webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · 奇幻言情
分數不夠
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 9 โชว์ออฟเล็กๆน้อยๆ

การเดินทางกลับจวนแม่ทัพไร้พ่ายใช้ม้าเป็นพาหนะ หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางสายหลัก อันเป็นเส้นทางที่ครอบครัวของนางมักใช้ยามไปคอกสัตว์ที่เรือนพสุธา

เส้นทางนี้มีผู้คนสัญจรผ่านไปผ่านมาน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นจวนขุนนางที่กินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้นการที่มีขบวนม้าหรือรถม้าผ่านนับเป็นเรื่องปกติ ไร้พวกสอดรู้สอดเห็น แต่ก็สุ่มเสี่ยงต่อการลอบสังหารไม่น้อย

-------

จวนแม่ทัพไร้พ่าย

"ฮูหยินน้อย! ท่านกลับมาแล้ว!!"สองทหารยามเฝ้าหน้าประตูตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ มองม้าหลายสิบตัววิ่งเหยาะๆเข้าไปด้านในตาเป็นประกาย

"ฮูหยินน้อย ในที่สุดท่านก็กลับมา"พ่อบ้านเจาซอยเท้าถี่เข้ามาหาฮูหยินน้อยที่กระโดดลงมายืนบนพื้นเรียบร้อยแล้ว

"พ่อบ้านเจา ท่านแม่ทัพเป็นเช่นไรบ้าง?"

"เรียนฮูหยินน้อย อาการถูกพิษของท่านแม่ทัพยังไม่ดีขึ้นเลยขอรับ"พ่อบ้านเจารายงานเสียงเศร้า

"จิ๋นอี้บอกว่า ท่านแม่ทัพถูกพิษมาตั้งสามวันแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าเป็นพิษชนิดใด?"เดินไปพลางเอ่ยถามไปพลางเพื่อไม่ให้เสียเวลา

"เรียนฮูหยินน้อย ยังระบุไม่ได้เลยขอรับ แม้แต่หมอหลวงที่ฝ่าบาท โปรดให้มาตรวจรักษาท่านแม่ทัพก็ยัง..."พ่อบ้านเจายังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกลำคอตีบตันขึ้นมาเสียดื้อๆ

"แล้วยามนี้ท่านแม่ทัพพักอยู่ที่ใด?"

"อยู่ที่เรือนพักของท่านขอรับ"ความจริงนายท่านและฮูหยินใหญ่ประสงค์ให้ท่านแม่ทัพพักรักษาตัวที่จวนเสนาบดีมู่ แต่ท่านแม่ทัพยืนกรานว่าจะพักที่เรือนพักของฮูหยินน้อย

"อ้อ...จิ๋นอี้ พาจิวหูกับผู้บาดเจ็บไปพักก่อน แล้วอย่าลืมตามหมอมาดูอาการพวกเขาด้วย"หมุนตัวกลับมาสั่งองครักษ์หนุ่ม

"ขอรับฮูหยินน้อย"จิ๋นอี้รับคำสั่ง

"ขอบคุณฮูหยินน้อย"จิวหูเป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณ นี่ขนาดนางมีเรื่องกังวลมากมายแล้วก็ยังไม่ลืมพวกตน ช่างเป็นสตรีที่นอกจากรูปโฉมงดงามยังมีจิตใจที่อ่อนโยนและมีเมตตา

"..หัวหน้า หลินหลินเป็นอันใด? ดูเศร้าเหลือเกิน"หมั่นโถวน้อยร้องถามพยัคฆ์น้อย

ฟานฟานน้อยไม่ตอบคำถามของจิ้งจอกน้อยตัวน้อง มันวิ่งนำหน้าพี่รองและสองจิ้งจอกน้อย ตามติดหลินหลินไม่ยอมให้ทิ้งห่าง

จนมาถึงเรือนพักนางรีบตรงดิ่งเข้าไปหาเขาที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนทันที โดยไม่สนใจใคร "พี่เหวิน...เพียงหนึ่งเดือน ท่านซูบผอมถึงเพียงนี้เชียวหรือ...."สองมือประคองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับสนิทแดงก่ำและร้อนราวกับไฟไว้ ขอบตาคู่งามร้อนผ่าวเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลเขาด้วยตัวเอง

"เรียนฮูหยินน้อย หมอหลวงมาแล้วขอรับ"จิ๋นซื่อรายงาน ช่วงสามวันนับแต่ท่านแม่ทัพถูกพิษ จิ๋นซื่อต้องคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวสลับกับจิ๋นซาน เหตุเพราะท่านแม่ทัพไม่อนุญาตให้สาวใช้เข้าใกล้

"ท่านหมอหลวง เชิญเจ้าค่ะ"ชิงหลินลุกขึ้นหลีกทางให้หมอหลวงชราท่าทางใจดี มายืนอยู่ข้างหัวเตียงแทน

หลังตรวจเสร็จหมอหลวงชรามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง พยายาม อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังระบุไม่ได้ว่าท่านแม่ทัพถูกพิษอันใดกันแน่?

"ฮูหยินน้อย โปรดอภัยที่ข้าไร้ความสามารถ"

"ท่านทำสุดความสามารถแล้ว ข้าไหนเลยจะตำหนิท่านได้"ชิงหลินยิ้มเศร้าแล้วถาม "แล้วอาการของท่านแม่ทัพเป็นเช่นใดบ้างเจ้าคะ?"

"สามวันนับถูกพิษ ท่านแม่ทัพก็หลับใหลไม่ได้สติคล้ายกับงูจำศีล กลางวันตัวจะร้อนราวกับไฟ แต่พอตะวันลับฟ้ากลับเย็นชืดราวกับน้ำแข็ง ข้าก็ได้แต่รักษาไปตามอาการที่ปรากฏขอรับ"หมอหลวงรายงานอย่างละเอียด เขียนใบเทียบยาบำรุงธาตุหยินธาตุหยางให้สมดุล ก่อนจะขอตัวกลับ

"...พี่เหวิน หลินเอ๋อร์จะหาทางรักษาพี่ให้ได้"นั่งลงข้างเตียงกุมมือหยาบกระด้างที่ร้อนราวกับไฟของสามีไว้

"ฟืดๆ...หลินหลิน ฟงฟงได้กลิ่นหญ้าตะวันจันทรา จากตัวชายผู้นี้ขอรับ"ฟงฟงน้อยที่เดิมอยู่หน้าเตียง กระโดดขึ้นมาบนเตียงแล้วใช้จมูกสูดดมกลิ่นจากตัวของชายหนุ่มแน่ใจแล้วจึงร้องบอกนาง

"หญ้าตะวันจันทรา?"

"หญ้าตะวันจันทรา เป็นหญ้ามีพิษ หากเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เข้าสู่ภาวะหลับใหล คล้ายงูจำศีล ยามกลางวันตัวจะร้อนจัด แต่พอค่ำคืนจะตัวเย็นจัด เป็นเช่นนี้สลับกันไป ภายในเจ็ดวันหากยังไม่ได้ยาถอนพิษ หัวใจก็จะหยุดเต้นถึงแก่ความตายในที่สุด"ฟงฟงอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด

"อา....นี่ก็วันที่สี่แล้ว ฟงฟงแล้วยาถอนพิษอยู่ที่ไหน?"

"ฟานฟานรู้ ฟานฟานรู้ อยู่ในหุบเขายี่ซาน แคว้นฉิน ห่างจากที่นี่ห้าพันลี้"ฟานฟานน้อยกระโดดขึ้นมานั่งบนตักนางชิงบอกด้วย่าทางอวดดี

"หุบเขายี่ซาน? แคว้นฉิน? สองพันห้าร้อยกิโลเมตร? ไกลถึงเพียงนั้น ไม่ว่าจะใช้ม้าฝีเท้าดีที่สุดแค่ไหนก็ไม่มีวันกลับมาได้ภายในสามวัน....เอาไงดี...."ใบหน้าจิ้มลิ้มเคร่งเครียด คิ้วเรียวขมวดมุ่นครุ่นคิด ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มเมื่อมองสี่สหายน้อยที่บัดนี้ขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆหลินหลินหมดแล้ว

"คิดออกแล้วหรือขอรับ?"เป่าเปาน้อยเอียงคอถาม

"หลินหลิน คิดจะใช้วิชาปราณพลังจิตใช่หรือไม่เจ้าคะ?"หมั่นโถวน้อยเดาสุ่ม

"เมื่อรู้แล้วก็อย่ารบกวนข้าล่ะ"ยิ้มให้สี่สหายน้อยพยักหน้าอย่างพอใจที่เห็นทั้งสี่ผงกหัวรับแล้วกระโดดข้ามตัวแม่ทัพหนุ่มไปนั่งอยู่อีกฝั่งอย่างเรียบร้อย

ชิงหลินหลับตาลงพุ่งกระแสจิตไปยังทิศทางหุบเขายี่ซาน ทันใดภาพหุบเขาสูงที่ไม่คุ้นตาล้อมรอบด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ก็ปรากฏเข้ามาในหัว ราวกับไปดูด้วยตนเอง นี่มันวิเศษไปเลย อา...นั่นฝูงพิราบขาว ดีล่ะ....

"พิราบทุกตัวโปรดฟังคำสั่งข้า"ชิงหลินส่งกระแสจิตบอกกลุ่มนกพิราบที่บินอยู่เหนือหุบเขายี่ซาน เพื่อทดสอบพลังว่าใช้ได้ผลหรือไม่

นกพิราบขาวกว่าครึ่งร้อยเมื่อได้ยินเสียงสั่งที่ดังกังวาน พวกมันก็บินนิ่งอยู่กับที่รอฟังคำสั่งที่เต็มไปด้วยอำนาจอย่างตั้งใจ

"ข้าอยากรบกวนพวกเจ้า ช่วยตามหาหญ้าจันทราตะวัน ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?"

"..ข้ารู้ว่าหญ้าจันทราตะวันอยู่ที่ใด ข้าจะไปนำมาให้ท่านเอง"หนึ่งในกลุ่มนกพิราบขาวร้องขึ้น แล้วบินจากไปทันที

สองเค่อต่อมา

นกพิราบขาวตัวเดิมก็กลับมายังฝูงที่ยังคงบินรอนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน ชิงหลินเห็นมันคาบต้นหญ้ากลับมาด้วย

"นั่นคือ ต้นหญ้าจันทราตะวันหรือ?"

เจ้าพิราบขาวผงกหัวขึ้นลงถี่ๆ แทนคำตอบเพราะปากไม่ว่าง

"แล้วพวกเจ้าสามารถนำมาให้ข้าที่แคว้นฉีภายในสองวันได้หรือไม่?"คราวนี้เจ้านกพิราบส่ายหัว "พวกเราเคยบินไปแคว้นฉี ต้องใช้เวลาถึงสี่วัน"หนึ่งในฝูงร้องบอกแทน

"ข้ารอนานเช่นนั้นไมได้"เสียงที่ตอบกลับมาเศร้าสร้อยยิ่งนัก ทำให้ฝูงนกพิราบขาวรู้สึกหดหู่ไปด้วย

"ข้าจะนำไปให้ท่านเอง"เสียงที่ดังอยู่เหนือหัวฝูงนกพิราบขาว ทำคนที่กำลังเศร้าใจไล่สายตาขึ้นไปดูทันที

"เหยี่ยวเพเรกริน?นกที่บินเร็วที่สุดในโลก ครึ่งชั่วยามบินได้ไกลนับพันลี้!!"

เท่าที่นางรู้ เหยี่ยวเพเรกริน เป็นเจ้าความเร็วแห่งเวหา สามารถบินได้เร็วถึง 321-563 กม.ต่อชั่วโมง

"สองชั่วยาม โปรดรอข้าสองชั่วยาม ต้นหญ้านี้จะถึงมือท่านอย่างแน่นอน"เหยี่ยวใหญ่ ร่อนถลาลงมาที่ฝูงนกพิราบขาว จ้องไปยังเจ้านกพิราบตัวที่คาบต้นหญ้าไว้ในปาก ก่อนจะใช้จะงอยปากคาบต้นหญ้าแล้วเริ่มออกบินมุ่งหน้าไปยังแคว้นฉีอย่างไม่รีรอ

"ขอบใจพวกเจ้ามากที่ช่วยข้าตามหาหญ้าจันทราตะวัน หากพวกเจ้าบินผ่านมาที่แคว้นฉี ก็แวะไปหาข้าบ้างนะ"

"ได้ หากมีโอกาสพวกเราจะแวะไปหาท่านแน่นอน"เจ้านกพิราบขาวตัวที่ไปนำต้นหญ้าจันทราตะวันมารตอบรับคำชวนของนาง

------------

"หลินหลินเป็นเช่นไรบ้าง? สำเร็จหรือไม่?"ฟานฟานน้อยร้องถามเมื่อเห็นนางลืมตาขึ้น

"อืม...อีกสองชั่วยามยาถอนพิษก็จะมาถึง"ตอบทางจิตเช่นเดิม ใบหน้าจิ้มลิ้มดูมีความสุขขึ้นเป็นกอง

"ฮูหยินน้อย ดูท่านอารมณ์ดีนะเจ้าคะ"เสี่ยวอี้เดินถือถาดน้ำชา ส่วนเสี่ยวสุ่ยถืออ่างล้างหน้ากับผ้าสะอาดเข้ามาในห้อง

"ดูออกง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?"กล่าวพร้อมกับเอามือแนบแก้มตนเองแล้วต้องอุทานตกใจที่จู่ๆเสี่ยวอี้เสี่ยวสุ่ยก็คุกเข่าเสียงดัง "เจ้าสองคนจะทำอะไร?"

"คุณหนู ดีเหลือเกินที่คุณหนูปลอดภัย ดีเหลือเกิน..."สองสาวใช้เดินเข่าเข้ามากอดขานายสาวแล้วร้องไห้ พร่ำรำพันว่าดีเหลือเกินซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

"อา...ข้าขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วง ตอนนี้ข้าหิวมาก ช่วยไปทำอะไรให้ข้ากินหน่อยเถิดนะ"รีบอ้างว่าหิวไม่อย่างนั้นคงอีกนานกว่าสาวใช้ขี้แยของนางจะหยุดกรรแสง

"พี่เหวิน รออีกหน่อยนะเจ้าคะ ยาถอนพิษกำลังจะมาถึงแล้ว"หันกลับมามองสามีอีกครั้งและใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซับใบหน้าเพื่อลดความร้อนในร่างกายให้อย่างอ่อนโยน

----------

สองชั่วยามผ่านไป

ขณะที่ชิงหลินกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สามีอยู่นั้น ด้านนอกเกิดความโกลาหลอลหม่านจนไม่อาจควบคุมได้ เมื่ออยู่ดีๆบนท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

"นี่มันเกิดอาเพศอันใดกัน? เหตุใดจึงมีนกมากมายถึงเพียงนี้"มู่หลิ่งฟู่บิดาแม่ทัพหนุ่มพร้อมมู่ฮูหยิน ที่ทราบว่าลูกสะใภ้กลับมาแล้ว จึงคิดมาดูนางและถือโอกาสนี้เยี่ยมบุตรชายไปด้วย

แต่พอมาถึงกลับพบกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อนกจำนวนนับพันตัว บินวนเป็นวงกลมอยู่เหนือเรือนพักของลูกสะใภ้ โดยไม่ส่งเสียงร้องให้รำคาญหูแต่อย่างใด

"ท่านพี่...ข้ากลัวเหลือเกิน"มู่หลิ่งฟู่ตบหลังมือฮูหยินของตนอย่างปลอบโยน แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

"ท่านพ่อ? ท่านแม่?"ชิงหลินเอ่ยทัก นางได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดู กลับพบบิดามารดาสามียืนแหงนมองท้องฟ้า รอบกายมีบ่าวไพร่ชายหญิงและทหารรวมหลายสิบคนกำลังชี้ไม้ชี้มือไปบนฟ้าส่งเสียงอื้ออึงไม่หยุด จึงมองไปบนท้องฟ้าด้วยความสงสัยก่อนจะยิ้มดีใจ เมื่อเห็นนกตัวหนึ่งร่อนถลาลงมาหานาง

"เสี่ยวอี้เอาผ้าหนาๆมาให้ข้า เร็วเข้า"ตะโกนสั่งสาวใช้ที่อยู่ในห้อง

"นี่เจ้าค่ะฮูหยินน้อย"

"ขอบใจ"รับผ้ามาพันไว้รอบแขนเรียวแล้วยกแขนเสมอไหล่ยื่นออกไปข้างหน้า สร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่เข้าใจว่านางจะทำสิ่งใด

"พั่บๆๆ"เจ้าเหยี่ยวร่อนลงมาเกาะที่แขนของนางแล้วหุบปีกเก็บเงยหัวยื่นของที่คาบไว้ส่งให้นาง

"อา....ลำบากเจ้าแล้ว ขอบใจมากนะ เข้าไปข้างในกับข้าเถิด อย่าพึ่งกลับไปเลย"ขอบคุณและชักชวนจ้าเหยี่ยวทางจิต

"....."เจ้าเหยี่ยวผงกหัวตอบรับคำเชิญของนาง มันรู้สึกถูกชะตากับมนุษย์ผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก อยู่ต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไร

"พวกเจ้าทุกตัวขอบใจนะ ที่อุตส่าห์มาเยี่ยม กลับไปกันก่อนเถิด ผู้คนแตกตื่นกันแย่แล้ว"ไม่ลืมที่จะส่งกระแสจิตบอกกล่าวกับฝูงนกนับพันที่ยังคงบินวนอยู่เหนือเรือนพัก พอสิ้นเสียงของนาง ฝูงนกพากันส่งเสียงร้องแล้วบินจากไปคนละทิศละทางทุกอย่างจึงกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

ชิงหลินรีบนำต้นหญ้าจันทราตะวันครึ่งหนึ่งส่งให้เสี่ยวสุ่ยนำไปต้มเพียวๆเหลือเพียงถ้วยเดียว ส่วนที่เหลือนำมาบดแล้วทาที่บาดแผลตรงบริเวณหัวไหล่ขวาเพราะถูกซัดด้วยอาวุธลับอาบยาพิษ

หนึ่งชั่วยามหลังจากป้อนยาและทายาเรียบร้อยตามที่ฟงฟงบอกแล้ว ร่างกายที่ร้อนราวกับไฟของแม่ทัพหนุ่มก็เริ่มเย็นลงและฟื้นกลับมามีสติอีกครั้ง ท่ามกลางความยินดีของทุกคน โดยเฉพาะชิงหลินที่ดีใจยิ่งกว่าใคร

"อา....หลินเอ๋อร์...กลับมาแล้วหรือ?"กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งมือหนายื่นออกไปลูบแก้มเนียนของภรรยาให้แน่ใจว่าเป็นนางจริงๆไม่ใช่ภาพลวงตา

"อืม..หลินเอ๋อร์กลับมาแล้ว พักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ"ยิ้มหวานตอบสามี

"..."แม่ทัพหนุ่มทำตามที่นางบอกหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย กุมมือเรียวเล็กไว้แน่นคล้ายกลัวว่าตื่นมาแล้วนางจะหายไป

"ท่านพ่อ ท่านแม่ ขออภัยที่หลินเอ๋อร์เสียมารยาทเจ้าค่ะ"ชิงหลินรีบย่อทำความเคารพขออภัยทั้งสองที่นั่งอยู่ในห้องที่รีบร้อนอยากรักษาสามีจนไม่ทันได้ทำความเคารพทักทาย

ขณะเดียวกันที่หน้าเรือนพัก

"เจ้าเหยี่ยว ขอบใจนะที่ช่วยหลินหลินของข้า"ฟานฟานน้อยเชิดหัวกลมๆเล็กๆอย่างเย่อหยิ่ง พลางร้องขอบใจเหยี่ยวหนุ่ม

"...ด้วยความยินดี ว่าแต่..ชายผู้นั้นเป็นใครหรือ?"เจ้าเหยี่ยวหนุ่มร้องถาม

"เป็นคู่รักของหลินหลินเจ้าค่ะ"หมั่นโถวน้อยเป็นผู้ตอบ

"อ้อ...มิน่า นางถึงได้ดูเป็นกังวลนัก"เหยี่ยวหนุ่มร้องขึ้นอย่างเข้าใจเหตุการณ์

"หากพี่เหยี่ยวไม่มีธุระที่ไหน ก็พักอยู่ที่นี่สักหลายวันหน่อยดีหรือไม่?"เป่าเปาน้อยอยากฟังเรื่องราวการผจญภัยของเหยี่ยวหนุ่ม จึงคิดจะรั้งให้อยู่ต่อ

"จะอยู่ต่อก็ได้ แค่อย่าห้ามสร้างความรำคาญให้หลินหลินก็พอ"ฟงฟงน้อยถึงกับส่ายหัวระอากับคำพูดของน้องชาย

"เจ้าอย่าใส่ใจกับคำพูดเรื่อยเปื่อยของน้องชายข้าเลยนะ"ฟงฟงน้อยกระซิบบอกเหยี่ยวหนุ่ม เหยี่ยวหนุ่มเพียงผงกหัวขึ้นลงเท่านั้น ไม่กล่าวสิ่งใด

--------

ยามเหม่า

มู่หลิ่งเหวินรู้สึกตัวตื่นพอปรับสายตากับความมืดได้แล้วจึงพบว่าภรรยานอนหลับอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งของนางพาดอยู่บนอกแกร่งของตน ยกศีรษะเล็กสอดมือเข้าไปแทนหมอนโอบกอดนางไว้แล้วบรรจงจุมพิตที่หน้าผากนางอย่างรักใคร่

"เจ้าหายดีแล้วรึ?"

"อืม...หายดีแล้ว"แม่ทัพหนุ่มชะงักหันมาตอบทางจิตกับคู่ปรับตัวน้อย

"ก็ดี หลินหลินจะได้เลิกกลุ้มใจเพราะเจ้าเสียที"ฟานฟานน้อยนั่งสองขา จ้องตอบเจ้าร่างยักษ์ที่นอนกอดหลินหลินไว้อย่างไม่สบอารมณ์นัก

"ข้าสลบไปกี่วัน? จำได้ว่าข้าถูกอาวุธลับมีพิษซัดเข้าที่หัวไหล่ แล้วก็หมดสติไป"

"พิษนั้นชื่อว่า พิษตะวันจันทรา...."เล่าในสิ่งที่มันรู้ให้ฟังอย่างละเอียด เมื่อเรื่องราวจบลง แม่ทัพหนุ่มให้รู้สึกรักหญิงสาวในอ้อมกอดมากขึ้นไปอีก ทั้งยังทึ่งในความสามารถของนาง หากเป็นดังเช่นคำพูดของเจ้ามารน้อย การคิดจะครอบครองสิ่งใดย่อมเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง อย่าว่าแต่เมืองๆเดียวเลย หากนางคิดจะยึดครองใต้หล้าก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรง

"อา..พี่เหวิน ตื่นแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง? หิวหรือไม่? ดื่มน้ำหน่อยไหมเจ้าคะ? อื้อ..."ชิงหลินรัวคำถามใส่เขาไม่หยุดจนถูกปิดปากด้วยจุมพิตที่แสนคิดถึง ท่ามกลางสายตาของสี่สหายน้อยที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของนาง ส่วนเหยี่ยวหนุ่มอาศัยต้นไม้หน้าเรือนเป็นที่พักนอน