ไลอาห์ ทำหน้ายุ่งเพราะวันนี้ช่างไม่เป็นดั่งที่หวัง สาวงามที่เขาได้พบเจอและตราตรึงใจ ปฏิเสธที่สวมใส่แมร์รี่เพอร์รี่ให้แก่เขา ส่วนแม่นางแบบขาใหญ่เจ้าปัญหาก็ทำเป็นเล่นตัวจนน่าหงุดหงิด เขาจึงตัดสินใจให้เครื่องเพชรอันล้ำค่าเป็นเพียงตัวโชว์รอบฟินนาเล่แทนโดยไร้นางแบบสวมใส่มัน
"กับซูซี่ฉันไม่ได้ให้ค่าอะไรนางอยู่แล้ว...แต่กับพนักงานคนนั้นกล้าปฏิเสธฉัน!!! " เขาบ่นกับเอฮาซานเลขาคนสนิทของเขาด้วยอาการมึนเมาหลังจาก ดื่มแอลกอฮอล์สีอำพันไปหลายต่อหลายขวด
" แต่ก็ยังดีที่เราแก้สถานกานต์ได้นะครับ กลายเป็นว่าเครื่องเพชรสองชุดนี้ มีค่ามากกว่าที่นางแบบระดับโลกจะได้สวมใส่" เอฮาซานออกความเห็น พลางรินบรั่นดีให้กับเจ้านายของตน
" พรุ่งนี้ยัยนางแบบนั่นต้องมาโวยวายแน่...เอฮาซาน...ผู้หญิงคนนั้นที่ปฏิเสธแมร์รี่เพอร์รี่ของฉันเป็นพนักงานบนเรือนี้...ไปตามตัวมาให้ฉันด่วน!!" ไลอาห์ออกคำสั่ง พลางดระดกน้ำสีอำพันลงลำคอหนาจนหมดแก้ว
ไม่ทันข้ามคืนตามที่ชายหนุ่มคาดไว้ แม่นางแบบคนงามก็รีบปรี่มาหาเขาถึงในห้องพักทันทีที่งานประมูลจบ เสียงแหวๆของนางหวีดร้องราวกับสัมภเวสีที่ร้องขอส่วนบุญก็มิปาน
" คุณไลอาห์!!!เรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ!!" เสียงแหวๆนั้นกรีดร้องเต็มไปด้วยโทสะ
" เรื่องอะไรดีล่ะคุณซูซี่...เรื่องที่คุณปฏิเสธงานของผมหรือเรื่องที่ผมฟ้องร้องคุณกรณีที่คุณผิดสัญญาจ้าง" ชายหนุ่มส่งสายตาเย็นชาราวกับน้ำแข็งไปยังหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นนางแบบระดับโลก
" ฟ้องร้อง!!!คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะคุณไลอาห์!!!ไหนคุณบอกว่าจะให้ซูซี่ใส่แมร์รี่เพอร์รี่ในงานประมูลล่ะคะ!!!คุณต่างหากที่ผิดสัญญา!!" เสียงแหวๆเริ่มอ่อนลงพลางหย่อนกายลงข้างๆชายหนุ่มด้วยท่าทางออดอ้อน
" ฮึ...คนที่บอกให้ใส่ไม่ใช่เชคอามีนพี่ของผมหรอกหรือ...ผมยังไม่เคยอณุญาติให้คุณแตะต้องมันด้วยซ้ำ...เอฮาซาน...ส่งแขก" เขาพูดอย่างเย็นชาและรู้ดีว่าครั้งหนึ่งซูซี่เคยเป็นคู่รักของเชคอามีนพี่ชายต่างมารดาของเขาที่ตอนนี้ปกครองแคว้นฮาลันที่เป็นเมืองใหญ่ไกล้ๆเหมืองเพชรของเขาอยู่
" คุณไลอาห์!!!" นางแบบสาวไม่สามารถค้านอะไรได้อีกนอกเสียจากทำท่าทีไม่พอใจและออกจากห้องพักของชายหนุ่มไปทั้งอย่างนั้น
"เล่นตัวไปเถอะ ไลอาห์ แกจะได้รู้ว่าคนอย่างซูซี่หากอยากครอบครองอะไรแล้วต้องได้เท่านั้น!!!" หญิงสาวคาดคำพูดพลางกระทืบเท้าเดินจากห้องพักสุดหรูระดับวีวีไอพีไปยังห้องพักของตนต่อไป
วันแรกของการทำงานของสองสาวนั้นวุ่นวายน่าดูชม เพราะลูกค้าของทางร้านนั้นเยอะมากพวกเธอต้องรองรับการบริการในทุกรูปแบบอย่างเต็มที่หากลูกค้าพึงพอใจพวกเธอก็จะได้ทิปหนักๆ เป็นค่าตอบแทนอีก เพียงแค่วันเดียว อัญชันได้ลองนับทิปจากลูกค้าที่เธอได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วได้มามากเท่ากับที่เธอทำงานบนบกในสองเดือนทีเดียว
"ครั้งแรกในชีวิตเลยนะนี่ที่ได้จับเงินเยอะขนาดนี้แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง....ขอบคุณนะคะพี่ฟ้า" อัญชันแทบจะหุบยิ้มไม่ได้แค่จำนวนเงินเท่านี้ทำให้เธอมีความสุขได้มากขนาดนี้ แต่น่าแปลกที่เวลาเลิกงานก็ผ่านมาจวบจนฟ้าจะมืดอยู่แล้ว เพียงจันทร์ที่น่าจะเลิกงานก่อนเธอยังไม่กลับมาที่ห้องพักเลย โทรไปก็ไม่มีเสียงตอบรับแชทไปก็แค่อ่านแต่ไม่ตอบเธอแต่อย่างใด
"พี่ดาวไปเถลไถลที่ไหนอีกเนี้ยะ...หรือหนีไปกินข้าวไม่รอน้องเสียแล้วนะ" เมื่อคิดอย่างนั้นอัญชันไม่รีรอที่จะรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดลำลองและคว้ากระเป๋าสะพายคู่กายไปยังห้องอาหาร
ถัดจากชั้นล่างของห้องพักของลูกเรือจะเป็นโซนพักผ่อนและห้องอาหารของเรือ ในโซนนี้ถูกประดับประดาไปด้วยสีทองและขาวทำให้ดูหรูหราราวกับพระราชวัง เหล่าไฮโซเซเลปที่มาเที่ยวและพักผ่อนต่างมาชุมนุมกันตรงนี้ในยามที่ทานอาหารเรียบร้อยแล้ว อัญชันเห็นเงาร่างของเพียงจันทร์แวบๆในห้องอาหาร เธอจึงรีบเดินไปหาหญิงสาวจนลืมมองทางไปว่าร่างสูงกำยำร่างหนึ่งกำลังเดินออกจากตัวลิฟท์ข้างหน้าของเธอ ทำให้ร่างบอบบางของอัญชันชนกระแทกเข้ากับร่างสูงกำยำนั้นอย่างจัง จนทำให้เธอเกือบจะล้มทั้งยืน โชคดีที่มือหนาคู่นั้นคว้ากายเธอเอาไว้พอดี
"ขอโทษค่ะ!!" เธอดิ้นคลุกคลักในอ้อมกอดที่แข็งกร้าวตรงหน้าแต่ดิ้นเท่าไหร่ก็เหมือนกิ้นไม่หลุดเสียที
" เอ่อ...คุณคะ...ปล่อย...ปล่อยฉันเถอะค่ะ!!" หญิงสาวเริ่มดิ้นรนและหวาดกลัวแต่ทว่าอ้อมกอดที่แข็งกร้าวนั้นกลับนุ่มนวลลง อัญชันที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ก็หยุดดิ้นไปมา
ดวงตาเหมือนกวางสาวรับกับขนตาเป็นแพหนา สีน้ำตาล ดวงหน้ามนที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์บางเบาทำให้ใบหน้านวลนั้นดูเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมากกลิ่นสบู่ที่ผสมกับกลิ่นของกายสาวหอมอบอวนทำให้ใจของเขาเต้นจนแทบจะทะลุจากอกเสียให้ได้ เขาตามหาเธอมาทั้งวันก็คลาดกันจนในที่สุดแต่ทว่าเมื่อเขาไม่ได้ตามหาเธอกลับมาอยู่ตรงหน้าเพียงแค่ปลายจมูก ไลอาห์เผลอกลั้นหายใจไปชั่วคู่เมื่อสบตาคู่งามคู่นั้น
อัญชันเองก็ตกตะลึงในความหล่อเหลาราวเทพบุตรของชายตรงหน้าเช่นกันดวงตาสีอำพันราวกับดึงดูดให้เธอตกอยู่ในภวังค์ก็มิปาน กล้ามแขนแน่นๆและอบอุ่นของเขาก็น่าโหยหายิ่งนัก ทว่าภาพอันโหดร้ายในอดีตของเธอก็แวบเข้ามาในมโนสำนึก ปฏิกิริยาป้องกันตัวของเธอก็เริ่มทำงาน ร่างบางสั่นเทาไปทั้งสรรพางค์กาย ใบหน้านวลซีดขาวราวกับกระดาษเปล่า อัญชันเริ่มดิ้นรนอีกครั้งแต่เพราะความหวดกลัวคราวนี้เธอจึงออกแรงมากกว่าเดิม
"ปะ....ปล่อย!!!!" อัญชันกรีดร้องเสียงหลง ปากบางเริ่มออกแรงกัดที่ลำแขนล่ำๆนั้นจนอีกฝ่ายจำต้องปล่อยเธอร่วงหล่นกระแทกพื้น เลือดสีสดไหลอาบลำแขนแกร่งและติดอยู่ตรงริมฝีปากของหญิงสาว ดวงตาที่เคยสุกสกาวไหววูบประหม่าจนเห็นได้ชัด
" อะ...ออกไป...ไม่...ไม่สิ....ขอโทษค่ะ" ร่างบางเริ่มสั่นกลัวอย่างรุนแรงหญิงสาวล้มลุกคลุกคลานก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้นปล่อยให้ชายหนุ่มยืนมองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจอยู่ตรงนั้น
"คุณไลอาห์!!!รีบไปทำแผลเถอะครับ!!!" เอฮาซานได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวและได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขา้องก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหญิงสาวถึงดูหวาดกลัวเจ้านายของเขาจนถึงขนาดนั้น แต่เมื่อเห็นรอยกัดตรงแขนเขาเองก็ใจหายวาบไม่แพ้กันมือหนารีบคว้าผ้าเช็ดหน้าของตนมาพันแผลเอาไว้
"พันผ้าไว้ก็พอ" ไลอาห์พูดพลางรีบเดินตามหญิงสาวที่กำลังวิ่งแบบสติแตกไปยังพื้นที่ที่เขารู้ว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่อันตราย
อัญชันวิ่งแบบไม่ลืมหูลืมตา ความหวาดกลัวที่เคยลืมเลือนไปแล้วกลับมาตามหลอกหลอนเธออีก กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนและสายตามากตัณหาของผู้ชาย มันทำให้เธอแทบจะอาเจียนออกมา เธอล้มลงไปไม่รู้ต่อกี่ครั้ง วิ่งชนใครบ้าง โดนอะไรขีดข่วนไปบ้างเธอไม่รู้ตัวเองเลย รู้เสียแต่ว่าเธออยากออกไปจากตรงนี้ ปากก็พร่ำเรียกหา นภัทธาและเพียงจันทร์ราวกับคนบ้า จนไม่รู้เลยว่าด้านหน้าที่เธอกำลังวิ่งไปคือกาบเรือที่เก็บเรือสำรองเอาไว้ อัญชันสะดุดม้วนเชือกจนข้อเท้าบวม ปูด ร่างบางกำลังจะพลัดตกเรืออยู่รอมล่อ ทว่ามือหนาที่เคยกอดเธอไว้เมื่อครู่ก็คว้ากายเธอเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ก่อนที่สติจองเธอจะดับวูบไป อัญชันจำได้ว่าหัวจองเธอกระแทกเข้ากับกาบเรือพอดี
"คุณ!!!!คุณ!!!!คุณเป็นอะไรหรือเปล่า!!!.....เอฮาซานๆเรียกหมอเร็ว" ไลอาห์ตะโกนเรียกร่างบางที่เกือบจมหายไปในทะเลแล้วหากเขาตามเธอมาช้ากว่านี้แค่นิดเดียว เขาอุ้มร่างบางที่ไร้สตินั้นขึ้นแนบอก มองเห็นรอยเลือดจากหน้าผากที่ถูกกระแทกตอนที่เขาดึงตัวเธอไว้ ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะอุ้มเธอไปยังห้องพยาบาลของเรือ
ในความฝัน อัญชันมองเห็นภาพเก่าๆที่ติดตาไม่เคยเลือนหายตั้งแต่เธอจำความได้ พ่อของเธอดื่มหนักมากและอาละวาดหนักมาก หลายๆครั้งที่ทุบตีเธอ จนกระทั่งเธอเริ่มเป็นสาวอายุเพียงสิบสี่ปี คืนมหัตภัยร้ายที่หลอกหลอนเธอก็มาเยือน วันนี้เธอมีความสุขมาก เพราะพ่อของเธอทำอาหารสุดอร่อยให้เธอได้กินเป็นครั้งแรก เธอจำรสชาติต้มไก่รสชาติกลมกล่อมนั้นได้ดี แต่มันก็เป็นรสชาติที่ทำไห้เธอเหมือนตกนรกทั้งเป็นเช่นกัน จู่ๆในคืนนั้นพ่อของเธอพาใครก้ไม่รู้มาที่บ้านพวกเขาเริ่มกินดื่มสำราญใจ อัญชันที่ยังเด็กไม่ประสีประสาก็เข้าไปอาบน้ำเพราะรู้สึกร้อนวูบวาบประหลาดๆ มัจจุราชร่างยักษ์ในคราบมนุษย์แอบตามเด็กหญิงไปยังห้องน้ำ เขากระทำการย่ำยีเธอที่กำลังอ่อนแรงในห้องน้ำนั้น มือหนาบีบเค้นทั่วกายเด็กสาวจนเจ็บปวดไปหมด เธอกรีดร้องขอความช่วยเหลือจนเสียงแห้งแหบ โชคยังดีที่คุณปู่อันเป็นที่รักตอนนั้นยังแข็งแรงดีมาช่วยเธอจากวิกฤตนั้นได้ทัน แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงเกาะกินลึกเข้าไปในจิตสำนึกของเธอเสียแล้ว