webnovel

ย้อนรักวัยข้อเข่าเสื่อม (2/2)

ชายหนุ่มที่กระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องน้ำเมื่อกี้ต้องมาก้ม ๆ เงย ๆ ทำงานบ้านต่ออยู่ดี ถึงอายุจะถูกลดลงแต่หน้าที่ประจำไม่มีทางเปลี่ยนแปลง เริ่มด้วยเก็บก้อนขนที่โอโม่อ้วกออกมา นังเหมียวตัวนี้…คนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว โดนจับไปอยู่บนพื้นแล้ว แต่จุดที่ก้อนอ้วกอยู่คือบนหมอน

สายตาของโอโม่ตอนมองสบกลับเหมือนแมวอยากกลับไปอยู่วัด

ป๊าจำใจต้องปล่อยนักโทษหน้าขนให้ลอยนวล แล้วถือหมอนเปื้อนอ้วกไปแช่เตรียมซักอย่างยอมรับชะตากรรม แด๊ดไปให้อาหารบรรดาสัตว์เลี้ยง ระหว่างรอเขาป๊าเข้าครัวไปต้มกาแฟให้สามีกับต้มให้ตัวเองอีกหนึ่งแก้วใหญ่

เมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ถึงกลับมานั่งงงกันตรงโต๊ะกินข้าว สรุปเรื่องราวอันน่าตกตะลึงที่สุดในเช้านี้ และน่าจะตกตะลึงที่สุดในชีวิตผู้อาวุโส จริง ๆ ก็คงติดท็อปในเรื่องช็อกที่สุดตั้งแต่เกิดมา

"เราเด็กลง"

ป๊าใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะยอมรับสถานการณ์ได้ เช่นเดียวกับแด๊ดที่เสยผมไม่อยากจะเชื่อ สีหน้ายังดูตกตะลึง ยกกาแฟซดอึกใหญ่ด้วยมือสั่น ๆ

"…ใช่"

"ถ้าลูกรู้ต้องตกใจแน่ ๆ"

"ดีแล้วที่ลูกไม่กลับมาบ้าน จะให้ลูกรู้ไม่ได้ ถึงจะเสียดายก็เถอะ"

"อ้าว ทำไมล่ะป๊า"

"ถ้าสิ่งที่ทำให้เราเด็กลงเป็นอะไรที่อันตรายล่ะ"

"อืมจริง" แด๊ดพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเต็มที่ แต่ความวิตกต่ออันตรายของทั้งสองคนต่างกันอยู่มากโข "เสียดาย อดอวดเด็ก ๆ เลยว่าตอนหนุ่ม ๆ แด๊ดหล่อแค่ไหน"

"ค่อยบอกตอนเราแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วกัน" ป๊าพูดเสียงเป็นการเป็นงาน แม้อยากจะกุมขมับไม่ก็ตบกบาลคนมั่นหน้าเสียเดี๋ยวนั้นให้ความมั่นใจทะลุร้อยลดลงมาบ้าง "ลูกจะได้รู้ว่าแด๊ดน่ะแค่เศษเสี้ยวของป๊าเท่านั้นแหละ"

แด๊ดหัวเราะร่วน พึมพำอะไรสักอย่างประมาณว่าเราเหมาะสมกันจริง ๆ ไม่รู้เพราะเลือดลมของคนหนุ่มหรือความตื่นเต้นที่ยังไม่จางหาย นิสัยของเขาถึงได้เจือความซุกซนอย่างกับโดนลดอายุสมองตามร่างกายไปด้วย ปกติป๊าสุขุม ใจเย็น มีมาดเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ชอบล้อเล่นไร้สาระหรอกนะ ต้องโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บันดาลให้เขาอารมณ์เปลี่ยนแบบนี้

ทั้งสองคนช่วยกันลำดับเหตุการณ์ว่าก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมาบ้าง พบเจออะไรมาบ้างที่เข้าเค้าเป็นตัวต้นเหตุ ซึ่งกิจวัตรของเราสองคนก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร ชั่วโมงต่อมาจากเป็นการเป็นงานเข้าสู่ความมืดแปดด้าน อะไรที่ทำให้คนแก่ลดอายุมาครึ่งค่อนชีวิตมันเข้าสู่ขอบเขตเหนือธรรมชาติแล้วจริง ๆ

ตอนที่คิดไม่ตกแล้วนั่นเอง แด๊ดตาลุกวาวนึกอะไรออก ป๊าเห็นแล้วขมวดคิ้วสงสัย เขารู้คำอธิบายของสถานการณ์นี้แล้วหรือ?

"จริงสิป๊า จำท่าที่เราทำไม่ไหวเพราะปวดสะโพกได้ไหม ตอนนี้เราน่าจะลองเล่น—"

ป๊ากระทืบเท้าเขาครึ่งแรงจากใต้โต๊ะ "เรื่องสำคัญกว่ามีเยอะแยะไม่คิด คิดแต่เรื่องใต้สะดือ"

"ไม่รู้สึกถึงความซู่ซ่านี้เหรอป๊า! เลือดลมมันพลุ่งพล่าน! เราไม่ได้กลับเป็นหนุ่มกันทุกวันนะ"

คนถูกชวนกระแอมไอ เอ่ยเสียงอุบอิบโดยไม่สบตา "ไว้ทีหลัง"

"สัญญาแล้วนะ"

พวกเขามองหน้ากันยิ้ม ๆ คนหนึ่งมองตาหวานเชื่อม คนหนึ่งเบือนหน้าหนีทั้งที่แก้มแดงไปถึงใบหู ไอ้ความซู่ซ่าที่แด๊ดว่าเหมือนมันจะฟุ้งกระจายติดมาถึงผู้ร่วมโต๊ะด้วย

"เห็นป๊าแล้วนึกถึงตอนนั้นเลย"

"ไม่เอาน่ะ"

"คนอะไรยิ่งมองยิ่งละลาย"

สามีเอื้อมมือมาจับลูบผิวแก้มเนียนนุ่ม รำลึกความหลังเก่าก่อนของคนที่เคยทำให้เขาตกหลุมรักหัวปักหัวปำ

"แด๊ดก็ยังเลี่ยนเหมือนเดิม" เขาเอียงหน้าแนบกับฝ่ามือทั้งโปรยยิ้มเชิญชวน มองสามีด้วยสายตาหลงใหลหวานชื่นเช่นกัน "อยากรู้จังทนฟังมาตั้งนานได้ยังไง"

"จริง ๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะ"

"รู้คำตอบอยู่แล้วนี่"

"น่ารัก" แด๊ดชม ส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ข้ามโบลลิ่งที่กระโดดขึ้นโต๊ะมาเรียกร้องความสนใจ แววตาตอนมองมนุษย์ดูแปลก ๆ ทำหน้าเหมือนจะอ้วก

"แล้วรักไหม"

"รักที่สุด"

"รักมากกว่า"

แด๊ดไม่คาดคิดกับคำหวานที่เอ่ยกลับ เขาทำตาโตไม่เชื่อหู เมื่อกี้ป๊าพูดเสียงเบาไปเลยอยากจะได้ยินอีกครั้ง "ขอฟังอีกทีได้ไหมเล่า"

"รักโบลลิ่งที่สุดเลย"

"โธ่วว"

ป๊าหัวเราะร่วน ส่ายหัวช้า ๆ กับความผิดหวังเกินจริงของสามี

"อย่าเล่นตัวสิครับ"

"หืม เมื่อกี้ยังอยาก 'เล่น' อยู่เลยไม่ใช่เหรอ" รอยยิ้มมีเลศนัยเรียกแก้มผู้ฟังให้ขึ้นสี ดวงตากระหายเป็นประกายวาววับ "ตอนนี้น่ะ…ให้คุกเข่ากับพื้นสักชั่วโมงก็ไม่ปวด"

"เตียงเลยไหมป๊า"

เสียงโทรศัพท์ดังขัดขวางบรรยากาศวังวนคนรักกัน หันมองเห็นรูปโปรไฟล์เด่นหราบนจอ หญิงสาวแต่งหน้าเข้มจัดในชุดทำงานที่ดูตึงเนี๊ยบไปทุกกระเบียดนิ้ว และชื่อหลินที่ปรากฏขึ้นให้ใจเต้นรัวเร็วจากความเป็นห่วง ป๊าคงหงุดหงิดแล้วถ้าเป็นเพื่อนบ้านหรือเจ้าของร้านนวดโทรมา ถ้าเป็นลูก สิ่งเดียวที่รู้สึกคืออารมณ์วิตกกังวลอันคลุมเครือไร้ทางออก

อันตรายไหม ควรจะดึงลูกเข้ามาเกี่ยวด้วยหรือไม่

"ลูกโทรมา! ตายๆๆๆ"

"เอ่อ…งั้นวางก่อน?" แด๊ดเสนอ

"ถ้ามีเรื่องสำคัญล่ะ!" ข้อเสนอที่ให้มาคิดกันก่อนว่าจะทำอะไรมีเหตุผล แต่การตัดสายใส่ลูกหรือลูกโทรมาแล้วไม่รับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับป๊า

ผู้ปกครองในร่างใหม่กระแอมไอค่อกแค่กเลียนแบบคนแก่ก่อนกดรับ "หลิน ว่าไงลูก"

"ฮืก ป๊า ช่วยหนูด้วยย"

ครั้งสุดท้ายที่หลินร้องไห้คือตอนไหนพวกเขาจำไม่ได้ อีกทั้งลูกคนโตแทบจะไม่เคยขอความช่วยเหลือเลย ใจผู้เป็นพ่อร่วงลงไปกองอยู่แทบเท้าหลังได้ยินเสียงเด็ก…เด็ก?? แต่ลูกสาวคนโตของเขาควรจะเลยเลขสามแล้ว

_____

ฮัลโหลล มีใครอ่านไม่ได้เพราะสระแยกบ้างไหมคะ เราลองเปิดในคอมแล้วไม่เป็นไร แต่มือถือเครื่องเล็ก ๆ เป็น กำลังหาวิธีแก้อยู่ ต้องขอโทษด้วยนะคะ

saseecreators' thoughts