"อื้อ...เดี๋ยวๆๆ หยุดก่อนเจ้าค่ะ"รีบร้องห้ามเสียงหลงเมื่อเห็นสามีจะไม่ยอมหยุดเพียงแค่การจุมพิต มือไม้ซุกซนไปทั่วจนต้องรีบไล่จับเป็นพัลวัน
"...หลินเอ๋อร์..เจ้าช่างใจร้ายนัก พี่คิดถึงเจ้าแทบขาดใจ ใยจึงไม่เห็นใจพี่บ้างฮึ!"ตัดพ้อพลางดันตัวลุกขึ้นพิงหัวเตียง ดึงแขนที่โอบกอดนางไปไขว้กันในลักษณะกอดอกแทนแล้วหันหน้าหนีอย่างแง่งอน
สามสิบวัน!สามสิบวันเต็มๆที่ตนต้องนอนเพียงลำพัง ข้างกายไร้ร่างเล็กนุ่มนุ่มหอมกรุ่น ทำเขาแทบคลั่ง หากไม่ติดที่รับปากพยัคฆ์ใหญ่แห่งป่าอาถรรพ์เขาคงไปรับนางกลับมาตั้งแต่ผ่านคืนแรกแล้ว!
"โธ่..อย่าพึ่งงอนสิเจ้าคะ"พยายามง้อแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะหนุ่มหล่อตรงหน้ายังคงนิ่งเฉย ไร้ปฏิกิริยาโต้กลับ "ทำอย่างไรท่านจึงจะหายงอน? บอกมาเถิดเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์ยอมทุกอย่างเลยเอ้า!" เห็นอีกฝ่ายยังนิ่งก็ชักใจเสียไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะไม่เคยง้อใครมาก่อน
"ทุกอย่าง?"
"เจ้าคะ?"
"เจ้าบอกว่าจะยอมทำทุกอย่าง?"
"อา...ก็ใช่เจ้าค่ะ"ชักเริ่มเสียใจขึ้นมาครามครัน เมื่อเห็นสายตาและรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้ใจของสามีอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง
"อ๊ะ...อิสตรีพูดคำไหนคำนั้น อย่าคิดกลับคำเชียว"ดักทางอย่างรู้เท่าทันพร้อมกับวางนิ้วชี้บนริมฝีปากอวบอิ่ม
"ท่านนี่ เจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกินเลยนะเจ้าคะ"
"เจ้าเล่ห์ แต่ก็รักเจ้าสุดหัวใจ"พูดแล้วรวบร่างเล็กบอบบางเข้ามาพิงอกแกร่งของตน
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"ข้าก็รักท่านเช่นกัน ต่อในใจ ขยับแนบหน้ากับอกแกร่ง
"หลินหลิน พวกเราก็อยู่นะ"เสียงร้องประท้วงของฟานฟานน้อย ทำทั้งคู่ต้องก้มมองดูมันอย่างขบขัน
"นี่น้องเล็ก ใยเจ้าทำตัวเยี่ยงก้างปลาเช่นนี้เล่า?"ฟงฟงน้อยตำหนิน้องชายที่พูดขัดคอหลินหลินกับสามี
"ก้างปลา?หมายถึงอันใดหรือเจ้าคะ?"หมั่นโถวน้อยร้องถามเป่าเปาน้อยผู้เป็นพี่ชาย
"หมายถึงพวกที่ชอบทำตัวขัดขวางความสุขของผู้อื่น"เป่าเปาน้อยกระซิบตอบ
"อือๆหมั่นโถวจะไม่ยอมเป็นเหมือนก้างปลาเด็ดขาดเจ้าค่ะ กลัวหลินหลินโกรธ"หมั่นโถวกระซิบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"คิกๆไม่เป็นไรหรอกฟงฟง ตื่นเช้าจังเลยนะ แล้วเจ้าเหยี่ยวเล่า?"
"อยู่ที่ต้นเหมยหน้าเรือนขอรับ"เป่าเปาน้อยเป็นผู้ตอบนาง
"อืม..ฟงฟงเป็นอย่างไรบ้าง? พอจะอยู่ได้ไหม?"พยักหน้าตอบแล้วเบนสายตามาทางเจ้าพยัคฆ์น้อยตัวพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆฟานฟานน้อย
"ฟงฟงอยู่ได้ ขอบคุณหลินหลินที่ห่วงใย"ฟงฟงน้อยก้มหัวกลมๆเล็กๆขอบคุณนาง
"พี่ใหญ่ ข้าอยากเข้าป่า พาไปหน่อยนะเจ้าคะ"หมั่นโถวน้อยส่งเสียงอ้อนพี่ชาย ร่างเล็กปกคลุมด้วยขนสีขาวปลอด ฟ่องฟูน่าสัมผัสบิดไปมาเล็กน้อย
"ได้..พี่ใหญ่จะพาเจ้าไปเอง หัวหน้า พี่ฟงฟง ข้ากับน้องสาวจะออกไปเดินเล่น พวกท่านจะไปด้วยกันรึไม่?"
"อืม..ก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นข้าไปด้วย เจ้าก็ไปด้วยกันสิน้องเล็ก"ฟงฟงน้อยหันไปพูดกับฟานฟานน้อยพร้อมทั้งส่งสายตาบังคับกลายๆ
"เฮอะ!..ก็ไปสิ มัวชักช้าอยู่ทำไม?"พูดจบก็กระโดดลงจากเตียง แล้วเดินนำขบวนออกไป อาการเชิดหัวหลังตรงของมันดูน่าเอ็นดูขณะเดียวกันก็น่าหมั่นไส้แก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
"พี่เหวิน อาบน้ำก่อนดีไหมเจ้าคะ?"เอ่ยถามสามีหลังจากอยู่กันเพียงลำพัง
"เจ้าต้องอาบกับพี่ พี่ถึงจะยอมอาบ"ต่อรองกับนาง
"ท่านนี่นะ...ก็ได้เจ้าค่ะ แต่สัญญามาก่อนว่าจะแค่อาบน้ำเฉยๆ"ยกนิ้วชี้ขึ้นฟ้าตอนกล่าวยังผลให้ใบหน้าหล่อเหลาตึงขึ้นทันที "หือ?..ไม่ตกลงหรือ? เช่นนั้นหลินเอ๋อร์ก็ไม่อาบ"
"ฮึ!...ก็ได้ๆพี่สัญญา"ถ้าเจ้าขัดขืนน่ะนะพูดต่อในใจ
"มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง?"ชิงหลินยิ้มพอใจแล้วส่งเสียงเรียกสาวใช้ "ช่วยเตรียมน้ำอาบให้ทีนะ"บอกกับเสี่ยวอี้เสี่ยวสุ่ย
"เจ้าค่ะ"สองสาวใช้เหลือบมองเจ้านายทั้งสองบนเตียง เห็นใบหน้าทั้งคู่ดูมีความสุข ก็เผลอถอนใจโล่งอกที่วันร้ายๆผ่านไปได้เสียที
--------
ยามเฉินภายหลังมื้ออาหารเช้าผ่านไป
"ป่านนี้แล้วยังไม่หายโกรธพี่อีกหรือ? หืม?"มู่หลิ่งเหวินรั้งเอวคอดกิ่วมานั่งบนตักไม่อายสายตาของบ่าวไพร่นับสิบที่ยืนก้มหน้ารอรับใช้
"ก็ใครใช้ให้ท่านผิดสัญญาเล่า"ใบหน้าจิ้มลิ้มบูดบึ้งและแดงก่ำกับเหตุการณ์ที่เกิดในถังอาบน้ำ
"อา..ใครใช้ให้หลินเอ๋อร์ของพี่หวานไปทั้งตัวอย่างนั้นเล่า หากไม่ติดว่าพี่พึ่งหายป่วย พี่จะกักตัวเจ้าไว้บนเตียงทั้งวันเลย หึๆ"กระซิบข้างหูเล็ก สองแขนโอบกอดกระชับเอวคอดกิ่วพร้อมกับลูบไล้หลังมือนางไปมา
"ท่าน...หากไม่เลิกพูดเช่นนี้ ข้าจะโกรธท่านจริงๆแล้วนะ!"
"ได้ๆพี่เลิกแกล้งเจ้าก็ได้"ใบหน้าที่จริงจังกับคำเรียกแทนตัวที่เปลี่ยนไป ทำให้มู่หลิ่งเหวินยอมรามือเกรงว่าหากยังขืนดันทุรังเย้านางต่อไป มีหวังถูกนางไล่ให้ออกมานอนนอกห้องเป็นแน่! แล้วเขาจะทำเยี่ยงไรเล่า?
"ข้าอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด อย่าคิดปิดบังเชียว"กล่าวกับเขาเสียงเข้มหลังกลับมานั่งที่เดิมแล้ว
"เฮ้อ...ได้ พี่จะเล่าให้เจ้าฟัง มันเริ่มตั้งแต่งานชมบุปผาที่จวนเสนาบดีหานหนิงเฉิง "
"ที่ข้าเกือบถูกผลักตกน้ำ เป็นฝีมือของคุณหนูหานหนิงอัน ที่อยากให้ข้าตาย เพราะนางแอบรักท่าน... สรุปข้าเกือบตายก็เพราะท่าน"
"โธ่..ใยจึงโยนความผิดมาให้พี่เล่า พี่ไม่รู้เรื่องราวด้วยเลย"คนถูกกล่าวหากุมมือนางไว้ โอดครวญร้องหาความเป็นธรรม
"ฮึ!..หากท่านไม่ได้ให้ความหวังนาง มีหรือที่นางจะกล้าทำเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้และต่อมาที่ข้าถูกลักพาตัวก็เป็นฝีมือนางอีกใช่หรือไม่?"
"ก็ใช่..แต่พี่สาบาน พี่ไม่เคยให้ความหวังหรือพูดจาเกี้ยวพาในเชิงชู้สาวกับนางเลย เพราะพี่เห็นนางเป็นเพียงน้องสาวของสหายเท่านั้น"
"เหมือนข้าเมื่อก่อน"
"โธ่..หลินเอ๋อร์..เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว เจ้าช่วยลืมๆมันไปเสียทีเถิด พี่ขอร้องเจ้าแล้ว"
มู่หลิ่งฟู่ มู่ฮูหยินและมู่หลิ่งเฟิงบุตรชายคนเล็ก ที่ตั้งใจมาเยี่ยมบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ ชะงักเท้าตรงทางเข้าเมื่อได้ยินบทสนทนาเล่นแง่งอนของหนุ่มสาวทั้งสอง
"หึๆ ดูเหมือนเจ้าลูกชายตัวดี กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่นะ"มู่หลิ่งฟู่กระซิบบอกฮูหยินของตน ที่เอาแต่ยิ้มขบขันกับอาการอิหลักอิเหลื่อของบุตรชาย
"พี่สะใภ้เก่งจังเลยนะขอรับท่านพ่อ ท่านแม่"มู่หลิ่งเฟิง เด็กน้อยใบหน้างดงามคล้ายพี่ชายยิ้มกว้างชอบใจที่เห็นพี่ชายถูกปราบเสียอยู่หมัด
"เฟิงเอ๋อร์"มู่ฮูหยินส่งสายตาปรามบุตรชายคนเล็ก
"อา..ข้าไปช่วยพี่ใหญ่ดีกว่า"เด็กน้อยรีบวิ่งไปหาพี่ชายกับพี่สะใภ้เอาตัวรอด
"เฟิงเอ๋อร์ คารวะพี่ใหญ่ พี่สะใภ้"เสียงระฆังช่วยชีวิตของน้องชาย ทำแม่ทัพหนุ่มลอบถอนใจโล่งอก
"เฟิงเอ๋อร์มานั่งกับพี่เถิด"จูงมือเด็กน้อยหน้าสวยให้มานั่งข้างตนส่งยิ้มหวานให้
"อาเหวิน"มู่ฮูหยินสาวเท้าเข้ามาพร้อมสามีด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
"ท่านพ่อ ท่านแม่"ชิงหลินทำท่าจะลุกขึ้นทำความเคารพแต่ถูกบิดาสามียกมือห้าม"ไม่ต้องมากมารยาทไป อาเหวินอาการเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?"หันมาถามอาการบุตรชายคนโต
"ข้าหายดีแล้ว ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วง"แม่ทัพหนุ่มยิ้มตอบบางๆ
"ดีแล้ว ข้ากับแม่เจ้าจะได้หมดห่วงเสียที แล้วกำลังคุยเรื่องอันใดกันอยู่รึ?"
มู่หลิ่งเฟิงเห็นสายตาของพี่ชายก็เข้าใจสถานการณ์ "พี่สะใภ้ สามสหายน้อยอยู่ที่ใดขอรับ? ข้าอยากไปเล่นด้วย"
"จุ๊ๆ...ไม่ใช่สามสหายน้อย แต่เป็นสี่สหายน้อยกับหนึ่งเจ้าเวหา เดี๋ยวให้พี่เสี่ยวอี้พาไปนะเจ้าคะ"พูดจบก็หันไปสั่งการเสี่ยวอี้
"คุณชายน้อย เชิญทางนี้เจ้าค่ะ"เด็กน้อยเดินตามสาวใช้ไปยังเรือนพักพร้อมใบหน้าสงสัย
"ข้ากำลังเล่าเหตุการณ์การลอบสังหาร ให้หลินเอ๋อร์ฟังขอรับมู่หลิ่งเหวินกล่าวหลังจากที่น้องชายออกไปพ้นเขตห้องอาหารแล้ว
"อืม..เช่นนั้นก็เล่าต่อเถิด"มู่หลิ่งฟู่พยักหน้าให้ ใบหน้าที่แย้มยิ้มเปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึมเช่นเดียวกับมู่ฮูหยิน
"หลังจากนั้นก็เกิดการลอบสังหารอีกหลายครั้ง หมายเอาชีวิตเจ้าให้ถึงตาย และยังมีเจตนาอื่นแอบแฝงนั่นคือ ทำลายตระกูลชิงโดยใช้เรื่องสัตว์ตำนานเป็นข้ออ้าง หากภารกิจล้มเหลว ก็หวังใช้เรื่องนี้โจมตีตระกูลชิงและยังสามารถสั่นคลอนตำแหน่งรัชทายาทได้อีกด้วย"
"แต่เป็นเพราะเจ้า ทำให้แผนการร้ายของมันล้มเหลว ทำให้มันโกรธแค้นเจ้ามากและหาทางเล่นงานเจ้ามาโดยตลอด ครั้งสุดท้ายก็เป็นฝีมือของมัน เคราะห์ยังดีที่ได้สามมารน้อยช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้น หญิงสาวที่ถูกมันและลูกน้องกระทำย่ำยีคงเป็นเจ้า"กัดฟันกรอด มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนกระดูกปูดโปน
"...แล้วหญิงสาวผู้เคราะห์เป็นใครกัน?"มู่หลิ่งฟู่ถาม
"....."แม่ทัพหนุ่มชะงัก มองใบหน้าจิ้มลิ้มที่เรียบเฉยไม่รู้ว่าคิดอันใดอยู่ก็ให้กังวลใจ แต่พูดว่าจะเล่าทุกเรื่องที่รู้ เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกหากนางเกิดกลัวตนขึ้นมาค่อยคิดหาทางแก้อีกที
"ข้าได้สับเปลี่ยนหลินเอ๋อร์กับบุตรีคนเดียวของมัน แล้วให้มันนำบุตรีของมันกลับไป แต่ไม่นึกว่ามันจะเลวทรามต่ำช้าถึงเพียงนั้น"
"เจ้ากำลังจะบอกว่า ขุนนางชั่วนั่นข่มขืนย่ำยีลูกแท้ๆของตัวเอง?"มู่ฮูหยินยกมือขึ้นทาบอกอุทานอย่างตกใจ
"...."แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าลงช้าๆพลางเหลือบมองภรรยาอีกครั้งด้วยใจที่หวาดหวั่น
"ท่านจึงคิดส่งข้าไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพราะเกรงว่าข้าจะตกอยู่ในอันตรายอีกใช่หรือไม่?"น้ำเสียงกังวานนุ่มลึกแตกต่างจากทุกครั้ง ทำแม่ทัพหนุ่มชักเริ่มนั่งไม่ติด
"หลินเอ๋อร์...."คิ้วเข้มของแม่ทัพหนุ่มขมวดมุ่นอย่างกลุ้มใจแลเจ็บปวด
"แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเจ้าคะ?"
"...เรียนฮูหยินน้อย เหตุการณ์หลังจากนี้ข้าขอเป็นผู้รายงานเองได้หรือไม่ขอรับ?"จิ๋นเอ้อ องครักษ์หนุ่มผู้เงียบขรึม ที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูนานแล้วก้าวเข้ามาในห้อง
"ได้สิ เชิญพูดได้"เมื่อได้รับการอนุญาตจากพ่อสามีแล้วจึงหันไปพูดกับองครักษ์หนุ่ม
"หลังจากที่ฮูหยินน้อยจากไปไม่นานสายของเราก็รายงานมาว่า คุณหนูหานดื่มยาพิษฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในความรักนั่นคือสิ่งที่ชาวเมืองรับรู้ แต่ความจริงเป็นเพราะไอ้ขุนนางชั่วกรอกยาพิษให้นางทั้งที่นางยังสลบไสลด้วยฤทธิ์ของผงนิทรา"
"มันคงจะแค้นมาก เพราะหลังจากนั้น ไอ้ขุนนางชั่วก็ว่าจ้างนักฆ่าฝีมือดีจากทุกสารทิศ ให้มาสังหารท่านแม่ทัพไม่เว้นวัน จนเมื่อสามวันก่อน ท่านแม่ทัพถูกอาวุธลับอาบยาพิษซัดเข้า เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ขอรับ"จิ๋นเอ้อรายงานจบก็ก้าวถอยหลังไปยืนด้านข้าง
"แล้วท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?"นางรู้สึกเป็นห่วงทุกคนที่คฤหาสน์สกุลชิงจนอดถามไม่ได้ ส่วนเรื่องที่สามีปิดบังไว้ค่อยชำระความทีหลัง
"....ท่านแม่ทัพ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!!"มู่หลิ่งเหวินยังไม่ทันได้ตอบคำถามของนาง จิ๋นซานก็เข้ามารายงานด้วยท่าทางร้อนรน
"มีเรื่องอันใด?"ร่างสูงผุดลุกขึ้นอย่างไว สังหรณ์ใจว่าคงไม่ใช่เรื่องดีถึงทำให้องครักษ์ร้อนรนได้ถึงเพียงนี้
"เอ่อ"จิ๋นซานอ้ำอึ้งไม่กล้ารายงานเหลือบมองฮูหยินน้อยแล้วกลับมาทางท่านแม่ทัพ
"พูดมา อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง"สั่งเสียงเข้ม เพียงเรื่องที่ปิดบังนางมันก็มากพอแล้ว แม่ทัพหนุ่มจึงไม่คิดปิดบังนางอีก
"เอ่อ...นายท่านชิงกับฮูหยินถูกจับตัวไปขอรับ!!"
"เจ้าว่าอะไรนะ?!!"ชิงหลินลุกพรวดอุทานเสียงดังใบหน้าจิ้มลิ้มซีดเผือด รู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมจนแม่ทัพหนุ่มต้องรีบเข้ามาประคองให้นั่งลง
"ตั้งแต่เมื่อใด? แล้วหน่วยพยัคฆ์ดำเล่า? มัวทำอันใดกันอยู่!!"น้ำเสียงห้วนจัดเต็มไปด้วยแรงโทสะของมู่หลิ่งฟู่ ทำเอาพ่อบ้านเจาและสาวใช้หลายคนสะดุ้งตกใจรีบก้มหน้าต่ำจนคางชิดอกตนเอง
"เรียนนายท่าน หน่วยพยัคฆ์ดำกว่าสามสิบชีวิต ถูกอาวุธลับอาบยาพิษชนิดเดียวกัน กับที่ใช้กับท่านแม่ทัพ ซัดเข้าตอนนี้พากันหลับใหลไปจนหมดแล้วขอรับ!!"
"ปัง!"แม่ทัพหนุ่มกำหมัดทุบโต๊ะแรงจนชุดถ้วยชาสั่นสะเทือนถามเสียงเข้ม "หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเฟิ่ง ก็เสียท่ามันด้วยรึ?"
"เอ่อ..ตอนที่ข้าไปถึง ชายผู้นั้น..เป็นคนเดียวที่ยังมีสติไม่ได้ถูกพิษ แต่บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากันจากการต่อสู้ ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่เรือนพักผู้ป่วยขอรับ"
"ฝีมือเทียบเท่าองครักษ์หลวง อย่างหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเฟิ่งอิง ยังเพลี่ยงพล้ำบาดเจ็บสาหัส นั่นแสดงว่าพวกมันคงเป็นยอดฝีมือระดับต้นๆของยุทธภพเป็นแน่"แม่ทัพหนุ่มวิเคราะห์ คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด
"แล้วพวกมันจับตัวทั้งสองไปซ่อนไว้ที่ใด? มันได้บอกหรือไม่?"ฮูหยินมู่เอ่ยถามเมื่อตั้งสติหายจากอาการตื่นตระหนกแล้ว
"ก่อนหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเฟิ่งจะหมดสติได้จับมือสังหารรายหนึ่งใช้ยาปลิดวิญญาณเพื่อเค้นความจริง จนมันยอมสารภาพว่าพรรคพวกของมันพาตัวนายท่านชิงและฮูหยิน ไปที่ป่านอกเมือง ที่เดียวกับครั้งก่อน ทันทีที่ตะวันลับขอบฟ้าหากฮูหยินน้อยยังมิปรากฏตัว พวกมันจะสังหารนายท่านชิงและฮูหยินทิ้งเสีย เป็นการล้างแค้นให้บุตรีขอรับ"
"ฮึ่ม...ไอ้ขุนนางชั่ว ข้าจะบั่นคอเจ้าด้วยมือข้าเอง"แม่ทัพหนุ่มแค่นเสียงรอดไรฟัน ดวงตาวาวโรจน์ลุกโชนด้วยเพลิงแห่งความกริ้วโกรธ ไอสังหารถูกปลดปล่อยออกมาจนผู้คนสั่นสะท้าน ไม่อาจต่อต้านแรงกดดันที่ทรงอำนาจนั้นได้สาวใช้ที่อยู่ในห้องถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหวาดกลัว
"...."พ่อบ้านที่คุ้นเคยกับอารมณ์เช่นนี้มาบ้างยังซวนเซ แข้งขาสั่นจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ทั้งหวาดกลัวและชื่นชมในเวลาเดียวกัน สมแล้วที่เป็นถึงแม่ทัพแห่งแคว้นฉี
"ไม่ว่าใคร ก็ห้ามยุ่งเรื่องนี้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวของข้าเอง"น้ำเสียงกังวานใสแต่เฉียบขาดจากสตรีใบหน้าจิ้มลิ้ม ทำเอาทุกคนหันขวับมาทางนางพร้อมด้วยใบหน้าตื่นตระหนกแลประหลาดใจระคนเหลือเชื่อ
"ลูกสะใภ้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดล้อเล่นได้นะ "มู่หลิ่งฟู่เอ่ยเตือนเสียงเข้ม
"นั่นสิ เรื่องนี้ปล่อยให้อาเหวินจัดการเถิด"มู่ฮูหยินกล่าวเสริมคำพูดของสามี
"..."แม่ทัพหนุ่มสบตานางตรงๆเห็นความเด็ดเดี่ยวในดวงตาคู่งาม ก็ได้แต่ถอนใจ"ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน"กล่าวพร้อมกับดึงมือเรียวเล็กมากุมไว้
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"ส่งยิ้มหวานให้สามี เหตุผลสำคัญที่ยอมให้นางไปด้วยง่ายๆ เพราะรู้ถึงความสามารถเหนือมนุษย์ของนางแล้วนั่นเอง
"อาเหวิน...ที่อันตรายเช่นนั้น ยังจะพาลูกสะใภ้แม่ไปอีกหรือ? ไม่ได้ ยังไงแม่ก็ไม่ยอมเด็ดขาด! ท่านพี่...ท่านก็ช่วยห้ามด้วยสิเจ้าคะ"หันไปเขย่าแขนสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ
"...อา..ฮูหยินเจ้าใจเย็นๆก่อนเถิด...อาเหวิน เจ้าจะพานางไปจริงรึ?"กล่าวปลอบฮูหยิน ของตน แล้วจึงเอ่ยปากถามบุตรชายคนโต
"ท่านพ่อ ท่านแม่ โปรดวางใจ คนที่น่าเป็นห่วงคงจะเป็นฝ่ายนั้นมากกว่า ใช่หรือไม่หลินเอ๋อร์?"ชิงหลินเพียงยิ้มตอบ ไม่ได้กล่าวโอ้อวดใดๆ
"....?"เมื่อได้ยินถ้อยคำของบุตรชายคนโต มู่หลิ่งฟู่และฮูหยินได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งอีก เพราะบุตรชายของนางพูดคำไหนคำนั้น หาใช่บุรุษใจโลเลกลับกลอกไม่
"อีกสามชั่วยามฟ้าก็จะมืด เราต้องรีบหน่อยแล้ว จิ๋นซานเตรียมคนของเราให้พร้อม เราจะออกเดินทางในอีกหนึ่งเค่อ!"
"ขอรับท่านแม่ทัพ!"จิ๋นซานรับคำสั่งแล้วหมุนกายออกไปทันที
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าและหลินเอ๋อร์ขอตัวก่อน"แม่ทัพหนุ่มกล่าวลาบิดามารดา
"หลินเอ๋อร์ ระวังตัวด้วยนะลูก"มู่ฮูหยินเดินเข้ามาจับมือลูกสะใภ้ที่นางรักดั่งบุตรีพลางกล่าวอย่างห่วงใย
"ขอบคุณเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์จะระวังให้มาก"ชิงหลินยิ้มหวานให้แม่สามี มีประกายดำมืดพาดผ่านดวงตาคู่งามก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
"...ไปเถิด"แม่ทัพหนุ่มทันจับสัมผัสด้านมืดที่แสนอันตรายของนางได้ แม้จะเพียงวูบเดียวก็ตาม แต่ไม่ได้รู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด ต่อให้นางทำเรื่องโหดร้ายเพียงใดเขาก็จะรักและอยู่เคียงข้างนางจนกว่าชีวิตจะหาไม่
กระท่อมร้างกลางป่าลึกนอกเมืองหลวง
นักฆ่ากว่าสองร้อย กระจายกำลังล้อมกระท่อมร้างซอมซ่อ จะพังไม่พังแหล่ไว้อย่างแน่นหนา ใกล้กระท่อมยังมีนักฆ่าชุดดำสวมหน้ากากจิ้งจอก เจ็ดนายยืนคุมเชิงทิศละคนทั้งสี่ทิศ ที่เหลือยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
ในกระท่อมยังมีนักฆ่าชุดดำสวมหน้ากากจิ้งจอกลวดลายงดงาม บ่งบอกถึงตำแหน่งที่สูงกว่าได้เป็นอย่างดี ชายผู้นั้นนั่งหลังตรงมองชายวัยกลางคนร่างท้วมในชุดสีขาวเนื้อหยาบสวมใส่สำหรับไว้ทุกข์ด้วยสายตาว่างเปล่า
"ข้าทำงานสำเร็จแล้ว ไหนเล่าค่าว่าจ้าง"ชายสวมหน้ากากจิ้งจอกผายมือถามหาค่าตอบแทน
"ฮ่าๆๆเด็กๆ"ทันทีที่สิ้นเสียง หีบไม้ขนาดกลางสองหีบก็ถูกวางข้างโต๊ะโดยสองชายร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างขายอ้วน ชายสวมหน้ากากเปิดหีบดูพอเห็นของในหีบก็ยกยิ้มพอใจ
"หนึ่งพันตำลึงทองครบถ้วน แลกกับหนึ่งชีวิตของลูกน้องข้า ถือว่าคุ้มค่า เสร็จธุระแล้ว ข้าขอตัวก่อน"ชายสวมหน้ากากลุกขึ้นกล่าวลาแล้วกวักมือเรียกลูกน้องที่ยืนคุมตรงประตูทางเข้าให้มายกหีบค่าว่าจ้างออกไป
"โอ้...เชิญๆ"หานหนิงเฉิงเพียงแค่ผายมือให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันมายังเตียงนอนที่มีร่างชายหญิงถูกมัดมือมัดเท้า ไว้อย่างแน่นหนา ร่างทั้งสองถูกสกัดจุดจนเคลื่อนไหวไม่ได้และพูดไม่ได้ มีเพียงดวงตากรอกไปมาได้เท่านั้น
เก้าจิ้งจอกเงิน เป็นนักฆ่าฝีมือล้ำเลิศร่ำลือไปทั่วแม้แต่ในยุทธภพ รับงานทุกอย่างขอเพียงเงินถึง หนึ่งในเก้าที่เฟิ่งอิงปะมือด้วยจนบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน เป็นเพียงสมาชิกลำดับสุดท้ายของกลุ่มเท่านั้น!
แม่ทัพหนุ่มเองก็เสียท่าให้นักฆ่ากลุ่มนี้จนเกือบเอาชีวิต การลักพาตัวใครสักคนมันง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก อย่าว่าแต่จวนขุนนางที่คุ้มกันแน่นหนาแม้แต่ให้ลอบสังหารฮ่องเต้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
"นางเด็กสารเลวลูกสาวของเจ้ากำลังมาแล้ว...ข้าจะทรมานนางต่อหน้าพวกเจ้า..แล้วค่อยแล่เนื้อเถือหนังนางทีละชิ้นจนกว่านางเด็กสารเลวนั่นจะขาดใจตาย แล้วข้าค่อยส่งพวกเจ้าตามไปอยู่ในปรโลกด้วย ฮ่าๆๆ"เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คล้ายคนเสียสติของหานหนิงเฉิง ทำชิงหยวนและชิงฮูหยินเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวยิ่งนัก ได้แต่ภาวนาอย่าให้บุตรีติดกับแผนการร้ายของขุนนางชั่วช้าผู้นี้ แม้ตัวตายก็ไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงให้บุตรีอันเป็นที่รักปลอดภัยก็พอแล้ว
ยามเซิน
ขณะที่หานหนิงเฉิงเริ่มเบื่อและคิดอกุศลกับร่างมารดาของชิงหลิน มันพาร่างอ้วนท้วมมาที่ข้างเตียง สายตาหื่นกระหายมองร่างอวบอิ่มอย่างจาบจ้วงหยาบโลนน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเป็นที่สุด
"ชิงหยวน....ข้าขอเล่นกับเมียเจ้าแก้เบื่อ เจ้าคงไม่ว่าอันใดนะ ฮี่ๆๆ"ชิงหยวนทำได้เพียงถลึงตาใส่มันด้วยอาฆาตเคียดแค้นเจ็บปวดใจ ที่ไม่อาจปกป้องฮูหยินของตนจากสัตว์นรกตนนี้ได้ น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเมื่อเห็นมันเริ่มแหวกชุดของนาง
สารเลว! อย่าเอามือสกปรกๆของเจ้ามาแตะตัวข้านะ! ออกไป! ออกไปจากตัวข้า! ฮือๆๆสวรรค์...ได้โปรดช่วยเราด้วย...ได้โปรดช่วยเราด้วย..ฮือๆๆ เสียงสบถด่าสาปแช่งระคนวิงวอนดังขึ้นในความคิดของนาง ไม่ได้เล็ดรอดออกมาทางปากแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
"...อา.."มันแหวกชุดของนางจนเห็นเห็นเอี๊ยมซับใน ก่อนจะร้องออกมาเบาๆ สองตาจ้องผิวคอและไหล่ขาวผ่องเนียนละเอียดตาเป็นมัน มันแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ขึ้นคร่อมร่างอวบอิ่มไม่ใส่ใจสายตารังเกียจด่าทอของอีกฝ่ายรวมถึงสามีที่นอนอยู่ข้างๆ
ตูมมมม! เสียงที่ดังสนั่นเลือนลั่น พร้อมกับกระท่อมที่ถูกซัดหายไปเกือบครึ่งด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจนเกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
"แค่กๆ....นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน? ....หือ? .....เหวอออออ...."
วืดดดด ผัวะ! อ๊ากกกก ตุบ อึก!
เสียงต่างๆเหล่านั้น เริ่มจากที่กระท่อมถูกซัดหายไปด้วยอุ้งเท้าของฟานฟานน้อย ที่ขยายร่างจนกลายเป็นพยัคฆ์ใหญ่ที่น่าเกรงขามทรงอำนาจและมีพละกำลังดุจช้างสาร
ต่อมาเป็นเสียงร้องด้วยความตกใจสุดขีดของขุนนางชั่วที่ยังนั่งคร่อมร่างอวบอิ่ม ก่อนที่มันจะได้สติ ก็ถูกอุ้งเท้าสีขาวขนาดใหญ่ตบเข้าอย่างแรง จนร่างอ้วนท้วมลอยละลิ่วทะลุฝาผนังกระท่อมที่เหลือเพียงครึ่งเดียว ไปปะทะเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งลี้แล้วตกลงพื้นเสียงดังตุบ พร้อมกับเลือดที่กระอักออกมาคำโตจากร่างอ้วนท้วม
"อา...อึก!..."หานหนิงเฉิงใช้ต้นไม้ในการช่วยพยุงร่างกายที่บอบช้ำภายใน ด้วยกำลังที่เหลืออย่างยากลำบาก สลัดศีรษะอย่างมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ถุด! หานหนิงเฉิงถุยเลือดในปากและใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่มุมปาก มองหาเจ้าพวกไร้ประโยชน์ ที่ตนจ้างมาคุ้มกันกว่าสองร้อยชีวิต แต่กลับไม่เห็นหัวเลยสักคน นี่มัน...หายหัวไปไหนกันหมด!!
แหมะๆๆ นี่มันน้ำอะไร? เหตุใดจึงเหม็นนัก หานหนิงเฉิง เงยหน้าขึ้นมองบนจึงได้เห็นหน้าเจ้าของน้ำลายที่กำลังก้มลงมา ดวงตาเรียวสีน้ำหมึกจ้องมองราวกับมันกำลังจ้องจะตะครุบเหยื่อ.... เหยื่อ!!!! อา..สวรรค์....ดูเหมือนตอนนี้ ตนกำลังตกเป็นเหยื่อของเจ้าสัตว์ปีศาจหน้าตาคล้ายจิ้งจอกตัวนี้อยู่! มะมะมะไม่จริง!!
"แฮ่!!"เป่าเปาน้อยร้องขู่เจ้ามนุษย์อัปลักษณ์เสียงดัง จนมันตกใจล้มก้นจ้ำเบ้า ใช้มือต่างเท้าดันตัวถอยห่างจากจิ้งจอกที่ขยายร่างแล้ว
"เหวออออ อยะอย่าเข้ามานะ เจ้าสุนัขปีศาจ! อย่าเข้ามา!"หานหนิงเฉิงร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับคนเสียสติอีกครั้ง ล้มลุกคลุกคลานหนีไปทิศตรงข้ามก็ปะทะเข้ากับร่างปีศาจจิ้งจอกอีกตัว พอหนีไปอีกทางก็ชนเข้ากับร่างขนาดใหญ่คล้ายพยัคฆ์ขาวอีกตัว
"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที อย่า อย่าทำอะไรข้าเลย ข้ากลัวแล้ว ข้ากลัวแล้ว"
"..."ห่างออกไปหนึ่งลี้ มู่หลิ่งเหวินพร้อมด้วยจิ๋นซานและหน่วยองครักษ์สกุลมู่อีกจำนวนหนึ่ง ยังคงพากันยืนตาค้างกับภาพมหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง รวมทั้งชิงหยวนและฮูหยินที่ถูกช่วยไว้ได้ทันเวลา และเป็นแม่ทัพหนุ่มที่ช่วยคลายจุดให้ ยังตื่นตะลึงจนพูดไม่ออก
แรกเริ่ม จิ๋นซานไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของฮูหยินน้อยที่ให้นำกำลังมาเพียงน้อยนิดต่อกรกับขุนนางชั่ว แต่เพราะท่านแม่ทัพสั่งให้ทำตามที่ฮูหยินน้อยต้องการ ตนจึงได้แต่ทำตามคำสั่ง จวบจนใกล้ถึงที่นัดหมาย อันเป็นจุดอับสายตาอยู่ดีๆฮูหยินน้อยก็กระโดดลงจากม้า ตามด้วยท่านแม่ทัพและเจ้าสี่สหายน้อย
องครักษ์หนุ่ม เห็นฮูหยินน้อยยืนหลับตา เพียงพริบตาก็เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ เมื่องูพิษหลากหลายสายพันธุ์นับพันตัว พากันเลื้อยตรงเข้ามายังกลุ่มของพวกตน อา...น่าจะเรียกว่า งูพิษเหล่านั้นเลื้อยมาหาฮูหยินน้อยจึงจะถูก
เมื่องูพิษมาหยุดอยู่เบื้องหน้าฮูหยินน้อยแล้ว องครักษ์หนุ่มเห็นงูพิษเหล่านั้นชูคอขึ้นมองนางแล้วผงกหัวลงสองครั้ง แล้วพากันเลื้อยกลับเข้าไปในป่า เพียงไม่นานก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวในป่าเบื้องหน้า
หนึ่งเค่อต่อมา ฮูหยินน้อยก็ลืมตาขึ้น หันมาส่งยิ้มให้ท่านแม่ทัพ
"เรียบร้อยแล้วหรือ?"
"เจ้าค่ะ สองร้อยยี่สิบคนเป็นอัมพาตหมดแล้ว"
"สองร้อยยี่สิบคน!! ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ ฮูหยินน้อย ท่านทำได้อย่างไร? ท่านทำให้งูพิษเหล่านั้นทำตามคำสั่งได้อย่างไร?"องครักษ์นายหนึ่งเอ่ยถามรัวๆ
"...."จิ๋นซานเห็นเพียงฮูหยินส่งยิ้มให้องครักษ์นายนั้นแทนคำตอบ
"ฮูหยินน้อย เหตุใดข้าจึงไม่ได้ยินเสียงคนร้ายร้องเลยเล่าขอรับ"องครักษ์อีกหนึ่งเอ่ยถามซึ่งตรงใจ จิ๋นซานพอดี
"อยากรู้ก็ไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง"เป็นท่านแม่ทัพที่ตอบคำถามนี้
เมื่อเข้ามาในป่า ภาพที่ปรากฏแก่สายตา คือ ภาพคนร้ายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น มีเพียงตาที่กรอกไปมาให้รู้ว่ายังมีชีวิต ที่ลำคอบริเวณกล่องเสียงมีรอยเขี้ยวสองรอยมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
"ข้าให้งูพิษเหล่านั้นเจาะจงฉกกัดที่ลำคอบริเวณกล่องเสียงของคนร้าย เมื่อกล่องเสียงเป็นอัมพาตก็ไม่สามารถเปล่งเสียงได้ อีกอย่างพิษงูนี้ออกฤทธิ์แทบจะทันทีที่ได้ฝังเขี้ยวลงไป"
"อา..."จิ๋นซาน เห็นเหล่าองครักษ์ใช้มือลูบคอตนเอง ใบหน้าแสดงความหวาดหวั่นออกมา ก่อนจะถอนใจคล้ายโล่งอกที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับสตรีผู้นี้
ราวครึ่งเค่อ องครักษ์หนุ่มเห็นสี่สหายน้อยส่งเสียงร้องคล้ายต้องการบอกเหตุร้าย แล้วต่อมา ฮูหยินน้อยก็รีบวิ่งตามสี่สหายน้อยไปจนท่านแม่ทัพและพวกตนวิ่งไล่ตามแทบไม่ทัน
เมื่อตามมาทันก็ต้องตะลึงงัน เมื่อเห็นหนึ่งในพยัคฆ์น้อย ขยายร่างจนใหญ่โตเทียบเท่าช้างพลาย เพียงมันวาดอุ้งเท้าตบเบาๆกระท่อมครึ่งบนก็หายวับไปทันที ชั่วพริบตาเจ้าพยัคฆ์ใหญ่ก็ตบร่างเจ้าขุนนางชั่วจนทะลุฝาผนังไปปะทะกับต้นไม้
ในตอนนี้เองที่สามสหายน้อยที่เหลือ พากันขยายร่างจนใหญ่เทียบเท่าพยัคฆ์ตัวแรกแล้วล้อมเจ้าขุนนางชั่ว ทั้งคำรามทั้งขู่จนเจ้าขุนนางชั่วหวาดกลัว หมอบกราบร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพช
"จิ๋นซาน ช่วยคุ้มกันท่านพ่อกับท่านแม่ข้า กลับไปจวนแม่ทัพก่อนเถิด"ชิงหลินหันมาสั่งองครักษ์หนุ่ม เพราะไม่อยากให้ท่านทั้งสองเห็นด้านมืดของนาง
"หลินเอ๋อร์"ชิงฮูหยินทำท่าจะคัดค้าน เพราะอยากกลับพร้อมบุตรี
"ฮูหยินเรากลับไปรอลูกที่จวนแม่ทัพก่อนเถิด"ชิงหยวนเข้ามาประคองฮูหยินของตน แล้วพยักหน้าให้บุตรีและบุตรเขย จากนั้นจึงเดินตามองครักษ์หนุ่มไป พร้อมองครักษ์อีกหลายนาย จนเหลือองครักษ์เพียงสามนายเท่านั้นที่อยู่คุ้มกันแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินน้อย