้มกันยามนี้ถูกจับรวมไปด้วย
หลังจากที่ฟังรายงานจบ แม่ทัพหนุ่มก็ลอบถอนใจโล่งอกที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี อดชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของนางไม่ได้ อีกทั้งยังได้แรงงานมาใช้แบบจับเสือมือเปล่าอีกด้วยไม่รอช้ารีบควบอาชาศึกคู่ใจเต็มฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังจวนนายอำเภอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
----------------
ยามซวีโถงหลักของจวนนายอำเภอชิงไห่ มู่หลิ่งเหวินนั่งตรงตำแหน่งประธาน ซ้ายคือภรรยาขวาคือ หม่าเทียนอี้และหม่าฮูหยิน ส่วนบุตรชายทั้งสอง หม่าเทียนจิ้น หม่าเทียนเซิงเล่นอยู่กับสี่สหายน้อยอยู่ด้านนอกโถง
"เรียนท่านแม่ทัพ"หมายเลขหนึ่งเดินเข้ามาประสานมือขึ้น
"ว่ามา"
"จากการสืบสวนทำให้ทราบว่า เป็นกองโจรไร้นามที่มายังไม่ชัดเจนขอรับ"
"ข้ารู้แล้ว....เจ้าไปได้ ยามซื่อวันพรุ่งค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที"ยุติการสนทนาเมื่อเหลือบเห็นภรรยายกมือขึ้นปิดปากหาว และหม่าเทียนอี้ก็บาดเจ็บไม่น้อยควรพักรักษาตัวโดยเร็ว
"เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน หากขาดเหลืออันใดโปรดแจ้งได้ ไม่ต้องเกรงใจ"หม่าเทียนอี้ค่อยๆลุกขึ้นยืนข่มความเจ็บปวดประสานมือคำนับแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินน้อยโดยมีหม่าฮูหยิน คอยประคองด้วยความเป็นห่วง นางอยากให้สามีได้พักรักษาตัวก่อนแล้วค่อยขอเข้าพบท่านแม่ทัพ แต่สามีของนางยืนยันว่าแม้ต้องตายก็ขอเข้าพบแม่ทัพหนุ่มให้จงได้
"ขออภัยที่รั้งไว้เสียนาน หมายเลขหนึ่ง"กล่าวขออภัยอีกฝ่าย แล้วหันไปเรียกหัวหน้ากองกำลังหลิ่งหลิน
"ขอรับ"
"ส่งนายอำเภอหม่ากลับที่พัก แล้วหาหมอที่ดีที่สุดมาดูอาการด้วย"
"รับทราบ!!"หมายเลขหนึ่งรับคำสั่งแล้วตรงเข้าพยุงหม่าเทียนอี้ ออกไปจากโถงหลัก
"หลินเอ๋อร์..เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? เหนื่อยรึไม่?"หันมากล่าวกับร่างเล็กยืนตาปรือด้วยความเป็นห่วง
"อืม...ง่วงนิดหน่อยเจ้าค่ะ"ชิงหลินยิ้มตอบตามจริง แม้อาการวิงเวียนจะไม่ค่อยมีแล้ว แต่อาการง่วงนอนกับยึดติดราวกับปลิง
"เช่นนั้นก็เช็ดเนื้อเช็ดตัว ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสียหน่อยเถิด"แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงทุ้มหวานชวนฟัง ประคองร่างเล็กไปยังห้องนอนซึ่งอยู่ด้านข้างของโถงหลัก แล้วค่ำคืนที่ตื่นเต้นและเศร้าสลดก็จบลงอีกหนึ่งคืน
ส่วนสี่สหายน้อยถูกแม่ทัพหนุ่มระเห็จให้ไปอยู่กับหมายเลขสิบอย่างว่าง่าย เพราะคำสัญญาที่ว่า กลับไปเมืองหลวงเมื่อใดพวกมันจะได้กินของอร่อยๆได้อย่างไม่อั้น!!!