การมีลูกทำให้ป๊าไม่เคยขับรถเกินกฎหมายกำหนดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เพราะมีลูก บางครั้งก็ต้องเหยียบร้อยสามสิบบนถนนสายเอเชีย ผ่านจุดตรวจจับครั้งหนึ่งก็เหมือนเสียค่าปรับไปแล้วครั้งละห้าร้อย ห้าร้อย ห้าร้อย แต่ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจ
ป๊าสามารถยืนยันที่อยู่ของลูกคนโตกับคนเล็กได้ หลินทำงานค้างคืนอยู่ที่บริษัท หม่อนอยู่กับพี่สาวพอดี เหลือแต่ตวันที่ไม่ปิดโทรศัพท์ก็แบตหมดติดต่อไม่ได้ ถึงตกลงให้แด๊ดแยกไปหาตวันก่อนจะเกิดอันตรายใด ๆ ขึ้นกับเด็กที่อาจยังช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น
โชคดีที่ช่วงนี้ตรงกับหยุดยาว ในกรุงเทพถนนโล่งแม้กระทั่งย่านที่พักอาศัย ในย่านธุรกิจเองก็ไร้คนพอให้ป๊าวิ่งเข้าตึกสำนักงานของบริษัทใหญ่ เซ็นชื่อแลกบัตร visitor กับยามผู้ไม่สนใจอะไรนอกจากหนังสือการ์ตูนในมือ รีบเร่งขึ้นลิฟต์เหล็กอันว่างเปล่า แล้วสาวเท้าไปตามทางเดินยาวปูด้วยพรม
1…2…3…
ชั้น 32 ห้องที่ 4 ทางขวามือ
เสียงแตะบัตรเปิดอนุญาตให้ผู้เป็นพ่อรีบผลักประตูเข้าไป เจอเด็กม.ต้นไม่ก็ประถมปลาย ๆ ผู้มีน้ำตานองหน้ารออยู่ คราบเก่ายังเป็นรอยยาวสองข้างแก้ม อยู่ในเสื้อตัวใหญ่และกระโปรงยาวที่หลวมจนต้องใช้ยางมัดผมรัดเอว
เด็กหญิงที่แบกบรรยากาศของความมุ่งมั่นไม่ท้อถอย คิดถึงมาก…ไม่ได้เจอมานานกี่ปีแล้วนะ จู่ ๆ ป๊าก็รู้สึกร้อนผ่าวตรงหางตา คนละอารมณ์กับอีกฝั่งที่มองตาโตเท่าไข่ห่านกลับ
"ปะ-ป๊า?"
เสียงตะโกนตกใจเปิดฉากความร้ายแรงของสถานการณ์ ณ ขณะนี้
"ป๊าก็ด้วยเหรอ!"
"แด๊ดก็ด้วย" เขาทำให้ลูกสาวอึ้งกิมกี่จนพูดไม่ออก ตอบสนองต่อคำถามแสดงความเป็นห่วงของพ่ออย่างเชื่องช้า "หนูไม่เป็นไรนะ แค่กลายเป็นเด็กเท่านั้นใช่ไหม หม่อนอยู่ไหนลูก"
"ทั้งบ้านเลยเหรอ" หลินพึมพำกับตัวเองก่อนรีบลากผู้ปกครองไปดูสิ่งที่อยู่ในกล่องใส่เอสี่ตรงโซฟา ท่ามกลางกองหมอนอิงและกระดาษขาวมีสิ่งมีชีวิตปริศนานอนอยู่
"หม่อน-ฮึก หม่อนเหลือตัวแค่นี้"
"แอ๊ ปาาปะ ดาา"
ทารกอวบอ้วนตาใสแจ๋วร้องทักทาย ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีความสุขชนิดเห็นแล้วใจฟู ลูกหม่อนเป็นเด็กร่าเริงที่แจกความสดใสให้คนรอบตัวเสมอไม่ว่าตอนยี่สิบกว่าหรือไม่ถึงขวบ แต่เดี๋ยว—นี่ไม่ใช่เวลาชื่นชมความน่ารัก ถึงเขาจะอยากร้องไห้แล้วกอดเด็กตัวนุ่มนิ่มทั้งคนเล็กและคนโตแค่ไหน สิ่งสำคัญตอนนี้คือนี่มันเกิดอะไรขึ้น
"หนู-หนูเผลอหลับตอนทำโอที ตื่นมาแล้วก็…" หลินนึกย้อนความแล้วตากว้างโตยิ่งกว่าเก่า กรีดร้องโวยเสียงแหลมสูงไปถึงยอดตึก ความโล่งใจเดียวคือตอนเขาวิ่งมาป๊าเห็นว่าทั้งชั้นไม่มีคนอยู่ นอกนั้นเลวร้ายสุด ๆ ยิ่งเมื่อลูกคนสุดท้องหวีดร้องตามไปด้วย
หม่อนอ้าปากตะโกน 'แอร๊' สุดปอดตามพี่สาวโดยไร้สาเหตุ ป๊ายกเด็กทารกขึ้นมากอดโอ๋แม้จะอยากเอามือปิดหูก็ตามที "อะไรลูก หลินเป็นอะไร"
"หนูจะมาทำงานยังไง! ฮือ-หนู-ฮึก เค้าต้องไล่-ฮือ ๆ หนูออกแน่เลย" เด็กสาวตะโกนเสียงเสียขวัญ ความรับผิดชอบของมนุษย์เงินเดือนหนักเกินกว่าเด็กม.ต้นจะแบกไหว "หนูจะเอาเงินที่ไหนมาผ่อนคอนโด กว่าหนูจะขึ้นมาเป็น manager ได้ ถ้าเค้าไล่หนูออกล่ะป๊า! ป๊าาา"
หลินเป็นคนที่ชอบเป็นที่หนึ่ง จริงจังแล้วต้องอยู่เหนือทุกคนทั้งในเรื่องเรียนและทำงาน ถ้าคาดหวังแค่จบสี่ปีหลินจะกลับมาพร้อมเกียรตินิยม คาดหวังแค่พอเลี้ยงตัวเองได้ลูกจะส่งเงินกลับบ้านเดือนละหลายหมื่น จนหลายครั้งที่ผู้ปกครองห่วงว่านิสัยชอบเอาชนะเช่นนี้ส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
ผู้เป็นพ่อพึ่งค้นพบว่าโอ๋ลูกผิดคน หม่อนไม่ได้ร้องไห้เลย ลูกหัวเราะเสียงใสมองดูพี่สาวผู้อยู่บนเส้นด้ายระหว่างสติแตกกับประสาทเสีย ทั้งพยายามส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ คุยด้วยอย่างออกรสชาติ
ช่วงท้ายของการสติแตก จากผวากลัวโดนไล่ออกเริ่มพัฒนาเป็นการสาปแช่งหัวหน้าด้วยไฟอาฆาต "แล้วใครจะเอางานไปส่งให้ไอ้หัวหน้าหนู! ทำไมต้องมาเอาตอนนี้ด้วยวะ แม่งเอ๊ย นี่วันหยุดนะเว้ย หัวหน้าหัวคว—"
"ดูซิน่ะ! คำพูดคำจา" ป๊ารีบปิดปากลูกสาวเพื่อเซนเซอร์คำหยาบ นึกตกใจที่ลูกเก่งกล้าก๋ากั่นกว่าปกติ ฮอร์โมนเด็กวัยรุ่นหรือไง
เสียงกรี๊ดลดความโหยหวนลงหนึ่งระดับหลังโดนดุ
"หลินใจเย็นก่อนลูก หนูยังไม่ต้องมาทำงานในวันสองวันนี้หรอก เราช่วยกันแก้ปัญหาไปทีละเรื่องดีไหม" ป๊าพยายามพูดปลอบลูกผู้ไฟลุกโชนท่วมหัว สวนทางกับหม่อนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว คิดว่าเล่นกันเลยส่งเสียงโฮตามแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามประสาทารกอารมณ์ดี แต่คนอายุมากกว่าสองคนจะเครียดตายแล้ว "ไหนจัดความสำคัญให้ป๊าทีว่าควรทำอะไรก่อน"
"ฮื่อ ได้ ๆ ค่ะ หนูไหว" เด็กหญิงสูดจมูกดังฟืด พยักหน้าขึ้นลงอย่าง (พยายามจะ) ใจเย็น เธอคิดวางแผนในใจเพียงวินาทีเดียวประกายไอเดียก็ฉายวาบ
"ดักตีหัวหัวหน้า"
"…"
"เดี๋ยวอีตาธามจะมาเอาเอกสาร เขาต้องคาดไม่ถึงแน่ ๆ ถ้าโดนทุบด้วยเก้าอี้จากข้างหลัง เกลียดมันเลยป๊า ด่ามันเยอะ ๆ ตานี่แหละที่ทำให้ป๊าไม่ได้เจอลูก"
"แอ๊ ดี ดี" ลูกหม่อนเริ่มเรียกร้องความสนใจด้วยการเอื้อมมือมาจับหน้าเขา ดึงผมผู้เป็นพ่อเล่นสนุกมือ ป๊ายิ้มให้ทารกโดยอัตโนมัติแม้มันจะดูก้ำกึ่งระหว่างเหนื่อยจิตกับขำไม่ออก
"ไม่มีใครโดนดักตีหัวทั้งนั้นแหละ หลินส่งข้อความไปลาเพราะมีธุระด่วน อ้างเรื่องแด๊ดป่วยก็แล้วกัน ไม่ก็เกิดอุบัติเหตุกะทันหันต้องรีบกลับบ้าน" ผู้ใหญ่ใช้ความอดทนจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละเปลาะ เริ่มที่ลูกสาวคนโตต่อด้วยลูกสาวคนเล็ก เฮ้อ…ทารก ต้องไปซื้อของเพิ่มหลายอย่างเลย อย่างแรกคือผ้าอ้อมอย่างแน่นอนที่สุด
"หนูมาอยู่ที่ทำงานพี่เค้าได้ไงเนี่ยฮึ" เดี๋ยวต้องหาอีกว่าหม่อนมีธุระค้างไว้กับใครหรือเปล่า
"มันเดินมาหาหนูจากทองหล่อ เมาแล้วงกค่าแท็กซี่เลยมาหาที่นอนแถวนี้"
คำตอบของลูกสั่นคลอนกำแพงอดทนในใจเขาดังครืน ๆ
"เป็นเด็กเป็นเล็กไปเที่ยวที่อโคจร!" ป๊าชี้นิ้วเตรียมบ่นยาวสักชั่วโมง ไหนบอกจะไปติวหนังสือกับเพื่อนกับฝูง ทำไมต้องปิดบังพ่อด้วย แต่พอสบตากับแววบ้องแบ๊วไร้เดียงสาก็ดุไม่ลง
"อั๊กป่าปา"
"อึก-เที่ยวเก่งเหลือเกินนะเรา" สายตาดุ ๆ ถูกความเอ็นดูเอาชนะเมื่อมองร่างจ้ำม่ำในอ้อมแขน เอาเถอะ ดีแล้วที่มาอยู่กับพี่สาวในคืนนี้ ไม่งั้นเกิดกลายเป็นเด็กท่ามกลางคนแปลกหน้าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ป๊าคิดแล้ววิตกหนักกับโล่งใจไปพร้อมกัน
"ไม่รู้วันนี้หม่อนมันนัดเพื่อนไว้ไหม เดี๋ยวหนูเช็กโทรศัพท์น้อง—" หลินพูดไปได้ประโยคครึ่งก็ต้องสะดุ้งแล้วหยุดปากฉับพลัน
เสียงเคาะประตูดังก็อก ๆ สามครั้งถ้วนอย่างมีมรรยาท แต่ทำเอาทั้งห้องใจร่วงไปอยู่พื้นรองเท้า
"ไอ้คุณธามมา!" ลูกสาวคนโตกรีดร้องตระหนกอย่างไร้เสียง ก่อนเข้ามาเขย่าแขนผู้ใหญ่รัว ๆ "ป๊าา แม่งมาแล้ว ตายยากชิบหาย ทำไงดี!"
"เดี๋ยวป๊าไปคุยกับเขาเอง หนูไปหาที่ซ่อน" ชายหนุ่มหันมองหาเฟอร์นิเจอร์ในห้องที่อาจใช้เป็นที่กำบังตัวได้ ยังไงก็ไม่อยากให้มีใครรู้ว่าลูกเป็นเด็ก เขาจะหาว่าบ้าไหมไม่สำคัญเท่าเขาจะทำอันตรายหรือเปล่า จับไปหลอกขัง จับไปทดลอง จับไปบูชา น่ากลัวทั้งนั้น
"ป๊าไล่แม่งไปเลย แอ๊บเป็นอินเทิร์นรึไรก็ได้" หลินเสนอแนวทาง
"อินทงอินเทินอะไรนะ?"
"เด็กฝึกงาน!"
"อ้อ-"
ลูกคนโตหอบกล่องใส่น้องกับเสื้อผ้าที่ใหญ่เกินตัวไปซ่อนอยู่ใต้โต๊ะทำงาน เก็บหลักฐานแสดงความเป็นเด็กทั้งหลายไว้หลังโต๊ะไม้หนาทึบ ทิ้งให้คนเป็นผู้ใหญ่สุดต้องรับมือกับเสียงเคาะประตูที่ดังสามก็อก ๆ เป็นชุดที่สอง…เอาน่า เพื่องานของลูก ป๊าเชื่อมั่นในทักษะการโกหกหน้าตายของตัวเองเต็มที่
"คุณหลินเรื่องสัญญาปี 19–" ผู้มาเยือนเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ กวาดตามองห้อง manager ที่ว่างเปล่า ก่อนสายตาเป็นคำถามอันหนักอึ้งจะมาหยุดลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์อันไม่คุ้นเคย
ธามดูผิดไปจากที่ป๊าคาดไว้มาก ทีแรกเขาวาดภาพไว้ว่าหัวหน้าผู้ถูกเกลียดชังจะเป็นตาแก่ถมึงทึงไม่น่าคบ ไม่คิดว่าจะเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับหลิน อายุน้อยกว่าเขาสักสามสิบปีได้ มีบุคลิกของเจ้าคนนายคนที่ดูอ่อนโยนแต่ก็เจือความจริงจังอยู่ในที
"คุณเป็นใคร" ธามถามเสียงดุดัน
ผู้พูดอายุน้อยกว่าเขา แต่มีบรรยากาศที่ทำให้ชายวัยขึ้นเลขหกรู้สึกสันหลังวาบ ป๊าคาดไว้แล้วว่าจะเจอคำถามประมาณนี้จึงใช้ความนิ่งคุยด้วยต่อ
"เด็กฝึกงานพี่หลินน่ะครับ เหมือนพี่เขาจะมีธุระด่วน ๆ เลยรีบกลับจนลืมเอาเอกสารให้คุณ ผมผ่านมาแถวนี้พอดีเลยถูกวานมาแทน เอ่อ…ไม่ควรเหรอครับ" ปิดท้ายด้วยคำถามกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะทำผิด สีหน้าคล้ายพนักงานใหม่ประหม่าเจ้านายมากกว่าอินเทิร์นเก๊ที่พยายามปกปิดเด็กกับทารกไว้ด้านหลัง
"เปล่าหรอก ผมแค่ไม่คุ้นหน้าคุณเลย"
"พึ่งเข้ามาได้ไม่กี่วันเองครับ"
"ชื่ออะไร"
"อื่อ…เรียกผมว่ากวินก็ได้" ป๊าหาชื่อปลอมอย่างด่วน ยิ้มเล็กน้อยตอนแนะนำตัวเองให้ดูเป็นธรรมชาติ "เดี๋ยวผมไปหยิบของให้นะครับ"
ผู้มาก่อนรีบหนีไปที่โต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว หยิบซองสีน้ำตาลหนาขึ้นมาจากกองงานของลูกสาว เขาอยากให้การรับมอบจบลงโดยเร็วจะได้รีบพาลูกกลับบ้านสักที แต่พอหันหลังกลับก็พบว่าธามแทบจะยืนอยู่ประจันหน้า ห่างออกไปหน่อยเดียวจนวิเคราะห์แสงเงาบนคลิปหนีบเนกไทได้ รับรู้ถึงกลิ่นน้ำหอมอันไม่คุ้นเคยแตะจมูก
"นี่ครับ…" ซองงานถูกยื่นให้แล้วแต่ธามไม่รับ นอกจากนั้นเขายังขยับตัวเข้าใกล้อีก เอื้อมมือมาขวางทางจนป๊ารู้สึกอึดอัด แต่จะหนีไม่ได้เด็ดขาด ลูกซ่อนอยู่ข้างล่าง ต้องปกป้องลูก "ช่วยถอยไปหน่อย"
คนหนึ่งจะเข้าหาโต๊ะ อีกคนพยายามขวางไม่ให้ไป ยึกยักกันอยู่หลายจังหวะ
ธามไล่ต้อนป๊าไปชนขอบโต๊ะจนเขาไม่เหลือทางหนีอื่นนอกจากขึ้นไปนั่ง ชายหนุ่มถึงค่อยเฉลยเหตุผลด้วยมุมปากที่ยกขึ้นยิ้ม ๆ เหมือนอยากสุภาพแต่ก็อยากหยอกล้อกับความล่กของลูกไก่ในกำมือ
"คุณหยิบให้ผมผิดเล่ม"
ซองสีน้ำตาลที่ถูกต้องถูกหยิบไป ป๊ารู้สึกหน้าชานิดหน่อยแต่ไม่รู้ว่ามาจากทำผิดพลาดหรือว่าอะไร
"ยังไงก็ขอบคุณนะครับ"
ผู้มาเยือนหันหลังจากไปโดยไม่ทิ้งคำเอ่ยลา ทิ้งแต่บรรยากาศอักอ่วนครึ้มฟ้าครึ้มฝนไว้ให้เขา ป๊ามองประตูที่ปิดลงไปตั้งแต่นาทีก่อนอย่างงง ๆ ใช้สีหน้าสับสนมองลูกสาวคนโตที่ไม่รู้ว่าขึ้นมาจากใต้โต๊ะตั้งแต่เมื่อไร
"เหตุผลให้ฆาตกรรมหัวหน้าเพิ่มอีกข้อแล้ว"
ป๊าเท้าเอวทำตาเขียวปั๊ดใส่เด็กหญิงจอมอาฆาต
"หนูล้อเล่น ใครจะทำเรื่องโหดร้ายได้ลงคอ"
"ดีแล้ว สันติ"
"อย่าให้มีโอกาส"
"…"
หลินเอากล่องใส่เด็กให้ป๊า หม่อนร้องเรียกปาป่าเสียงแหลมสูง มือเล็ก ๆ โบกชูขึ้นในอากาศ พยายามจะยันตัวเองออกจากขอบกล่องเพื่อคลานมาหาพ่อ ดวงตาใสแป๋วฉายคู่กับแก้มยุ้ยสองข้าง ความจริงแววมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวนั้นไม่ได้พุ่งมาที่ป๊าเสียทีเดียว ทารกน้อยมองเลยเขาไปตรงประตูต่างหาก ทิศเดียวกับพี่สาวที่พึ่งจะลากเก้าอี้บางไปถึง
"หลิน?"
เด็กหญิงพับเก้าอี้ให้ยกขึ้นได้สะดวก เผื่อสำหรับเคลื่อนย้ายไม่ก็เอาไปฟาดใครสักคน เช่น หัวหน้า
"หลิน!"
"ก็แม่งจะจีบป๊า! บักสันขวาน!"
ทารกในกล่องร้องเสียงดุร้ายพร้อมโบกธงรบ ไม่แน่ใจว่าหม่อนเข้าใจจริง ๆ หรือแค่เลียนแบบทุกอารมณ์ของพี่สาวกันแน่ แต่อย่างไรก็ดี ถ้าป๊าดึงสันติกลับมาสู่ลูกไม่ได้ เดี๋ยวได้ไปฉลองสงกรานต์ในคุกแทน
_____