webnovel

ตอนที่ 45 เพื่อน

อสูรมนุษย์ปลาเกล็ดเหล็ก

เมื่อเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ ตอนนี้ร่างกายข้าสูงใหญ่กำยำเกือบสามเมตร เกล็ดทั่วร่างหนาราวกับสวมชุดเกราะ

ดวงตามองเห็นได้ไกลขึ้น จมูกสามารถแยกแยะกลิ่นต่างๆ ได้ดีขึ้น ในปากมีฟันเขี้ยวงอกเพิ่มเต็มไปหมด มันทั้งคมและใหญ่ขึ้น

ข้าทดลองกับกระดองเต่า จากที่เคยแข็งจนกัดไม่เข้า กลายเป็นอ่อนนุ่มและเคี้ยวง่ายมาก แต่เพราะไม่ใช่อาหารจึงต้องคายทิ้งไป

จนตอนที่ข้าเห็นเสาเถาวัลย์ถูกสร้างขึ้นมา ข้าจึงอยากทดสอบร่างกายนี้ดู

ข้ากระโดดเกาะปูตัวนึงให้มันพาไปจนถึงระยะโจมตีของเสาเถาวัลย์แล้วยืนขึ้นรับมันโดยตรง

เสาเถาวัลย์ตอกข้าเหมือนตะปู ทะลวงร่างปูลงไปจมลงไปในดิน

ความเสียหายแล่นไปทั่วร่าง มีก้างหักหลายซี่ ข้ากระอักเลือดออกมากองใหญ่

แต่หมัดข้าก็ต่อยทะลวงเสาเถาวัลย์ที่มัดขดกันแน่นหนาได้อย่างง่ายดาย

ยังต้องกินเพิ่มอีก ข้ารีบหนีออกจากระยะโจมตีไปตามหาอาหารกินอีกครั้ง

หลังจากปูก็เป็นพวกเต่า หลังจากเต่าก็เป็นปลาดาวกับงู

ขณะที่พวกมันฆ่ากัน ข้าก็สนแต่เรื่องกินและวิวัฒนาการ

เมื่อได้วิวัฒนาการอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของข้าทุกส่วนมีแต่กล้ามเป็นมัดๆ เกล็ดทั่วร่างขึ้นซ้อนทับกันถึงสองชั้น และรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร่างก่อนหน้าเป็นเท่าตัว

ตอนนี้ลูกธนูกับเวทมนตร์ลูกเล็กๆ ของพวกอาหารด้านบนไม่ระคายผิวข้าอีกแล้ว

ทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการจะหิวมาก แต่ตอนนี้ถึงหิวก็ยังทนได้

แถมอาหารก็มีเกลื่อนกลาดเหลือเฟือ

ตอนนั้นเองที่พวกปลาดาวมันปล่อยม่านไอน้ำเข้าบดบังการมองเห็นและทำให้การได้กลิ่นของข้าเป็นอัมพาตไปด้วย

ข้าจึงทำได้แค่นั่งรอ รอจนเกิดเสียงการโจมตีครั้งใหญ่ของฝั่งมนุษย์ ตามด้วยฝั่งอดีตเพื่อนที่ทำลายกำแพงเมืองจนพัง

ไอน้ำเริ่มบางเบาและหายไปบางส่วน ข้าจึงตามไปสังเกต

สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ตามพวกมันไป ข้างนอกค่อนข้างสู้กันดุเดือดแบบตายกันไปข้าง ไม่มีเวลาให้กินแน่

แถมกำลังเสริมของพวกอาหารก็เข้ามาเติมไม่หยุด ดูราวกับพวกมันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เราหลุดออกไปได้

จากนั้นในกำแพงเมืองพวกอาหารก็โดนเพื่อนต่างเผ่าโจมตี

เพื่อนต่างเผ่าคนนี้ตัวสีดำ มีรูปร่างเหมือนของเหลวไร้รูปทรงขนาดใหญ่

แต่เพราะมันทำให้ม่านไอน้ำหายไปจนหมดและอดีตเพื่อนก็เริ่มทำการบุกโจมตี

ข้าจึงแฝงตัวตามไปด้วย ด้วยการเข้าไปในคลื่นน้ำทะเล

เมื่อใกล้ถึงแนวหน้า คลื่นน้ำทะเลกลับชนอะไรสักอย่าง

ข้าชะลอความเร็วแล้วว่ายสวนเพื่อให้พวกอดีตเพื่อนเคลียร์เส้นทางให้ปลอดภัยก่อน

จนการต่อสู้บานปลายไปทั่ว พื้นที่แนวหลังของอดีตเพื่อนก็เหลือแค่ศพอดีตเพื่อนกับอาหารเต็มไปหมด

ข้าจึงหยิบกินอย่างสบายใจ

แต่ตอนนั้นเองที่อาหารชิ้นนึงถูกโยนมา ข้ายกมือคว้าแขนมันได้กลางอากาศ

อาหารที่โยนมาเป็นอาหารขยะ ผอมบางแทบไม่มีเนื้อ ชิ้นส่วนก็ไม่ครบดูไม่น่ากินสักนิด

เมื่อข้ามองไปยังทิศทางที่โยนอาหารชิ้นนี้มา ข้าก็ได้เห็นอาหารชั้นสูง

ข้าถึงกับถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว แม้อาหารชั้นสูงตัวนี้จะสวมเสื้อคลุมปกปิดตัวตนอยู่ก็ตามที

เกล็ดทั่วร่างสั่นระริก ราวกับบอกว่ามันต้านทานอาหารตัวนี้ไม่ไหว

ข้าไม่อาจเอาชนะอาหารชั้นสูงตัวนี้ได้ สู้ไปก็มีแต่ตายเท่านั้น โอกาสชนะเป็นศูนย์ ลางสังหรณ์บอกข้าอย่างรุนแรง

โชคดีที่อาหารชั้นสูงตัวนี้ไม่เข้าร่วมต่อสู้และไม่มองข้าเป็นเป้าหมาย

สิ่งที่อาหารชั้นสูงมองคือบอสอดีตเพื่อน และบอสอดีตเพื่อนก็เข้าสู่สนามรบ

เมื่อฝ่ายอาหารเห็นก็เริ่มตั้งแนวเตรียมทำศึกใหญ่

งั้นที่ที่ข้าอยู่ก็จะกลายเป็นสนามรบหลักระหว่างอดีตเพื่อนกับเหล่าอาหาร

ถ้าถอยหลังตอนนี้คงเข้าไปรวมกับอดีตเพื่อน เหมือนจะปลอดภัย แต่จากการคำนวณระยะทางกับเวลา ข้ามีสิทธิโดนพวกอาหารยิงถล่มไปพร้อมกับอดีตเพื่อน

เวทมนตร์หินติดไฟก้อนยักษ์ของอาหารชั้นสูงนั่น ข้าทนไม่ไหว

ข้ารีบกวาดตามองหาสถานที่ปลอดภัยที่ใกล้ที่สุดรอบตัว

และก็ได้เจอสถานที่ที่พวกอาหารมันไม่กล้าเข้าใกล้ ถึงจะเสี่ยงที่ต้องฝ่าพวกอาหารเข้าไปแต่ต้องปลอดภัยกว่าแน่นอน

ข้าจึงรีบวิ่งไปให้เร็วที่สุด ระหว่างทางข้าฆ่าอาหารทุกตัวที่ขวางทางด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า

พวกไร้เกราะใช้มือตบหรือบีบ หัวก็ขาดกระจุย

พวกสวมเกราะข้าออกแรงนิดหน่อยก็ต่อยจนร่างทะลุได้ง่ายๆ

ขวาน ดาบ มีด และอาวุธมีคมทุกชนิด ข้ายืนรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ใช้มือเปล่าจับหักได้โดยตรง

ลูกธนูกับเวทมนตร์ไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย ถึงจะมีพวกมันเล็งเข้าที่ตา แต่ประสาทสัมผัสข้าก็ไวพอจะรู้ตัว ข้าแค่เพียงหลับตาการโจมตีพรรค์นั้นก็เหมือนเป่าลมใส่

ไม่เจ็บไม่คันแม้แต่นิดเดียว

เส้นทางที่ข้าไปล้วนอ้อมหลีกพวกอาหารชั้นสูงเสมอ

แต่หากเจออาหารชั้นกลางจำนวนมาก ข้าก็แค่ลากใส่อดีตเพื่อน

จนในที่สุดข้าก็สามารถเข้าไปในเขตละอองสีดำของเพื่อนต่างเผ่า

ถึงจะเหม็นเน่าจนอยากสำรอก แต่ก็แลกกับความปลอดภัย

ถึงจะมีเวทไฟยิงเข้าใส่ไม่หยุด แต่ไฟพวกนี้ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่แล้ว

แต่แล้วข้าก็เวียนหัวจนทรุดเข่าล้มลง ร่างกายเหมือนถูกเล่นงานจากภายใน

คอเหมือนมีของเหลวเหนียวเหนอะเกาะอยู่ ระบบขับถ่ายรวน ร่างกายร้อนเหมือนถูกไฟเผาสลับกับหนาวเหน็บและรู้สึกอยากสำรอกออกมา

ข้าต้องรีบวิวัฒนาการแล้ว แต่อาหารอยู่ไกลเหลือเกิน เวทไฟก็ยิงเข้ามาไม่หยุด

โอ๊ะ! แต่ช่างเป็นโชคดีของข้า เพราะข้าหวาดกลัวจนไม่รู้สึกตัวว่าพาอาหารขยะติดมือมาด้วย

ไม่สิ

ไม่ใช่เลย

เป็นเพราะอาหารชั้นสูงน่าหวาดกลัวตัวนั้นโยนมาให้ต่างหาก จิตใต้สำนึกของข้ากลัวว่ามันจะโกรธหากข้าทิ้งอาหารขยะนี่ไปโดยไม่กิน

ตลอดทางข้าปกป้องอาหารขยะโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับใช้มือเดียวฆ่าอาหารทุกตัวมาตลอดทาง

ราวกับมันต้องตายด้วยมือข้าเท่านั้น ใช่มั้ยเจ้าอาหารชั้นสูง

แต่ความกลัวช่างมีประโยชน์ อย่างน้อยก็วิวัฒนาการได้แล้ว

ข้าอ้าปากกว้างหย่อนมันเข้าไปในปากแล้วงับลงมา

"อย่ามาแตะต้องเพื่อนฉันนะ!"

เปรี๊ยะ!!!

"อรู๊กกก!"

ก่อนที่จะได้กัดโดนชิ้นเนื้อ ตัวข้าก็กระตุกไปทั้งร่าง ถึงจะแค่ชั่วแวบเดียว แต่ก็สะดุ้งจนโยนอาหารขยะทิ้งไป

และตัวการที่ทำให้ข้ากินไม่ได้ก็คืออาหารสัตว์ชั้นต่ำตัวนึง มันโจมตีใส่หลังข้าทีเผลอ

มันโผเข้ารับอาหารขยะของข้าแล้วรีบพาหนีออกจากพื้นที่ละอองสีดำ

?!!ทำไมกัน ทำไมมันถึงไม่ได้รับผลกระทบจากเวทไฟกับละอองสีดำเลย

เมื่อสังเกตดีๆ ข้าจึงเห็นออร่าบางสีส้มแดงหุ้มตัวมันกับอาหารขยะอยู่

*****

โซร่า เผ่าพันธุ์มนุษย์หมา ทาส???

เหตุการณ์ก่อนที่วานิวจะหนีสไลม์กลับเข้าห้องหลักของพีโวด้า

"ไม่ต้องห่วงนะ เอลด้าจะอยู่ด้วยตลอด หลับให้สบายเถอะนะ"

ฉันจึงวางใจแล้วปล่อยให้ตัวเองหลับลงไป ฉันรู้ดีว่าครั้งนี้คงจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว

ฉันเกิดมาจากใคร เกิดที่ไหน ไม่อาจทราบได้เลย สิ่งที่จำได้รางๆ ตอนยังเด็ก คือ ตื่นมาก็ถูกล่ามอยู่ในกรง

ทาสชั้นต่ำคือคำที่พ่อค้าคนหนึ่งของกิลด์ [โซ่อัคคี] เรียกพวกเราที่อยู่ในกรง

กรงทุกใบของทาสชั้นต่ำถูกตั้งวางเรียงรายหลายร้อยกรงบนพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่ว่าจะแดดออก ฝนตก ลมแรง หิมะลง

ทาสชั้นต่ำอย่างพวกเราได้แต่อยู่ในนั้นจนกว่าจะมีคนมาซื้อ ไม่ก็ทนไม่ไหวตายจากไป

วันที่เราจะได้กินอาหาร คือ วันที่มีทาสชั้นต่ำเสียชีวิตเท่านั้น

คนงานจะเอาทาสคนนั้นไปต้มในน้ำ แล้วค่อยแจกจ่ายให้คนละ 1 กระบวย ด้วยการเทลงบนพื้นให้เรามุดหัวออกมาเลีย

บางครั้งหากโดนพ่อค้าทาสหรือคนงานหมั่นไส้ ก็จะใช้เท้าเหยียบก่อนให้เรากิน คนไหนทำตัวดีถึงจะตักเนื้อให้กิน

คงเพราะฉันเป็นเผ่าสัตว์ พ่อค้าทาสรังเกียจฉันมาก เขาไม่ใช่แค่ตักให้น้อยกว่าคนอื่น แต่ทั้งเหยียบและถ่มน้ำลายลงมาด้วย

ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉันก็ต้องกิน

กินเสร็จก็สวดอ้อนวอนท่านเทพธิดา อยากเจอพ่อแม่ อยากรู้จักบ้านเกิด อยากหนีไปจากที่นี่ อยากให้มีคนดีๆ มาซื้อไป

แต่มันก็ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่สิเลวร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากพีโวด้ามาซื้อฉันไป

ทาสอย่างเราเป็นแค่สิ่งของที่จะใช้งานยังไงก็ได้ เพราะฉันเป็นเผ่าครึ่งสัตว์จึงทนมือทนตีนกว่าคนอื่นเลยรอดมาได้เสมอ

และพวกนั้นก็ใช้ชีวิตทาสของพวกฉันเดิมพันแลกเงินแค่ไม่กี่เหรียญ

คนที่แพ้พนันก็มักจะมาลงกับคนที่รอดมาได้อย่างฉันเสมอ กล่าวโทษตลอดว่าทำไมไม่ช่วยเพื่อน

ใจจริงอยากช่วย แต่เพราะคำสั่งของพีโวด้าที่ห้ามช่วยใครนอกจากตัวเอง

จนตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการสวดอ้อนวอนเทพธิดามันไร้ประโยชน์ เทพธิดาไม่เคยมีอยู่จริง

พอแล้วกับความทรมาน แต่ตอนที่เพื่อนใหม่คนนี้ปลอบฉันที่กำลังจะตายจากไป

เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกตื้นตันจากหัวใจ ไม่เคยมีใครดีกับฉันเท่าเอลด้ามาก่อนในชีวิต

ถ้าจะขอให้เอลด้าปลอดภัย ฉันจะไม่ขอกับเทพธิดาอีกแล้ว

ใครก็ได้ แค่ไม่ใช่เทพธิดาหูหนวกก็พอ ได้โปรดมาช่วยเอลด้าเพื่อนของฉันให้หนีรอดปลอดภัยทีนะคะ

แล้วเรี่ยวแรงของฉันก็ค่อยๆ หายไป การทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ เริ่มช้าลง

สักพักจู่ๆ ก็มีความอบอุ่นค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในร่างกาย ความอบอุ่นหลากหลายรูปแบบ

*****

ยารักษาชนิดต่างๆ ที่วานิวประเคนใส่เอลด้า มีทั้งที่กระเด็นและไหลไปโดนตัวโซร่า

และเพราะเป็นยาชั้นดีมันจึงซึมเข้าร่างโซร่าอย่างรวดเร็วและช่วยชีวิตเธอได้ทันเวลา

*****

ความเจ็บปวดค่อยๆ ทุเลาลง จนเลือนหายไปในที่สุด พละกำลังค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา

ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สภาพโดยรอบห้องเละเทะมาก มีกองเลือดกับศพคนมากมาย

มีเสียงต่อสู้กับเสียงกรีดร้องด้านนอกห้องดังเป็นช่วงๆ

ฉันรีบกวาดตามองหาเอลด้าไปทั่วห้องเพื่อจะพาเธอหนีไป แต่กลับไม่เจอเอลด้าเลย

ฉันจึงตัดสินใจออกจากห้อง

ตอนนั้นเองที่ฉันเห็นสไลม์สีดำจำนวนมหาศาลคลานไปทั่วทุกพื้นที่

"ไอ้โรจา! ไอ้สารเลว!"

ส่วนเอลด้าก็โดนชายชื่อโรจาอุ้มจากไป

เมื่อพวกเขาคิดจะกลับเข้าห้อง ฉันจึงรีบหาที่ซ่อน

ตอนนั้นเองที่ไปเห็นสร้อยเส้นนึงที่พวกลูกน้องของพีโวด้าเคยพูดถึงความสามารถของมันอยู่

และจากที่ฉันเคยได้ยิน พวกสไลม์มันเกลียดความร้อน

ฉันจึงรีบคว้าสร้อยมณีเพลิงมาสวมใส่ ความอบอุ่นแล่นไปทั่วร่างในพริบตา

จากที่ได้ยินมา สร้อยมณีเพลิงมีความสามารถสร้างความอบอุ่นให้แก่ผู้สวมใส่ ส่วนใครที่ผู้สวมใส่คิดว่าเป็นภัย สร้อยจะเร่งความร้อนรอบตัวจนร้อนระอุขนาดที่ทำให้ผิวหนังไหม้ได้เลย

ส่วนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะพีโวด้า ฉันมุดเข้าไปแล้วลากกล่องใบหนึ่งออกมา

พีโวด้าจะใช้กล่องนี้หากของที่ขโมยเป็นสัตว์เลี้ยง

มันคือ กล่องมิติสัตว์เลี้ยงระดับต่ำ ไว้เก็บสัตว์เลี้ยงไม่ให้มันเพ่นพ่านไปทั่วหรือใช้ขนย้ายไปที่ไกลๆ

จากที่พีโวด้าพูด กล่องมิติสัตว์เลี้ยงจะสร้างอากาศหายใจและปรับอุณหภูมิให้เข้ากับสัตว์ตัวนั้นโดยอัตโนมัติ

พีโวด้าเคยเมาแล้วสั่งให้ทาสอย่างพวกเราเข้าไปนอนในนั้นเพื่อเล่นเดิมพัน

เดิมพันว่าใครจะรอด หลังจากอยู่ในนั้น 10 นาที

แล้วเพื่อนทุกคนที่ไม่ใช่มนุษย์สัตว์ก็ต่างขาดอากาศหายใจตายกันทุกคน

ฉันคงรอดมาได้เพราะเป็นครึ่งสัตว์ ภายในกล่องค่อนข้างแคบสำหรับสัตว์เล็ก แต่ในมิติมีเบาะนุ่มๆ รอบด้าน มีแสงสว่างหากสัตว์ยังไม่ง่วงนอน

ถึงมันจะแคบสำหรับฉันจนต้องนอนขดตัว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันรีบมุดเข้าไปแล้วปิดฝากล่องทันที

พริบตาเดียวกล่องที่ไม่มีอากาศก็หายใจได้สะดวก อุณหภูมิอุ่นสบายจนฉันง่วงนอน เมื่อแสงสว่างในกล่องหายไป

ฉันก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

Chương tiếp theo