webnovel

ตอนที่ 5 บุญใหม่

พระพิรุณโปรยปรายเมื่อยามสาย

เราเปลือยกายอาบแดดอุ่น

ยามเช้าแสงแดดละมุน

ให้ผิวกายกรุ่นไปด้วยวิตามินดี

"เจ้าทำอะไร" เสียงดังยิ่งกว่าพระสุธาฟ้าฟาดที่ดังอยู่เบื้องล่างวิมานทำเอาธาวินสะดุ้งโหยงจนปุยเมฆาสีขาวกระจายฟุ้งเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นเมฆ รีบโดยปุยเมฆอันเย็นเยือกมาปิดเอาไว้

"อาบแดดไง ร่างกายได้รับวิตามินเยอะ ๆ " ธาวินยิ้มกว้าง

"เจ้าทำเรื่องบัดสี" วัชเรนทร์เทวาส่งเสียงกร้าว

"เราเปล่าเสียหน่อย แถวนี้เป็นวิมานเรา เราจะทำอะไรก็ได้ ท่านต่างหากมาแหกปากด่าในวิมานเรา ถ้าเราแจ้งความข้อหาบุกรุกท่านจะโดนหักแต้มมิใช่น้อย" เดินเข้ามาหามีเพียงเมฆาคาดตรงนั้น

"เจ้า เจ้า" วัชเรนทร์ตัวสั่นนี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ลุงที่เพิ่งมาเป็นเทวดาไม่กี่วันกลับปากดีเถียงกลับราวรู้ดีเรื่องกฎเทวาห้าหมื่นข้อ

"ท่านอย่าเครียดไปเลย ดูสิเส้นเลือดผุดขนาดนี้ เดี๋ยวหน้าหล่อ ๆ ของท่านก็เฉาหมด อ้ออีกอย่างนาน ๆ เข้าท่านจะเป็นไมเกรนนะเชื่อเรา เราผ่านมาหมดแล้ว" ธาวินยิ้มหวาน ทุกวันระหว่างรอต้นไม้ดอกไม้โตเพื่อเก็บไปทำกลิ่นหอมให้แป้งเย็นธาวินแทบไม่มีอะไรทำรดน้ำถอนหญ้า รู้สึกว่าเทวดานี่ว่างเสียจริงนี่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างได้อกแตกตายแน่ วัชเรนทร์เทวาผู้เป็นเทวดาพี่เลี้ยงก็เห็นแต่ลอยมาลอยไปหรือไม่ก็นอนอยู่ที่วิมานเห็นแล้วเบื่อหน่ายแทน เช้านี้เห็นแดดดีจึงออกมาอาบแดดเสียหน่อยให้ผิวได้รับวิตามินดีมันผิดด้วยเหรอ

พอเห็นกล้ามเทวดาพี่เลี้ยงแล้วแม่เจ้าโว้ย อย่าให้มีมั่งก็แล้วไปไอ้ลอนขนมปังบนหน้าท้องนั่นอีกอย่างกับขนมปังเลี้ยงปลาตามวัดหันมามองตัวเองที่ผิวขาวอย่างกับศพไร้ขนไร้กล้ามเนื้อแล้วอิหน้าเด็กเหมือนกุมารในละครผีนี่อีกมองด้วยสายตาแค้นเคืองขนาดเทวดายังไม่เท่าเทียมกับเลย

"แล้วทำไมท่านถึงได้มาหาเรา" ถอนหายใจหนักหน่วงเดินไปหยิบชุดผ้าไหมที่มีอยู่ชุดเดียวมาสวมใส่หลังจากตากแดดจนมันหอม ทำไมถึงมีชุดเดียวก็ไม่มีปัญญาหาแต้มบุญไปแลกน่ะสิจะกู้วัชเรนทร์ก็กลัวจะถูกว่าเห็นแบบนี้ธาวินก็มีศักดิ์ศรีอยู่เหมือนกัน

"มีคนเชิญไปรับบุญเจ้าจะไปรับบุญกับเราหรือไม่"

"ไปสิ" ทำไมจะไม่ไปได้เห็นโลกได้ของกลับมาวิมานแถมได้บุญอีกด้วย ธาวินพึ่งรู้ถึงความสำคัญของการไปรับบุญเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง

"งั้นก็เตรียมตัวไปได้แล้ว" ถึงจะขี้โมโหแต่ก็ไม่นาน พอดูๆ แล้วเป็นเทวดาที่ดีเหมือนกัน

"วันนี้ไปที่ใด" ยิ้มแป้นเหาะตามเทวดาพี่เลี้ยง

"เดี๋ยวไปก็รู้เอง"

ไม่กี่นาทีต่อมา...

ธาวินนั่งตัวสั่นมือข้างหนึ่งจับชายเสื้อคลุมของวัชเรนทร์เอาไว้สายตาหวาดหวั่นที่มองไปรอบ ๆ นี่มันยิ่งกว่าหนังผีไทยบวกซอมบี้เสียอีก ขนอันน้อยนิดที่มีตามตัวลุกชันไปทุกเส้น ทำไมเขาต้องมานั่งในดงผีเช่นนี้กัน

"อีกนานไหม" กระซิบถามเสียงสั่น

"วันนี้วันพระใหญ่ บุญใหญ่ต้องรอจะให้จบได้อย่างไร เจ้าก็จงนั่งฟังเงียบ ๆ " ทำเสียงดุใส่ จะให้เงียบได้ยังไงเมื่อที่รายรอบกายมีแต่ปี๋ทั้งนั้น วันพระใหญ่บุญใหญ่เทวดาถูกเชิญมารับบุญที่วัดแถมยังมีพวกเตรียมรับบุญกุศลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผีสางนางไม้หรือไม้แต่สังภเวสีโถ ๆ ธาวินเทวดาหน้าใหม่ใจปลาซิวผู้ยังไม่เคยมารับบุญแบบนี้ถึงกับนั่งขยับไปมาเพื่อให้ใจสงบ

"เร็วไปรับบุญ" ดึงแขนเทวดาใหม่ฝ่าวงล้อมเข้าไปชั้นในสุดบุญสำหรับเทวดาที่พระท่านสวดอวยพรให้

"โอ๊ะวันนี้มีเทวดามาด้วยหรือ" รุกขเทวดาที่มารับบุญเอ่ยทักวัชเรนทร์

"อึ่ม แล้วท่าวารินทร์ทำไมถึงได้มาผู้เดียว" ปกติรุกขเทวดาองค์นี้มักมีเพื่อนพ้องมาด้วยเสมอ

"มีรับบุญกันหลายที่เลยแยกย้ายกันไป" ปากพูดมือหยิบของที่วางไว้สำหรับเทวดา ธาวินเห็นวารินทร์เทวะหยิบก็รีบทำตามกลัวช้าหมดอดได้ของดี

"อึ่ม" ครางกลับไปแบบนั้น หันมาหยิบของใส่ห่อผ้าต่อ

"เอาละกลับได้แล้ว" หันไปบอกธาวินที่ได้ของสองห่อใหญ่

"ขอรับ" ยิ้มแป้นอิ่มบุญได้ของที่อยากได้หลายอย่าง

"เราขอตัวกลับวิมานก่อน" หันไปบอกรุกขเทวดาวารินทร์

"ตามสบายขอรับ" ยังคงเก็บของต่อไป

แบกของยังไม่ทันจะพ้นประตูอุโบสถเสียงเอะอะอื้ออึงดังสนั่น มองไปเบื้องล่างเห็นบรรดาผี เปรต สังภเวสีทั้งหลายที่อยู่รายล้อมกายเมื่อครู่กรูกันเขาไปหาของที่วางอยู่ราวกับฝูงซอมบี้ในหนังไซไฟก็ไม่ปาน

"น่ากลัว" ธาวินยกมือทาบอก

"เจ้าโชคดีแล้วที่ได้เป็นเทวดา ถึงจะชั้นผู้น้อยแต่ไม่ต้องไปแย่งใคร" วัชเรนทร์เทวาเอ่ย จากนั้นจึงพาธาวินเหาะกลับวิมาน

ข้าวของที่ได้รับมาครานี้อย่างน้อยก็กินใช้ได้เป็นสิบปีทิพย์ ไม่ต้องไปรับบุญก็อยู่ได้อีกพักใหญ่ เพียงแต่ว่าถ้ามัวเล่นตัวไม่ไปรับ อาจจะต้องไปเข้าคิวเพื่อลงไปรับบุญไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ดังนั้นต่อให้มีก็ต้องสะสมแต้มบุญต่อไป เมื่อพวกเขายังเป็นเทวดาที่ยังไม่ตัดขาดจากกิเลสกามทั้งหลายทุกสิ่งจึงเป็นไปตามวัฏจักร

"บุญคราวนี้ทำให้เรารู้สึกดีกว่าครั้งก่อน" ธาวินเอ่ย

"เพราะเป็นบุญใหญ่ ถึงได้รู้สึกเช่นนั้น" วัชเรนทร์อธิบายพรางว่า

"เจ้าดูที่มือ แต้มบุญคงเจ้าคงเพิ่มบ้างแล้ว"

"จริงดิ่" หงายฝ่ามือดูเห็นแต้มบุญที่เพิ่มขึ้นมาตั้งสามแต้ม

"แต้มบุญเรา แต้มบุญเรา" ส่งเสียงด้วยความดีใจ ถึงจะน้อยนิดแต่มันเป็นสิ่งที่เขาได้รับมาด้วยตัวเอง

"เก็บรักษาเอาไว้ดี ๆ อย่าใช้สุรุ่ยสุร่าย การเกิดเทวดาไม่ใช่เรื่องง่ายแต่การรักษาชีวิตเทวดานั้นยากกว่า เราว่าเจ้าคงไม่อยากไปเป็นพวกที่เห็นข้างล่างใช่หรือไม่" อบรมอย่างกับเป็นพ่อเลย

"รู้แล้ว ๆ สักวันแต้มบุญเราต้องมีเป็นพัน ๆ ล้าน" ประกาศกร้าวให้วัชเรนทร์ฟัง

"เราจะรอดู" ยิ้มมุมมากแล้วแยกกลับวิมานตน

บุญเหมือนนี่เหมือนคอลาเจนพอได้รับแล้วผิวกายเด้งดึ๋งเปล่งปลั่งไม่แปลกใจว่าเหตุใดเทวดาถึงได้หน้าตาอ่อนวัยขนาดนั้นแถมยังเหมือนมีประกายวิบวับอย่างกับเคลือบด้วยกริดเตอร์ เอาของมาเก็บเสร็จแล้วก็ไปดูแลแปลงดอกไม้ต่อ นึกขอบคุณวัชเรนทร์เทวดาพี่เลี้ยงที่คอยสอนอะไร ๆ ให้ ถึงดูจะไม่ค่อยเต็มใจแต่จริงๆ ก็ใจดีเสมอ

"ท่านธาวิน เรามาเยี่ยมท่าน" บุปผานารีลอยมาแต่ไกล ในมือมีดอกไม้หอบใหญ่มาด้วย

"โอ๊ะท่านได้บุปผาพวกนี้มาจากไหนมากมายขนาดนี้" บุปผานารีเป็นเทพอัปสรที่รับเพียงดอกไม้ใบไม้เท่านั้นนั้น

"เราไปรับบุญที่โลกมนุษย์มา" ส่งหอบดอกไม้ให้

"เราแบ่งมาให้ท่าน เผื่อท่านจะเอาไปปลูก"

"กลิ่นหอมและงดงามมาก ที่เราปลูกไว้ก็เริ่มโตแล้วจะเอาไปด้วยหรือไม่" ให้มาให้กลับจะได้ไม่ติดค้างบุญกัน

"มีดอกไม้ใดบ้างหรือ" เอ่ยถามด้วยความดีใจ

"มาสิ เราจะพาไปชม" เอาหอบดอกไม้ไปปักไว้ในกระถางบัว จากนั้นจึงเดินนำไปยังแปลงดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้

"โอโห้ กลิ่นหอมและงดงามมาก" รอยยิ้มพรายทั้งใบหน้า เหล่าเทวดาตัวน้อยกำลังบินวนอยู่รอบๆ ดอกไม้

"ท่านอยากได้ต้นไหนเอาไปได้เลย" ธาวินยิ้ม แค่มีคนชื่นชมผลงานก็ทำให้เขายิ้มแก้มปริแล้ว

"งั้นเราไม่เกรงใจ จะขอไปสักกำ" บุปผานารีเอ่ย ธาวินพยักหน้า รีบคว้าเสียมที่อยู่ใกล้ ค่อยบรรจงขุดลงไป

งัดดอกไม้ขึ้นมา ยื่นให้บุปผานารี

"ท่านเอาไปเถิด ปลูกให้มันเติบใหญ่ ออกดอกผลเมื่อใด เราจักไปเชยชม"

"ขอบคุณท่านมาก เราจักปลูกดังใจสม "บุปผานารีแย้มยิ้ม เหล่าเทวาน้อยที่อยู่รอบๆ ต่างเข้ามาใกล้ๆ

"หากท่านอยากได้อีก ก็จงปลีกตัวแวะมาหา" ธาวินเก็บเสียมไว้ที่เดิม

"ได้สิท่านเทวา ถ้าเรามีดอกไม้สวยมาจะแบ่งให้" บุปผานารีหอบดอกไม้ที่รับมาเหาะขึ้นท้องฟ้าเพื่อกลับไปยังวิมาน

ฝ่ายวัชเรนทร์เทวา ตัวเราอยู่มาจนบัดนี้ ไม่เคยมีเทพบุปผาหรือเทพนารีแวะเวียนมาเยี่ยมวิมานนี้สักครา เป็นแล้วก็ปวดจิต นึกตงิด ๆ อยากแกล้งเทวาใหม่หยิบเสื้อคลุมสวมหมวกชฎาคว้ารองเท้ามาใส่ก้าวเดินไปยังวิมานธาวิน

"อ้าวท่านวัชเรนทร์มีธุระอันใดหรือ บุปผานารีเพิ่งเอาดอกไม้มาให้เรา" ชี้ไปที่ดอกไม้ในกระถางบัว

"อ้อรึ" เหลือบมองแบบไม่ใส่ใจ

"หรือกลิ่นดอกไม้รบกวนท่านอีก" คราวก่อนโดนว่ายังจำได้อย่างแม่นยำกลัวจะโดนว่าซ้ำคงช้ำใจแน่นอน

"ไม่ใช่ เราแค่เดินเล่นเฉย ๆ "รีบบอกทันใดกลัวจะหาว่าสนใจ

"อ้อ อึ่ม งั้นเชิญท่านตามสบาย เราจะไปอาบน้ำชำระกายเสียหน่อย" เพราะหอบดอกไม้ขุดต้นไม้จนรู้สึกคันยุบยับไปทั้งกาย

"จะไปอาบที่ไหน" วัชเรนทร์เทวาตาโต คิดว่าเจ้าหมอนี่คงได้ข่าวอะไรดี ๆ แน่ เพราะตนไม่คบไม่เสวนาไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมาหลายสิบปีทิพย์ พอได้ยินก็สนใจอยู่นิดหน่อยนิดหน่อยจริง ๆ นะ

"ไปกับเราหรือไม่ ตอนไปรับบุญรุกขเทวาเคยกระซิบบอกเราไว้" ธาวินยิ้มกว้าง

แค่ไม่กี่อึดใจได้เพื่อนใหม่เป็นรุกขเทวานี่มันจะข้ามหน้าข้ามตาเทวดาอย่างวัชเรนทร์เกินไป ขยับมาใกล้ ๆ กระซิบถามอย่างไว

"ถ้าเราไปด้วย อย่าบอกใครนะ" ธาวินพยักหน้า จะให้ไปบอกใครได้ไม่ได้อยากหาเรื่องใส่ตัวเพราะวัชเรนทร์เทวาเป็นถึงเทวดาพี่เลี้ยง หลีกเลี่ยงเรื่องให้ปวดหัวเอาตัวรอดไว้จะดีกว่า

"งั้นไปกัน" ยิ้มอย่างดีใจ เหาะไปในนภาจุดหมายก็คือป่าที่รุกขเทวาบอกเอาไว้

เสียงซู่ ๆ ดังกระหึ่มทำเอาใจสั่น เสียงดังร้าวฟ้าฟาดตรงไหนกัน รีบพลันมุ่งไปตามทาง สายน้ำสาดกระเซ็น เห็นสีรุ้งยามต้องแสง สายน้ำตกจากผาอย่างรุนแรง แผงอยู่ในพงไพรไกลผู้คน

"โอ๊ะท่านธาวินเทวา" รุกขเทวดาที่เจอก่อนหน้า

"เราแวะมาเล่นน้ำตามท่านชวน" ธาวินยิ้มกว้าง

"เหตุใดวัชเรนทร์ผู้เย็นชาถึงได้มากับท่านด้วย" กระซิบกระซาบอย่างแปลกใจ ทำไมถึงมาได้

"เรื่องมันยาว จะกล่าวไปคงไม่จบ" ธาวินเอ่ย

"งั้นเชิญท่านเถอะ ส่วนเราจะไปพักผ่อน ได้เวลาเทวานอน" พูดจบก็หายวับ กลับไปยังต้นไม้ใหญ่

วัชเรนทร์เทวาตกตะลึงน้ำตกใหญ่ ท่ามกลางหมู่ไม้เขียวชอุ่มทอดตัวไกล สัมผัสได้ถึงชีวิตอันร่มเย็นค่อย ๆ เอาเท้าแตะน้ำเย็นสายน้ำกระเซ็นมาโดนหน้าธรรมชาติงดงามรอบกายา ทำเอาเทวดาเปรมปรีดิ์