โรจา หัวหน้าทีมนักชำแหละ สังกัดทีมรอง หน่วย 5 กิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]
ได้ข้อมูลแค่ว่าอาศัยอยู่ในสลัม
ขึ้นชื่อว่าสลัม ทางสำนักงานไม่มีวันเก็บข้อมูลเรื่องที่อยู่แน่นอน เพราะคนในสลัมอยู่กันไม่เป็นหลักแหล่ง วันนึงอยู่หลังนี้พออีกวันไปเจอบ้านที่ดีกว่าก็เปลี่ยนไปใช้หลังนั้นแทน
คนนี้อยู่กินกับคนนี้ พอผ่านไปหลายวันก็เลิกกันแล้วไปอยู่กับคนอื่น ไม่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับแล้วมีคนอื่นมาอยู่แทน
ข้อมูลจากคนที่อยู่ในสลัมจึงมั่วเละเทะไปหมด เชื่อถืออะไรไม่ได้สักอย่าง
เผลอๆ สองพี่น้องนั่นอาจถูกจับไปขายหรือโดนใครซ้อมตายไปแล้วก็ได้
ผมกล่าวขอบคุณพนักงานก่อนเดินทางกลับกิลด์
ถ้าไม่พาคนไปเยอะสักครึ่งร้อย กลางคืนแบบนี้ไม่ควรเข้าไปในสลัม เสี่ยงโดนพวกออกล่าเหยื่อกลางคืนมันลอบเล่นงานเอา
ยังไงคืนนี้ท่านไจเกียก็สนแต่เรื่องมีดแน่นอน
แค่เด็กพิการกับเด็กอ่อนแอ พรุ่งนี้เช้าพาทีมไปจับมาก็ยังทัน
และเมื่อกับถึงกิลด์ก็เป็นไปตามคาด
ความกระหายเลือดและจิตสังหารสุดที่รุนแรงระดับครอบคลุมได้ทั้งกิลด์ มีแค่ท่านไจเกียคนเดียวที่ปล่อยออกมาได้
พวก [แรงค์ D] ถึงกับหยุดขยับเขยื้อน อึดอัดจนหายใจไม่ออก
แสดงว่าเกิดอะไรขึ้นกับมีดนั่นแน่นอน
ถ้าท่านไจเกียโกรธแล้วลงกับพวกต้นเหตุ แสดงว่ามีดอาจจะเสียหายไปบ้างแต่ยังคงอยู่
แต่ถ้ากลับมาพร้อมเลือดท่วมตัวขนาดนี้ แสดงว่ามีดเล่มนั้น หายไปแล้ว
ท่านไจเกียสั่งการให้ทีมหลักมุ่งหน้าไปดันเจี้ยนแห่งนั้น
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะสั่งทีมหลักของท่านเองไปลงดันเจี้ยนที่ตายแล้ว
นอกเสียจาก เก็บกวาดพวกที่อาจเหลือรอด ซึ่งผมกล้าพนันเลยว่าไม่มี กับพวกที่บังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์
หลังจากสั่งเสร็จท่านไจเกียก็รีบร้อนออกจากกิลด์ไปทันที
คนเดียวที่หยุดไม่ให้ท่านฆ่าคนไม่เลือกหน้าได้ คือ คุณเรเชล
แต่จากความรีบร้อนที่เห็น วันนี้คุณเรเชลคงได้เกือบตายหลายรอบแน่ๆ
นึกย้อนถึงตอนที่ท่านไจเกียยังไม่พาคุณเรเชลเข้ากิลด์เลย
ตอนนั้นน่ะ งานเก็บกวาด ล้นมือเลยล่ะ
ได้แยกส่วนศพเพื่อให้ขนไปทิ้งในดันเจี้ยนง่ายๆ จนชำนาญและได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมชำแหละในปัจจุบัน
ก่อนเช้ามืดวันถัดมา ผมพาคนในทีมรอง [แรงค์ C] กับ [แรงค์ D] รวมกันได้ประมาณ 30 คนมุ่งหน้าเข้าสลัม
ด้วยรถม้า
แต่รถม้าเราจอดทิ้งไว้หน้าสลัมแล้วให้สารถีเฝ้า
ในสลัมไม่มีแสงไฟจากอุปกรณ์เวทเหมือนในเมือง ผมจึงให้นักเวทแสงส่องทางให้
สลัมมีกฎของสลัม เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาสมัยเป็นเด็ก
สลัมเป็นแหล่งรวมพวกปรับตัวเก่ง ใครอ่อนแอก็เตรียมทิ้งชีวิตในสลัม
หากเข้าไปคนเดียวและดูไม่เก่ง คนในสลัมจะแห่กันมาต้อนรับ แบบที่ไม่มีวันได้กลับออกไปเป็นๆ อีกเลย
แต่ถ้าดูแล้วแข็งแกร่งหรือพาพวกมาเยอะ คนพวกนั้นจะซ่อนและหนีเก่งยิ่งกว่าหนูท่อเสียอีก
การต้องหาทีละบ้านในสลัมที่ทั้งแออัดและกว้างใหญ่เป็นงานที่หินพอตัว
วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้เงินซื้อข้อมูล แต่ผมเคยเห็นมาแล้วสมัยยังเป็นลูกทีมของหัวหน้าคนเก่า
บอกได้เลยว่าข้อมูลปลอมทั้งนั้น พวกมันจะบอกผิดทาง ให้ไปเจอกับอีกคน และอีกคนที่ว่านั้นก็จะทำทีว่ารู้และขายข้อมูลต่อ
และก็จะโดนพวกมันหลอกต่อกันไปเป็นทอดๆ จนกว่าจะหัวเสียยอมแพ้กลับไป
แต่ถ้าใช้กำลังบีบบังคับให้คายข้อมูลเมื่อไหร่ ขอให้มั่นใจว่าตัวเองมีอำนาจและแข็งแกร่งได้เท่ากับท่านไจเกีย
ไม่งั้นก็เตรียมตัวโดนเอาคืนในสักวันได้เลย
แต่ใช่ว่าบังคับแล้วจะได้ข้อมูลถูกต้อง เพราะพวกมันจะพยายามโกหกจนถึงที่สุด
ผมเลยสั่งให้ลูกทีมห้ามทำร้าย ยกเว้นจะโดนฝ่ายนั้นหาเรื่องก่อน
มีพวกขอทานอยากเข้ามารุมตอมขอเงินเหมือนแมลงวัน แต่เพราะลูกทีมชักอาวุธขู่ พวกมันจึงไม่กล้า
การให้เข้าใกล้อาจโดนพวกมือไวฉกของมีค่าไป เราจึงต้องสร้างระยะห่างกับพวกมัน
เป้าหมายของผมคือแหล่งน้ำแห่งเดียวที่มีอยู่ในสลัม คลองน้ำเสีย
กว่าน้ำจะไหลมาถึงสลัม มันก็เต็มไปด้วยขยะกับสิ่งปฏิกูลของเสียที่มนุษย์ขับถ่าย ตั้งแต่ราชวัง เมืองขุนนาง เมืองชั้นใน เมืองชั้นนอก พอถึงสลัม
น้ำจึงดำข้นคลั่กและส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนชวนอ้วก ทำเอาคนที่ไม่เคยชินสามารถอ้วกแตกสลบกลางอากาศได้เลย
ดังนั้นพวกเราจึงให้นักเวทในทีมใช้เวทชะล้างใส่ผ้าสะอาดแล้วปิดปากกับจมูกเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้าใกล้คลองน้ำเสีย
เป้าหมายการถามข้อมูลของผมคือเด็ก แต่ใช่ว่าจะไว้ใจได้ทุกคน พวกมันเจ้าเล่ห์เพราะต้องเอาชีวิตรอดกันจนชิน
คำยอดฮิตของพวกคนในสลัม คือ พวกคนโง่สมควรโดนหลอกจนตาย
เด็กที่ผมมองหาคือเด็กจำพวกอ่อนแอ ไร้กำลังต่อสู้ ได้แต่หลบซ่อนและรอคอยเศษขยะของขยะอีกทีเพื่อประทังชีวิต
พอมาถึงคลองผมก็ให้ยิงเวทแสงขึ้นฟ้าแล้วรีบกวาดตามอง
มีทั้งเด็กยันคนแก่ บางคนตกใจวิ่งหนี บางคนก็ยืนแข็งค้างทำอะไรไม่ถูก บางคนก็สอดส่ายตามองชุดอุปกรณ์และอาวุธของพวกเราด้วยความโลภ
และผมก็เจอเป้าหมาย เด็กตัวสกปรกผมเผ้ารุงรังจนเห็นใบหน้าไม่ชัด ไม่แน่ใจว่าชายหรือหญิง แต่ดูอ่อนแอจนแม้แต่ถังไม้พังๆ ยังยกจนแขนสั่น
ผมพาทีมเดินเข้าใกล้ในระยะที่พุ่งไปจับได้ทันทีแล้วโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดอยู่กับที่
ถ้าเผลอไปขู่แล้วเด็กนี่กลัวจนโดดหนีลงไปซ่อนในน้ำคลอง คงไม่มีใครกล้าลงไปงมจับหรือหามันแน่ๆ
ในขณะที่แสงยังสว่างอยู่ผมก็เดินเข้าหาอย่างสุภาพ ก่อนจะคุกเข่าถามสิ่งที่ต้องการอย่างเป็นมิตรและยิ้มแสดงความบริสุทธิ์ใจจอมปลอม
"หนูรู้จักบ้านตระกูลเนฮิวไหม"
"รู้จักดีเลยค่ะ"
แววตาดูแปลกใจที่ถาม แต่ไม่มีความกังวล ถึงจะเป็นเด็กผู้หญิงแต่ไม่น่าจะใช่เนฮิวที่เราตามหา
ผมหยิบเหรียญทองแดง 3 เหรียญมากำรอไว้ แสร้งทำเป็นถูเหรียญเล่นเพื่อให้รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่
และเมื่อเห็นประกายตาความโลภที่จ้องเหรียญบนมือไม่หยุด ก็หมายความว่าถามข้อมูลได้ แต่เพื่อความชัวร์
"ตระกูลนั้นมีกี่คนเหรอ"
"3 ค่ะ เป็นผู้หญิงทั้งหมดเลย"
"แต่ละคนมีลักษณะยังไงอธิบายหน่อยได้มั้ย"
"คนโตเป็นคนพิการไร้ค่าที่ทำได้แต่นอนอยู่บนเตียง คนกลางได้ยินว่าเป็นแค่ [แรงค์ F] เลยไร้ค่าเหมือนพี่มันนั่นแหละ"
"แล้วคนสุดท้ายล่ะ"
"เด็กอ่อนแอที่ต้องการความช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากพวกครอบครัวไร้ค่า นามนั้นคือ เอลด้า เนฮิว หรือก็คือ หนูเองค่ะ"
"ช่วยเลิกพูดเล่นด้วย"
"หนูคือเอลด้าจริงๆ นะคะ ช่วยพาหนูไปให้พ้นจากครอบครัวขยะไร้ค่าแบบนั้นทีเถอะค่ะ"
"2 เหรียญทองแดง"
"อึก... มะ ไม่เชื่อเหรอคะ"
"1 เหรียญทองแดง"
"ก็ได้! จะบอกทางให้"
เด็กนี่ยื่นมือออกมา ผมจึงโยนเหรียญ 1 ทองแดงให้ไป
"ตรงไปสุดทางจนถึงกำแพงเมืองเส้นนั้นแล้วเลี้ยวขวา เดินไปอีกประมาณ 17 หลัง จะเจอบ้านเล็กๆ ที่ทำจากไม้ผุๆ เอาเชือกมามัดต่อกัน"
"มีจุดสังเกตอื่นอีกไหม"
เด็กนี่ยื่นมือมาขอเพิ่ม ผมจึงโยนให้ไปอีก 1 เหรียญทองแดง
"หลังบ้านมีท่อระบายน้ำเก่าที่ไม่ใช่แล้ว"
แล้วเด็กนี่ก็เดินจากไปพร้อมกับถังน้ำ ผมจึงส่งสัญญาณให้สองคนสะกดรอยตามไปเผื่อไว้
แล้วพาพวกที่เหลือไปตามทางที่เด็กนั่นบอก
ถ้าข้อมูลปลอมค่อยทรมานแล้วฆ่าทิ้ง
ตอนนี้ต้องแข่งกับเวลาก่อนท่านไจเกียจะตื่น
ต่อให้คุณเรเชลถูกใช้ระบายความโกรธออกไปแล้ว แต่มีดก็ไม่ได้กลับมาอยู่ดี
เพราะงั้นใครที่ทำภารกิจพลาดช่วงนี้ ก็เตรียมรับโทสะท่านไจเกียกันได้เลย
ระหว่างทางผมกับลูกทีมก็สอดส่องหาเด็กผู้หญิงและจับพวกเธอมาสอบถาม
จับได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะพวกมันไวอย่างกับหนู
สำหรับพวกที่วิ่งไม่ค่อยทัน ผมสั่งไม่ให้ตามไปคนเดียว เพราะมันมีพวกที่ส่งเด็กมาล่อให้ไปติดกับ
พวกที่อ่อนแอจนจับได้ทันก็เอามาเค้นถาม แต่ข้อมูลที่ได้กลับชี้มั่วซั่วไปคนละทาง
ในเมื่อไม่ได้ข้อมูลอะไร เลยจำต้องตรงไปตามทางที่เด็กนั่นบอก
พวกเราใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ กว่าจะถึง
ที่บ้านหลังนั้น ผมนำทีมเดินตรงไปหน้าประตูบ้าน แล้วยกเท้าถีบจนประตูพัง
"คุณ! โรจาาาาา! แฮ่ก ๆ ๆ"
จังหวะนั้นสองคนที่ส่งไปตามจับเด็ก ตะโกนเรียกผมทั้งที่หอบจนแทบพูดไม่ได้
"แกเป็นใครวะ!"
ผมหันกลับไปมองในบ้านอีกครั้ง ชายวัยกลางคนเนื้อตัวสกปรกตะคอกใส่ผมพร้อมกับเหวี่ยงหมัดเข้ามา
ไม่เด็กนั่นโกหกก็คงถูกไอนี่ยึดบ้าน
ผมยกเท้าถีบมันจนกระเด็นกลิ้งไปชนกับกำแพงบ้าน เพราะทำจากไม้เก่าๆ มันจึงพังอย่างง่ายดาย
"แกรู้จักพวกเด็กสกุลเนฮิวไหม"
ไม่ทันได้ตอบ คนที่ส่งไปจับเด็กรีบตะโกนบอกผมอีกครั้ง
"คุณโรจา! หยุดก่อนครับบบบบ!"
แต่เสียงตะโกนของสองคนนั้นมาช้าเกินไป
ที่ท่อระบายน้ำด้านหลัง มีกลุ่มขอทานสามสิบกว่าคนวิ่งกรูกันออกมา
แต่ละคนถืออาวุธเช่นเดียวกับนักผจญภัย ขัดกับภาพลักษณ์ขอทานของพวกมัน
แถมท่าทางการถืออาวุธก็ดูไม่ใช่มือใหม่
ทีมของผมจึงเตรียมพร้อมสู้ในทันที จำนวนแค่นี้ไม่มีปัญหา ยิ่งถ้าอีกครึ่งที่ส่งไปหาอีกบ้านตามมาสมทบด้วยแล้วก็ยิ่งง่าย
แต่ปัญหาคือไอพวกนี้มันเป็นกลุ่มของใคร
สองคนที่มารวมตัวแจ้งผมว่าหาเจ้าเด็กนั่นไม่เจอ แต่ระหว่างทางได้ยินเจ้าเด็กนั่นมันตะโกนว่าหนูผี
ผมจึงรู้ทันทีว่าที่นี่คือแหล่งกบดานของ กลุ่มโจรลักเด็ก [หนูผี]
กลุ่มที่ชอบจับเด็กไปขายให้พวกคนรวยอีกอาณาจักร ตอนแรกก็ลักคนในสลัม มีคนไปฟ้อง แต่สำนักงานไม่สนใจ จะหายหรือตายไปก็ดีทั้งนั้น
แต่เพราะพวกมันได้ใจเลยลามปามไปลักลูกของประชาชนในเมืองชั้นนอกไปขาย
พอมีภารกิจตามหาเด็กหายมากๆ เข้า เรื่องจึงไปถึงหูของพวกขุนนาง ตอนแรกยังมีทีท่าเฉยๆ
แต่พอเริ่มมีเด็กหายในเมืองชั้นในใกล้เขตขุนนางของพวกมัน
พวกมันจึงใช้อำนาจกดดันให้สำนักงานประกาศภารกิจกวาดล้าง
แต่เพราะกลุ่มโจรพวกนี้อาศัยสลัมเป็นที่ซ่อนตัวและเนียนอยู่ในคราบคนสลัม
ถึงจับได้ก็ได้แต่พวกปลายแถวที่ทำหน้าที่ลักเด็กหรือคุ้มกันบ้านที่ใช้ขังเด็ก พวกนี้ไม่รู้ที่ซ่อนจุดอื่น ไม่รู้จักรังหลัก ไม่รู้ช่องทางลักลอบเด็กออกจากเมืองหรือส่งไปขายที่ไหน
จึงปราบปรามกันไม่ได้จนถึงตอนนี้
ส่วนตอนนี้ จู่ๆ ประตูบ้านทุกหลังในเขตนี้ก็เปิดออก พวกที่ดูเหมือนขอทานแห่กันออกมาล้อมรอบพวกเราพร้อมอาวุธครบมือ
กะคร่าวๆ ก็เกินครึ่งร้อย พวกนี้ฝีมือดูอ่อนกว่าพวกที่ออกมาจากท่อน้ำเก่า แต่เน้นไปที่จำนวน
ถ้าให้เดาก็พวก [แรงค์ F] ไร้ค่า พวกนี้มันใช้ง่ายทำได้ทุกงานขอแค่โยนเศษเงินจ้างพวกมัน