webnovel

ตอนที่ 3 สวนดอกไม้ของเทวดาฝึกหัด

กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งจรุงใจ

บำบัดให้หัวใจได้คลายเหงา

ท่ามกลางหมู่เมฆาสีขาวที่บางเบา

เจ้ากับเรามาหรรษาไปด้วยกัน

พรสวรรค์อย่างหนึ่งของธาวินก็คือการขยายแปลงดอกไม้แปลงเดียวให้เป็นสวนได้ เพราะความชำนาญจากการทดลองและสั่งสมประสบการณ์สมัยที่ยังเป็นมนุษย์ การทำแป้งจำเป็นต้องใช้กลิ่นหอมของดอกไม้แน่นอนตามความคิดของธาวินการปลูกดอกไม้หลายๆ ชนิดเอามาผสมกันนั้นยิ่งทำให้ได้กลิ่นแปลกใหม่ เขาหลงใหลความหอมของกลิ่นดอกไม้ในขณะเดียวกันต้องทำเงินให้ได้ด้วยเขาพยายามวันแล้ววันเล่าจนมีกิจการใหญ่โตน่าเชื่อถือแนะคนนิยมซื้อหา เมื่อมาอยู่ตรงนี้เหมือนเขากลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ดอกไม้ที่ไปขอ (ขโมย) มาไม่นานนักก็ออกดอกเต็มไปหมดส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ววิมาน

กลิ่นดอกไม้เป็นกลิ่นของบุปผานางฟ้าแล้ววัชเรนทร์เทวาหรือจะชอบไม่มีทางเสียล่ะ แค่กลิ่นลอยมาก็ทำให้วิงเวียนศีรษะแล้วแม้จะเนรมิตรม่านบางๆ กางกั้นแต่ก็ยังมีเล็ดลอดเข้ามาเส้นเลือดที่หน้าผากผุดอยู่ทุกวันคิดหาวิธีให้เทวดาฝึกหัดผู้นั้นย้ายไปเสียให้ไกลๆ แต่ผลตอบแทนในการดูแลมันสูงจนเขาปฏิเสธไม่ได้ เกิดมาเป็นเทวดาต้องสะสมบุญเพื่อไปยังชั้นสูงกว่า ตอนนี้เขาเป็นเพียงเทวดาที่ยังอยู่ในชั้นฉกามาพจรที่ยังคงตัดเกิศกามไม่หมด ยังมีรักโลภโกรธหลงอยู่มาก ทั้งที่ทำใจเย็นเสียหลายวันสุดท้ายเหมือนเส้นด้ายที่ขาดผึงออกจากกัน

"เราจะทดสอบกฎสวรรค์ของเจ้า" เสียงดังราวฟ้าผ่า ทำเอาสมถวิลเอ้ยทองธาวินสะดุ้งโหยงลุกจากที่นอนที่ปูด้วยปุยเมฆแทบไม่ทัน

"เมื่อวานท่านก็ทดสอบเราแล้ว" ปิดปากหาวบิดขี้เกียจ ตื่นเข้ามาดูแลดอกไม้กว่าจะเสร็จกว่าจะได้นอนพักก็โดนเทวดามาปลุกเสียแล้ว

"เรามีสิทธิ์ทดสอบเจ้าได้ทุกวัน" วัชเรนทร์ยกยิ้มอย่างสะใจคงคิดในใจว่าเถียงมาสิถ้าแน่จริง โธ่เอ้ยมากกว่านี้ธาวินก็เจอมาแล้วการได้เป็นเจ้าของบริษัทแป้งเย็นชื่อดังไม่ใช่เพราะโชคช่วยความสามารถตัวเองล้วนๆ ต่างหาก

"เอากระดาษมาเราพร้อม" ลุกขึ้นมานั่งกะอีแค่กฎเทวา สูตรผลิตแป้งเย็นที่มีเป็นร้อยเป็นพันสูตรเขายังจำได้ หนังสือที่นอนหนุนหัวอยู่ทุกวันทำไมจะจำไม่ได้ กระดาษข้อสอบวางตรงหน้าคราวนี้มากกว่าเดิมอีกสองเท่า ไอ้เทวาเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ต่อให้มากเป็นสิบเท่าก็บ่ยั่น

"ยิ้มอะไร" วัชเรนทร์เอ่ยปาก

"เปล่า" ก้มหน้าก้มตาเขียนอยู่พักใหญ่ส่งคืนให้ คนรับไปอ่านแทบจะฉีกทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด ความจำจะดีอะไรขนาดนั้น ขนาดเขาเกิดเป็นเทวดายังใช้เวลาตั้งเกือบสองปีกว่าจะจำได้หมดทุกข้อ

"ต่อไปก็เลิกเขากฎมาทดสอบเราได้แล้ว เราเบื่อ เราไม่เคยไปยุ่งกับท่าน ทำไมท่านต้องมายุ่งกับเรา" ธาวินเหลือบมองแบบไม่สบอารมณ์

"กลิ่นดอกไม้มันรบกวนเรา" บอกไปตามตรง

"กลิ่นดอกไม้หอมๆ ท่านไม่ชอบหรือ" ธาวินเอ่ยถาม

"มันเป็นกลิ่นของสตรีและกลิ่นของบุปผานางฟ้า เทวดาอย่างเราจะไปชอบได้อย่างไร" วัชเรนทร์ส่ายหน้า

"ท่านนี่เกิดยุคไหนกันเนี่ย รู้ไหมกลิ่นดอกไม้หอมๆ แพงๆ สกัดออกมาเป็นน้ำหอมขวดหนึ่งตั้งแพง แถมยังนิยมใช้กันด้วย ไหนดูซิ" พูดจบก็ลุกไปใกล้ๆ ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น

"เจ้าจะทำอะไร" รีบถอยทันใด

"ดมกลิ่นท่านยังไง" ตอนแรกคิดว่าจะได้กลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นผู้ชายแต่ทำไมถึงได้เป็นกลิ่นแป้งเด็กไปได้

"หยุดนะ เจ้าเป็นหมาหรืออย่างไร" ไม่สนใจที่พูดด้วยซ้ำขยับเข้ามาใกล้ๆ หอมชมัดเป็นกลิ่นแป้งเด็กที่หอมสุดๆ

"หอมมาก" ทำตาเยิ้มยิ้มเหมือนตาแก่ลามกยังไงยังงั้น เทวดาหนุ่มถอยไปสามก้าวเห็นจะได้

"เอามาทำแป้งหอมได้เลย" ยิ้มอย่างดีใจ

"เจ้าล้อเราเล่นหรือ" ถามเสียงขุ่น

"พูดจริงต่างห่าง ท่านลองคิดสิเกิดมาทั้งทีเอาแต่นั่งๆ นอนๆ ในวิมานมันสนุกเสียที่ไหน เราอ่านกฎแล้วเทวดาก็มีหมดอายุขัยเหมือนกัน แล้วท่านไม่ลองมาใช้ชีวิตให้มันมีสีสันหน่อยเหรอ" ธาวินชวน อย่างน้อยถ้าได้เทวดาพี่เลี้ยงมาอยู่ข้างตัวเองทำอะไรสะดวกได้ในระดับหนึ่ง

"สีสันอะไรของเจ้า สงสัยอยู่โลกมนุษย์มากไปเลยไม่ยอมละเลิก" วัชเรนทร์ยิ้มเยาะ

"เพราะรู้การใช้ชีวิตต่างหาก ท่านคิดดูนะไอ้กฎเล่มเท่าบ้านนั้นไม่ได้บอกสักหน่อยว่าห้ามทำ เราอ่านมาสามรอบแล้วยังไม่เห็นจะมีตรงไหนห้ามเลย มีแต่ห้ามเรื่องพื้นฐานที่รู้กันอยู่แล้ว" ธาวินยิ้มกว้าง

"เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ดี" แม้ใจหนึ่งก็อยากจะรู้ว่าหมอนี่จะทำอะไรแต่อีกใจก็ไว้เชิงว่าตัวเองเป็นเทวดาดูแล

"ท่านไม่ชอบก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องมาค้านเรา เราจะทำอะไรท่านก็ไม่ต้องยุ่ง รับรองเราไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนหรอก ว่าแต่ท่านหอมมากๆ ข้าชอบกลิ่นของท่าน" ธาวินยิ้มหวานจ๋อยทำเอาวัชเรนทร์เทวดาขนลุกซู่

"เจ้ารับปากเราแล้วนะ ว่าจะไม่ทำให้เราเดือดร้อน" ย้ำอีกครั้ง

"แน่นอน คำไหนคำนั้น" พยักหน้ามั่นใจ ค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย เดินกลับวิมานตัวเองกลิ่นบุปผาพอดมนานๆ ก็หอมดีเหมือนกัน

ธาวินรู้สึกว่าเจ้าปุยเมฆนี่มันทำให้ต้นไม้งอกงามได้ดีกว่าดินเสียอีก ขนาดไม่ใส่ปุ๋ยยังงามได้ขนาดนี้ นี่โตกว่านี้อีกสักหน่อยคงรวบรวมมาทำกลิ่นได้แล้ว กลิ่นดอกไม้หอมๆ แบบนี้ถ้าใช้ทำแป้งหอมคงดังระเบิดระเบ้อเสียดายมาตายกลายเป็นเทวดาเสียแล้ว ถ้ายังไม่ตายก็ไม่สามารถปลูกดอกไม้พวกนี้อยู่ดี ชื่อว่าบุปผาสวรรค์ก็ต้องอยู่บนสวรรค์สินะ

เดี๋ยวดอกไม้แก่เต็มที่เอามาตากแห้งใส่โถเก็บไว้ ตอนนี้ต่อเติมวิมานออกมาให้สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้ ข้อดีของการอยู่บนสวรรค์ก็คือไม่มีฝนตกทำอะไรต่อมิอะไรกลางแจ้งได้สบาย ข้าวของที่ได้มาก็ตีสนิทกับพวกนางฟ้าจนเขาให้มาฟรีๆ พูดถึงเรื่องเข้าหาคนเก่งต้องยกให้ธาวินแต่ทำไมกับเทวดาพี่เลี้ยงองค์นั้นถึงไม่เข้าหน้ากันไม่ค่อยติดก็ไม่รู้

หลังจากเลือกเอาดอกไม้ที่มีตำหนิออกเหลือแต่ดอกสวยๆ บนแปลง เอาเศษที่เหลือไปใส่กล่องไว้สำหรับเป็นปุ๋ย แน่นอนเป็นปุ๋ยเพราะไม่รู้จะเอาไปทิ้งที่ไหน

"วันนี้เจ้าต้องไปกับข้า" วัชเรนทร์เดินมาบอก ขณะที่ธาวินกำลังง่วนอยู่กับแปลงดอกไม้

"จะไปไหนเหรอ" เอ่ยถามด้วยความสงสัย

"ตามมาเดี๋ยวก็รู้เอง" เดินนำออกไปจากวิมาน ธาวินเดินตามไปติดๆ

"เฮ้ย ว๊ากกกก ช่วยด้วย ว๊ากกกกกกกกกก" เสียงแหกปากตะโกนร้องดังลั่น หลังจากที่ผลุบลงมาจากปุยเมฆ

"เจ้าจะแหกปากทำไม เหาะก็เหาะได้" วัชเรนทร์ส่ายหน้า

"เหาะได้จริงเหรอ จริงนะ ว๊ากกก" ถามเสียงตื่น

"จริง ก็ยืนดีๆ จะเอาหัวลงไปทำไม" ค่อยหมุนตัวยืนอย่างที่วัชเรนทร์บอก เออยืนได้จริงๆ แฮะ

"เจ๋งอะ เย้วๆๆๆ" กระโดดไปกระโดดมาด้วยความดีใจ

"ระวังตกหลุมอากาศ"

"ว๊ากกกกก" พูดไม่ทันขาดคำ เอาหัวดิ่งจะลงไปโม่งโลกอีกแล้ว เอาเหอะปล่อยไปเดี๋ยวก็เป็นปกติเอง

พอเห็นวัชเรนทร์ไม่ช่วยเลยตะเกียกตะกายขึ้นมาเอง หน้าตาดีกลิ่นหอมแต่ใจดำชะมัด อย่ามาร้องขอให้ช่วยบ้างก็แล้วกัน รีบเหาะตามหลังก่อนที่จะตามไม่ทัน ธาวินพึ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วตอนเหาะเนี่ยต้องระวังตกหลุมอากาศเหมือนกัน

"โอ๊ะ" ธาวินหยุดอยู่ข้างเมื่อวัชเรนทร์มาหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง ไม่ใช่บ้านใครที่ไหนบ้านของเขานั่นเอง

"เข้าไปสิ" เอ่ยบอกกับธาวิน

"ทำไมเราต้องเข้าไป" ตายไปแล้วจะเข้าไปทำไม

"เขาเชิญเจ้ามา เจ้าก็ต้องมาสิ" วัชเรนทร์เอ่ยบอก ธาวินหน้ามุ่ยเดินเข้าไปในบ้านแต่โดยดี พระภูมิที่นั่งอยู่พอเห็นวัชเรนทร์ก็รีบเข้ามาทักทาย

"มาถึงที่นี่คงเหนื่อยแย่ เชิญนั่งก่อนเถอะขอรับ" เชื้อเชิญเข้าไปด้านใน เสียงบทสวดทั้งก้องไปทั้งบ้าน วัชเรนทร์หาที่นั่งเหมาะๆ สดับรับฟังบทสวดก่อนที่ วันนี้บ้านธาวินทำบุญบ้านจึงอัญเชิญเทพเทวามาร่วมงามด้วยแน่นอนตัวธาวินด้วยเมื่อผู้ที่มีสายสัมพันธ์เครือญาติกล่าวอัญเชิญจึงต้องพามา แต่เจ้าเทวดาใหม่นั่นพอเข้าบ้านมาก็หายแว๊บไปไหนไม่รู้ ครั้นจะไปตามหาก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง คงได้แต่นั่งรออยู่ตรงนี้

ฝ่ายธาวินไหนๆ ก็เขามาในบ้านแล้ว อะไรที่อยากได้ก็ต้องแวะไปเอาเสียหน่อย ของของตัวเองคงไม่เรียกว่าขโมยหรอก ตำราที่จัดรายละเอียดต่างๆ เอาไว้กองอยู่ที่พื้นไม่เห็นมีใครสนใจ คิดแล้วมันน่าเจ็บใจชะมัด หนังสืออุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ เป็นเทวดามันสะดวกอย่างนี้นี่เองอยากได้อะไรก็หยิบใส่กระเป๋า นอกจากตำราเครื่องมือแล้วยังมีหนังสืออีกสองสามเล่มเอาไปอ่านแต่เบื่อแทนหนังสือกฎเล่มเท่าบ้านเล่มนั้น ออกจากห้องตัวเองแวะไปเอาข้าวสารมาถุงใหญ่ ยังไงก็ต้องใช้ขาดไม่ได้เด็ดขาด เสียงบทสวดชุมนุมเทวดาทำให้เขาเดินต่อไปไม่ได้ต้องรีบกลับมาที่โถงบ้านที่มีวัชเรนทร์นั่งอยู่ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดทำไมเขาถึงกลับมาที่ห้องโถงทั้งๆ ที่ยังอยากเดินดูของอื่นๆ ในบ้านเพื่อเอากลับไปใช้งาน

"กลับมาแล้วเหรอ" เอ่ยถามเสียงไม่สบอารมณ์

"กลับที่ไหน โดนลากให้กลับมาต่างหาก" ธาวินอารมณ์เสีย พูดก็พูดเถอะบ้านหลังนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาที่ทำงานมาทั้งชีวิต แล้วดูตอนนี้สิคนมาอยู่กลับไม่ใช่เขา เป็นลูกหลานและคนแปลกหน้าทั้งนั้น

"เจ้าไม่รับบุญ จะแย่เอานะ" วัชเรนทร์เตือน จริงด้วยสิเขาต้องสะสมบุญเพื่อเอาไปไว้ใช้งาน หากไม่มีบุญก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นแค่เทวดาไร้ตัวตนบนสวรรค์ ไม่เอาเด็ดขาดคนอย่างธาวินไม่ว่าอยู่ที่ไหนจะต้องดัง

"สวดยาวเหยียดแบบนี้จะได้บุญมากขนาดไหน" ยิ้มร่างพนมมือรับบุญ

"ประมาณสองหยดน้ำ" วัชเรนทร์เอ่ย

"เดี๋ยวสิ สองหยดน้ำอะไร เขานับกับแบบนั้นเหรอ" ธาวินทำหน้าตกใจ

"เปรียบเทียบต่างหาก สวดยาวเหยียดใช่ว่าจะได้บุญตามนั้น ในเมื่อเจ้ายังดุ๊กดิ๊กอยู่ไม่เป็นสุข แถมแทนที่จะรับบุญเจ้ากลับนั่งอยู่เฉยๆ"

"อ้าวท่านรู้แล้วทำไมไม่บอก" ธาวินฉุนกึ๋ก

"ก็เจ้าไม่ถาม" วัชเรนทร์บอกหน้าตาเฉย

"หน็อย ไอ้คุณพี่เลี้ยงนอกจากจะพูดจาไม่เข้าหูแล้วนิสัยยังควรแก้นิสัยเสีย" ไม่รู้จะด่ายังไงให้เจ็บ

"ถ้าเจ้ายังมัวโวยวายยิ่งไม่ได้บุญนะ" ชำเลืองไปมองพระภูมิที่นั่งฟังอย่างสงบ ธาวินถอนหายใจค่อยๆ นั่งรับบุญจากบทสวดที่พระกำลังสวดอยู่

ร่างกายที่หนักอึ้งเบาหวิวลงทันตา วัชเรนทร์ยกยิ้มคิดในใจว่าเอาจริงๆ เจ้าเทวดาใหม่นี่ก็คุยรู้เรื่องเหมือนกัน

(ท้ายๆ ฝากเรื่องผีๆด้วยคับ https://www.readawrite.com/a/bd7edef5810f631b99828a7b18e1d346)