บุญกุศลส่งมาแด่เทวา
ผิวกายาอิ่มเอิบหน้าเด้งสดใส
ลดความกร้านทำเอาดูเยาว์วัย
รับบุญไซร้เปล่งปลั่งเช่นนี้เอง
รับศิลรับพรจากพระสงฆ์แล้วผิวกายเปล่งปลั่งราวกับได้คอลลาเจนชั้นดีที่เห็นผลได้ในพริบตายิ่งพอเทวดารูปหล่อที่อยู่ข้างๆ ยิ่งเพิ่มประกายวาววับจับผิวจนอยากจะหาแว่นกันแดดมาใส่ลดแสงจ้านี่ถ้าไม่เห็นกับตาคงไม่คิดว่ารับบุญแล้วผิวกายจะสดใสได้ขนาดนี้
"กลับได้แล้ว" หันไปบอกทาวิน
"กลับได้แล้วเหรอ เย้ แต่ว่าไอ้นั่นมันอะไรเหรอ" มองไปที่ห่อผ้าเหมือนที่อาบังแบกเดินผ่านหน้าโรงงานทุกวันสมัยอยู่โลกมนุษย์ อาบังชอบเอาเสื้อผ้ามุ้งผ้าห่มมาให้ชาวโรงงานผ่อน ซึ่งทาวินไม่ใช่คนงกที่จะไม่แจกของใช้ให้พนักงานแต่พวกเขาชอบผ่อนเจ้าของโรงงานอย่างธาวินไม่เข้าใจ ที่สุดยอดที่สุดของโรงงานคือการแจกแป้งเย็นให้ใช้เดือนละกิโล อากาศร้อนตับแลบราวกับตั้งอยู่บนพื้นผิวดวงอาทิตย์อย่างประเทศไทยแป้งเย็นนี่มันเดอะเบสแล้ว
"ของกินของใช้ เจ้ามาช่วยเราแบบกลับไปวิมานด้วย" วัชเรนทร์เอ่ยบอก
"ห๋า ยังต้องแบกไปด้วยเหรอ" ธาวินเกาหัวแกรก ลำพังที่ไปขนมาจากในห้องก็หนักแล้วยังจะแบกนี่ไปอีก
"เร็วเรามีงานจะต้องทำอีก" วัชเรนทร์ยกห่อผ้าขึ้นหลังสองแขนหิ้วอีกข้างละห่อ นานๆ ที่จะมีคนใจปั้มถวายของเทวดาขนาดนี้จะให้ทิ้งไว้ได้ยังไงกัน
"ก็ได้ๆ" แบกห่อผ้าขึ้นหลังโหยยย หนักโคตรไม่สิเทวดาต้องไม่พูดคำหยาบ
"มันหนักกี่กิโลเนี่ย" รีบวิ่งตามเอ้ยเหาะตามเทวดาพี่เลี้ยงก่อนที่จะตามไม่ทัน
ยังไงวัชเรนทร์เทวดาก็ยังอยู่ในชั้นเทวดาที่ยังมีกามกิเลสต่างๆ อยู่ดังนั้นเรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นธรรมดา ถึงแม้จะไม่ต้องกินต้องใช้มากมายเหมือนมนุษย์แต่ต้องเก็บสะสมเอาไว้เพราะใช่ว่าจะได้รับการถวายของมากมายอย่างนี้บ่อยๆ บางครั้งสามสี่ปีถึงจะมีทีแล้วจะพลาดได้ยังไง คนเอ้ยเทวดาที่ได้มารับบุญที่โลกมนุษย์มีน้อยมากหากไม่ถูกเชิญมาก็มาไม่ได้ ผิดกับพวกรุกขเทวดาหรือพระภูมิที่ได้บุญง่ายกว่า การสะสมบุญจนสิ้นอายุขัยเป็นสิ่งที่ควรทำเมื่ออยู่ในชั้นนี้การเวียนว่ายตายเกิดเหมือนมนุษย์เป็นเรื่องปกติเพียงแต่วัฏจักรยาวนานกว่าแค่นั้นแล้วพิเศษตรงที่ว่าถ้าสะสมบุญได้มากอาจจะเลื่อนไปอยู่ชั้นเทวดาที่สูงกว่ากามกิเลสต่าง ๆ ก็ลดน้อยลงยิ่งสูงบุญยิ่งมากกิเลสยิ่งน้อยและหายไปที่สุด จนสุดท้ายอิ่มทิพย์ไม่เสาะแสวงหาสิ่งใดและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขปราศจากกิเลสตัณหา
จะว่าไปแล้ววัชเรนทร์เทวาไม่ได้มารับบุญแบบนี้เกือบสิบปีของโลกมนุษย์แล้ว เทวดาที่เกิดมาเป็นเทวดาไม่มีใครรู้จักไม่มีบุญแบ่งให้ไม่มีใครถวายบุญให้ต้องรอคนใจดีเอ่ยถวายโดยไม่ระบุที่สำคัญต้องตามคิวกว่าจะถึงคิวตัวเองก็ลืมไปแล้วว่ามีบุญถวายให้
"หนักชะมัด" ธาวินเอ่ย กว่าจะแบกกลับมาที่วิมานได้เล่นเอาหอบ
"ไม่เห็นจะต้องแบกมามาก หมดเมื่อไหร่ค่อยไปเอาก็ได้" ธาวินยอกแขนเสื้อปาดเหงื่อเม็ดโต
"ได้ที่ไหนกัน ถ้าไม่มีคนถวายให้เจ้าก็หยิบฉวยเอามาไม่ได้" วัชเรนทร์เสียงขุ่น
"เรายังเอามาแล้วเลย" ชี้ไปที่ของของตัวเอง
"นั่นเพราะเจ้าเพิ่งตายและกลายเป็นเทวดาถึงหยิบฉวยของตัวเองเอามาได้ แต่จากนี้เจ้าไปเอามาไม่ได้แล้วเพราะครบเวลามันจะกลายเป็นของคนอื่น" เห็นหน้าตาโง่ ๆ เลยอธิบายให้ฟังเสียหน่อย
"จริงดิ่ โธ่เอ้ยรู้แบบนี้เอามาเยอะ ๆ ก็ดี ทำไมท่านไม่บอกเรา" บึนปากใส่เทวดาพี่เลี้ยงงอน ๆ
"เจ้าหายไปไหนเรายังไม่รู้เลย แล้วจะให้เราไปตามมันใช่ธุระของเราหรือไม่" วัชเรนทร์เบ้ปาก
"แต่ท่านต้องดูแลเราไม่ใช่เหรอ" ธาวินยิ้มหวาน
"ดูแล ไม่ได้หมายความว่าต้องตามไปทุกที่ เจ้าเอาส่วนของเจ้ากลับวิมานได้แล้วเราก็จะเอาส่วนของเรากลับไปไว้เหมือนกัน" แบกของที่ได้มากลับวิมานตัวเอง ธาวินแบกของกลับศาลาท่าน้ำของตัวเองผ้าม่านหมอนผ้าห่มจิ๊กมาจากที่บ้านวางเป็นระเบียบแค่นี้ก็สมเป็นเตียงนอนหน่อย ข้าวของอื่น ๆ ของกินอะไรต่าง ๆ ถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบเห็นแบบนี้ธาวินเป็นคนเจ้าระเบียบคนหนึ่งเชียว
ตั้งแต่เป็นเทวดามาไม่รู้สึกหิวสักนิด ตอนนี้ยิ่งอิ่มจนแน่นท้องคงเป็นอย่างที่เทวดาพี่เลี้ยงบอกเทวดาอิ่มบุญจากผู้อื่นแบ่งให้ ว่าแต่ของมากมายขนาดนี้เอาไปแลกบุญเพิ่มได้ไหมนะ
"เจ้าเก็บของแล้วใช่หรือไม่" วัชเรนทร์เทวาเดินเข้ามาหาสองมือไพล่หลังเอาไว้
"เรียบร้อยแล้ว มีอะไรจะใช้เรา" หันมามองมาแบบนี้ทีไรต้องมีเรื่องสั่งสอนหรือใช้งานทุกที
"เราจะพาเจ้าไปที่สโมสรเทวดา" เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เปิดโลกเทวดาให้กับธาวินอีกหนึ่งเรื่องแบบนี้ต้องไปดูเสียหน่อยแล้ว
"ไปเลย รออะไร" ทำตัวดี้ด้าหน้าบานทันใด
"ตามเรามา" ช่วงนี้เห็นจนชิน ถ้าเป็นแรก ๆ คงจะต่อว่านิสัยไม่สำรวมไปแล้ว ตอนนี้ธาวินรับปากแล้วว่าจะไม่ทำให้ตนเดือดร้อนดังนั้นจึงไม่อยากสนใจมากนัก ทำหน้าที่เทวดาพี่เลี้ยงในขอบเขตที่ควรจะเป็นก็พอ
ธาวินเหาะตามวัชเรนทร์เทวาไปไกล เขาเพิ่งรู้ว่าวิมานที่อาศัยอยู่กับวัชเรนทร์นั้นอยู่ห่างไกลวิมานอื่น ๆ โขปุยเมฆขาวสุดลูกหูลูกตา จนกระทั่งเห็นสวนดอกไม้ลอยอยู่ลิบ ๆ
"โอ๊ะ ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่" ธาวินตกใจ จำได้ว่าตอนเขาไปขอดอกไม้มันอยู่แถวๆ หลังวิมานเขา
"สวนสวรรค์ลอยไปลอยมาไม่มีจุดหมาย" วัชเรนทร์ตอบสั้น ๆ
"เอ๋อ ลอยตามลมนี่เอง" ธาวินพยักหน้า
"มีลมที่ไหนกัน เจ้านี่ก็พูดไปเรื่อย" วัชเรนทร์บ่น เพราะสวรรค์อยู่เหนือปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลายแหล่
"อึ่ม ๆ แต่ก็มีแดดร้อน ๆ ใช่หรือไม่" ยังอุตส่าห์เอ่ยขึ้นมาอีก
"ถึงแล้ว" ศาลาไม่สิอุโบสถไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่ใหญ่เหมือนวัดพระแก้วเลย มีคนเดินเข้าเดินออกตลอด พอมายืนตรงประตูก็มีเทวดาท่าทางน่ากลัวยืนอยู่
"ท่านวัชเรนทร์วันนี้ก็มาอีกแล้วหรือขอรับ" เทวดาผู้นั้นทักทาย
"พาเทวดาใหม่มา" ชี้ไปที่ธาวิน
"โอ๊ะ งั้นมาลงทะเบียนตรงนี้เลย" ลากธาวินไปที่จุดลงทะเบียนเทวดา
"สมถวิลเทวดาชั้นล่างระดับหนึ่ง" คนพาไปเอ่ยปากบอกเสียงดัง
"ธาวิน เราชื่อธาวิน ทำไมไม่จำกันเสียที" เส้นเลือดผุดบนหน้าผาก
"ก็ชื่อบนหัวเจ้ามัน"
"ปล่อยไปเถอะท่านตายตอนแปดสิบคนเบื่อชื่อ" วัชเรนทร์กระซิบ
"ขอรับ" กลั้นหัวเราะแทบแย่ก่อนจะหันไปหาธาวิน
"ชื่ออะไรนะ ทา ทา"
"ธาวิน" บอกเสียงดังฟังชัด
"ธาวิน" ส่ายหน้าขำ ๆ วัชเรนทร์เทวารีบลากเข้าไปด้านในก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวาย
สโมสรเทวดาที่ธาวินมาเหมือนห้างสพรรสินค้าไม่มีผิดมีข้าวของมากมายทั้งของกินของใช้ระดับล่างยันหรูหราอู้ฟู่จนอยากได้กลับไปที่วิมาน
"เราอยากได้จัง" กระซิบบอกธาวิน
"เจ้ามีบุญแลกเหรอ" วัชเรนทร์หันมามองด้วยหางตา
"อะไรนะ ต้องใช้บุญแล้ว" เปิดโลกอีกแล้ว
"ก็ใช่น่ะสิ"
"เอาเถอะดูไว้ก่อนก็ได้" ถอนหายใจเฮือกโต
"โอโหน้ำทิพย์ อร่อยไหม เราอยากชิม" หันมาทำตาอ้อนกับเทวดาพี่เลี้ยง เรื่องอ้อนเนี่ยธาวินไม่เคยเป็นรองใครขนาดนั่งอ้อนให้แม่ไก่ออกไข่ให้ได้นี่ถือว่าสุดยอดแล้ว ทำตาปิ้ง ๆ วิ้ งๆ เหมือนโลลิต้าที่เคยดูกับหลานชายตอนอายุสี่สิบธาวินยังจำได้แม่นเหมือนเปิดสมองแล้วยัดเอาไว้
"อะไรของเจ้า" ส่ายหน้าทำท่าหน่าย ๆ
"เราอยากชิมน้ำทิพย์ พี่เทวดาสุดหล่อ กล้ามใหญ่ใจดีได้โปรดซื้อเอ้ยแลกให้เราชิมหน่อยเถอะ" ทำเสียงออดอ้อนประหนึ่งสาวเชียร์เบียร์โน้มน้าวลูกค้าให้เปย์เบียร์
"ก็แลกเองสิ" แต้มบุญหาได้ง่ายที่ไหนกัน
"งั้นเรายืมก่อน เดี๋ยวเรามีบุญแล้วจะคืนให้" เมื่อขอไม่ได้ยืมก็ได้ฟระ
"งั้นทำสัญญา" ล้วงหยิบกระดาษเอสี่ออกมา (จากไหนมองไม่ทัน) พร้อมปากกาขนนก ธาวินรับกระดาษมาอ่าน
"สัญญายืมแต้มบุญ
ระยะเวลายืม 1 ปีทิพย์
อัตราดอกเบี้ย 0.1 แต้มต่อปี
จำนวนที่ยืม________
ผู้ยืม ธาวิน (สมถวิล)
ลายเซ็น_______
ผู้ให้ยืม วัชเรนทร์
ลายเซ็น__________"
"โหต้องขนาดนี้เลย" ธาวินทำตาโตร้องเสียงดัง
"ไม่งั้นเดี๋ยวเลื่อนตำแหน่งหรือไม่ได้เจอกันแล้วกลับมาทวงไม่ได้" วัชเรนทร์บอกน้ำเสียงจริงจัง
"โหมีเยอะแล้วไม่เห็นต้องทวง" ธาวินบ่นในลำคอ
"ถ้าไม่ทวงมันจะเป็นเรื่องติดค้างของเจ้าทำให้เจ้าไม่สะดวกต่างหาก ไม่งั้นเขาจะขออโหสิกรรมกันตอนตายเหรอ เพื่อจะไม่ให้ติดค้างต่างหาก" วัชเรนทร์อธิบาย
"แล้วไอ้ดอกเบี้ยนี่ล่ะ" แค่นี้ยังจะคิดอีก
"ก็เหมือนฝากบุญก็ต้องมีกำไรให้คนฝากบ้างสิ" เออจริงฝากไปทำบุญคนรับฝากยังได้บุญด้วยเลย
"ยืมหรือไม่ ไม่ยืมเราจะได้พาไปดูชั้นอื่น" วัชเรนทร์อยากพาเดินให้เสร็จๆ จะได้กลับไปนอน
"ยืมสิ เรายืมสองไม่สิ ห้าแต้ม เผื่อเจอของที่อยากได้" น้ำทิพย์หนึ่งกระบวยแก้วใช้แต้มบุญ 1.5 แต้มที่เหลือเก็บไว้สำรองเผื่อจะใช้ หลังจากกรอกเอกสารก็ส่งคืนให้
"ยื่นมือมา" วัชเรนทร์เทวาเอ่ย
"หา" ทำหน้างงๆ แต่ก็ยื่นมือให้แต่โดยดี วัชเรนทร์เทวาพึมพำอะไรบางอย่างปลายนิ้วสว่างวาบเขียนเลขบนฝ่ามือจากนั้นพอธาวินยกมือขึ้นมาก็เห็นแว๊บนึงแล้วหายไป
"เราเอาน้ำทิพย์" ธาวินหน้าบานรีบเดินไปแลกน้ำทิพย์มา น้ำทิพย์สีรุ้งอยู่ในกระบวยแก้วสวยมากเห็นรู้สึกเสียดายถ้าจะดื่มเข้าไปแต่ว่าไหนๆ ก็ไหนๆ ยกกระบวยขึ้นจรดปากดื่มน้ำทิพย์ ความหอมหวานนุ่มละมุนลิ้นสดชื่นชุ่มคอจนบรรยายไม่ถูกเกิดมาพึ่งจะเคยดื่มน้ำที่อร่อยขนาดนี้
"นี่ของท่าน" คนแลกแต้มบุญ เอาน้ำทิพย์ขวดเล็กส่งให้วัชเรนทร์เทวา
"โอ๊ะทำไมท่านได้ด้วย" ธาวินถามเสียงขุ่น
"คนที่นำลูกค้าเอ้ยเทวดามาจะได้รับน้ำทิพย์หนึ่งขวดเล็กขอรับ" หนึ่งขวดเล็กประมาณห้าซีซีเห็นจะได้ หน็อยได้น้ำทิพย์โดยไม่ต้องจ่ายตังค์เชอะ
หลังจากนั้นวัชเรนทร์ก็พาธาวินเดินจนทั่วเล่นเอาแทบจะแขวนขาไว้บนคอ พอเห็นอะไรก็อยากได้ไปเสียหมดจนวัชเรนทร์ต้องรีบลากกลับไม่งั้นธาวินต้องกู้แต้มบุญตัวเองเพิ่มแน่ๆ เทวดาพี่เลี้ยงของวัชเรนทร์หน่อยยิ่งกว่าเหนื่อยเสียอีก