การโจมตีของพวกเขาโดนอสูรตัวนั้นทั้งหมด แต่กลับสร้างความเสียหายให้มันไม่ได้แม้แต่น้อย
ในขณะที่ยังอึ้งกับผลลัพธ์ที่โจมตีไม่เข้า
เกราะศิลาบนตัวมันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหนามแหลมพุ่งทะลุร่างกายทั้งสี่คนจนเป็นรูพรุน
คนทั้งสี่ตัวกระตุกปล่อยอาวุธตกลงพื้น
มีหลายคนฉวยโอกาสยิงศรเข้าใส่ช่องว่างของเกราะที่แปลงเป็นหนามเข้าใส่เกล็ดของมันโดยตรง
แต่ศรยังไม่ถึงตัวเกล็ดตามตัวของมันก็ตีกระพือเหมือนปีกนก สร้างแรงลมเป่าจนลูกศรชะลอความเร็วลง จนร่วงลงไปบนพื้นเหมือนหมดพลัง
"บ้าอะไรเนี่ย! เกราะอย่างหนาโจมตียังไงก็ไม่เข้า!"
"เกล็ดก็มีลูกเล่นแปลกๆ อีก!"
กึง!
หนามศิลาคืนร่างกลับเป็นเกราะแข็งรอบตัวมันอีกครั้ง
อสูรตัวนั้นแสยะยิ้มแล้วกวักมือให้เข้ามา
ต่างคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีกล้าเข้าไปใกล้
"ยิงถล่มเข้าไป!"
พวกเขาได้สติจากคำสั่งของใครบางคน แล้วการกระหน่ำยิงก็เกิดขึ้น
สารพัดเวทและอาวุธยิง ขว้างก็เข้าถล่มใส่ไม่ยั้ง
อสูรตัวนั้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
"โอ้ววววว! เจ็บจุงเบยยยย! ข้าจะตายปลาบปลื้มวววววว!"
ร้องแบบที่คนตอแหลทำกัน
ไม่มีการโจมตีไหนทำเกราะศิลามันแตกได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยว
ตอนนั้นเองที่เวทระเบิดเพลิงของนักเวทระดับกลาง ระเบิดจนเกราะมันเปิดออก
ทุกคนเฮอย่างมีความหวัง
มีหลายคนฉวยโอกาสทันที พุ่งเข้าไปโจมตีใส่ เพราะคิดว่าลูกธนูของพวกระดับต่ำคงยิงไม่แรงพอจึงโดนลมของมันพัดตกลงมา
แล้วทุกคนก็ตระหนักรู้ว่าโดนมันหลอกเข้าเต็มๆ
ทั้งดาบ ขวาน หอกถูกแรงลมที่เกล็ดสร้าง หยุดไว้ได้ก่อนถึงตัวมัน
ราวกับฟันเข้าไปในกำแพงลมของนักเวทระดับกลาง โจมตีไม่เข้า มีแต่เรี่ยวแรงของพวกเขาที่เสียไปเปล่าๆ จากการยื้อกับลม
แล้วเกราะก็เปลี่ยนเป็นหนามแหลมแทงทะลุร่างทุกคนรอบตัว
แม้แต่คนที่เอาโล่ไปเพื่อใช้กันหนามศิลาโดยเฉพาะก็ยังไม่รอด เพราะหนามของมันเล่นเลี้ยวโค้งอ้อมโล่มาแทงเขาจนพรุน
อสูรตัวนั้นหัวเราะคิดคักอย่างชอบใจ ก่อนเก็บหนามกลับเข้ามาเป็นเกราะศิลาอีกครั้ง
"เดี๋ยวข้าจะแสดงความแข็งแกร่งให้ดู"
พูดจบเกราะศิลาก็ร่วงกราวลงไปบนพื้นราวกับโดนเวทละลายเกราะของนักเวทชั้นสูง
ทุกคนที่กำลังดีใจนึกว่ามีนักเวทระดับสูงมาช่วยก็เริ่มยิ้มไม่ออก
เมื่อเกล็ดทั้งตัวเริ่มกระพืออย่างรวดเร็ว สายลมเริ่มพัดเอาก้อนหินกับอาวุธรอบตัวลอยขึ้นจากพื้น
และในทันทีที่มันสะบัดมือออกไป ทั้งก้อนหินกับอาวุธก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา
ก้อนหินกับอาวุธทิ่มแทงเข้าไปในร่างก่อนจะชอนไชไปมาราวกับมีชีวิต ก่อนจะทะลวงร่างออกมาโจมตีคนถัดไปที่อยู่ใกล้
"มันควบคุมลมได้ด้วย!"
"บ้าไปแล้ว!"
"แบบนี้ใครจะสู้ได้วะ!"
"ขอฮีลเลอร์ตรงนี้ด่วนนน!"
"ตาม [แรงค์ B] มาช่วยที! เยอะๆ เลย!"
"อ้ากกกกกก! ช่วยข้าด้วยยย! อ๊อก!"
"ไม่ไหว! ยังไงก็ไม่ไหว!"
"ยิง! ยิงเข้าไป!"
"หยุดยิงซะ! มันยึดอาวุธของพวกแกได้!"
*****
อสูรปลาเกล็ดวายุเกราะศิลา
อาหารล้มตายลงติดกันเป็นลูกโซ่
ร่างใหม่สุดยอด พลังใหม่ก็ช่างสุดยอด
ร่างกายเบาโหวงทั้งที่มีเกราะหนักปกป้องตลอดเวลา
เกราะศิลาที่คลุมตัวข้าแข็งยิ่งกว่าทุกเกล็ดที่ข้าเคยมี
ภายใต้เกราะศิลาก็ยังมีเกล็ดสร้างเวทลมอีกชั้น
เท่านี้ก็ไม่มีใครหน้าไหนทำร้ายข้าได้อีก แม้แต่หินติดไฟลูกยักษ์นั่น
การวิวัฒนาการครั้งนี้ช่างสุดยอด
ข้าแข็งแกร่งแล้ว แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครหน้าไหน
ข้าไม่กลัวเจ้าแล้ว เจ้าอาหารชั้นสูง ฮ่าๆๆๆๆ
"สิ้นหวังกันรึยังล่ะ พวกอาหาร ฮิฮิฮิ เดี๋ยวจะทำให้สิ้นหวังยิ่งกว่านี้"
พวกอาหารชั้นต่ำถอยหนีอย่างไม่คิดชีวิต พวกอาหารชั้นกลางเริ่มรวมตัวกันแล้วโจมตีข้าอีกครั้ง
ครั้งแรกที่พวกอาหารโจมตีโดนเพราะข้าอยากทดสอบเกราะศิลาของตัวเอง แต่ครั้งนี้
ข้าควบคุมสายลมหยุดทุกการโจมตีรอบตัวให้ลอยค้างกลางอากาศ ก่อนผลักกลับไปหาพวกมัน
"สิ้นหวังกันรึยังล่ะ แต่ดูท่าจะยังสิ้นหวังกันไม่พอ"
พวกอาหารชั้นต่ำไปตามตัวพวกอาการชั้นกลางเข้ามาสมทบ
คราวนี้มีแทงค์สวมชุดเกราะทั้งตัวเข้ามาเพียบ หลังแทงค์ก็มีแต่พวกสายโจมตีหนักทั้งค้อน ขวาน ดาบใหญ่อีกสารพัด
พวกมันคิดจะสู้กับข้าในระยะประชิดแทนสินะ
เหมือนจะฉลาดจากการเรียนรู้ แต่ก็โง่อยู่ดี
"อาหารถึงเป็นอาหารสำหรับพวกข้าวันยังค่ำ"
ข้ากระพือเกล็ดปล่อยสายลมกระจายออกไปรอบตัว ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากหินติดไฟ
รอจนพวกมันเข้ามาเยอะขึ้นๆ เยอะจนแตะหลักครึ่งพัน
ข้าจึงควบคุมสายลมให้หมุนวนเป็นวงกลม แรงลมค่อยๆ หมุนแรงขึ้นจนพวกตัวบางเริ่มเซไปตามแรงลม
แต่พวกแทงค์แนวหน้ายังคงไม่สะทกสะท้านและยิ่งคึกเมื่อคิดว่าข้าทำได้แค่นี้
ไม่นานพวกมันก็เริ่มรู้ตัวและเริ่มสั่งให้หนีออกจากพื้นที่
"ถึงจะไม่ชอบแบบไหม้เกรียมก็เถอะนะ ฮิฮิฮิ"
สายลมพัดพาเปลวเพลิงทั้งหมดในสนามหมุนวนตามไปด้วย เปลวไฟยิ่งถูกพัดก็ยิ่งโหมแรงขึ้น
ฟู่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!
โดยมีพวกอาหารที่เกาะกลุ่มกันจนแน่นขนัดเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
อาหารทุกตัวถูกย่างสดทั้งในวังวนทะเลเพลิง
พวกมันดิ้นทุรนทุราย กรีดร้องโหยหวน ชุดเกราะหนาเตอะและอาวุธทุกชนิดถูกหลอมละลายเป็นของเหลว
ผิวหนังพวกอาหารพุพองก่อนจะไหม้เป็นตอตะโก ร่างของพวกมันกลายเป็นซากที่จำเค้าเดิมไม่ได้
เป็นภาพที่ชวนหดหู่และน่าหวาดกลัวสำหรับพวกอาหาร
แต่สำหรับข้าที่เป็นเชฟควบคุมไฟอยู่ตรงกลางนั้น รู้สึกปลาบปลื้มและยินดีจนน้ำตาแห่งความสุขหลั่งออกมา
"จะกินให้อร่อย ก็ต้องใช้วัตถุดิบแบบสด ฮิฮิฮิ"
แต่มันยังไม่จบ ข้าต้องแก้แค้นให้เพื่อนต่างพันธุ์ของข้าสักเล็กน้อย
ข้าควบคุมสายลมพัดพาเปลวเพลิงรอบตัวให้หมุนวนเป็นพายุเพลิงขนาดใหญ่
ก่อนผลักมันออกไปทางประตูเมือง
แค่รัศมีความร้อนก็ทำพวกอาหารผิวไหม้แสบร้อนจนต้องหนีหางจุกตูด
ส่วนอะไรก็ตามที่ถูกพายุเพลิงดูดเข้าไปจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
พวกอาหารพยายามยิงเวทน้ำเพื่อดับมันอย่างเปล่าประโยชน์
แม้แต่เวทดินที่ก่อกำแพงเพื่อหยุดชะลอหรือเปลี่ยนเส้นทางก็ไร้ผล
พายุเพลิงไม่มีการชะลอตัว ไม่มีการอ่อนกำลัง เผาสิ้นทุกสิ่งอย่างที่มันผ่านทาง
พวกอาหารเริ่มหนีตายจากจุดที่คิดว่าพายุเพลิงจะผ่านไป
ยกเว้นพวกอาหารสวมชุดเกราะที่พยายามกันอย่างสุดความสามารถไม่ให้พายุเพลิงทำลายประตูเมือง
คำสั่งที่บ้าบิ่นที่สุดของอาหารชั้นต่ำแต่สวมชุดเกราะดีกว่าตัวอื่น คือ การสั่งให้พวกอาหารพลีชีพเพื่อลดความรุนแรงของพายุเพลิงลง
"ฮิฮิ ฮิฮิฮิ ฮิฮิ... ฮ่า ฮ่าๆ ... ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ"
ข้าอดใจขำไม่ไหว พวกอาหารนี่มันโง่จนเกินเยียวยา สมควรแล้วที่เกิดมาเป็นอาหารให้เผ่าพันธุ์อสูรอย่างพวกข้า
"กระจอกสิ้นดีพวกเผ่าอาหาร!"
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!
ข้าอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า เพราะจู่ๆ พายุเพลิงก็ถูกอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นผลักมันไปชนกับกำแพงเมือง
ฟู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
เปลวเพลิงถูกทับแบนราบไปกับกำแพง ถึงจะเผาจนตัวกำแพงเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แต่ไม่นานพายุเพลิงก็สิ้นฤทธิ์ สลายหายไป
เหลือเพียงแค่ควันเขม่าสีดำลอยขึ้นไปบนฟ้า
และตัวการที่ทำคืออาหารชั้นสูงอีกตัว
ข้าก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้สึกตัว สะดุดหินจนล้มก้นจ้ำเบ้า
แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเหลือเกิน
ทำไมกัน ทำไมข้าถึงยังแข็งแกร่งไม่เท่าพวกมัน
ไม่ได้การแล้ว ก่อนที่เจ้าอาหารชั้นสูงตัวนั้นจะหมดความอดทน
ข้ากวาดตามองหา เมื่อเจอเป้าหมายก็รีบพุ่งตัวไปสุดกำลัง
ตรงหน้าข้ามีอาหารขยะทั้งสองตัวถูกผลกระทบจากวังวนทะเลเพลิงเผาขาจนไหม้เกรียม
ยังดีที่พวกมันยังมีชีวิตรอด แค่นี้มันก็น่าจะเห็นหลักฐานว่าข้าเป็นคนกิน
ไม่สิ เหลือส่วนหัวไว้ดีกว่า มันจะได้เชื่อว่าข้ากินจริง
ข้าเลือกหยิบอาหารขยะก่อนอาหารสัตว์เพราะกินง่ายกว่า
"ปล่อยเอลด้านะ!"
ข้าถีบหน้าอาหารสัตว์กระแทกกับพื้นจนมันหัวแตก
ถึงจะทนเอาเรื่องแต่สภาพร่อแร่แบบนี้อีกไม่นานก็ตายแล้ว ยังมีหน้ามาห่วงอาหารตัวอื่นอีก
ข้าไม่สนใจอาหารสัตว์ที่ตะโกนทั้งน้ำตาและยื่นมือมาเพื่อจะคว้าอาหารตัวนี้คืน
ดูซะสิอาหารชั้นสูง ข้ากำลังจะกินตามที่แกสั่งแล้ว
วินาทีที่ข้าอ้าปาก ก็เกิดเสียงตะโกนที่ดังยิ่งกว่าเสียงใดที่เคยได้ยินมา
"อย่ามาแตะต้องน้องของฉันนะ!!!"
ไม่ใช่แล้ว นี่มันเสียงคำราม
ในสนามรบที่เปลี่ยนจากสีขาวโพลนเป็นสีเทาหม่นหมอง
ขี้เถ้าลอยฟุ้งในอากาศจนเป็นหมอกหนา
เสียงคำรามเสียงนั้น พัดพาขี้เถ้าด้านหน้าตัวข้ากระจายออกไป จนข้าเห็นตัวตนมันได้ชัดเจน
ตัวประหลาดผมสีทองสวมหน้ากากไม้พังๆ ที่ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอาหารหรือเผ่าพันธุ์เดียวกันกับข้า
เธอกระโจนง้างหมัดพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง