เมื่อหมดสิ้นหนทาง เด็กสาวจึงต้องเสี่ยงตายไปสมัครเป็นนักผจญภัยเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นใคร เผ่าไหน เพศอะไร เพราะใคร ๆ ก็สามารถเป็นนักผจญภัยได้ เพียงแค่คุณอายุ 15 ปี
งานง่ายๆ ที่แค่ไปล่าอสูรหรือลงดันเจี้ยนไปฆ่ามอนสเตอร์แล้วเก็บซากมันมาขาย
คุณก็จะได้ทั้งชื่อเสียงและเงินทองมากมายจนใช้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด
โตไวๆ แล้วรีบมาสมัครซะสิ
พวกเรารอใส่ชื่อพวกคุณลงในทำเนียบ [แรงค์ S] อยู่นะ
โฆษณาขายฝันที่เด็กทุกคนต้องเคยได้ยิน
แต่เมื่อโตขึ้น เรื่องราวกับตรงกันข้ามกับที่โฆษณาบอกอย่างสิ้นเชิง
ในโลกนี้ดันเจี้ยนผุดขึ้นมามากมาย หากไม่มีใครไปลดจำนวนมอนสเตอร์ในนั้น มันจะล้นทะลักจนแห่กันออกมาข้างนอก
เราเรียกสาเหตุนั้นว่า ดันเจี้ยนแตก
มอนสเตอร์ที่หลุดออกมาจากดันเจี้ยนแตก สามารถวิวัฒนาการกลายเป็นอสูรได้
พวกมันทั้งฉลาด โหดร้าย ชอบรุกราน บุกรุกและไล่ฆ่าทุกสิ่งมีชีวิต
ประชาชนจึงกล่าวหาและโจมตีราชาที่ไม่จัดการทั้งที่เสียภาษีให้
ซึ่งสืบเนื่องมาจากจำนวนผู้ล่ากับคนลงดันเจี้ยนไม่สัมพันธ์กันกับการเกิดของมอนสเตอร์ที่เร็วกว่า
มนุษย์คนนึงกว่าจะโตและเรียนรู้วิธีต่อสู้นั้นใช้เวลานานหลายปี แต่มอนสเตอร์นั้นทั้งเกิดไวและเกิดมาก็ล่าเป็นเลย
เพื่อคงอำนาจของตัวเองและไม่ให้อาณาจักรถูกทำลาย ราชาเกือบทุกอาณาจักรทั่วโลกจึงร่วมมือกันแก้กฎ
จากที่จะเป็นนักผจญภัยได้ต้องจบหลักสูตรนักผจญภัย 10 ปี
เพื่อค้นหาความถนัดในการใช้อาวุธ ค้นหาตัวตนที่เหมาะกับตำแหน่งต่อสู้ ฝึกฝนและรู้จักอาชีพและสกิลต่างๆ ของนักผจญภัย การทำงานเป็นปาร์ตี้ เรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดในยามคับขัน รู้จักหาอาหาร รักษาเบื้องต้น จุดอ่อนมอนสเตอร์ วิธีชำแหละและอีกมากมายที่ 10 ปี ยังแทบจะไม่เพียงพอ
อีกทั้งยังต้องมีประสบการณ์ออกสู้จริงกับนักผจญภัยมืออาชีพอีก 5 ปี
กลายเป็นไม่ต้องเรียน ไม่ต้องมีประสบการณ์อะไรทั้งนั้น อายุ 15 ไปประเมินแรงค์ก็ได้ใบอนุญาตทันที
จากนั้นก็เชิญไปล่าอสูรหรือฆ่ามอนสเตอร์มาขายได้เลย ทุกส่วนของพวกมันแลกเป็นเงินได้จริง
โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้น อัตราการตายของเด็กอายุ 15 ปีขึ้นไปพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด
แต่ราวกับตลกร้าย เพราะมันกลับได้ผล ดันเจี้ยนทยอยถูกปิดไปเป็นจำนวนมาก
อสูรก็ไม่ออกมาล่าประชาชนเพราะมีเหยื่อไปให้มันกินถึงที่
แต่ใช่ว่ามันจะช่วยได้เสมอไป ดันเจี้ยนบางแห่งที่ปิดไม่ได้ เมื่อมีคนเข้าไปตายเยอะ แกนดันเจี้ยนก็ดูดซับศพไปพัฒนาตัวเองจนขยายใหญ่ละทวีความอันตรายจนควบคุมไม่อยู่
อาณาจักรบางแห่งล่มสลายเพียงแค่เพราะดันเจี้ยนแตก จนกลายเป็นรังของอสูรไป
อสูรบางตัวได้กินและล่าจนวิวัฒนาการเกินกว่าใครจะกำจัดมันไหว ราชาบางอาณาจักรถึงกับต้องลี้ภัยแล้วปล่อยให้ประชาชนบางส่วนที่ไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอย้ายหนีไปที่อื่น ได้แต่อยู่อย่างหวาดกลัวทุกคืนวัน
ถึงจะมีประชาชนมากมายออกมาประท้วงให้แก้กฎเป็นแบบเดิม แต่กลับเป็นส่วนน้อยจนเสียงค่อยๆ หายไป
สาเหตุที่กฎหมายไม่แก้เป็นแบบเดิมคือการประสบความสำเร็จของนักผจญภัย พวกเขามีทั้งฐานะ อำนาจ ชื่อเสียงและเงินทองให้ใช้อย่างไม่มีวันหมด
เด็กหนุ่มสาวรุ่นใหม่จึงต่างหลงใหลวาดฝันในเส้นทางลัดนี้และตั้งเป้าจะเป็นแบบพวกเขาให้ได้
ซึ่งในความเป็นจริง นักผจญภัยที่ประสบความสำเร็จแบบนั้น มีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย
ผ่านไปเกือบร้อยปี กฎหมายนี้จึงกลายเป็นเรื่องปกติสามัญ ไม่มีใครตั้งคำถามและสงสัยมันอีกต่อไป
และอีกสิ่งที่ทำให้ทุกคนหลงใหลอยากเป็นนักผจญภัย คือ อำนาจและชื่อเสียง
ความเก่งของนักผจญภัยถูกแบ่งตามแรงค์ที่ประเมินได้
[แรงค์ E] คือ นักผจญภัยอ่อนแอ ต้องขยันคอยฝึกฝน เรียนรู้และพัฒนาแรงค์ตัวเองให้สูงกว่านี้ แรงค์นี้ยังไม่มีคนสนใจรับเข้าปาร์ตี้ มักฉายเดี่ยวและเก็บเศษของเหลือ
แต่แค่ขึ้นเป็น [แรงค์ D] ก็สามารถขอรับภารกิจหรือทำคำไหว้วานทั่วไปได้ สามารถหาเลี้ยงชีพได้แบบหาเช้ากินค่ำ
[แรงค์ C] ได้รับความไว้วางใจและน่าเชื่อถือ มักอยู่ในตำแหน่งสำคัญของปาร์ตี้ หากมีสกิลหรืออาชีพความถนัดที่น่าสนใจ กิลด์ต่าง ๆ จะชักชวนให้มาเป็นพวก
[แรงค์ B] สามารถเริ่มตั้งกิลด์เองได้ หากมีชื่อเสียงก็จะมีคนติดตามจำนวนมาก สามารถรับทำได้แทบทุกภารกิจ
[แรงค์ A] การันตีความสามารถ มีคนไหว้วานคำร้องระบุชื่อมาเป็นส่วนตัว กิลด์ที่มีแรงค์นี้อยู่มักมีชื่อเสียงโด่งดัง หรือหากเป็นหัวหน้ากิลด์เอง ก็การันตีได้เลยว่าจะยิ่งใหญ่ในอนาคต สามารถดึงดูดพ่อค้าจากทั่วทุกสารทิศมาซื้อซากของมอนสเตอร์หรืออสูรในระดับสูงที่พวกเขาล่าได้
และ [แรงค์ S] ผู้ที่มาถึงแรงค์นี้ได้ น้อยซะยิ่งกว่าน้อย
ผู้ที่อยู่แรงค์นี้อาณาจักรให้ความสำคัญมาก แม้แต่อาณาจักรอื่นยังแย่งกันยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวไปเป็นประชาชนของตัวเองและดูแลประคบประหงมดั่งลูกรัก แรงค์นี้สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบ ไม่ขึ้นตรงกับใคร ไม่มีใครออกคำสั่งได้ แต่พอจะฟังราชาที่ทำข้อตกลงด้วยกันอยู่บ้างเป็นการไว้หน้า
ส่วนฉัน คาลิก้า เนฮิว ต้องเป็นนักผจญภัยเพราะความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน
เนื่องจากพวกเราเสียพ่อแม่จากดันเจี้ยนแตก ราชาและขุนนางต่างหนีไปโดยไม่แจ้งประชาชน เพื่อใช้พวกเขาเป็นกำแพงชะลอพวกอสูรจะได้หนีทัน
อาณาจักรบ้านเกิดของเราจึงถูกทำลาย กลายเป็นดินแดนของอสูร ในตอนที่ฉันมีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น
ปัจจุบันเหลือเพียงพวกเราสามพี่น้อง ต้องเร่ร่อนหนีตายมาพึ่งพิงอีกอาณาจักร
และเพราะพวกเราไม่มีเงินพอซื้อหรือเช่าบ้านในตัวเมือง จึงถูกไล่ให้ไปอยู่ในเขตสลัม
พวกเราต้องสร้างบ้านกันเอง โดยทำจากเศษไม้เหลือทิ้งเอามาต่อกันแล้วผูกด้วยเชือกที่หาได้จากกองขยะกับในคลอง
บ้านที่เพียงพอแค่กันลมหนาวไม่ให้แข็งตาย ส่วนฝนตกก็ต้องหลบเอา เพราะมันมีรูโหว่เต็มไปหมด
เพื่อหาเลี้ยงพวกเรา พี่สาวที่อายุมากกว่าฉัน 3 ปี พี่เทียร่า เนฮิว จึงเสี่ยงดวงไปเป็นนักผจญภัย เธอถนัดใช้ดาบ เพราะชอบฝึกเล่นตั้งแต่เด็ก
ในตอนประเมิน พี่เทียร่าได้ [แรงค์ D] ไร้อาชีพ ไร้สกิล
พวกเราจึงพอประคับประคองกันไปได้ ส่วนฉันก็คอยดูแลน้องกับบ้านให้ พวกเราวาดฝันว่าจะเก็บเงินไปซื้อบ้านถูกๆ ในตัวเมืองชั้นนอกก็พอ
ชีวิตค่อยเป็นค่อยไป ถึงจะลำบากแต่พวกเราสามพี่น้องก็มีความสุขดีที่ได้อยู่ด้วยกัน
ผ่านไป 2 ปี ก็พอเก็บเงินได้บ้างแล้ว
แต่แล้วความโหดร้ายของการเป็นนักผจญภัยก็มาเยือน
พี่เทียร่าได้รับบาดเจ็บสาหัส หน้าอกด้านขวาขาดแหว่งไปพร้อมกับแขนขวา ซ้ำร้ายขาทั้งสองข้างยังถูกกิน กลายเป็นคนพิการ เพราะเข้าร่วมปาร์ตี้ออกล่าอสูร
ฉันกับน้องสาวชื่อเอลด้า รู้ว่าพี่เทียร่าไม่ชอบไปล่าอสูรเพราะมันเสี่ยงอันตรายมาก แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนั้นพี่เทียร่าถึงยอมไป จนปัจจุบันพี่เทียร่าก็ยังไม่ยอมเล่าให้ฟัง
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พี่เทียร่าบาดเจ็บคือหัวหน้าปาร์ตี้ที่ชื่อกิโบ หลงกลอสูรเข้าไปโดนพวกมันปิดล้อม
พี่เทียร่าที่ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์ป้องกัน โดนโจมตีทีเดียวก็สู้ต่อไม่ได้ พวกมันทิ้งคนบาดเจ็บทุกคนรวมทั้งพี่เทียร่าทันทีแล้วฝ่าหนีออกไปกันเอง
พี่เทียร่าจึงถูกกินขาทั้งเป็น แต่โชคดีที่มีปาร์ตี้จาก กิลด์ [เวทกังวาน] ผ่านทางไปลงดันเจี้ยนมาช่วยไว้พอดี พี่เทียร่าจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
หากเป็นบาดแผล ยังพอใช้ฮิลให้หายได้ แต่ถ้าอวัยวะขาดก็บอกลาอาชีพนักผจญภัยไปได้เลย เพราะการสร้างใหม่มีแต่นักผจญภัย [แรงค์ S] อาชีพสายรักษาเท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งพวกเราไม่มีทั้งกำลังเงินและเส้นสายพอจะไปขอร้องคนระดับนั้นได้
เพื่อยื้อชีวิตของพี่เทียร่าให้หายใจได้ต่อ เงินเก็บจึงแทบหมด ความฝันในการซื้อบ้านใหม่จึงหายวับไปในครั้งเดียว
ส่วนหัวหน้าปาร์ตี้กิโบคนนั้นที่ต้องรับผิดชอบค่ารักษา ค่าทำศพและค่าชดเชยจากการทำเควสล้มเหลว ก็ยังหาตัวไม่พบ
คนอื่นๆ ในปาร์ตี้จึงต้องจ่ายค่าชดเชยในการทำภารกิจล้มเหลว รวมถึงพี่เทียร่าด้วย
ตอนนี้พี่เทียร่าก็ยังลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ ต้องมีคนป้อนข้าวและคอยเช็ดล้างของเสียให้ตลอดเวลา พี่เทียร่าจึงมักร้องไห้และด่าตัวเองว่าเป็นตัวถ่วงและชอบพูดว่าอยากตายบ่อยๆ
ด้วยความที่พี่เทียร่าหน้าตาดี จึงมีคนที่เคยเห็นมาติดต่อมาขอซื้อบริการ เจ้านั่นชื่อกิก้า
ด้วยสภาพความเป็นอยู่ของพวกเรา แม้ฉันกับเอลด้าจะขอร้องไม่ให้ทำ แต่พี่เทียร่าก็ตกลงอย่างขมขื่น
แต่พอมันได้ขึ้นเตียง มันก็ต่อว่าด่าทอพี่สาว เพราะกลิ่นตัวจากของเสียที่ล้างไม่หมด เพราะน้ำที่เราอาบมาจากน้ำฝน ไม่มีฝนก็ไม่ได้อาบ
มันด่าพี่เทียร่าว่าตัวเหม็นเหมือนขี้ ทำมันหมดมีอารมณ์ ซ้ำร้ายยังระบายความโกรธ ลงมือทำร้ายจนใบหน้าพี่เทียร่าเสียโฉม
ก่อนจากไปมันยังขโมยดาบของพี่เทียร่าไปขาย
พอเราไปฟ้องร้องที่สำนักงานดูแลนักผจญภัย พวกเรากลับถูกกล่าวหาแทน ว่าหลอกลวงมันไปชิงทรัพย์ เพราะอีกฝ่ายสังกัดอยู่ในกิลด์ทรงอำนาจ ตัวมันมีอาชีพเป็นนักสู้ที่ใช้สนับมือเป็นอาวุธ แรงค์ก็สูงกว่าพี่เทียร่า แค่จ่ายเงินก็ปิดปากพวกพยานที่เห็นเหตุการณ์ได้หมด
ความยุติธรรมในโลกนี้คือต้องรวยกว่าหรือแข็งแกร่งกว่า ทั้งที่พวกเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่พวกเรากลับต้องก้มกราบขอโทษมันในที่สาธารณะแทน มันถึงจะยอมไม่เอาเรื่อง
จากนั้นก็ถูกทุกคนประณาม และยังต้องหาเงินมาชดใช้ค่าเสียขวัญให้มัน
พี่เทียร่าจึงกลายเป็นคนหวาดกลัวคนแปลกหน้าตั้งแต่นั้นมา
ด้านน้องสาวที่อายุน้อยกว่า 2 ปี เอลด้า เนฮิว เธอคลอดก่อนกำหนด จึงทำให้ไม่แข็งแรงและต้องกินยายื้อชีวิตมาตั้งแต่เกิด
เอลด้ามักเจ็บป่วยตลอดทั้งปี และมีอาการหายใจไม่ออกหากออกแรงมากเกินไป ฉันจึงมักเป็นคนแบกเอลด้าขึ้นหลังเวลาไปไหนมาไหน เพื่อไม่ให้ไปรบกวนพี่เทียร่า แต่ตอนนี้เอลด้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยทำงานบ้านเท่าที่พอทำไหว
เมื่อพวกเราอยู่ในสลัม เอลด้าที่มีหน้าตาน่ารัก จึงตกเป็นเป้าของพวกลักเด็กไปขายได้ง่าย เอลด้าจึงต้องฝืนใช้โคลนจากริมคลองมาทาใบหน้ากับตัวให้เหม็นและสกปรกและคลุมผ้าตลอดเวลา
เวลาไปไหนมาไหนก็จะไปกับฉันเสมอเพราะหากมีคนสงสัยใบหน้าของเธอ ฉันก็จะรีบเปิดใบหน้าของตัวเองและโกหกว่าหน้าของเอลด้าก็คล้ายๆ กัน
การเปิดหน้าแม้จะถูกไล่ตะเพิด บางครั้งก็ใช้ไม้ไล่ตี ไม่ก็โดนเขวี้ยงหินใส่เพราะความรังเกียจ แต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้เอลด้าโดนพรากไปจากพวกเรา
ฐานะหัวหน้าครอบครัวจึงตกมาอยู่ที่ฉัน เพื่อหาซื้อยารักษาพี่สาว ยาบำรุงน้องสาวและค่าอาหารของพวกเรา
สืบเนื่องจากตอนที่ฉันกำลังหนีตายจากอาณาจักรเก่า ระหว่างทางกลุ่มของเราถูกอสูรดักโจมตี ฉันโดนมันโจมตีใส่ใบหน้า จนเละไปครึ่งซีก ตาซ้ายบอดและผิวหนังตรงปากฉีกขาดจนเห็นฟัน ทำให้ต้องใช้ผ้าซับน้ำลายตลอดเวลา
เพราะตอนนั้นสถานการณ์คับขัน ไม่สามารถหาฮีลเลอร์หรือหมอมารักษาได้ทัน ทำให้แผลบนใบหน้าฉันติดเชื้อจนเป็นหนอง ส่งกลิ่นชวนอ้วก ฉันต้องใช้ผ้าคลุมหน้าตลอดเวลา เพื่อไม่ให้คนตกใจกลัวตอนเดินไปไหนมาไหน
งานบริการต้อนรับจึงไม่มีใครจ้าง ส่วนงานใช้แรงก็ทำไม่ได้เพราะร่างกายผอมจนเห็นกระดูก บวกกับชื่อเสียงไม่ดีจากคดีหลอกลวงไปตบทรัพย์ ทำให้ไม่มีใครอยากจ้างพวกเราแม้จะเป็นงานง่ายๆ
ทางเลือกสุดท้ายจึงเหลือแค่เป็นนักผจญภัย
ใจจริงฉันไม่อยากเป็นเพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นเหมือนพี่เทียร่า ฉันไม่เคยฝึกฝนหรือเรียนรู้เกี่ยวกับนักผจญภัยมาก่อน แถมเงินก็ไม่พอซื้อแม้แต่อาวุธมาใช้
แต่ทุกอย่างบีบคั้นจนฉันไม่มีทางเลือก ตอนที่บอกพี่เทียร่าว่าจะลองไปเป็นนักผจญภัย ตอนนั้นพวกเราทะเลาะกันบ้านแทบแตก
พี่เทียร่ายืนยันว่าถ้าฉันไปประเมินเมื่อไหร่ เธอจะตัดพี่ตัดน้องและฆ่าตัวตายทันที เพราะเธอรับไม่ได้ถ้าต้องเห็นน้องสาวบาดเจ็บและพิการเหมือนตนเอง
แต่มันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ฉันต้องเกลี้ยกล่อมพี่เทียร่าอยู่นาน อ้างสารพัดเหตุผล โดยเฉพาะเอลด้าต้องซื้อยารักษารักษาและกินของเฉพาะ
สุดท้ายพี่เทียร่าก็ยอม จากนั้นมาพี่เทียร่าก็แอบร้องไห้ทุกคืนและเฝ้าโทษว่าเป็นเพราะตัวเองไม่แข็งแกร่งพอ ถึงทำให้ฉันต้องไปเสี่ยงตาย
แต่จริงๆ ฉันกับเอลด้าไม่เคยคิดแบบนั้นเลย พี่เทียร่าเสียสละมามากพอแล้ว
วันถัดมาฉันแบกความคาดหวังของทั้งครอบครัว เฝ้าภาวนาขอพรจากท่านเทพธิดาตลอดเวลา
การขอประเมินแรงค์ทุกครั้งต้องใช้เงิน เราขายทุกอย่างเท่าที่ขายได้เพื่อนำเงินไปจ่าย
แค่ได้ลงทะเบียนเป็น [แรงค์ E] มือใหม่ ชีวิตก็พอมีทางไปต่อได้ ถึงจะเสี่ยงอันตราย ก็ยังดีกว่าอยู่อย่างไร้ความหวัง
แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย คริสทัลประเมินฉันได้เป็น
[แรงค์ F]
แรงค์ที่ถูกทุกคนประณามดูถูกว่าเป็นผู้ไร้ความสามารถ พวกละเมอเพ้อฝัน ปลิงรอกินของเหลือ เศษเดนไร้ค่า รกโลก แรงค์คำสาป
เพราะไม่มีเคยมีใครที่ได้แรงค์นี้แล้วสามารถพัฒนาไปอีกแรงค์ได้เลย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
เรียกว่าแรงค์สิ้นหวังของจริง
เป็นแรงค์ที่การันตีความอ่อนแอของร่างกายและพลัง ไม่มีใครให้ความสำคัญ แม้แต่คำไหว้วานจากคนทั่วไปก็รับทำไม่ได้ เพราะมีโอกาสทำพลาดและเสียหายสูง
ฐานะต่ำยิ่งกว่าประชาชนที่ทำอาชีพทั่วไป จึงมีคำกล่าวที่ว่าถ้าจะประเมินได้แรงค์นี้ สู้เก็บเงียบเป็นคนธรรมดาไปตลอดชีวิตยังดีซะกว่า
เพราะหากเป็น [แรงค์ F] ไปแล้ว ก็เตรียมโดนคนทั้งโลกมองว่าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
งานที่แรงค์นี้จะได้ทำจริงๆ คือ เป็นเหยื่อล่อ กำแพงเนื้อ หรือเป็นของเล่นสนุกๆ ให้พวกแรงค์สูงๆ ผ่อนคลายความเครียดตอนออกล่าหรือลงดัน
อัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในทุกแรงค์
แต่ถ้าถามว่าทำไมคนแรงค์นี้ไม่หนีไปทำงานอื่น ตอบได้ง่ายๆ ว่าพวกเขาทุกคนเป็นคนประเภทเดียวกับฉัน
ไม่มีทางอื่นให้เลือกเดินแล้ว ถูกสังคมกีดกันบีบบังคับให้มาเส้นทางนี้
หลังเสร็จสิ้นการประเมินแรงค์ ในวันนั้นฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ไม่เห็นแสงแห่งความหวังเหลืออยู่เลย
การได้แรงค์นี้ก็เหมือนถูกตีตราว่าต้องดักดานโง่งมไม่มีวันเจริญไปชั่วชีวิต
ตอนกลับไปถึงบ้านและบอกความจริงให้พี่สาวกับน้องสาวฟัง
พี่เทียร่าถึงกับหยิบชามแตกๆ ขึ้นมาหมายจะปาดคอตัวเองเพื่อลดภาระค่ากินอยู่ ฉันกับเอลด้าต้องเข้าไปช่วยห้าม เอลด้าที่ออกแรงมากเกินไปจึงหายใจไม่ออก
กว่าทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ ฉันก็หมดทั้งแรงกายและแรงใจ
คืนนั้นฉันเฝ้าพี่เทียร่ากับเอลด้า เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอะไรขึ้นอีก ในขณะที่ต้องเก็บเสียงร้องไห้ทั้งคืน
ยังไม่ทันเช้า ฉันสะกิดเรียกเอลด้ามากำชับเรื่องต่างๆ ส่วนฉันก็เฝ้าปลอบและหลอกตัวเองว่า ถ้าไปก้มหัวของาน น่าจะมีสักคนที่ใจดียอมให้ทำแน่ๆ
กำชับเสร็จฉันออกจากบ้านไปหางาน ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาปรอยๆ