webnovel

ดวงใจ...เจ้าเฟยหลง...ตอนที่ 3.....คำสั่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

ดวงใจ...เจ้าเฟยหลง

ตอนที่ 3.....คำสั่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

ท่านเจ้าเมือง ภรรยา และเฉินลู่เหลียนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเมื่อขบวนทหารเดินทางกันแล้ว แน่นอนว่าท่านแม่ทัพผู้แสนจะอวดดีคนนั้นก็ไปด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจเป็นอย่างมากที่คำขอร้องนั้นถูกปฏิเสธ แต่ทว่าทำอะไรไม่ได้เช่นกันเพราะลั่นวาจาเอาไว้แล้ว ไม่นานนักสถานการณ์ของเมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าด่านก็กลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยเช่นเดิม

"โล่งอก ท่านแม่ทัพกลับไปเสียได้แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่กล้าให้ลู่เหลียนเดินตรวจดูความเรียบร้อยรอบๆจวนแน่" ฮูหยินท่านเจ้าเมืองพูดกับสามีเมื่อทุกอย่างในจวนเข้าสู่สถานการณ์ปรกติแล้ว

"ดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพเจ้าจะไม่พอใจที่เราปฏิเสธ"

"เขาเป็นท่านอ๋อง เป็นแม่ทัพ แถมมีผลงานน่าชื่นชม แม้แต่องค์ฮ่องเต้ยังชื่นชมในตัวเขา คงไม่มีใครกล้าขัดใจ" ท่านเจ้าเมืองพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ภรรยาพูด

"ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพที่ดี และบรรดาทหารต่างชื่นชมมาก เป็นแม่ทัพที่เก่ง ฉลาด และทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง เขาออกรบมาตั้งแต่อายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น"

"เขากลับไปแล้วแบบนี้เจ้าก็คงสบายใจขึ้นด้วยใช่ไหมลู่เหลียน" ฮูหยินท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามสาวใช้คนสนิท

"เจ้าค่ะ"

"เจ้าไม่ชอบท่านแม่ทัพบ้างรึลู่เหลียน" ท่านเจ้าเมืองถามบ้าง สาวใช้คนงามส่ายหน้าช้าๆ

"ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่คิดที่จะชอบผู้ใดทั้งนั้นเจ้าค่ะ ชีวิตนี้ข้าคิดเพียงอย่างเดียวคืออยากจะดูแลท่านเจ้าเมืองและฮูหยินไปตลอดชีวิตของข้าเจ้าค่ะ" ลู่เหลียนตอบจากใจจริง สองสามีภรรยาวัยดึกมองสบตากันและหันมาส่งยิ้มให้นางด้วยความเอ็นดู

"ข้ากับฮูหยินแก่มากแล้วนะลู่เหลียน จะอยู่กับเจ้าได้นานสักเท่าใด"

"ใช่ อย่างน้อยเจ้าก็ควรที่จะเปิดใจรับใครบ้าง บรรดาสาวใช้บอกว่ามีคนมาชอบพอเจ้าหลานคนนี่ มองใครไว้บ้างก็ดีนะ"

"ข้าไม่คิดจะแต่งงานเจ้าค่ะ ข้าอยู่ที่นี่กับท่านทั้งสองก็มีความสุขอยู่แล้ว และถ้าหากท่านเจ้าเมืองและฮูหยินสิ้นความเมตตาแล้วข้าก็จะเข้าสำนักชีเจ้าค่ะ" ลู่เหลียนพูดถึงความตั้งใจของตัวเองออกมา

"อาจจะเป็นเพราะเจ้าไม่ยังไม่เคยชอบใครจริงๆจังๆก็ได้ เอาเถอะ ข้าอยากให้เจ้ามีครอบครัวที่ดี เอาเป็นว่าข้ากับท่านเจ้าเมืองจะลองมองหาคู่ให้เจ้าดู" เฉินลู่เหลียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ข้าทั้งสองไม่บังคับเจ้าหรอก แต่เรื่องแบบนี้ดูไว้ก็ไม่เสียหาย เกิดข้ากับท่านเจ้าเมืองเป็นอะไรไปเจ้าตะได้มีคนดูแล"

"แต่"

"ข้าสองคนรักเจ้าเหมือนลูกเหมือนหลาน และข้าทั้งสองได้ให้สัญญากับย่าของเจ้าไว้ว่าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุด ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าทั้งสองจะต้องทำและไม่ต้องห่วง เราไม่เคยบังคับเจ้ามาตั้งแต่เด็กดังนั้นโตขนาดนี้แล้วเราก็จะไม่บังคับเช่นกัน" ท่านเจ้าเมืองให้คำมั่น สาวใช้คนสวยถอนหายใจ ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถปฏิเสธท่านทั้งสองได้เสียแล้ว

------------------------+

แม่ทัพหนุ่มเงยหน้ามองดวงจันทร์ยามค่ำคืนเพียงลำพัง เขาพากองทัพออกจากเมืองหน้าด่านเล็กนั่นมาหลายราตรีแล้วแต่ทว่าใบหน้าหวานๆของหญิงสาวนางหนึ่งยังไม่หลุดไปจากใจได้เลย นอกจากความงามที่ถูกตาต้องใจแล้วคำพูดคำจา กิริยามารยาท ของนางยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำ

"ถ้าเจ้าคิดว่าทำแบบนี้จะทำให้ข้ายอมแพ้ บอกได้เลยว่าไม่มีทาง ข้าจะต้องได้เจ้ามาอยู่ข้างๆแน่นอน" แม่ทัพหนุ่มพึมพำแววตามุ่งมั่น นอกจากอยากจะเอาชนะแล้ว ยังมีเรื่องที่อยากรู้อีกเรื่องคือเรื่องของหยกสลักที่นางห้อยติดตัวด้วย อยากรู้นักว่าทำไมมันถึงมาอยู่กับสาวใช้ได้

ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวงฉางอานบรรดานายทหารและกองทัพของเจ้าเฟยหลงต่างได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ องค์จักรพรรดิจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้กับผู้กล้าสามวันสามคืน และปูนบำเหน็จให้กับแม่ทัพใหญ่มากมาย ทั้งเงิน และสาวงาม เจ้าเฟยหลงน้อมรับรางวัลนั้นอย่างนอบน้อม แต่ทว่าใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มยังคงนิ่ง ไม่ได้แสดงความดีใจออกมาจนทำให้องค์จักรพรรดิแปลกใจ

"เฟยหลงทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้น รางวัลที่ข้าให้ไม่ถูกใจเจ้าหรือไง" เจ้าเฟยหลงโค้งคำนับให้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ช้าๆ

"หามิได้พระเจ้าข้า สิ่งที่พระองค์พระราชทานให้กับข้าน้อยนั้นมากมายเกินกว่าสิ่งที่ข้าทำไว้เสียอีก เพียงแต่ว่าบรรดาหญิงงามที่ฝ่าบาทประทานให้นั้น ไม่มีนางใดสามารถทำให้ข้าลืมสตรีนางหนึ่งได้เลย" แม่ทัพหนุ่มบอกกับเจ้าชีวิตอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความที่บิดาของตนมีศักดิ์เป็นอาขององค์จักรพรรดิเลยทำให้กล้าพูดแบบนี้ออกมา ซึ่งคำตอบของแม่ทัพหนุ่มนั้นทำให้ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชีวิตของคนทั้งรัฐยิ้มพอใจ

"เจ้าพูดแบบนี้แปลว่าไปหลงเสน่ห์ใครเข้า บอกข้าสิว่านางผู้นั้นคือใคร"

"ฝ่าบาทนางผู้นั้นคือสาวใช้ประจำตัวของฮูหยินท่านหลินฮุ่ยหวงขอรับ" พระองค์พยักพระพักตร์รับรู้

"แล้วทำไมไม่พานางมาด้วยเสียเลย" สีหน้าของแม่ทัพหนุ่มดูเศร้าเล็กน้อย

"ข้าน้อยขอนางกับท่านหลินแล้ว แต่..." แม่ทัพหนุ่มเว้นไว้เพียงเท่านั้น

"เจ้าถูกปฏิเสธอย่างนั้นรึ"

"ฝ่าบาท ความจริงไม่ใช่ความผิดของท่านหลิน บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าข้าเองที่ไม่ดีพอ" องค์จักรพรรดิส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ยิ่งเห็นคนของพระองค์ผิดหวังยิ่งสงสาร

"ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก เป็นคนพวกนั้นที่ผิด พวกเขาไม่น่าจะปฏิเสธ เจ้าเป็นถึงแม่ทัพของข้า แต่คนพวกนั้นกลับกล้าที่จะขัดใจ อีกทั้งสิ่งที่เจ้าขอก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ภรรยาของหลินฮุ่ยหวงสามารถหาสาวใช้คู่ใจคนใหม่ได้เสมอ แต่แม่ทัพของข้าไม่ได้ถูกตาต้องใจสตรีนางไหนบ่อยๆ ถามหน่อย เจ้าชอบนางจริงๆรึ"

"พะย่ะค่ะ ข้อน้อยชอบนางผู้นั้นมาก ถึงนางจะเป็นเพียงสาวใช้ข้าก็มิได้รังเกียจแต่อย่างใด แต่ทว่านางเองก็ปฏิเสธข้าเช่นกัน อาจะเป็นเพราะว่าข้าไม่คู่ควรกับนางก็เป็นได้" แม่ทัพหนุ่มยังคงถ่อมตัวต่อไป

"มันมากไปแล้วหลินฮุ่ยหวงปฏิเสธเจ้าก็เหมือนปฏิเสธข้า เจ้าเป็นโอรสของท่านอา เจ้าจึงเป็นหลานของข้าด้วย ผู้ที่กล้าขัดใจหลานของข้าย่อมมีความผิด "

"ฝ่าบาท ท่านหลินไม่ได้ผิดหรอกพะย่ะค่ะ เป็นข้าเองที่บอกกับทางนั้นไปว่าจะยอมรับหากถูกปฏิเสธ" แม่ทัพหนุ่มอธิบาย เนื่องจากไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่

"แม่สาวใช้คนนั้นชื่อว่าอะไร ข้าอยากจะรู้นักว่าแม่สาวใช้ที่กล้าปฏิเสธแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่างเจ้ามีชื่อว่าอะไร"

"เฉินลู่เหลียนพะย่ะค่ะ" เจ้าเฟยหลงเอ่ยชื่อของนางออกมา

"ข้าขอถามอีกครั้งว่า ระหว่างสาวงามที่ข้ายกให้กับแม่สาวใช้คนนั้นเจ้าต้องการสิ่งไหนมากกว่ากัน" องค์จักรพรรดิเอ่ยถามอีกครั้ง เจ้าเฟยหลงคำนับเจ้าชีวิตของตนอีกครั้ง

"ถ้าฝ่าบาทให้ข้าน้อยเลือก ข้าของเลือกนางผู้นั้นขอรับ" องค์โอรสสวรรค์พยักหน้ารับรู้ ออกจะพอใจด้วยซ้ำที่แม่ทัพหนุ่มบอกความต้องการของตนตรงไปตรงมาแบบนี้ อีกทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลงานของเจ้าเฟยหลง

"มหาดเล็ก เตรียมราชโองการ" เสียงอันทรงอำนาจสั่งมหาดเล็กคู่ใจให้เตรียมเขียนราชโองการ "เอาหล่ะเฟยหลง ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง และข้าจะให้ลู่หลิงจินเป็นตัวแทนไปแน่นอนว่าครั้งนี้จะไม่มีผู้ใดที่กล้าปฏิเสธเจ้าแน่ เตรียมตัวรอรับแม่สาวใช้นางนั้นที่จวนได้เลย " ใบหน้าหล่อเหลายิ้มพอใจ แม่ทัพหนุ่มรีบคำนับเจ้าผู้อยู่เหนือหัวของตนทันที

"ขอบพระทัยฝ่าบาท"

-----------------------------------+

ทันทีที่ตัวแทนขององค์จักรพรรดิมาถึงจวนหลินฮุ่ยหวง ภรรยา และบรรดาผู้ที่อยู่ในจวนขุนนางต่างคุกเข่าลงเพื่อถวายความจงรักภักดีทันที

ราชโองการ....เนื่องจากท่านแม่ทัพเจ้าเฟยหลงทำความดีความชอบให้แก่แผ่นดิน ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนคุณความดีที่ได้ทำฝ่าบาทจึงมีรับสั่งมอบหญิงสาวนามว่าเฉินลู่เหลียนเป็นรางวัลให้แก่แม่ทัพเจ้า โดยห้ามมิให้มีใครฝ่าฝืน และเมื่อรับราชโอการนี้แล้วขอให้หลินฮุ่ยหวงส่งตัวเฉินลู่เหลียนเข้าเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ....จบราชโอการ

"น้อมรับราชโองการ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี" ขุนนางเฒ่าโค้งรับราชโองการและหันมามองหน้าภรรยาด้วยความหนักใจ เพราะเป็นถึงราชโองการหลวงดังนั้นจึงไม่สามารถปฏิเสธได้

"ท่านหลิน ถ้าท่านไม่ว่าอะไร มะรืนนี้ท่านควรให้นางไปเมืองหลวงพร้อมกับข้าเลย ทางท่านแม่ทัพเจ้าเตรียมเกี้ยวสำหรับนางไว้แล้วด้วย"

"ท่านลู่เดินทางมาเหนื่อยๆ พักผ่อนก่อนดีกว่าขอรับ ข้าให้เด็กๆจัดที่ทางไว้ให้แล้ว" ลู่หลิงจินพยักหน้ารับช้าๆ

"ท่านหลินสาวใช้ของท่านที่ชื่อว่าเฉินลู่เหลียนคือคนไหน ข้าชักอยากเห็นหน้านางเสียแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าจะงามขนาดไหน แต่คงงามมากเพราะทำให้ท่านแม่ทัพเจ้าถึงกับยอมแลกนางกับบรรดาสาวงามที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ร่วมร้อยนาง" ขุนนางเฒ่ามีสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด

"เดี๋ยวข้าจะให้นางมาพบท่านขอรับ" หลินฮุ่ยหวงบอกสั้นๆ เมื่อถึงที่พักของตัวแทนพระองค์แล้ว เจ้าเมืองชราก็ให้เด็กรับใช้ไปตามลู่เหลียนมาทันที

-----------------+

ลู่หลิงจินมองสาวใช้นามว่าเฉินลู่เหลียนอย่างพิจารณา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางผู้นี้ถึงได้ถูกต้องต้องใจแม่ทัพหนุ่มนัก นอกจากจะมีใบหน้างดงามแล้วกิริยามารยาทของนางยังเรียกได้ว่าสมเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้วเลยก็ว่าได้

"พรุ่งนี้เจ้าจัดข้าวของให้เรียบร้อยนะ มะรืนนี้เราจะเดินทางเข้าเมืองหลวงกัน"

"เจ้าค่ะ" ลู่เหลียนรับคำสั้นๆ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา แต่ทว่าแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ต้องไปเมืองหลวงโดยที่ไม่เต็มใจ

------------------------+

เฉินลู่เหลียนคุกเข่าคำนับท่านเจ้าเมืองและฮูหยินเพื่อเป็นการอำลา สาวใช้คนงามมีน้ำตานองหน้าเมื่อต้องจากผู้มีพระคุณทั้งสองไปโดยไม่เต็มใจ สองสามีภรรยามองสบตากันและหันไปมองหญิงสาวด้วยความสงสารและเห็นใจปนสะเทือนใจ ทั้งสองดูแลนางมาตั้งแต่ยังเด็กอีกทั้งยังรู้จักย่าของนางเป็นอย่างดี ดังนั้นความผูกพันที่มีต่อกันจึงมีมากมายนัก

"ไม่มีข้าทั้งสองอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆนะลู่เหลียน" ท่านเจ้าเมืองเอ่ยกับสาวใช้คนสนิทเสียงเครือ

"เจ้าค่ะ ฮูหยินและท่านเจ้าเมืองก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะเจ้าคะ"

"ลู่เหลียน มานี่สิ ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้า" ภรรยาของเจ้าเมืองพูดและส่งของบางอย่างให้นาง มันคือก่องไม้ขนาดกำลังพอดี เฉินลู่เหลียนรับกล่องไม้มาถือไว้น้ำตาคลอ "เปิดดูสิ" ภรรยาท่านเจ้าเมืองพูดอีกครั้ง สาวใช้คนงามทำตามคำสั่งนั้น ด้านในกล่องไม้มีซองจดหมายและมีเครื่องประดับอยู่สองสามชิ้น ถึงแม้จะน้อยแต่ทว่ามันสวยงามแค่มองจากสายตาก็รู้แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงเอาการ

"ฮูหยิน"

"กล่องนี้เป็นกล่องที่ย่าของเจ้าฝากเอาไว้ นางบอกข้าว่าให้มอบให้เมื่อเจ้าอายุครบ 20 ปี อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะ 20 แล้วข้าจึงมอบมันให้เจ้าเสียเลย จดหมายที่อยู่ในซองนั้นคือจดหมายที่บอกเล่าเรื่องราวของเจ้า เจ้าควรรู้ว่าตัวเองเป็นใครและมาอยู่กับข้าได้อย่างไร" เฉินลู่เหลียนมองสบตาอีกฝ่ายและค่อยๆหยิบจดหมายที่อยู่ในกล่องนั้นขึ้นมาอ่านเงียบๆ ข้อความในจดหมายสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้อ่าน น้ำตาของนางไหลออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่ และเมื่ออ่านจบนางก็เช็ดน้ำตาก่อนที่จะเก็บจดหมายไว้ในที่กล่องเช่นเดิม

" แต่ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ใดก็อย่าได้เปิดเผยเพราะข้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดเห็นเช่นไรถ้าเห็นว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่" เฉินลู่เหลียนนิ่ง มาถึงตอนนี้ถึงจะอ่านจดหมายและรู้ว่าตัวเองเป็นใครคงไม่มีประโยชน์แล้วเพราะอย่างไรเสียนางก็ต้องไปอยู่ที่จวนของเจ้าเฟยหลงอยู่ดี

"ข้าคือสาวใช้ของท่านทั้งสองตลอดไปเจ้าค่ะ ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนใจเรื่องราวในอดีต เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เต็มไปด้วยความสุขนัก" สองสามีภรรยามองหน้าสาวใช้ด้วยความเข้าใจ

"ดูแลตัวเองดีๆนะลู่เหลียน ถึงเจ้าจะเป็นสาวใช้ แต่จงอย่าลืมว่าเจ้าเป็นสตรีที่มีเกียรติคนหนึ่ง จงทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง อย่าให้ความอ่อนแอทำให้เจ้าต้องยอมลดเกียรตินั้นเด็ดขาด

"เจ้าค่ะ ข้าลานะเจ้าคะ" เฉินลู่เหลียนคำนับเจ้านายทั้งสองอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้น พยายามเชิดหน้าและเดินจากไปด้วยความเข้มแข็งถึงแม้จะเสียใจมากแค่ไหน ก็จะไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น

ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!

Kulabkaewcreators' thoughts