ตอนที่ 1214 แก้แค้นให้เขา
ด้วยการสนับสนุนของกู่ฉิงซาน ฟู่สื่อพิงกับกำแพงก่อนทรุดลงช้าๆ
“เวลาเป็นสิ่งลึกลับนิรันดร์ กู่ฉิงซาน”
นางอ้าปากหอบ
กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเวลาได้”
“เพราะมันไม่แน่นอน”
ฟู่สื่อกล่าวต่อว่า “ข้าเชื่อสนิทว่ากลุ่มความโกลาหลต้องใช้พลังไร้ที่สิ้นสุดแน่ๆ มีเพียงในแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาวเท่านั้นที่ทำให้พวกเราพบข้อบกพร่อง ถึงอย่างนั้น…”
“ถึงอย่างนั้นอะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม
สีหน้าของแม่นางฟู่สื่อดูหนักอึ้งเล็กน้อยก่อนกล่าวช้าๆ ว่า “ในห้องลับที่สร้างบัญญัติขึ้นมา พวกเราใช้วิชาและพลังนับไม่ถ้วนเพื่อปกป้องมัน แต่พวกเขาสามารถเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ข้าสงสัยว่าพวกเขาใช้พลังของกฎเกณฑ์แห่งโชคชะตา”
“อีกอย่าง กลุ่มความโกลาหลใช้ทรายสีทองเข้มเปลี่ยนแปลงบัญญัติ แม้แต่ข้าก็เคยได้ยินถึงสิ่งนี้มาก่อน มันต้องเป็นสมบัติที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยความพยายามอย่างหนักนับไม่ถ้วนแน่ๆ”
กู่ฉิงซานค่อยๆ ได้ยินบางสิ่งที่ผิดปกติ หลังพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาถึงขั้นรู้สึกว่าแผ่นหลังเสียวซ่านขึ้นมา
“แม่นาง ท่านกังวลอะไรหรือ” เขาถามตามตรง
ฟู่สื่อตอบว่า “การต่อสู้ระหว่างความโกลาหลและบัญญัติเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญที่สุดในยุคเมื่อหอคอยถูกทำลาย ข้ากังวลว่าคู่ต่อสู้เก่าแก่จะยังคงสังเกตการณ์ยุคนั้นอยู่เพื่อเตรียมป้องกันอุบัติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเมื่อ… รวมถึงการแก้ไขผลลัพธ์ด้วย”
“ไม่ใช่ว่าผู้รอคอยทั้งหมดเข้าสู่การหลับลึกหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“เพราะเขากับข้าควบคุมพลังแห่งเวลา ทำให้สามารถฟื้นคืนได้อย่างช้าๆ ในช่วงหลายร้อยล้านปี… ดังนั้นข้าจึงกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ” ฟู่สื่อกล่าว
นางพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะดูถูกพวกเขาไม่ได้ เจ้าต้องกลับยุคแห่งการทำลายล้างของหอคอยทันทีเพื่อกำหนดผลลัพธ์สุดท้าย”
กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าเงียบๆ
“หรือว่า… ยังมีตัวแปรอื่นในเรื่องนี้” เขาถาม
“พูดยาก ทุกสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นล้วนมีตัวแปร โดยเฉพาะเรื่องสำคัญเช่นนี้ที่ข้องเกี่ยวกับชะตากรรมของโลกหลายร้อยล้านใบ”
“ถึงแม้ข้าจะออกมาเพื่อให้ท่านพาเดินทางผ่านมิติและเวลาเพื่อมุ่งสู่ภาพมายาที่กำลังหายไป ความโกลาหลก็น่าจะตรวจจับไม่ได้ชั่วคราว…”
ฟู่สื่อถอนหายใจอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวต่อว่า “ทว่า เมื่อพวกเรากลับสู่ยุคโบราณ ช่วงก่อนที่พวกเราจะกลับมา เวลาก็ยังดำเนินต่อไป”
“ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี ดังนั้นพวกเราต้องกลับไปเดี๋ยวนี้เลย!” กู่ฉิงซานเร่ง
ฟู่สื่อส่ายหน้าแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “พลังส่วนใหญ่ของข้าถูกใช้เพื่อเปลี่ยนบัญญัติ ตอนนี้มันไม่มากพอที่เจ้ากับข้าจะกลับไปพร้อมกันได้”
“ในฐานะผู้รอคอย ข้าไม่สามารถโหลดความโกลาหลและบัญญัติได้ ดังนั้นตอนนี้เจ้าเหลือตัวคนเดียวแล้ว”
นางมองกู่ฉิงซาน
หัวใจของกู่ฉิงซานค่อยๆ ดิ่งวูบ
แม่นางฟู่สื่อใช้เวลามาหลายร้อยล้านปีและใช้พลังงานเพื่อเปลี่ยนบัญญัติ ตอนนี้นางใช้พละกำลังทั้งหมดไปจนหมดสิ้น
นางทำทุกสิ่งที่สามารถทำได้แล้ว
ตอนนี้…
กู่ฉิงซานมองไพ่ในมือ
บนไพ่ ยูนิคอร์นกำลังมองเขา
“แม่นาง เชื่อมือข้าได้เลย”
กู่ฉิงซานกล่าว
แม่นางฟู่สื่อพยักหน้าก่อนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก
“กู่ฉิงซาน เจ้าต้องกลับไปเดี๋ยวนี้… ก่อนความโกลาหลจะสามารถดูดกลืนพลังตามที่ปรารถนาไว้เพื่อปลุกผู้รอคอยขึ้นมาได้ เจ้าต้องพลิกกลับมัน!”
ด้วยพละกำลังทั้งหมดของนาง นางผลักไหล่ของกู่ฉิงซานอย่างแรง
ความว่างเปล่าแยกออกจากหลังกู่ฉิงซาน เผยให้เห็นแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่กว้างใหญ่และโอ่อ่าก่อนกลืนกินกู่ฉิงซานเข้าไปโดยตรง
…
หลายร้อยล้านปีต่อมา
ตำหนักทองแดงแห่งความโกลาหล
จางหยิงห่าวและเย่หรูซีกำลังรอผลลัพธ์อยู่
ทันใดนั้น แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาสองคน
“การทดสอบของการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพจบลงแล้ว”
“การต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพจบลงแล้ว”
“จากการกระทำของท่าน ตำแหน่งของเทพยุคแห่งความโกลาหลถูกตัดสินแล้ว”
“ข้ากำลังส่งผู้ท้าทายไปสู่เส้นทางเพื่อกลายเป็นเทพ”
หมอกหมองหม่นค่อยๆ ปกคลุมโถงราวกับบางสิ่งกำลังถูกต้ม
จางหยิงห่าวหยิบถ้วยสุราออกมาดื่มหนึ่งคำ
“เจ้าประหม่างั้นหรือ” เย่หรูซีถาม
“ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก เย่เฟยหลีจะต้องชนะแน่นอน กู่ฉิงซานก็ไม่มีปัญหา” จางหยิงห่าวขยับแว่นกันแดดขณะกล่าวอย่างแผ่วเบา
หมอกสีเทายังคงทะยานขึ้นไปก่อนค่อยๆ เผยรูปลักษณ์ออกมา
เย่เฟยหลี
เขายังสวมหน้ากากตัวตลก ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลน่าตกตะลึง แสงสีแดงของเหล่าเทพเจิดจ้าดุจโลหิต การเคลื่อนไหวทั่วร่างทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนสะเทือนปฐพี
“ไง เจ้าน่าจะชนะสินะ”
ตัวตลกโบกมือให้ทั้งสองคน
ทั้งสองคนโล่งอกทันที
“ไม่เลว พละกำลังยอดเยี่ยมเลย” จางหยิงห่าวชื่นชม
“นี่คือเย่เฟยหลีหรือ ทำไมข้าคิดว่าเป็นอีกคนกันนะ” เย่หรูซีถามด้วยความสับสน
“มันจะมีความแตกต่างเล็กน้อยเวลาเขาสวมหน้ากากน่ะ เจ้าจะเข้าใจหากยังอยู่กับเขาอีกในอนาคต” จางหยิงห่าวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
หมอกสีเทาพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
วิญญาณกรีดร้องออกจากหมอก
“เจ้าพวกไร้สาระ เวลาตายของเจ้ามาถึงแล้ว” มันยิ้มกว้าง
ทั้งสามผงะขณะมองมัน
“ข้าผ่านการทดสอบ ตำแหน่งของเทพแห่งความโกลาหลยังเป็นของข้า ต่อไป ข้าจะนำยุคสมัยทั้งหลายเพื่อฆ่ามดปลวกอย่างพวกเจ้าจนสิ้น” วิญญาณกรีดร้องคำราม
จางหยิงห่าวและเย่หรูซีมองหน้ากัน
ทำไมทั้งคู่ถึงบอกว่าชนะล่ะ ใครกันแน่ที่ได้เป็นเทพแห่งความโกลาหล
ตอนนี้ ตัวตลกมองรอบข้างแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมถึงไม่เห็นกู่ฉิงซานกับผู้บำเพ็ญเพลิงล่ะ”
วินาทีต่อมา แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“ผู้บำเพ็ญเพลิงรับการทดสอบและล้มเหลว ทำให้ไม่มีตัวตนอีกต่อไป”
“กู่ฉิงซานหายไป”
จางหยิงห่าวกระแทกถ้วยในมือก่อนตะโกนด้วยเสียงลุ่มลึกว่า “หมายความว่ายังไงที่ว่าหายไป”
แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กยังคงปรากฏขึ้นมา
“หายไปก็คือหายไป ราวกับว่าในความฝันของผู้รอคอย มีปัญหาที่ยากจะเข้าใจเกิดขึ้น จากนั้นก็หายไป”
จางหยิงห่าวถามว่า “เช่นนั้นเขาเป็นหรือตายล่ะ”
ตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กยังคงผุดขึ้นมา “เป็นไปได้ว่าเพราะเขาคือวัตถุดิบพิเศษ เขาจึงถูกรับเลี้ยงให้เป็นอาหารและพลังงานของผู้รอคอยในความฝัน”
จางหยิงห่าวตกตะลึง
เย่เฟยหลีตกตะลึง
เย่หรูซีขมวดคิ้วแล้วกระซิบว่า “เป็นแบบนี้ได้ยังไง”
ตัวอักษรสีเทาตอบว่า “เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการตัดสินจะยึดตามที่ทั้งสองคนกลับมาได้ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์ต่อไปนี้ได้ถูกกำหนดแล้ว”
“ผู้ชนะของการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพครั้งนี้”
“เย่เฟยหลี วิญญาณกรีดร้อง”
“พวกท่านล้วนแสดงคุณค่าให้เห็นในการทดสอบ พวกท่านคือเทพที่ความโกลาหลต้องการ”
“นับจากนี้ไป พวกท่านจะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเหล่าเทพและกลายเป็นเทพแฝดแห่งยุคโกลาหล”
“ตอนนี้ ข้ากำลังจะส่งพวกท่านกลับสู่ที่ที่การต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพเริ่มขึ้น”
เย่เฟยหลีมองวิญญาณกรีดร้อง
เพื่อการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ กู่ฉิงซานถึงได้หายไปตลอดกาล
บัดซบ
บัดซบ…
“ข้าขอปฏิเสธ ข้าอยากฆ่ามัน” เย่เฟยหลีกล่าว จิตสังหารกระจายไปทั่ว
ทั่วโถงทองแดงสั่นไหว
หมอกสีเทาไม่มีสิ้นสุดปกคลุมเย่เฟยหลี จางหยิงห่าว เย่หรูซีและวิญญาณกรีดร้องเอาไว้ก่อนส่งพวกเขาออกมา
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ
โลกหอคอย
หมอกสีเทาสี่สายเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนตกลงสู่ความว่างเปล่าตรงหน้าทุกคน
หมอกสีเทาสองสายเข้าต่อสู้กันทันที
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของเย่เฟยหลีมาจากหมอกสีเทา “ตายซะ! ตายซะ! ไอ้สัตว์ประหลาดขยะ ข้าไม่ขอรับตำแหน่งเทพ แต่ขอฆ่าเจ้าแทนดีกว่า!”
วิญญาณกรีดร้องไม่ทันตั้งตัวก่อนตะโกนว่า “บังอาจ เจ้าจะมาทัดเทียมกับข้าได้…”
ตูม!
หมอกสีเทาสองสายสลายไป
เย่เฟยหลีกำลังต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้อง ทั้งสองพุ่งลงพื้นเพื่อต่อสู้กันต่ออย่างหนักหน่วง
พื้นใต้เท้าพวกเขาแตกร้าว ท้องนภาเผยรอยแยกสีดำ ผลกระทบจากการต่อสู้ของพวกเขาทำให้เกิดคลื่นอากาศ ทำให้พายุทรายกลืนกินทั่วท้องนภาก่อนผลักทุกคนออกไป
แอนนากำลังมองการเปลี่ยนแปลงในทุ่ง จากนั้นเหาะขึ้นไปทันทีเพื่อคว้ามือของจางหยิงห่าวเอาไว้แล้วถามว่า “ฉิงซานอยู่ไหน”
เมื่อสบกับดวงตากระจ่างใสของแอนนา จางหยิงห่าวก้มศีรษะแล้วตอบว่า “ข้าไม่รู้”
“ไม่รู้หรือ”
แอนนาหลับตาขณะคว้าคอเสื้อของจางหยิงห่าวแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าอยากรู้ความจริง อย่ามาโกหกข้า”
จางหยิงห่าวไม่กล้ามองก่อนถอนหายใจออกมา “เขา… น่าจะ…”
แอนนารู้สึกเหมือนกับตัวเองถูกตบหน้า
นางคลายมือก่อนก้าวถอยออกมาสองสามก้าว
“ไม่ ข้าไม่เชื่อ”
หยาดน้ำตาโลหิตสองสายไหลอาบใบหน้าสีขาวของนาง
จางหยิงห่าวพูดไม่ออก
เย่หรูซีถอนหายใจเช่นกัน
บนท้องนภา เย่เฟยหลีคลุ้มคลั่งขณะสู้กับวิญญาณกรีดร้องโดยไม่สนความเป็นความตาย
ทั้งหมดนี้สะท้อนในดวงตาของแอนนา
ทั้งหมดนี้บอกนางว่าทุกสิ่งเป็นของจริง
กู่ฉิงซาน
ไปแล้วจริง
“อ้อออออา...”
แอนนาแผดเสียงกรีดร้องยาวออกมา
วิชาความตายไม่มีสิ้นสุดกลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชนรอบตัวนาง
เคียวสีดำฟาดลงพื้น
แอนนาทะยานขึ้นท้องนภาก่อนเริ่มท่องคาถา
“พลังที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิต”
“จุดจบที่ไม่ทุกคนไม่สามารถขัดขืนได้”
“ราวกับโชคชะตา จุดหมายที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้”
“ข้าคือนายเหนือหัวของเจ้”
“ข้า แอนนา เมดิชิ ขอมอบวิญญาณเพื่อแลกกับพลังสุดท้าย”
“กฎเกณฑ์แห่งความตาย”
“ในวินาทีสุดท้ายของตัวตนข้า โปรดรับฟังความปรารถนาสุดท้ายของข้าด้วย”
“ข้าอยากแก้แค้นให้เขา!”
…………………………..