อสูรมนุษย์ปลาเกล็ดเหล็ก
เมื่อเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ ตอนนี้ร่างกายข้าสูงใหญ่กำยำเกือบสามเมตร เกล็ดทั่วร่างหนาราวกับสวมชุดเกราะ
ดวงตามองเห็นได้ไกลขึ้น จมูกสามารถแยกแยะกลิ่นต่างๆ ได้ดีขึ้น ในปากมีฟันเขี้ยวงอกเพิ่มเต็มไปหมด มันทั้งคมและใหญ่ขึ้น
ข้าทดลองกับกระดองเต่า จากที่เคยแข็งจนกัดไม่เข้า กลายเป็นอ่อนนุ่มและเคี้ยวง่ายมาก แต่เพราะไม่ใช่อาหารจึงต้องคายทิ้งไป
จนตอนที่ข้าเห็นเสาเถาวัลย์ถูกสร้างขึ้นมา ข้าจึงอยากทดสอบร่างกายนี้ดู
ข้ากระโดดเกาะปูตัวนึงให้มันพาไปจนถึงระยะโจมตีของเสาเถาวัลย์แล้วยืนขึ้นรับมันโดยตรง
เสาเถาวัลย์ตอกข้าเหมือนตะปู ทะลวงร่างปูลงไปจมลงไปในดิน
ความเสียหายแล่นไปทั่วร่าง มีก้างหักหลายซี่ ข้ากระอักเลือดออกมากองใหญ่
แต่หมัดข้าก็ต่อยทะลวงเสาเถาวัลย์ที่มัดขดกันแน่นหนาได้อย่างง่ายดาย
ยังต้องกินเพิ่มอีก ข้ารีบหนีออกจากระยะโจมตีไปตามหาอาหารกินอีกครั้ง
หลังจากปูก็เป็นพวกเต่า หลังจากเต่าก็เป็นปลาดาวกับงู
ขณะที่พวกมันฆ่ากัน ข้าก็สนแต่เรื่องกินและวิวัฒนาการ
เมื่อได้วิวัฒนาการอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของข้าทุกส่วนมีแต่กล้ามเป็นมัดๆ เกล็ดทั่วร่างขึ้นซ้อนทับกันถึงสองชั้น และรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร่างก่อนหน้าเป็นเท่าตัว
ตอนนี้ลูกธนูกับเวทมนตร์ลูกเล็กๆ ของพวกอาหารด้านบนไม่ระคายผิวข้าอีกแล้ว
ทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการจะหิวมาก แต่ตอนนี้ถึงหิวก็ยังทนได้
แถมอาหารก็มีเกลื่อนกลาดเหลือเฟือ
ตอนนั้นเองที่พวกปลาดาวมันปล่อยม่านไอน้ำเข้าบดบังการมองเห็นและทำให้การได้กลิ่นของข้าเป็นอัมพาตไปด้วย
ข้าจึงทำได้แค่นั่งรอ รอจนเกิดเสียงการโจมตีครั้งใหญ่ของฝั่งมนุษย์ ตามด้วยฝั่งอดีตเพื่อนที่ทำลายกำแพงเมืองจนพัง
ไอน้ำเริ่มบางเบาและหายไปบางส่วน ข้าจึงตามไปสังเกต
สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ตามพวกมันไป ข้างนอกค่อนข้างสู้กันดุเดือดแบบตายกันไปข้าง ไม่มีเวลาให้กินแน่
แถมกำลังเสริมของพวกอาหารก็เข้ามาเติมไม่หยุด ดูราวกับพวกมันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เราหลุดออกไปได้
จากนั้นในกำแพงเมืองพวกอาหารก็โดนเพื่อนต่างเผ่าโจมตี
เพื่อนต่างเผ่าคนนี้ตัวสีดำ มีรูปร่างเหมือนของเหลวไร้รูปทรงขนาดใหญ่
แต่เพราะมันทำให้ม่านไอน้ำหายไปจนหมดและอดีตเพื่อนก็เริ่มทำการบุกโจมตี
ข้าจึงแฝงตัวตามไปด้วย ด้วยการเข้าไปในคลื่นน้ำทะเล
เมื่อใกล้ถึงแนวหน้า คลื่นน้ำทะเลกลับชนอะไรสักอย่าง
ข้าชะลอความเร็วแล้วว่ายสวนเพื่อให้พวกอดีตเพื่อนเคลียร์เส้นทางให้ปลอดภัยก่อน
จนการต่อสู้บานปลายไปทั่ว พื้นที่แนวหลังของอดีตเพื่อนก็เหลือแค่ศพอดีตเพื่อนกับอาหารเต็มไปหมด
ข้าจึงหยิบกินอย่างสบายใจ
แต่ตอนนั้นเองที่อาหารชิ้นนึงถูกโยนมา ข้ายกมือคว้าแขนมันได้กลางอากาศ
อาหารที่โยนมาเป็นอาหารขยะ ผอมบางแทบไม่มีเนื้อ ชิ้นส่วนก็ไม่ครบดูไม่น่ากินสักนิด
เมื่อข้ามองไปยังทิศทางที่โยนอาหารชิ้นนี้มา ข้าก็ได้เห็นอาหารชั้นสูง
ข้าถึงกับถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว แม้อาหารชั้นสูงตัวนี้จะสวมเสื้อคลุมปกปิดตัวตนอยู่ก็ตามที
เกล็ดทั่วร่างสั่นระริก ราวกับบอกว่ามันต้านทานอาหารตัวนี้ไม่ไหว
ข้าไม่อาจเอาชนะอาหารชั้นสูงตัวนี้ได้ สู้ไปก็มีแต่ตายเท่านั้น โอกาสชนะเป็นศูนย์ ลางสังหรณ์บอกข้าอย่างรุนแรง
โชคดีที่อาหารชั้นสูงตัวนี้ไม่เข้าร่วมต่อสู้และไม่มองข้าเป็นเป้าหมาย
สิ่งที่อาหารชั้นสูงมองคือบอสอดีตเพื่อน และบอสอดีตเพื่อนก็เข้าสู่สนามรบ
เมื่อฝ่ายอาหารเห็นก็เริ่มตั้งแนวเตรียมทำศึกใหญ่
งั้นที่ที่ข้าอยู่ก็จะกลายเป็นสนามรบหลักระหว่างอดีตเพื่อนกับเหล่าอาหาร
ถ้าถอยหลังตอนนี้คงเข้าไปรวมกับอดีตเพื่อน เหมือนจะปลอดภัย แต่จากการคำนวณระยะทางกับเวลา ข้ามีสิทธิโดนพวกอาหารยิงถล่มไปพร้อมกับอดีตเพื่อน
เวทมนตร์หินติดไฟก้อนยักษ์ของอาหารชั้นสูงนั่น ข้าทนไม่ไหว
ข้ารีบกวาดตามองหาสถานที่ปลอดภัยที่ใกล้ที่สุดรอบตัว
และก็ได้เจอสถานที่ที่พวกอาหารมันไม่กล้าเข้าใกล้ ถึงจะเสี่ยงที่ต้องฝ่าพวกอาหารเข้าไปแต่ต้องปลอดภัยกว่าแน่นอน
ข้าจึงรีบวิ่งไปให้เร็วที่สุด ระหว่างทางข้าฆ่าอาหารทุกตัวที่ขวางทางด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า
พวกไร้เกราะใช้มือตบหรือบีบ หัวก็ขาดกระจุย
พวกสวมเกราะข้าออกแรงนิดหน่อยก็ต่อยจนร่างทะลุได้ง่ายๆ
ขวาน ดาบ มีด และอาวุธมีคมทุกชนิด ข้ายืนรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ใช้มือเปล่าจับหักได้โดยตรง
ลูกธนูกับเวทมนตร์ไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย ถึงจะมีพวกมันเล็งเข้าที่ตา แต่ประสาทสัมผัสข้าก็ไวพอจะรู้ตัว ข้าแค่เพียงหลับตาการโจมตีพรรค์นั้นก็เหมือนเป่าลมใส่
ไม่เจ็บไม่คันแม้แต่นิดเดียว
เส้นทางที่ข้าไปล้วนอ้อมหลีกพวกอาหารชั้นสูงเสมอ
แต่หากเจออาหารชั้นกลางจำนวนมาก ข้าก็แค่ลากใส่อดีตเพื่อน
จนในที่สุดข้าก็สามารถเข้าไปในเขตละอองสีดำของเพื่อนต่างเผ่า
ถึงจะเหม็นเน่าจนอยากสำรอก แต่ก็แลกกับความปลอดภัย
ถึงจะมีเวทไฟยิงเข้าใส่ไม่หยุด แต่ไฟพวกนี้ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่แล้ว
แต่แล้วข้าก็เวียนหัวจนทรุดเข่าล้มลง ร่างกายเหมือนถูกเล่นงานจากภายใน
คอเหมือนมีของเหลวเหนียวเหนอะเกาะอยู่ ระบบขับถ่ายรวน ร่างกายร้อนเหมือนถูกไฟเผาสลับกับหนาวเหน็บและรู้สึกอยากสำรอกออกมา
ข้าต้องรีบวิวัฒนาการแล้ว แต่อาหารอยู่ไกลเหลือเกิน เวทไฟก็ยิงเข้ามาไม่หยุด
โอ๊ะ! แต่ช่างเป็นโชคดีของข้า เพราะข้าหวาดกลัวจนไม่รู้สึกตัวว่าพาอาหารขยะติดมือมาด้วย
ไม่สิ
ไม่ใช่เลย
เป็นเพราะอาหารชั้นสูงน่าหวาดกลัวตัวนั้นโยนมาให้ต่างหาก จิตใต้สำนึกของข้ากลัวว่ามันจะโกรธหากข้าทิ้งอาหารขยะนี่ไปโดยไม่กิน
ตลอดทางข้าปกป้องอาหารขยะโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับใช้มือเดียวฆ่าอาหารทุกตัวมาตลอดทาง
ราวกับมันต้องตายด้วยมือข้าเท่านั้น ใช่มั้ยเจ้าอาหารชั้นสูง
แต่ความกลัวช่างมีประโยชน์ อย่างน้อยก็วิวัฒนาการได้แล้ว
ข้าอ้าปากกว้างหย่อนมันเข้าไปในปากแล้วงับลงมา
"อย่ามาแตะต้องเพื่อนฉันนะ!"
เปรี๊ยะ!!!
"อรู๊กกก!"
ก่อนที่จะได้กัดโดนชิ้นเนื้อ ตัวข้าก็กระตุกไปทั้งร่าง ถึงจะแค่ชั่วแวบเดียว แต่ก็สะดุ้งจนโยนอาหารขยะทิ้งไป
และตัวการที่ทำให้ข้ากินไม่ได้ก็คืออาหารสัตว์ชั้นต่ำตัวนึง มันโจมตีใส่หลังข้าทีเผลอ
มันโผเข้ารับอาหารขยะของข้าแล้วรีบพาหนีออกจากพื้นที่ละอองสีดำ
?!!ทำไมกัน ทำไมมันถึงไม่ได้รับผลกระทบจากเวทไฟกับละอองสีดำเลย
เมื่อสังเกตดีๆ ข้าจึงเห็นออร่าบางสีส้มแดงหุ้มตัวมันกับอาหารขยะอยู่
*****
โซร่า เผ่าพันธุ์มนุษย์หมา ทาส???
เหตุการณ์ก่อนที่วานิวจะหนีสไลม์กลับเข้าห้องหลักของพีโวด้า
"ไม่ต้องห่วงนะ เอลด้าจะอยู่ด้วยตลอด หลับให้สบายเถอะนะ"
ฉันจึงวางใจแล้วปล่อยให้ตัวเองหลับลงไป ฉันรู้ดีว่าครั้งนี้คงจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
ฉันเกิดมาจากใคร เกิดที่ไหน ไม่อาจทราบได้เลย สิ่งที่จำได้รางๆ ตอนยังเด็ก คือ ตื่นมาก็ถูกล่ามอยู่ในกรง
ทาสชั้นต่ำคือคำที่พ่อค้าคนหนึ่งของกิลด์ [โซ่อัคคี] เรียกพวกเราที่อยู่ในกรง
กรงทุกใบของทาสชั้นต่ำถูกตั้งวางเรียงรายหลายร้อยกรงบนพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่ว่าจะแดดออก ฝนตก ลมแรง หิมะลง
ทาสชั้นต่ำอย่างพวกเราได้แต่อยู่ในนั้นจนกว่าจะมีคนมาซื้อ ไม่ก็ทนไม่ไหวตายจากไป
วันที่เราจะได้กินอาหาร คือ วันที่มีทาสชั้นต่ำเสียชีวิตเท่านั้น
คนงานจะเอาทาสคนนั้นไปต้มในน้ำ แล้วค่อยแจกจ่ายให้คนละ 1 กระบวย ด้วยการเทลงบนพื้นให้เรามุดหัวออกมาเลีย
บางครั้งหากโดนพ่อค้าทาสหรือคนงานหมั่นไส้ ก็จะใช้เท้าเหยียบก่อนให้เรากิน คนไหนทำตัวดีถึงจะตักเนื้อให้กิน
คงเพราะฉันเป็นเผ่าสัตว์ พ่อค้าทาสรังเกียจฉันมาก เขาไม่ใช่แค่ตักให้น้อยกว่าคนอื่น แต่ทั้งเหยียบและถ่มน้ำลายลงมาด้วย
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉันก็ต้องกิน
กินเสร็จก็สวดอ้อนวอนท่านเทพธิดา อยากเจอพ่อแม่ อยากรู้จักบ้านเกิด อยากหนีไปจากที่นี่ อยากให้มีคนดีๆ มาซื้อไป
แต่มันก็ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่สิเลวร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากพีโวด้ามาซื้อฉันไป
ทาสอย่างเราเป็นแค่สิ่งของที่จะใช้งานยังไงก็ได้ เพราะฉันเป็นเผ่าครึ่งสัตว์จึงทนมือทนตีนกว่าคนอื่นเลยรอดมาได้เสมอ
และพวกนั้นก็ใช้ชีวิตทาสของพวกฉันเดิมพันแลกเงินแค่ไม่กี่เหรียญ
คนที่แพ้พนันก็มักจะมาลงกับคนที่รอดมาได้อย่างฉันเสมอ กล่าวโทษตลอดว่าทำไมไม่ช่วยเพื่อน
ใจจริงอยากช่วย แต่เพราะคำสั่งของพีโวด้าที่ห้ามช่วยใครนอกจากตัวเอง
จนตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการสวดอ้อนวอนเทพธิดามันไร้ประโยชน์ เทพธิดาไม่เคยมีอยู่จริง
พอแล้วกับความทรมาน แต่ตอนที่เพื่อนใหม่คนนี้ปลอบฉันที่กำลังจะตายจากไป
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกตื้นตันจากหัวใจ ไม่เคยมีใครดีกับฉันเท่าเอลด้ามาก่อนในชีวิต
ถ้าจะขอให้เอลด้าปลอดภัย ฉันจะไม่ขอกับเทพธิดาอีกแล้ว
ใครก็ได้ แค่ไม่ใช่เทพธิดาหูหนวกก็พอ ได้โปรดมาช่วยเอลด้าเพื่อนของฉันให้หนีรอดปลอดภัยทีนะคะ
แล้วเรี่ยวแรงของฉันก็ค่อยๆ หายไป การทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ เริ่มช้าลง
สักพักจู่ๆ ก็มีความอบอุ่นค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในร่างกาย ความอบอุ่นหลากหลายรูปแบบ
*****
ยารักษาชนิดต่างๆ ที่วานิวประเคนใส่เอลด้า มีทั้งที่กระเด็นและไหลไปโดนตัวโซร่า
และเพราะเป็นยาชั้นดีมันจึงซึมเข้าร่างโซร่าอย่างรวดเร็วและช่วยชีวิตเธอได้ทันเวลา
*****
ความเจ็บปวดค่อยๆ ทุเลาลง จนเลือนหายไปในที่สุด พละกำลังค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา
ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สภาพโดยรอบห้องเละเทะมาก มีกองเลือดกับศพคนมากมาย
มีเสียงต่อสู้กับเสียงกรีดร้องด้านนอกห้องดังเป็นช่วงๆ
ฉันรีบกวาดตามองหาเอลด้าไปทั่วห้องเพื่อจะพาเธอหนีไป แต่กลับไม่เจอเอลด้าเลย
ฉันจึงตัดสินใจออกจากห้อง
ตอนนั้นเองที่ฉันเห็นสไลม์สีดำจำนวนมหาศาลคลานไปทั่วทุกพื้นที่
"ไอ้โรจา! ไอ้สารเลว!"
ส่วนเอลด้าก็โดนชายชื่อโรจาอุ้มจากไป
เมื่อพวกเขาคิดจะกลับเข้าห้อง ฉันจึงรีบหาที่ซ่อน
ตอนนั้นเองที่ไปเห็นสร้อยเส้นนึงที่พวกลูกน้องของพีโวด้าเคยพูดถึงความสามารถของมันอยู่
และจากที่ฉันเคยได้ยิน พวกสไลม์มันเกลียดความร้อน
ฉันจึงรีบคว้าสร้อยมณีเพลิงมาสวมใส่ ความอบอุ่นแล่นไปทั่วร่างในพริบตา
จากที่ได้ยินมา สร้อยมณีเพลิงมีความสามารถสร้างความอบอุ่นให้แก่ผู้สวมใส่ ส่วนใครที่ผู้สวมใส่คิดว่าเป็นภัย สร้อยจะเร่งความร้อนรอบตัวจนร้อนระอุขนาดที่ทำให้ผิวหนังไหม้ได้เลย
ส่วนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะพีโวด้า ฉันมุดเข้าไปแล้วลากกล่องใบหนึ่งออกมา
พีโวด้าจะใช้กล่องนี้หากของที่ขโมยเป็นสัตว์เลี้ยง
มันคือ กล่องมิติสัตว์เลี้ยงระดับต่ำ ไว้เก็บสัตว์เลี้ยงไม่ให้มันเพ่นพ่านไปทั่วหรือใช้ขนย้ายไปที่ไกลๆ
จากที่พีโวด้าพูด กล่องมิติสัตว์เลี้ยงจะสร้างอากาศหายใจและปรับอุณหภูมิให้เข้ากับสัตว์ตัวนั้นโดยอัตโนมัติ
พีโวด้าเคยเมาแล้วสั่งให้ทาสอย่างพวกเราเข้าไปนอนในนั้นเพื่อเล่นเดิมพัน
เดิมพันว่าใครจะรอด หลังจากอยู่ในนั้น 10 นาที
แล้วเพื่อนทุกคนที่ไม่ใช่มนุษย์สัตว์ก็ต่างขาดอากาศหายใจตายกันทุกคน
ฉันคงรอดมาได้เพราะเป็นครึ่งสัตว์ ภายในกล่องค่อนข้างแคบสำหรับสัตว์เล็ก แต่ในมิติมีเบาะนุ่มๆ รอบด้าน มีแสงสว่างหากสัตว์ยังไม่ง่วงนอน
ถึงมันจะแคบสำหรับฉันจนต้องนอนขดตัว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันรีบมุดเข้าไปแล้วปิดฝากล่องทันที
พริบตาเดียวกล่องที่ไม่มีอากาศก็หายใจได้สะดวก อุณหภูมิอุ่นสบายจนฉันง่วงนอน เมื่อแสงสว่างในกล่องหายไป
ฉันก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว