ดวงใจ...เจ้าเฟยหลง
ตอนที่ 5.....การพบหน้าและปะทะคารม
เจ้าเฟยหลงยิ้มด้วยความพอใจเมื่อเห็นสตรีที่ต้นเองชื่นชอบเดินเข้ามาภายในห้องที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารในจวน เฉินลู่เหลียนดูงดงามและอ่อนหวานมากขึ้นเมื่อสวมชุดสีชมพู ตอนเป็นสาวใช้แต่งตัวธรรมดาว่างามแล้ว พอมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชั้นดียิ่งทำให้ความงามของนางเปล่งรัศมีมากขึ้น แม่ทัพหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อมองที่ใบหน้าของสาวใช้ที่ตนใช้เล่ห์กลจนได้นางมาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ใบหน้าของเฉินลู่เหลียนละม้ายคล้ายกับสตรีนางหนึ่งที่เขารู้จักเป็นอย่างดีมากเสียจนน่าตกใจ
"รู้ตัวไหมว่าเจ้างามมาก งามกว่าบรรดาหญิงสาวที่อยู่นอกด่าน และงามกว่าหญิงสาวในเมืองหลวงที่ข้าเคยเจอ" เจ้าเฟยหลงพูดออกมาก่อนหลังจากสังเกตนางตั้งแต่เข้ามา
"ท่านคงพบสตรีที่งามมามาก เลยคิดว่าหน้าคล้ายกันหมด" การโต้ตอบของนางถึงแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แม่ทัพหนุ่มรู้ดีว่านางกำลังประชด
"เจ้าคงได้รับรู้เรื่องของข้ามาบ้างและแต่ละเรื่องคงล้วนแล้วแต่เป็นไปในทางที่เลวร้ายสินะ" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่ใส่ใจอะไรมากนักเพราะรู้ดีว่าพวกที่ไม่ชอบมักพูดถึงตนในทางที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเป็นเสือผู้หญิง และเรื่องที่โหดร้ายไร้เมตตาบ้าง เรื่องพวกนี้ได้ยินบ่อยเสียจนชินชา
"ถ้าไม่จริงผู้คนคงไม่พูดกัน"
"ชายที่มีชื่อเสียงย่อมมีศัตรูมากเป็นธรรมดา" แม่ทัพหนุ่มพูดด้วยความทะนงตน "รู้ไหมว่าเจ้างามเกินกว่าที่จะอยู่เพียงลำพังในเมืองหน้าด่านที่เล็กและกันดานแบบนั้น เจ้าควรขอบใจข้านะที่พาเจ้ามายังที่ๆเจริญกว่าอย่างเมืองหลวง" เฉินลู่เหลียนส่ายหน้าช้าๆไม่เห็นด้วย
"ข้าเต็มใจอยู่ในที่ๆกันดารมากกว่าอยู่ในที่แสนจะสะดวกสบายแต่ไร้ความสุข" อดีตสาวใช้โต้ตอบ
"ข้าพอใจเจ้าตั้งแต่แรกเห็น จึงได้เอ่ยปากขอเจ้าจากท่านเจ้าเมือง แต่แทนที่เขาจะตกลง กลับปฏิเสธข้าอย่างไร้เยื่อใย ข้าเป็นถึงแม่ทัพขององค์จักรพรรดิกลับถูกเจ้าเมืองเล็กๆบอกปัด ที่สำคัญถูกสาวใช้อย่างเจ้าปฏิเสธมันเสียเกียรติแค่ไหน ความรู้สึกของข้าตอนนั้นมันเป็นอย่างไร มันทั้งเจ็บใจ และไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้ทำเรื่องที่น่าละอายกับข้าแบบนั้น ผู้ที่ทำคุณความดีให้กับบ้านเมืองอย่างข้าไม่ควรถูกเจ้าเมืองหน้าด่านเล็กๆ และสาวใช้แบบเจ้าปฏิเสธ มัมันเหมือนกับเป็นการหยามน้ำหน้าของข้าเลยทีเดียว เมื่อถูกปฏิเสธอย่างโง่งมในตอนนั้นทำให้ข้าต้องกู้เกียรติของข้ากลับคืนมาให้ได้" เจ้าเฟยหลงบอกถึงความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้นออกมา แววตายังคงมีความไม่พอใจแฝงอยู่
"ท่านเลยซื้อเกียรติของท่านคืนด้วยการบีบบังคับท่านเจ้าเมือง ฮูหยินและข้าด้วยวิธีนี้"
"ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดนี่" แม่ทัพหนุ่มไหวไหล่ช้าๆ เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด
"ใช่ไม่ผิด แต่ท่านจงรับรู้ไว้เถิดว่าท่านซื้อเกียรติของท่านคืนด้วยความเจ็บช้ำของคนที่ข้านับถือและน้ำตาของข้าเอง ท่านทำให้ข้าต้องจากบ้าน จากผู้ที่เคารพมาโดยที่ข้าไม่เต็มใจเลยสักนิด มันช่างเป็นวิธีที่เลวร้ายที่สุด ท่านไม่รู้หรือไม่ว่าท่านทำร้ายจิตใจของใครหลายๆคน ท่านทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงสิ่งของที่ถูกซื้อ ท่านทำลายความรู้สึกของข้าจนไม่มีชิ้นดี" เฉินลู่เหลียนโต้ตอบด้วยความเจ็บช้ำยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นเห็นแก่ตัวจนเกินไปน้ำเสียงของนางสั่นเคลือ แววตาของนางเจ็บช้ำและมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง แต่เจ้าเฟยหลงไหวไหล่แบบไม่สนใจ
"ความจริงถ้าเจ้าไม่ใช่สาวใช้ของเจ้าเมืองเล็กๆ แต่เป็นฐานะอื่นที่ข้าสามารถใช้เงินในถุงแลกมาก็คงไม่ต้องใช้วิธีนี้"" แม่ทัพหนุ่มยังคงพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกถึงความมั่นใจและติดจะเยาะเย้ยหญิงสาวตรงหน้านิดๆเฉินลู่เหลียนเม้มปากแน่นยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเกลียดคนพูดมากขึ้น
"ช่างเป็นวิธีพิชิตใจสตรีที่แย่มากถึงมากที่สุด ท่านทำราวกับว่าข้าเป็นเพียงสัตว์ที่ไร้ทางสู้และซื้อข้ามาขังกรงเอาไว้เพื่อดูเล่นที่จวน รู้ไหมว่าจิตใจและวิญญาณของท่านมันเต็มไปด้วยความมั่นใจและความคิดที่ผิดๆ ความเป็นชายของท่านด้วยก็เช่นกัน ท่านควรจะโกรธและเกลียดตัวเองให้มากนะที่คิดแบบนี้" รอยยิ้มที่มุมปากของแม่ทัพหนุ่มหายไปทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายปรามาส
"เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นอะไร" เสียงตะคอกของแม่ทัพหนุ่มที่ดังขึ้นทำให้อีกฝ่ายตกใจ เจ้าเฟยหลงจ้องหน้าหญิงสาวที่กล้าต่อปากต่อคำกับตนนิ่ง แววตาดุดัน ผู้หญิงนางนี้กล้ามากที่พูดแบบนี้กับตน แต่แล้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตกใจจนน้ำตาคลอความโกรธก็เริ่มลดระดับลงแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พอใจนางอยู่ เฉินลู่เหลียนเม้มปากแน่น ใช่สิตอนนี้นางเป็นเพียงแค่นกน้อยที่ถูกเขาจับใส่กรงเอาไว้ ไม่ควรที่จะมีสิทธิ์มีเสียงอะไรสิ่งที่ควรทำก็เป็นเพียงแค่การก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเองเพียงเท่านั้น
"เจ้าไม่ควรพูดจาแบบนี้กับข้า รู้ไหมว่าถ้าเจ้าเป็นทหารข้าคงตบปากเจ้าไปแล้ว แต่นี่เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ข้าจึงยังพอมีความเมตตาให้อยู่บ้าง ข้าจะบอกในสิ่งที่เจ้าควรทำให้ฟัง เจ้าควรทำตัวดีๆ ทำตัวให้น่ารัก เอาอกเอาใจข้า และรักข้าเข้าใจไหม " คำสั่งนั้นช่างร้ายกาจเสียเหลือเกิน แถมท่าทางยังคุกคามอีกต่างหาก นางเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปสู้กับเขาได้อย่างไร
"ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่าข้าน่าจะรักท่านได้"
"งั้นเจ้าก็รักข้าอย่างที่ควรจะรักสิ มันจะยากอะไร"
"รักหรือไม่รักมันต่างกันอย่างไร ตอนนี้ท่านเป็นเจ้าชีวิตของข้าแล้ว ถ้าต้องการอะไรท่านก็สั่งมาเพียงเท่านั้น แค่นี้ก็พอแล้วท่านแม่ทัพ" เจ้าเฟยหลงเม้มปากแน่น ให้ตายสิ หญิงผู้นี้ช้างปากกล้าเสียเหลือเกิน นางทำราวกับว่าเขาเป็นยักษ์เป็นมาร แต่ก็ดี ในเมื่อมองว่าร้ายตนก็จะร้ายให้สมกับที่นางคิดเสียเลย
"ดี ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นของข้า เจ้าก็จงทำตัวให้ดีทำตัวให้ข้าเมตตา และอีกหน่อยข้าจะทำให้เจ้าอ้อนวอนขอให้ข้ารักเจ้า" แม่ทัพหนุ่มพูดด้วยความอวดดี เขาจะทำให้แม่สาวใช้ยอมหยิ่งนางนี้สยบแทบเท้าให้ได้
"เอาเลย อยากจะทำอะไรก็ทำแต่จงรู้ไว้ว่าท่านจะไม่ได้ยินคำอ้อนวอนอะไรจากข้าทั้งนั้น สิ่งที่ท่านจะได้ยินก็จะมีเพียงเสียงสวดภาวนาและเสียงแผ่เมตตาให้กับผู้ที่มีจิตใจมืดบอดเช่นท่านเพียงเท่านั้น" เฉินลู่เหลียนน้ำตาคลอเมื่อพูดจบ รู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองเสียเหลือเกิน
"รู้ไหม บางทีน้ำตาอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขก็ได้" น้ำเสียงของเจ้าเฟยหลงอ่อนลงเมื่อเห็นน้ำตาของอีกฝ่าย จะว่าไปหากนางอ่อนหวานกับตนและยอมรับชะตากรรมของตัวเองมากกว่านี้เขาก็คงไม่พูดอะไรที่มันรุนแรงหรอก
"ตอนนี้ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าแล้ว ข้าหิว และเจ้าก็ควรจะกินเช่นกัน"
"แต่ข้าไม่หิว" แม่สาวใช้คนเก่งยังคงยังไม่ยอมเลิกพยศ
"เจ้าไม่หิวข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ถ้าเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ ข้าจะจับเจ้ากินแทนอาหารพวกนี้" ใบหน้าหวานมีสีระเรื่อแทบจะทันที เพราะรู้ถึงความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อ แถมหน้าตาของอีกฝ่ายยังจริงจังเสียจนน่าตกใจ
"ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ คงไม่ทำร้ายผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ" เจ้าเฟยหลงไหวไหล่อีกครั้ง
"มันก็ไม่แน่ ยิ่งถ้าหญิงผู้นั้นงามแบบเจ้าด้วยแล้ว บางทีข้าอาจจะรวบรัดไปเสียเลยจะได้จบเรื่อง" เฉินลู่เหลียนหน้าซีดเริ่มกลัวเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย
"ข้าจะกินอาหารพวกนี้เจ้าค่ะ"
"ดีมาก สิ่งที่เจ้าควรจะทำอีกอย่างคือการดูแลข้าให้ดี อย่าพยายามขัดใจหรือทำอะไรให้ข้าโกรธ จงอย่าลืมว่าตอนนี้เจ้าเป็นนกน้อยที่ถูกข้าจับมาไว้ในกรงทอง ถ้าไม่อยากให้ข้าบีบให้ตายก็จงหัดทำตัวเป็นนกที่ดีเข้าใจไหม" ตอนท้ายประโยคมีการข่มขู่นิดๆ จะว่าไปตอนที่นางกลัวก็ดูน่ารักดี
การกรับประทานอาหารค่ำผ่านไปในที่สุด เฉินลู่เหลียนคิดว่าการพบกันที่แสนจะอึดอัดนี้จะจบลงแต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อเจ้าเฟยหลงบังคับให้นางมาเดินเล่นเป็นเพื่อนในสวนต่อ จะปฏิเสธก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะโกรธแล้วพาลทำเรื่องไม่ดีกับตน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องยอมทำตามอย่างเสียมิได้
"เจ้าชอบสวนของข้าไหม"
"เจ้าค่ะ"
"ข้าดีใจนะที่เจ้าชอบ" เสียงของแม่ทัพหนุ่มอ่อนลง ท่าทางก็ผ่อนคลายมากขึ้น
"เจ้าค่ะ"
"ข้าอยากให้เจ้าพูดมากกว่าตำว่าเจ้าค่ะ" คราวนี้ดวงตาคมจ้องหน้าของเฉินลู่เหลียนแบบคาดคั้น
"ข้าไม่รู้จะพูดอะไรเจ้าค่ะ"
"อึดอัดมากสินะ" คนที่ตัวใหญ่กว่าพูดออกมาอีก คราวนี้เขาละสายตาจากใบหน้าหวานไปมองจี้หยกสลักที่นางสวมไว้แทน
"เจ้าค่ะ"
"ข้าน่ารังเกียจมากเลยรึถึงได้ทำท่าทางเหมือนกับว่าจะเป็นจะตายนัก" คราวนี้เป็นแม่ทัพหนุ่มเสียเองที่หงุดหงิด "รู้ไหมว่าเจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ข้าใจดีและยอมขนาดนี้ แต่ดูเจ้าทำสิ เจ้าทำราวกับว่าสิ่งที่ข้าทำมันไม่มีความหมายอะไรเลย"
"ข้าแค่อยากพักผ่อน" เฉินลู่เหลียนตอบสั้นๆ และตอบเพื่อเอาตัวรอดเพราะหากบอกแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไปว่านางแสนจะอึดอัด และไม่อยากจะพูดจะคุยกับอีกฝ่ายก็เกรงว่าภัยจะมาถึงตัว
"เข้าใจเลี่ยงการตอบคำถามนะ แต่เอาเถอะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เจ้ากลับที่ยังห้องพักของเจ้าได้แล้ว"
"เจ้าค่ะ" เฉินลู่เหลียนรับคำและทำท่าจะเดินจากไป แต่แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายรั้งตัวเอาไว้ดึงนางให้ตกไออยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัวและก่อนที่นางจะพูดอะไร ริมฝีปากได้รูปของแม่ทัพหนุ่มก็ประกบลงบนริมฝีปากของนาง หัวใจของสาวใช้คนสวยสั่นไหวอย่างรุนแรงแต่เพราะความตกใจเลยทำอะไรไม่ถูก
แม่ทัพหนุ่มถอนริมฝีปากของตนออกมาหลังจากจูบอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว มุมปากของเขายกขึ้นสูงนิดๆ เป็นการยิ้มที่ติดเป็นนิสัยเสียแล้ว
"ริมฝีปากของเจ้าบางและนุ่มมาก รู้ตัวไหม" เฉินลู่เหลียนเม้มปากแน่น ทั้งอายทั้งเจ็บใจที่ถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาส
"ท่าน" นางพูดได้เพียงเท่านั้น ตอนนี้โกรธเสียจนพูดไม่ออก
"จำเอาไว้ว่าเจ้าเป็นของข้า ริมฝีปากของเจ้าเป็นของข้า ร่างกายของเจ้าเป็นของข้า"
"ท่านจะได้แต่ร่างกายที่ไร้จิตวิญญาณ" เฉินลู่เหลียนเถียงเสียงนั้นสั่นแต่ยังไม่เท่าหัวใจ คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้แม่ทัพหนุ่มหวั่นไหวแต่อย่างใด
"ข้าไม่สนหรอก แค่ร่างกายอย่างเดียวก็พอแล้ว"
"ท่านช่างร้ายกาจ"
"ข้าร้ายได้มากกว่านี้นะเผื่อเจ้าไม่รู้ อย่าแม้แต่จะคิดให้ผู้ใดมาประทับรอยบนริมฝีปากของเจ้าเด็ดขาด"
"ท่าน" เฉินลู่เหลียนอายจนพูดไม่ออกอยากจะเถียงออกไปนักว่านางไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายแต่ก็ไม่ได้ทำ
เอาหล่ะ เจ้าไปพักเถอะ" เจ้าเฟยหลงออกปากไล่พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายทั้งโกรธและอายจนทำอะไรไม่ถูก เฉินลู่เหลียนหันหลังและพยายามรีบเดินเพื่อที่จะได้ไปให้พ้นๆจากตรงนี้ แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่ออีกฝ่ายเรียกเอาไว้
"ลู่เหลียน ข้าหวังว่าเจ้าจะฝันถึงข้านะคืนนี้" อดีตสาวใช้เดินเร็วขึ้นกว่าเดิมตอนนี้นางอยากอยู่ห่างจากบุรุษผู้นี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เจ้าเฟยหลงหุบยิ้มลงเมื่อร่างของเฉินลู่เหลียนจากไปแล้ว คำพูดของนางยังคงก้องอยู่ในหู หากเปรียบนางผู้นั้นเป็นศัตรูในสนามรบ เขาคงใช้เกาทัณฑ์ยิ่งใส่ตรงหัวใจเพื่อปลิดชีวิตอีกฝ่ายไปแล้ว ทว่าที่ตรงนี้มิใช้สนามรบ และนางก็ไม่ใช้ศัตรู ดังนั้นการที่จะเอาชนะใจหญิงผู้นั้น และทำให้นางสยบแทบเท้าคงใช้ความโหดร้ายไม่ได้ แม่ทัพหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกถูกชะตากับนางนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะท่าทางที่แสนจะหยิ่ง และวาจาที่แสนจะจองหองของนางที่ดึงดูดตนไว้ และไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดว่านางอาจจะไม่ได้เป็นเพียงแค่สาวใช้ธรรมดา แต่น่าจะมีที่มาที่ไปมากกว่าที่หลายคนจะคิดได้
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!