ดวงใจ...เจ้าเฟยหลง
ตอนที่ 4.....จวนแม่ทัพ
การเดินทางเข้าเมืองหลวงของเฉินลู่เหลียนเป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่มีอุปสรรคใดๆเกิดขึ้นระหว่างทาง จากเมืองหน้าด่านเล็กๆ ถึงเมืองหลวงใช้เวลาทั้งสิ้น 7 ราตรี เมื่อมาถึงแล้วแทนที่สาวใช้คนงามจะถูกพาไปยังจวนของแม่ทัพ นางกลับถูกพาเข้าวังเพื่อไปเข้าเฝ้าผู้ที่ออกราชโองการก่อน แต่ก่อนที่จะเข้าเฝ้าเฉินลู่เหลียนถูกบรรดานางกำนัลในวังหลวงจับอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่จนสวยงามและนางต้องเรียนรู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไรในขณะที่เข้าเฝ้า
การเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิในครั้งนี้ไม่ได้มีพิธีการอะไรมากนัก เพราะทรงอยากให้เป็นเรื่องส่วนตัวมากที่สุด อดีตสาวใช้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก การได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิเป็นเรื่องที่อยู่ไกลเกินว่าคนธรรมดาสามัญอย่างนางจะทำได้ และไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ นางเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ช้าๆ พยายามบอกตัวเองไม่ให้สั่นหรือตื่นเต้นแต่ก็ยากเต็มที เฉินลู่เหลียนทำความเคารพพระองค์ตามที่ถูกสอนมาด้วยความตั้งใจ และเมื่อทรงอนุญาตให้ลุกขึ้นนางก็ทำตามโดยดี พร้อมทั้งเงยหน้าและทันทีที่ได้เห็นพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความเมตตาขององค์จักรพรรดิความกลัวก็เริ่มจะหายไปช้าๆ
"เจ้ามีทุกอย่างที่สตรีหลายนางอย่างจะมี แต่น่าเสียดายนะที่ใบหน้างามๆของเจ้ามันไร้ซึ่งรอยยิ้ม" เฉินลู่เหลียนก้มหน้าไม่ยอมสบตาพระองค์ พลางคิดในใจว่าจะให้ตนมีรอยยิ้มได้อย่างไรในเมื่อถูกบุรุษที่อยู่ด้านหลังขององค์จักรพรรดิใช้เล่ห์กลบังคับให้ตนมายืนอยู่ตรงนี้โดยไม่สมัครใจ
"เฟยหลง ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงได้ปฏิเสธบรรดาสาวงามนับร้อยของข้าและเลือกหญิงสาวนางนี้เพียงผู้เดียว เอาหล่ะ ข้าขอมอบนางให้เจ้าเพื่อเป็นรางวัล" เจ้าเฟยหลงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่ตะคำนับเจ้าเหนือหัวของตน
"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
"ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วนะที่จะทำให้ใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม"
"ข้าน้อยจะพยายามพะย่ะค่ะ" เจ้าเฟยหลงรับคำ
"เอาหล่ะ หมดหน้าที่ของข้าแล้ว เจ้าพานางกลับไปที่จวนได้"
"รับด้วยเกล้าพะย่ะคะ" เจ้าเฟยหลงทำความเคารพองค์จักรพรรดิ เฉินลู่เหลียนเองก็ทำแบบเดียวกัน ก่อนที่จะเดินตามอ๋องแม่ทัพมาเงียบๆ โดยที่ ไม่พูด ไม่คุย และไม่มองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
---------------+
เจ้าเฟยหลงแยกกับขบวนเกี้ยวของเฉินลู่เหลียนระหว่างทางเนื่องจากตนต้องไปพบบิดา และมารดาที่จวนอ๋องสกุลเจ้าเสียก่อน แม่ทัพหนุ่มสั่งให้พ่อบ้านของจวนแม่ทัพดูแลเฉลินลู่เหลียนแทนตัวเองก่อนที่จะแยกไปโยที่ไม่พูดอะไรกับนางเลยสักคำ
จวนแม่ทัพใหญ่โตกว่าจวนของท่านเจ้าเมืองเล็กๆที่นางเคยอาศัยราวฟ้ากับดิน ที่นี่ยิ่งใหญ่และหรูหรา ดูไม่ต่างจากวังที่นางเพิ่งเข้าไปนัก หญิงสาวเดินตามหลังพ่อบ้านใหญ่มาเงียบๆ ไม่พูดหรือไม่ถามอะไรถ้าไม่จำเป็นสิ่งที่ทำคือฟังพ่อบ้านของที่นี่บรรยายว่าตรงส่วนใช้ทำอะไรบ้าง ถึงแม้จะไม่พูดไม่ถามอะไรแต่นางก็จดจำทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดได้
"นี่คือที่พักของท่าน ท่านแม่ทัพยกจวนฝั่งเหนือให้ท่านทั้งหมด ก่อนที่ท่านจะมาถึงท่านแม่ทัพสั่งให้พวกเราจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ท่านแล้วขอรับ" หัวหน้าพ่อบ้านนามว่าหัวอันบอกพร้อมทั้งผายมือให้ เฉินลู่เหลียนโค้งตัวเพื่อแสดงความขอบคุณ และเดินเข้าไปยังห้องพักของตนเงียบๆ
"ท่านคงเหนื่อยจากการเดินทางและอยากจะพักผ่อนแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะขอรับนายหญิง"
"นายหญิงรึ" เฉินลู่เหลียนทวนคำ
"ขอรับ ท่านเป็นสตรีของท่านแม่ทับเท่ากับว่าเป็นนายหญิงของข้า"
"ท่านแม่ทัพยังไม่มีภรรยามาก่อนหรือเจ้าคะ" เฉินลู่เหลียนถามด้วยความสงสัยเพราะคิดว่าชายผู้นั้นน่าจะมีภรรยาอยู่ก่อนแล้วเหมือนบรรดาชายหนุ่มทั่วไปที่อายุขนาดนี้จะมีภรรยากันแล้ว
"ยังขอรับ เชิญนายหญิงพักผ่อนขอรับ และเนื่องจากวันนี้รวมถึงพรุ่งนี้นายท่านต้องไปพักที่จวนของอท่านอ๋องเจ้าผู้เป็นบิดาเลยไม่สามารถมาพบท่านได้ ท่านแม่ทัพให้มาบอกว่าพรุ่งนี้เย็นๆนายหญิงจะต้องไปร่วมรับประทานมื้อค่ำกับนายท่านขอรับ ข้าน้อยขอตัวนะขอรับ หากนายหญิงต้องการสิ่งใดสามารถบอกสาวใช้ได้นะขอรับ" หัวอันบอกพร้องทั้งโบกมือสองสามทีสาวใช้สองคนก็เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าของนาง
"สาวใช้สองคนนี้มีชื่อว่า เสี่ยวไป๋กับเสี่ยวลวี่ ทั้งสองจะมีหน้าที่ดูแลนายหญิงขอรับ" สาวใช้ทั้งสองทำความเคารพเจ้านายของตนอย่างนอบน้อม เฉินลู่เหลียนมองหญิงสาววันกำดัดสองนางที่จะมาดูแลนางด้วยความเอ็นดู
"ขอบคุณท่านพ่อบ้านมากนะเจ้าคะ"
"นายหญิงอย่าเรียกข้าว่าท่านเลยนะขอรับ ข้าเป็นเพียงแค่หัวหน้าพ่อบ้านเท่านั้น" พ่อบ้านวัยกลางคนเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่านายหญิงของตนดูถ่อมตัวมากจนเกินไปก่อนที่จะหันมาทางเด็กรับใช้สองนางที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
"เจ้าทั้งสองดูแลนายหญิงให้ดี พรุ่งนี้ช่วงอาหารค่ำ ช่วยแต่งตัวนางหญิงให้งดงามด้วย"
"เจ้าค่ะ" สองสาวใช้รับคำด้วยความเต็มใจ
----------------------+
ท่านอ๋องเจ้าและชายามองหน้าลูกชายคนเล็กแล้วส่ายหน้าด้วยความระอาใจเมื่อรู้ว่าเขาได้ตัวผู้หญิงที่ต้องการมาไว้ที่จวนแล้ว เนื่องจากลูกคนนี้เป็นลูกคนเล็กดังนั้นทั้งสองจึงไม่เคยบังคับและยอมให้ลูกชายคนนี้ตัดสินใจทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าลูกชายจะทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงมากเลยทีเดียว
"ในเมืองหลวงมีหญิงสาวมากมายที่พร้อมจะมอบกายถวายใจให้เจ้า แต่กลับอยากได้แม่สาวใช้ของเจ้าเมืองเล็กๆพ่อไม่เข้าใจทำไมถึงเจ้าถึงได้สนใจสาวใช้ได้" ท่านอ๋องเจ้าหรือเจ้าจิวชวี่ถามลูกชายคนเล็กอย่างเสียมิได้
" นางคงงามมากสินะ" หลิวลี่มี่ ผู้เป็นมารดาถามบ้าง
"นางงามขอรับ แต่ที่เหนือกว่าความงามคือนางไม่สนใจข้า และปฏิเสธข้าเสียจนข้าอยากจะเอาชนะ" แม่ทัพหนุ่มบอกกับบิดามารดาตามตรง การที่อยากเอาชนะที่แหละทำให้ตนอยากได้นางผู้นั้นมา
"การจะชนะใจสตรีสามารถทำได้โดยไม่ต้องหักหาญน้ำใจนะลูก" ชายาอ๋องเตือนลูกชาย
"เสด็จแม่ข้าไม่ได้หักหาญน้ำใจนางเสียหน่อย การที่นางมาอยู่ที่เมืองหลวงย่อมสบายกว่าอยู่ที่เมืองหน้าด่านเล็กๆ" อ๋องแม่ทัพเถียงมารดา
"มีสตรีที่คู่ควรกับเจ้าหลายนางนะ ลูกสาวท่านอ๋องและลูกสาวขุนนางหลายนางที่ตระกูลดีๆย่อมเหมาะสมกว่าเจ้ามากกว่าสาวใช้นะพ่อว่า" เจ้าเฟยหลงส่ายหน้าช้าๆไม่เห็นด้วย
"เสด็จพ่อกับเสด็จแม่แต่งงานกันเพราะความรักใช่ไหมขอรับ" เมื่อถูกย้อนถามท่านอ๋องและชายาจึงถอนหายใจพร้อมๆกัน
"ใช่ จริงอยู่ที่พ่อกับแม่แต่งงานอยู่ด้วยกันเพราะความรัก แต่ตาของเจ้าก็เป็นท่านอ๋องเหมือนกันดังนั้นนอกจากความรักแล้วความเหมาะสมก็สำคัญ" ท่านอ๋องเจ้าให้เหตุผล "เจ้าเป็นอ๋องน้อยสกุลเจ้าจะมีชายาทั้งทีแต่นางเป็นเพียงแค่สาวใช้พ่อคิดว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะสมกัน แต่พ่อจะไม่ห้ามหรือไม่บังคับเจ้าหรอกนะ เพราะรู้ว่าห้ามไม่ได้" เจ้าเฟยหลงยิ้มเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าที่ท่านอ๋องไม่ห้ามเนื่องจากพี่ชายทั้งสองของตนทำหน้าที่ลูกชายที่เชื่อฟังและตามใจท่านอยู่แล้ว และทั้งสองก็สร้างชื่อเสียงให้กับครอบครัวได้มากเสียด้วย พี่ชายทั้งสองของเจ้าเฟยหลงนอกจากจะเป็นอ๋องแล้วยังรับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในราชสำนัก หากพี่ชายทั้งสองเป็นฝ่ายบุ๋น ตนก็เป็นฝ่ายบู๋ ถึงแม้ท่านอ๋องและชายาจะไม่ชอบนักที่ลูกชายคนเล็กต้องออกไปเสี่ยงอันตรายและกรำศึกไกลบ้านเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้ห้ามเนื่องจากทั้งคู่เลี้ยงลูกๆมาแบบให้ตัดสินใจและเลือกทางเดินของตนเอง เมื่อเลือกแล้ว หน้าที่ของพ่อแม่ก็ทำได้เพียงสนับสนุนทางที่เลือกนั้น ต่างจากครอบครัวอื่นที่มักจะขีดเส้นทางให้กับลูกๆ ทั้งเรื่องหน้าที่การงานและเรื่องของคู่ครอง ครอบครัวอ๋องสกุลเจ้าคิดเสมอว่าทุกอย่างจะดีหากเริ่มต้นที่ความรัก ความเหมาะสมเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเท่านั้น
----------------------+
เฉินลู่เหลียนสิ่งยิ้มให้กับสาวใช้ประจำตัวของตน เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามนางก็สามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กรับใช้ทั้งสอง ทั้งเสี่ยวไป๋และเสี่ยวลวี่เป็นเด็กสาวที่มีความกระตือรือร้น ขยันและใส่ใจสิ่งรอบข้าง แถมยังช่างพูดช่างคุยเลยทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
"วันนี้ข้าจะทำผมสวยๆให้นายหญิงนะเจ้าคะ รับรองว่าถ้าท่านแม่ทัพพบท่านจะต้องตะลึงแน่ๆ" รอยยิ้มของเฉินลู่เหลียนหายไปเมื่อนึกถึงใบหน้าคมเข้มของบุคคลที่ถูกเอ่ยถึง
"ถ้าข้าไม่ไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับท่านแม่ทัพจะผิดไหม" คำถามนั้นทำให้สองสาวใช้ทำหน้าตื่นพร้อมทั้งรีบส่ายหน้า
"ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพใจดีก็จริง แต่เมื่อท่านพูดหรือสั่งอะไรแล้วถ้าไม่ทำตาม ท่านแม่ทัพก็เหมือนเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อในทันทีทันใดเลยเจ้าค่ะ ถ้านายหญิงไม่อยากเป็นเหยื่อ ก็ไม่ควรทำให้ท่านแม่ทัพโกรธหรือไม่พอใจเจ้าค่ะ" สองสาวเตือนนายของตนด้วยความหวังดี ผู้ที่กล้าขัดคำสั่งล้วนแต่ได้รับโทษกันแบบไม่ไว้หน้า ในจวนแห่งนี้กฎคือกฎ คำสั่งคือคำสั่งและทุกคนต้องปฏิบัติตาม
เฉินลู่เหลียนนิ่งไป ท่าทางดูปลงมากขึ้นนางไม่มีสิทธิ์อะไรมาตั้งแต่ได้รับราชโองการจากองค์จักรพรรดิแล้ว ตอนนี้นางเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของอ๋องแม่ทัพ ทางที่คิดคือควรทำตัวให้ไร้ซึ่งความรู้สึกน่าจะปลอดภัยที่สุด
การสนทนาจบลงเมื่อพ่อบ้านของจวนเดินเข้ามา เขาทำความเคารพเฉินลู่เหลียนและส่งหีบเสื้อผ้าขนาดใหญ่และกล่องเครื่องประกับให้กับสาวใช้ทั้งสอง
"ของพวกนี้คือ" อดีตสาวใช้ถาม
"หีบใหญ่นี้คือเสื้อผ้าของนายหญิงขอรับ ส่วนกล่องไม่ฝังมุกนี่คือกล่องเครื่องประดับ ท่านอ๋องเจ้าและพระชายาได้ส่งของพวกนี้มาให้ท่านขอรับ"
"ท่านอ๋องเจ้าและพระชายา" เฉินลู่เหลียนทวนคำ
"ท่านอ๋องเจ้าและพระชายาคือเสด็จพ่อเสด็จแม่ของท่านแม่ทัพขอรับ ท่านทั้งสองเมตตานายหญิงมาก เลยส่งของพวกนี้มาให้"
"ข้าจะขอบพระคุณท่านทั้งสองได้อย่างไรคะท่านพ่อบ้าน" พ่อบ้านวัยดึกยิ้ม
"บางทีอาจจะเป็นตอนที่ท่านแม่ทัพพานายหญิงไปที่จวนของท่านอ๋องเจ้าขอรับ" ลู่เหลียนพยักหน้ารับช้าๆ ถึงมัจะยังไม่ได้เห็นหน้าของท่านอ๋องเจ้าและพระชายา แต่ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของทั้งสอง
"นายหญิงสวมชุดสีชมพูน่าจะดี ดูอ่อนหวาน" สองสาวใช้พูดกันไปมา พร้อมทั้งเลือกชุดที่ถูกจัดส่งมาให้ด้วยความตั้งใจ
"นายหญิงชอบสีไหนเจ้าคะ" เฉินลู่เหลียนหันมามองสองสาวใช้แล้วถอนหายใจ
"ชุดไหนก็ได้ เจ้าทั้งสองเลือกมาเถอะ" นางตอบคำถามนั้นอย่างขอไปที ต่อให้ชุดสวยงามแค่ไหนมันก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของนางมีความสุขได้เลย การที่ต้องมาอยู่กับคนที่ตัวเองไม่เคยรู้จักมักคุ้นและถูกพาตัวมาแบบไม่เต็มใจมันแสนทรมานนักในความคิดของนาง
--------------------+
"นางเป็นอย่างไรบ้าง" เจ้าเฟยหลงเอ่ยถามหัวหน้าพ่อบ้านทันทีที่กลับมาถึงจวนของตน อยากรู้เหลือเกินว่าเฉินลู่เหลียนจะตื่นเต้นหรือดีใจมากขนาดไหนเมื่อได้มาอยู่ในสถานที่ๆสวยงาม หรูหราและสะดวกสบายขนาดนี้
"นายหญิงสบายดีขอรับ"
"นางอยากได้อะไรอีกไหม" แม่ทัพหนุ่มถามต่อ
"ไม่ขอรับ นายหญิงไม่ได้ขอหรือไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มเลย นางพูดน้อยมาก สาวใช้ทั้งสองที่ทำหน้าที่ดูแลชมว่านายหญิงเป็นกันเอง และไม่ค่อยใช้มากนัก อะไรที่ทำเองได้นายหญิงจะทำเองหมดขอรับ เห็นว่าเวลาว่างๆนางจะชอบมานั่งเล่นที่ศาลากลางน้ำในสวนด้วยขอรับ" เจ้าเฟยหลงพยักหน้ารับรายงานนั้น
"ศาลากลางน้ำของข้าสาวยกว่าศาลากลางน้ำจวนเจ้าเมืองหน้าด่านเล็กๆเยอะ" แม่ทัพหนุ่มพูดต่อ
"ข้าคิดว่านายหญิงอาจจะคิดถึงที่ๆจากมาขอรับ"
"ที่นี่มีทุกอย่างต่างกับที่ๆนางจากมา ไม่นานนางก็จะลืมที่นั่น" เจ้าเฟยหลงพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
"แต่นายหญิงดูเหมือนไม่เต็มใจเลยขอรับ" หัวอันพูดต่อ จะว่าไปก็เห็นใจนางอยู่มากที่ต้องจากบ้านมาอยู่ในที่ๆตัวเองไม่คุ้นเคยแบบนี้
"เจ้ามีหน้าที่ทำให้นางพอใจ"
"ขอรับ"
"วันนี้เตรียมอาหารที่ดีที่สุดไว้ด้วย เอาหล่ะ ข้าจะอาบน้ำเสียหน่อยเจ้ามีงานอะไรก็ไปทำเถอะ" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยปากไล่ เพราะอยากจะอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายเช่นกัน