ช่วยได้ที่ว่ามันคือยังไง ทำได้จริงเหรอ!
[มีพลังช่วยน้องสาวออกมาได้ด้วยตัวเองและสามารถรักษาพี่สาวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ถ้ายังไม่เสียชีวิต]
"พูดจริง!"
ฉันถึงกับหลุดอุทานออกมาจนทหารน้ำแข็งมองฉันอย่างสงสัย
[ต้องการแกนดันเจี้ยน 0 / 1 เพื่อเปิดใช้งาน]
อะ เอาไงดีล่ะ
มีทางช่วยพี่เทียร่าแล้ว แต่เอลด้าเนี่ยสิ
ถ้าเราเข้าไปหา พวกเราก็ออกมาไม่ได้เพราะกฎอัยการศึก จะรอดชีวิตจนจบได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้
แต่ถ้าจะให้ลงดันเจี้ยนไปเอาแกนตอนนี้ ก็อาจจะช่วยเอลด้าไม่ทัน
และถ้าฉันเดาไม่ผิด
เจ้าหน้าต่าง แกนดันเจี้ยนแค่ลูกเดียวจะแข็งแกร่งจนช่วยพี่กับน้องสาวฉันได้ไหม
...
แล้วมันก็ลบคำออกจนเหลือแค่
[เพื่อเปิดใช้งาน]
นั่นไงล่ะ แค่ลูกเดียวมันไม่พอ
ต้องใช้แกนกี่ลูก เสียเวลาอีกเท่าไหร่ ถึงจะแข็งแกร่งพอล่ะ แบบนี้เอลด้ามีสิทธิตายกันพอดี
คิดสิ คิดสิ คิดเข้าสิ คาลิก้า คิดสิ!!!
...
อ๊ะ?!!
ฉันหันไปมองที่ป่า ตอนนี้นักผจญภัยกำลังรีบทยอยกลับมาแล้ว
นี่ไงล่ะ วิธีที่จะทำให้สำเร็จได้ทั้งสองอย่าง
เพราะอ่อนแอจึงหลบซ่อนตัวมาตลอด เพราะหวังว่าเทพธิดาจะเห็นใจในความบริสุทธิ์จึงไม่เคยคิดจะกระทำความผิด
ไม่เคยลักขโมย ทำร้ายผู้อื่นหรือเบียดเบียนใครแม้แต่น้อย พยายามมาตลอด
แต่ดูผลที่ได้กลับมาสิ
ไม่มีใครจ้าง ถูกใส่ร้าย โดนทำร้ายร่างกาย ใครๆ ก็ขับไล่ไสส่งเหมือนหมูเหมือนหมา โดนฆ่า น้องสาวต้องอาบของสกปรกทุกวันเพื่อไม่ให้โดนจับไปขาย พี่สาวถูกทำร้ายและถูกเผาทั้งเป็น
งั้นเทพธิดามันก็ไม่มีอยู่จริง แค่เรื่องเหลวไหลหลอกลวง
ในเมื่ออาณาจักรกำหนดให้ฉันเป็นคนสลัม และทุกอย่างบีบคั้นจนฉันไม่เหลือทางรอด
งั้นก็มาเลวแบบที่คนสลัมเค้าทำกัน
ขอเดิมพันหมดหน้าตักกับการเป็นโอเกอร์
ฉันให้ทหารน้ำแข็งครึ่งนึงไปที่สลัม บอกลักษณะอย่างถี่ถ้วนอีกรอบทั้งตอนที่ล้างหน้าแล้วและยังไม่ได้ล้าง เพื่อหาตัวและปกป้องคุ้มครองจนกว่าฉันจะไปรับ
ส่วนที่เหลือวิ่งกลับไปหานายทหารที่พาพ่อค้าทาสมาตามคำสั่งของคุณรอคต้า
เพราะทาสของฉันมีจำนวนเยอะจึงยังปลดพันธะไม่เสร็จ
ฉันขอให้คุณทหารที่พาพ่อค้าทาสมา ไปคุยด้วยกันส่วนตัว
บอกเขาว่าให้ไปแจ้งคนจากสามกิลด์ให้หน่อย ว่าถ้าใครหาเอลด้าเจอ คาลิก้าจะยอมเป็นของคนคนนั้นโดยไร้เงื่อนไข
ฉันถอดเสื้อคลุมกันหนาวให้ทหารน้ำแข็งถือ แล้วให้ทหารน้ำแข็งอีกคนใช้ดาบตัดเส้นผมของฉันทิ้งไปจนสั้น
แค่นี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าฉันเป็นคนพูด
"แค่ยื่นให้พวกเขาดูก็พอนะคะ อย่าให้พวกเขาไปนะคะ บอกเขาไปว่าต้องเอาไปใช้ยืนยันเพื่อบอกกับกิลด์ที่เหลือ"
พวกมันจะได้แข่งกันเองเพื่อหาเอลด้า
"เข้าใจแล้วครับ"
เขายอมทำตามเพราะคุณรอคต้า ถ้ามีโอกาสค่อยไปขอบคุณเขาทีหลัง แต่ไม่รู้จะได้ขอบคุณไหมนะ
แล้วฉันก็ให้ทหารน้ำแข็งวิ่งไปยังทางที่พวกนักผจญภัยจากมา
----- หลังจากนั้น 20 นาที -----
ฉันกับทหารน้ำแข็งขึ้นไปซ่อนตัวบนต้นไม้ จนแน่ใจว่าไม่มีทหารกับนักผจญภัยเหลือแล้ว จึงค่อยลงมาแล้วตรงไปที่ดันเจี้ยนฟาร์มในทันที
ถ้าเป็นดันเจี้ยนฟาร์มของกิลด์จะมีหลายชั้น ทำให้เสียเวลาสู้นานเกินไป ฉันจึงเล็งดันเจี้ยนฟาร์มของอาณาจักร
ดันเจี้ยนฟาร์มของอาณาจักร หากผู้ใดทำการปิดดันเจี้ยนโดยการทำลายแกนดันเจี้ยน ผู้นั้นจะมีความผิดโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
แต่ละดันเจี้ยนจึงมีคนทำหน้าที่เฝ้าแกนดันเจี้ยนตลอดเวลาประมาณ 15 – 20 คน
คนเฝ้าแกนเป็นทหารครึ่งนึงกับนักผจญภัยที่ถูกจ้างมาอีกครึ่งนึง
แต่เพราะกฎอัยการศึก พวกเขาทุกคนเลยถูกบังคับให้กลับอาณาจักร จึงไม่มีใครกล้าอยู่เฝ้าแม้แต่คนเดียว
*****
ส่วนสาเหตุหลักที่พวกเขากล้าทิ้งหน้าที่ปกป้องแกนดันเจี้ยนไป เพราะอาณาจักรแห่งนี้ไม่เคยเกิดเหตุดันเจี้ยนแตกมาก่อน
ด้วยความแตกตื่นและรีบร้อนจึงสั่งเรียกทุกคนกลับเข้ามา แล้วค่อยดูสถานการณ์และวางแผนกันใหม่อีกที
นอกจากอาณาจักรที่ไม่ถูกกัน คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนในอาณาจักรตัวเองตั้งใจทำลายดันเจี้ยนฟาร์ม
ซึ่งในปัจจุบันอาณาจักรที่ไม่ถูกกันกับทาเทนทายไม่มีแม้แต่อาณาจักรเดียว
เพราะอาณาจักรที่ไม่มี [แรงค์ S] เป็นของตัวเอง ไม่เป็นที่หมายปองของอาณาจักรอื่น
กลับกันประเทศที่อยากได้ [แรงค์ S] มาครอบครอง จะคอยยุยงปลุกปั่นและบ่อนทำลายอาณาจักรที่มี [แรงค์ S] เพื่อให้เกิดความระส่ำระสาย จนทั้งการเงินและการปกครองไม่มั่นคง
เพื่อให้ [แรงค์ S] ตัดสินใจถอนตัวออกมา ตอนนั้นเองที่พวกเขาจะรีบไปต้อนรับด้วยข้อเสนอที่ดีกว่า
*****
ฉันกับทหารน้ำแข็งตรงเข้าดันเจี้ยนฟาร์มที่ใกล้ที่สุด
ดันเจี้ยนของที่นี่มีแค่ชั้นเดียว ส่วนมอนสเตอร์แทบไม่มี เพราะโดนฟาร์มอย่างหนักตลอดเวลา
แกนดันเจี้ยนจึงแสดงตัวแทบตลอดเวลา
ฉันเดินไปตรงหน้าแกนดันเจี้ยนที่ลอยอยู่ในระดับศีรษะของฉัน แล้วเอื้อมมือไปหยิบมันมาถือไว้
"ได้มาแล้ว ให้ทำไงต่อ"
[กินเข้าไป]
"..."
ถึงจะสงสัยว่าจะกินวัตถุแข็งๆ นี่ได้จริงเหรอ แต่ฉันก็อ้าปากแล้วกัดมันอย่างไม่ลังเล
ผลคือ อร่อยมากและเคี้ยวง่ายด้วย
แกนดันเจี้ยนขนาดเท่าหัวผู้ใหญ่ลงท้องไปย่างรวดเร็ว
แล้วหน้าต่างก็เด้งขึ้นไม่หยุด พร้อมกับส่งเสียงอธิบายเข้ามาในหัวฉันโดยตรง
[ต้องการแกนดันเจี้ยน 1 / 1 เพื่ออัพเลเวลและเปิดใช้งาน]
[เงื่อนไขครบถ้วน]
[คาลิก้า เนฮิว เข้าสู่สถานะ : โอเกอร์สายพันธุ์ใหม่]
[เปิดใช้งานการอัพเลเวลสกิลเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง]
[แต้มอัพสกิล 0]
[ต้องการแกนดันเจี้ยนเพื่อเปลี่ยนเป็นแต้มสกิล]
[สมดุลร่างกาย 0 / 10]
[ร่างกายจะรองรับพลังได้ถึงระดับที่อัพไว้ สมดุลร่างกายอยู่ที่ระดับไหน สกิลก็จะอัพได้ถึงแค่ระดับนั้น]
[พละกำลัง 0 / 10]
[เพิ่มพลังกายพื้นฐานทุกส่วนของร่างกาย]
[ความเสียหาย 0 / 10]
[เพิ่มพลังโจมตีทุกส่วนของร่างกาย]
[ความทนทานของผิวหนัง 0 / 10]
[เพิ่มความทนทานต่อการถูกโจมตีทุกส่วนของร่างกาย]
[ความคล่องแคล่ว 0 / 10]
[เพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนที่หรือหลบหลีกให้ทุกส่วนของร่างกาย]
[การฟื้นฟู 0 / 10]
[เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย]
[เทคนิค]
[เงื่อนไขไม่ครบถ้วน ไม่สามารถเปิดตารางสกิลให้อัพได้]
ถ้าอยากรักษาพี่สาวต้องอัพการฟื้นฟูใช่ไหม
[เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ใหม่ จึงไม่ถูกยึดติดกับสกิลแบบเดิม]
[สกิลการฟื้นฟู สามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นได้ แต่ต้องสูญเสียระดับที่อัพการฟื้นฟูไว้ทั้งหมด]
อยากได้ก็เอาไปฉันไม่แคร์
[ระดับ 10 ของการฟื้นฟู คือ การฟื้นสภาพแบบ 100% แต่ใช้ไม่ได้ผลกับคนที่ตายแล้ว]
เข้าใจล่ะงั้นก็ต้องอัพให้เต็ม 10 เท่ากับตอนนี้ต้องใช้แกนดันเจี้ยน 20 อัน เพื่ออัพสมดุล 10 กับฟื้นฟู 10
แล้วถ้าอยากช่วยน้องสาวล่ะ เอาแบบด่วนๆ ฉันไม่มีเวลามานั่งอัพทุกอย่าง
[พละกำลัง ความทนทานของผิวหนังและความคล่องแคล่ว]
[ยิ่งอัพระดับได้สูงเท่าไหร่ ยิ่งเอาตัวรอดและมีโอกาสช่วยได้สำเร็จมากขึ้น]
ตกลง
ฉันสั่งให้ทหารน้ำแข็งกระจายตัวไปดันเจี้ยนละ 2 - 5 คนแล้วแต่ความลึกของชั้น เพื่อเคลียร์เส้นทาง
เนื่องจากแกนดันเจี้ยนไม่สามารถออกจากดันเจี้ยนได้ แต่พวกทหารน้ำแข็งก็หยิบมันมารอฉันที่ปากทางเข้า ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปจนสุดทาง
ฉันขี่หลังทหารน้ำแข็งแล้วไล่กินแกนดันเจี้ยนฟาร์มทั้งหมด
สิ่งแรกที่อัพคือสมดุลสลัมกับสกิลฟื้นฟูจนเต็ม 10 ทั้งคู่ เท่านี้ก็ช่วยพี่เทียร่าได้แล้ว
หลังจากนั้นไล่อัพอีก 3 สกิลที่หน้าต่างแนะนำ แต่ไม่ได้เต็ม 10 ทุกสกิล เพราะดันเจี้ยนฟาร์มแถบนี้ถูกกินไปหมดแล้ว
ถ้าจะอัพให้เต็มต้องเข้าไปลึกกว่านี้ และเพราะมันเสียเวลามากเกินไป แถมยังเสี่ยงเจอพวกอสูรด้วย ฉันจึงหยุดไว้แค่นี้
[พละกำลัง 5 / 10]
หลังอัพได้ถึงระดับที่ 3 ฉันก็สามารถวิ่งเองได้โดยไม่ต้องให้ทหารน้ำแข็งคอยช่วยแบก
ยิ่งระดับสูง ฉันก็ยิ่งไม่เหนื่อย มอนสเตอร์ระดับต่ำก็ไม่ใช่คู่มืออีก แทบจะเป็นความฝันเลยที่ฉันสามารถหยุดพวกมันด้วยมือเปล่าและจับมันเหวี่ยงจนตายได้
และเพราะทหารน้ำแข็งเห็นฉันต่อสู้ไม่เอาไหน พวกเขาจึงสอนฉันแบบคร่าวๆ ด้วยการทำให้ดูกับมอนสเตอร์ตัวอื่น
[ความทนทานของผิวหนัง 8 / 10]
พอถึงระดับ 3 พวกมอนสเตอร์พวกนี้ก็แทบทำความเสียหายอะไรฉันไม่ได้แล้ว แต่เพราะกลัวความเจ็บแบบที่โรจาเคยทำเลยอัพไว้เยอะ
[ความคล่องแคล่ว 6 / 10]
ยิ่งอัพก็ยิ่งวิ่งได้เร็วตามที่มันบอก ตอนนี้สามารถวิ่งแซงทหารน้ำแข็งที่วิ่งเต็มกำลังได้แล้ว
แต่การหลบหลีกฉันยังต้องคิดให้ทัน ถึงร่างกายจะหลบได้ไว แต่ถ้าฉันมัวแต่คิดเรื่องอื่นแล้วพึ่งมาหลบในระยะที่โดนแน่นอน ก็หลบไม่ทันเหมือนกัน
ต้องช่วยได้แน่ ถ้ามีพลังนี้
ฉันออกวิ่งนำหน้าทหารน้ำแข็งทุกนาย
ทันทีที่พ้นป่า ฉันก็เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของกองทัพทหารหลักหมื่นด้านล่างรอบนอกกำแพง พวกเขาปิดล้อมไปตลอดแนวตั้งแต่ประตูเมืองไปยังสุดกำแพงเขตสลัมของอีกฝั่ง
ต่างกับด้านบนกำแพงเมืองที่ดูโกลาหลวุ่นวาย ลูกธนูกับเวทกระหน่ำยิงเข้าไปในกำแพงไม่มีหยุดพัก
ฉันที่กำลังวิ่งตรงไปที่ประตู แต่ก็สังเกตเห็นคนด้านบนกำแพงตะโกนบางอย่างกับทหารด้านล่าง
จากนั้นก็เกิดเสียงดังกึกก้องจนฉันที่อยู่ห่างมากยังได้ยิน
กำแพงเมืองด้านบนแหลกละเอียดต่อหน้าต่อตา เศษกำแพงกับซากร่างของทหารปลิวว่อนไปบนท้องฟ้า
รอยแตกร้าวกระจายไปทั่ว จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง แล้วกำแพงเมืองก็พังทลายลงมา
ทหารด้านล่างโดนเศษกำแพงเมืองตกใส่ตายไปอีกหลายศพ
เมื่อฝุ่นควันจางลง ทุกคนก็เห็นช่องโหว่ขนาดใหญ่
อัศวินรีบออกคำสั่งยิงดังลั่นไปทั่วกองทัพ และตอนที่ลูกธนูกับเวทมนตร์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังยิงเข้าใส่ช่องโหว่อยู่นั้น
น้ำก็พลันทะลักออกมาพร้อมกับฝูงมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลหลากหลายชนิด
"เอลด้าาาาาาาาาาา!!!"
ฉันวิ่งเต็มกำลังไปที่กำแพงเมือง แต่ละก้าวที่เหยียบลงไปทำให้พื้นดินยุบตัวเป็นรอยเท้า