webnovel

ตอนที่ 9 ทรยศ

ไจเกีย หัวหน้า กิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]

มือที่เงื้อใกล้จะถึงศีรษะหยุดชะงักในทันที

เมื่อได้เห็นใบหน้าของเธอใกล้ๆ

สาวน้อยคนนี้มีใบหน้าสวยจนน่าหลงใหล ร่างกายสมส่วน ผิวเนียนไร้ที่ติ สิ่งที่แสดงถึงเพศหญิงก็มีขนาดและรูปทรงที่ไม่มากและน้อยเกินไป

ถ้าบอกว่าเป็นลูกสาวของขุนนางหรือเจ้าหญิงในราชวงศ์ ข้าก็เชื่อ

ข้าถือคติว่าถ้ายังไม่รู้จักอีกฝ่ายดี ก็จะไม่แตะต้องเด็ดขาด เพราะมันอาจนำปัญหาตามมาในภายหลังได้

ข้าจึงรีบผละออกจากตัวเธอ

ยังไงเธอก็แค่หลับไป ค่อยจัดการทีหลัง ตอนนี้เรื่องมีดจึงสำคัญกว่า

ข้าควานหาทั่วทั้งชั้น แทบจะพลิกก้อนหินทุกก้อน

วนหาซ้ำไปก็หลายรอบ แต่กลับไม่เจอแม้แต่ร่องรอย

งั้นก็ต้องมีคนเอาไป

"โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!"

ข้าคำรามเสียงดังลั่นไปทั้งชั้น แขนขาเปลี่ยนไปเป็นของเสือ เขี้ยวที่ปากงอกยาวและแหลมคมขึ้น

ไอ้ตัวไหนที่มันกล้าเอาไป ข้าจะฉีกร่างและกัดคอมันให้จมเขี้ยว

ข้ายกผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาอุ้มแล้วพุ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

ตั้งแต่ชั้น 9 ถึง ชั้นที่ 5 ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตแต่อย่างใด

ข้ามั่นใจในประสาทสัมผัสแม้ว่าพวกมันจะมีสกิลหายตัวก็ตาม

และข้าก็รับรู้ได้ว่าพวกมันยังอยู่กันแค่ที่ชั้น 4

ข้าวางเธอนอนลงบนพื้นที่ชั้น 5 อย่างแผ่วเบา

ก่อนจะกลับขึ้นไปตวาดเสียงดังลั่นที่ชั้น 4

"ใครเอามีดของข้าไป!!!"

ไม่มีใครตอบ มีแต่เสียงกรีดร้องกับการวิ่งหนี

"งั้นก็ตายๆ ไปซะ!!!"

ข้ากระโดดก้าวเดียวก็ข้ามหัวพวกมันไปถึงทางขึ้นลงระหว่างชั้น

จังหวะลงข้าเหยียบจนร่างพวกมันเละคาตีน

"กรร!!!"

ข้าเหวี่ยงกรงเล็บใส่ทุกคนที่อยู่ในระยะ

กรงเล็บฉีดตัดร่างกายพวกมันราวกับเต้าหู้

ตัวไหนที่ข้าสงสัยก็จิกหัวมันขึ้นมาถาม

และเมื่อไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ ข้าก็ฉีกร่างมันเป็นชิ้นๆ

พวกที่ชั้นสามรับรู้ถึงเสียงกรีดร้องจึงรีบหนีขึ้นไปชั้นบน

ข้าไจเกีย ขอสาบานว่าพวกแกจะไม่มีวันได้ออกไปจากดันเจี้ยนแบบเป็นๆ

ข้าตามไปไล่ฆ่าขยะทุกตัว

ยิ่งไม่เจอมีดข้าก็ยิ่งบ้าคลั่งและลงมือหนักขึ้น

มีหลายตัวที่โดนข้าจับฟาดเข้ากับกำแพง

บางตัวก็เตะจนศพมันเละติดคาเพดาน

บางครั้งก็เขวี้ยงหรือถีบหินก้อนยักษ์บดขยี้ร่างพวกมัน

หลายตัวถูกจับฉีกอวัยวะทีละชิ้นเพื่อระบายความโกรธ

ไม่ก็ขย้ำคอจนหัวมันหลุดกลิ้งลงไปบนพื้น แล้วกระทืบซ้ำจนเละเพื่อคลายโทสะ

กลิ่นคาวเลือดทำให้ข้าปิติยินดีและยิ่งกระหายเลือดมากกว่าเดิม

จากความโกรธจึงเปลี่ยนเป็นความสนุกที่ได้ไล่ฆ่าและเล่นกับเหยื่ออ่อนแอไร้ทางสู้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่จวบจนไม่มีเหยื่อให้เล่น

ข้าถึงค่อยพึงพอใจจนระงับความกระหายเลือดนี้ลงได้ แต่มันก็แค่นิดเดียว

มีดของข้า ต้องโดนขโมยไปแล้วแน่ๆ

และข้าไจเกีย ขอสาบาน

ไม่ว่าจะมันตัวไหนจะขโมยไป ข้าจะฉีกร่างมันทีละชิ้นเล็กๆ ทีละชิ้นๆ เอาให้ทรมานจนไม่อยากเกิดมาบนโลกใบนี้

แล้วจากนั้นข้าจะปิดฉากด้วยการฝังเขี้ยวบดกะโหลกให้แหลกละเอียด เอามันให้จดจำนามของข้าลงไปยันชาติหน้า

ข้าสงบสติอารมณ์แล้วกลับร่างส่วนที่เป็นเสือให้เป็นมนุษย์ดังเดิม แล้วจึงควานหาอุปกรณ์ที่ยังใช้ได้กับเสื้อผ้าที่ยังอยู่ดีไปกองไว้ข้างเธอที่ชั้น 5

ถึงแม้ตอนนั้นจะกระหายเลือดอยู่ แต่คนที่ใส่เสื้อไซซ์ขนาดเท่ากับเธอคนนั้น ข้าเลือกที่จะบี้หัวมันให้เละแทนการฉีกร่าง

เมื่อได้เห็นเธออีกครั้ง ข้าก็แทบควบคุมสัญชาตญาณไว้ไม่อยู่ จึงเลือกที่จะไม่พาเธอกลับกิลด์แล้วพุ่งออกจากดันเจี้ยนไป

เมื่อถึงกิลด์ ข้าสั่งการบางอย่างกับลูกน้อง ก่อนออกจากกิลด์ไปอีกครั้ง

*****

เรเชล ฮีลเลอร์ส่วนตัวของ ไจเกีย หัวหน้ากิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]

"ให้ฆ่ามันทิ้งเลยดีไหมคะ"

ผู้คุ้มกันส่วนตัวของฉันชักดาบแล้วชี้ไปที่คอมาจอก้า รอเพียงคำสั่งลงมือ แต่ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ

"ทิ้งเธอไว้อย่างนี้แหละค่ะ"

"ฮ่าๆๆๆ อีโลกสวยเอ๊ย! ทำเป็นกระแดะสั่งฆ่าคนไม่ได้"

ฉันไม่สนใจแล้วหันหลังเดินกลับ แต่ประโยคต่อมาทำฉันหนาวสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

"เรเชลเอ๋ย โรจามันเล่าเรื่องพี่น้องของยัยเน่า [แรงค์ F] นั่นด้วยนะ ตอนนี้ท่านไจเกียคงสั่งให้โรจาไปพาตัวมาแล้ว อยากรู้จังนักบุญโสเภณีอย่างแกจะช่วยพวกมันได้ไหม ฮ่าๆๆๆๆๆ"

"ไป! รีบไปสำนักงานสาขาย่อยที่ใกล้ที่สุด!"

ฉันกับผู้คุ้มกันรีบวิ่งออกจากดันเต็มฝีเท้า โดยทิ้งเสียงหัวเราะเยาะที่ดูบ้าคลั่งของมาจอก้าไว้ด้านหลัง

ต้องรีบไป ขอล่ะ อย่าให้โรจาเจอตัวพวกเธอได้ก่อนฉันเลย

ขณะที่เราผ่านชั้นที่ทิ้งทูเก้ไว้ไป ทูเก้ก็ลืมตาขึ้นมา แววตาฉายความโกรธเกรี้ยว เขากำชับดาบในมือแน่นแล้วเดินลงไปชั้นล่าง โดยที่พวกเราไม่รู้

ที่หน้าดันเจี้ยนฉันกับผู้คุ้มกันรีบขึ้นรถม้า ฉันสั่งให้เดินรถความเร็วเต็มฝีเท้า

ต้องแข่งกับเวลาแล้ว ยิ่งผ่านนานเท่าไหร่ใจฉันก็ยิ่งร้อนรนขึ้นเท่านั้น

แต่จู่ๆ ก็เกิดเสียงกระแทกพื้นดังสนั่นด้านหน้ารถม้า สารถีรีบกระตุกเชือกหยุดม้าจนฉันเกือบล้มหน้าคว่ำ ถ้าไม่ได้คนคุ้มกันช่วยจับไว้ได้ทัน

เมื่อเห็นว่าฉันปลอดภัย ผู้คุ้มกันทุกคนต่างรีบชักอาวุธแล้วพุ่งออกจากรถม้า

ทำไมต้องมาเกิดเหตุอะไรตอนนี้ด้วย ยิ่งไม่มีมีเวลาแล้ว

ฉันรีบออกไปสมทบเพื่อช่วยบัฟให้พวกเขา จะได้จัดการให้มันจบไวๆ

แต่พอลงจากรถม้า ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับเป็นผู้คุ้มกันกำลังคุกเข่าตัวสั่น เพราะหวาดกลัวไจเกียที่ร่างชุ่มไปด้วยเลือดกับอวัยวะของมนุษย์

ไจเกียสั่งให้นักเวทน้ำใช้เวทชะล้างตัวเธอ ก่อนจะเดินตรงมาหาฉัน

"ขึ้นรถ!!! แล้วแก้ผ้าออกซะ!!!"

"ค่ะ"

ฉันก้มหัวเดินขึ้นรถม้าอย่างว่าง่าย แม้จะหวาดกลัวและรู้ดีว่าจะโดนทำอะไร

ไจเกียที่เป็นแบบนี้ ฉันรู้ได้ทันทีว่าพึ่งฆ่าคนจำนวนมากมา เพราะหลังจากกระหายเลือดแล้ว

เธอจะติดสัดอย่างรุนแรง

ผู้คุ้มกันได้แต่ปิดหูและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะไม่มีใครอยากให้ไจเกียเปลี่ยนมาเล่นพวกเธอแทน

กลางป่ามีเสียงกรีดร้องของฉันผสมกับเสียงคำรามอย่างเพลิดเพลินของไจเกีย

ไม่นานรถม้าก็แบกรับความรุนแรงไม่ไหวจนล้อหัก

และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย นอกจากสวดภาวนาขอให้พวกเธอปลอดภัย ระหว่างที่โดนไจเกียขืนใจเหมือนของเล่น

*****

ทูเก้ อดีตหัวหน้าหน่วยทีมปิดฉากดันเจี้ยน สังกัดทีมรอง

ข้าแกล้งทำเป็นสลบหลังถูกอาวุธทุบเข้าที่หัว

แต่ดูเหมือนขากลับพวกนั้นจะรีบร้อนออกจากดันเจี้ยนไป ซึ่งมันก็ดีสำหรับข้าที่ไม่ต้องแสดงว่าสลบให้มันเนียนมากนัก

ข้าลูบหัวที่ถูกทุบก่อนจะหยิบดาบขึ้นมา

ต้นเหตุที่ทำให้ถูกไล่ออก คือ มาจอก้า

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น คือ ลาโบ้

ข้าควรไปขอบคุณสินะ

ข้ากำชับดาบแน่นแล้วเดินลงไปชั้นล่างสุดของดันเจี้ยน

ที่ชั้นสุดท้าย มาจอก้าดิ้นรนด้วยการกลิ้งหนี แต่เพราะกระดูกขากับแขนหัก ทำให้เธอเจ็บปวดจนต้องทำๆ หยุดๆ

และเมื่อมาจอก้าเห็นข้ากำลังเดินเข้าไปหา เธอก็หยุดดิ้นรนและยิ้มเยาะตัวเอง

"ขอแบบทีเดียวจบ ไม่เจ็บได้มั้ยเนี่ย"

ข้าไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เดินไปหยุดตรงหน้าเธอ

"แต่ถ้าจะทรมานก็เร่งมือเข้าล่ะ หรือนายอยากรอบอสเกิดแล้วคิดจะโยนฉันให้บอสแดกเหรอ"

"ดูเธอไม่กลัวเลยนะ"

"จะไปกลัวทำไม๊ ถ้ายังไงก็ต้องตาย"

"แล้วกับไจเกียทำไมตอนนั้นถึงกลัวล่ะ"

"โอ๊ะโอ เปลี่ยนสีเร็วนะเนี่ย ไม่เรียกท่านแล้วเหรออออ"

ข้าเงียบเพื่อรอคำตอบ

"เฮ้ออ... กับไจเกียมันต่างกันอะดิ รายนั้นน่ะมีแต่ต้องยอมศิโรราบอย่างเดียวหรือแกคิดว่างัดกับมันไหวล่ะ"

ข้าส่ายหน้าเป็นเชิงเห็นพ้อง ต่อให้มีข้าสักร้อยคนก็ยังเป็นแค่ขยะสำหรับมัน แต่ว่า

"มันก็พอมีทางงัดอยู่"

มาจอก้าเลิกคิ้วใส่กับคำพูดข้าอย่างกวนๆ

"มาจอก้า มาร่วมมือกับข้าไหม ข้าจะตั้งกิลด์แล้วยกอำนาจให้เจ้าควบคุมได้ทุกอย่างในกิลด์"

"เห... ฉันทำได้ทุกอย่างจริงเร๊อออ..."

"อยากจะทรมานแล้วฆ่าคนที่ขัดหูขัดตาเจ้าสักกี่ตัว ข้ายินดีสมรู้ร่วมคิดและช่วยปกปิดให้"

"งั้นถ้าฉันอยากเป็นหัวกิลด์ล่ะ"

"งั้นข้าก็จะเป็นรองกิลด์ แล้วทำให้พวกที่ครหาว่าเจ้าไม่เหมาะสมหุบปากให้หมด"

"ต้องการอะไรแลกเปลี่ยนจ๊ะ"

"กิลด์วอ"

มาจอก้าถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

"อะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ เอาจริงดิ แกนี่มันโคตรบ้าเลยว่ะ ที่กล้างัดกับไจเกียด้วยกิลด์วอ ฮ่าๆๆๆๆๆ"

"ข้าจะบดขยี้ทั้งร่างกายและศักดิ์ศรีของมันในกิลด์วอ"

"หืม? ไจเกียแค่ส่งแกมาตาย เรเชลก็ให้โอกาสรอดแล้วหนิ ทำไมถึงแค้นมันนัก"

"ผู้คุมบนรถที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ ได้เล่าความจริงให้ข้าฟัง คงเพราะคิดว่าข้าไม่รอดหรือถ้ารอดก็ต้องหลบหนีไม่ให้ไจเกียเจออีกเลยตลอดชีวิต"

"โอ้ว เรื่องนี้มีดราม่า"

"ข้าทนลำบากทุกอย่างเพื่อเข้ากิลด์นี้ ทนมานานแสนนาน เพื่อไต่เต้าขึ้นไปในตำแหน่งที่ไจเกียไม่อาจขาดข้าได้"

มาจอก้าทำสีหน้าเบื่อหน่ายกับเหตุผลที่พวกผู้ชายชอบกัน

"ข้าทำไปเพราะอยากได้อำนาจคุ้มกะลาหัวของไจเกีย ในการสอบสวนหาคนที่ข่มขืนภรรยาข้าจนเสียชีวิต"

"โอ้ ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่มั้ย"

มาจอก้าตาเป็นประกายอย่างคาดหวัง ตรงกันข้ามกับของข้าที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

"ใช่ คนที่ทำก็มันนั่นแหละ ไอสารเลวไจเกีย!"

"อะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ดราม่าถูกใจเจ๊เลยว่ะ งั้นจะยอมเป็นหมารับใช้ฉันมั้ยล่ะ"

ข้าพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ความสามารถในการดูแลและจัดการกิลด์ของมาจอก้าแทบไม่มีอะไรให้สงสัย

หากไม่มีอำนาจกดหัวเธออยู่ กิลด์ที่เธอปกครองจะต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

"งั้นก็เอาสิ ฉันอยากได้อำนาจชี้เป็นชี้ตายมานานแล้ว แต่เพราะหาหมารับใช้ผู้ภักดีแบบแกไม่ได้สักที"

"จะให้ข้าก้มกราบเลียตีนสาบานตอนนี้เลย ข้าก็ยินดีทำให้ทันที"

"เออ มันต้องยังงี้สิวะ ฉันก็ขอให้สัตย์สัญญากับหมาผู้ภักดี เมื่อกิลด์เราพร้อมรบเมื่อไหร่ฉันจะเปิดกิลด์วอให้นาย กระทืบมันเอง!"

"ขอบคุณครับ ท่านหัวหน้ากิลด์มาจอก้า"

มาจอก้าฉีกยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ข้าตัดเชือกแล้วอุ้มท่านออกจากดันเจี้ยนไป

ไจเกีย ข้าขอสาบาน สักวัน ข้าจะกลับมาถลกหนังแกเอาไปทำพรหมเช็ดตีนหน้าสุสานภรรยาข้า!

Chương tiếp theo