webnovel

1215 ปรากฏขึ้นหลังฉาก!

ตอนที่ 1215 ปรากฏขึ้นหลังฉาก!

เคียวสีดำบินออกไปอย่างเงียบงันก่อนลงมาอยู่หน้าแอนนา

มันถูกล้อมด้วยเปลวเพลิงที่เป็นสัญลักษณ์ของความตายและความเงียบนิรันดร์เพื่อรอให้แอนนาถือไว้

การทำลายล้างและการแก้แค้นเริ่มขึ้นที่นี่

แอนนายื่นมือออกไป

“ยัยผู้หญิงโง่”

เสียงผู้หญิงเย็นชาพลันดังก้องในจิตของเขา

แอนนาตกตะลึงเล็กน้อย

นี่คือเสียงของซูเสวี่ยเอ้อร์

นางก็มาที่นี่งั้นหรือ

หลังจากนั้น เสียงของซูเสวี่ยเอ้อร์ดังขึ้นอีกครั้ง

“ยัยโง่ ถ้ากู่ฉิงซานตาย ทำไมเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีกล่ะ คิดถึงจี้ของเจ้าสิ”

แอนนาตกตะลึง

ใช่แล้ว

สัญญาย่อยยังอยู่กับกู่ฉิงซาน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา นางก็จะตายตามไปด้วย

มันก็เป็นเรื่องง่ายปานนั้นไม่ใช่หรือ

ทำไมนางถึงใจร้อนขนาดนี้

เสียงของซูเสวี่ยเอ้อร์ดังขึ้นอีกครั้ง

“โกรธต่อไปเถอะ อย่าได้แสดงสีหน้าอื่นออกมา ฟังข้าเงียบๆ ก็พอ”

“ความสำเร็จในอารายธรรมสุดท้ายของจักรวรรดิดาราของโลกภายใน ประกอบกับการวิจัยของเทพธิดาแห่งความยุติธรรม ทำให้ส่งเสริมสิ่งหนึ่งขึ้นมา ข้าอยู่ในสภาพวิวัฒนาการที่ลึกล้ำที่สุด ไม่สามารถออกมาเป็นตัวเป็นตนได้ ข้าทำได้เพียงก้าวข้ามมิติและเวลาเพื่อเชื่อมคลื่นสมองของตัวเองกับเจ้า”

แอนนาประหลาดใจ “เจ้าให้คลื่นสมองเดินทางผ่านมิติและเวลาได้โดยไม่ต้องใช้สามเหรียญเลยงั้นหรือ”

“ยัยตัวน้อย ถ้าพลังฝั่งเทคโนโลยีไม่สามารถเดินทางผ่านมิติและเวลาได้ ทำไมพลังของฝั่งอื่นถึงสามารถเดินทางได้ล่ะ” เสียงของซูเสวี่ยเอ้อร์หยิ่งทะนงเล็กน้อยในที่สุด

“แอนนา ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะสละวิญญาณตัวเองแบบนี้ เห็นแก่ความหุนหันพลันแล่น ข้าก็เลยออกมาห้ามคนโง่เช่นเจ้ายังไงล่ะ”

เสียงของซูเสวี่ยเอ้อร์เย็นชาอีกครั้ง

“แอนนา ถึงตาเจ้าช่วยเย่เฟยหลีจัดการสัตว์ประหลาดแล้ว จำให้ดี เจ้าอย่ามอบวิญญาณตัวเองอีก แค่โจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีก็พอ”

แอนนาสับสนเล็กน้อย

ซูเสวี่ยเอ้อร์คล้ายกับแตกต่างจากก่อนหน้านี้

เดิมทีแล้ว ทำไมนางถึงต้องใช้วิชามากมายขนาดนี้

นางสามารถใช้วิชานี้ได้อย่างไร ต้องถึงขนาดใช้ตัวเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์บางอย่างเลยงั้นหรือ

น้ำเสียงการพูดของนางก็แตกต่างจากทุกที

นางเหมือนกับกำลังยืนอยู่ในมิติที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ขณะมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกหอคอย

แต่นี่คือเรื่องรอง

เรื่องหลักจริงๆ คือกู่ฉิงซานปลอดภัยดี

แอนนาสงบสติก่อนถามอย่างแผ่วเบาว่า “วิญญาณกรีดร้องไม่สามารถถูกฆ่าได้ เจ้ามีแผนอะไรล่ะ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบว่า “ในระหว่างการวิวัฒนาการอันลึกล้ำ ข้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้ากำลังประสบผ่านมิติที่สี่ของการรับรู้”

“ถึงแม้ข้าจะไม่มีทางป้องกันยุคแห่งความโกลาหลจากวิญญาณกรีดร้องที่ผ่านการเสริมพลังมาแล้ว แต่พวกเราสามารถผนึกมันแทนที่จะฆ่ามันได้”

“ตอนเจ้ากับเย่เฟยหลีขัดขืนวิญญาณกรีดร้องได้สำเร็จ การวิวัฒนาการของข้าจะถูกขัดจนตื่นขึ้นมาชั่วคราวเพื่อส่งเจ้านี่เข้าสู่สุสานกาลอวกาศที่พังทลาย”

สุสานกาลอวกาศหรือ

แอนนาถามอย่างเงียบงันอยู่ในใจ

ซูเสวี่ยเอ้อร์สัมผัสความคิดของนางได้ทันทีก่อนตอบว่า “ใช่ มันคือสาขาหนึ่งในแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาวและถูกทำลายจนสิ้นไปแล้ว ต่อให้วิญญาณกรีดร้องจะเป็นเทพแห่งความโกลาหล มันก็ไม่สามารถออกจากที่นั่นได้”

“ข้าเข้าใจล่ะ” แอนนากล่าว

หลังจากสลายวิชาวิญญาณก่อนหน้านี้ นางเอื้อมมือไปหยิบเคียวด้ามยาวสีดำก่อนจ้องมองไปในอากาศ

เย่เฟยหลีคลุ้มคลั่งขณะต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้องอย่างเดือดดาลจนลืมทุกสิ่ง

วิญญาณกรีดร้องคำรามออกมา “บัดซบ เจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นเทพแห่งความโกลาหลหรอก เจ้ามันก็แค่คนบ้าที่สิ้นหวังก็เท่านั้น!”

มันถ่ายการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ลงไปในมือทั้งสองข้างก่อนระเบิดใส่เย่เฟยหลีด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

เย่เฟยหลีกระอักโลหิตออกมา ปีกสีดำข้างหลังของเขายื่นออกมาเป็นมือ ก่อเกิดเป็นกรงเล็บคมกริบหนึ่งคู่

“ฮ่าๆๆๆ ! ข้าเต็มไปด้วยพลังแห่งความโกลาหลเช่นกัน มาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะต้องหวาดกลัวความเจ็บปวด!”

เย่เฟยหลีหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะพุ่งออกไปอีกครั้งราวกับสุนัขดุร้ายเพื่อฉีกวิญญาณกรีดร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย

ทั้งสองกลิ้งไปมาอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ต่างฝ่ายต่างอยากโจมตี แต่พวกเขาไม่สามารถจับทิศทางที่จะกลิ้งไปได้แม้แต่นิดเดียว

“เย่เฟยหลี จับมันไว้!”

แอนนาพลันตะโกน

สีหน้าของเย่เฟยหลีขยับก่อนได้สติขึ้นมาเล็กน้อย

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าแอนนาอยากทำอะไร แต่ในเมื่อแอนนาขอแบบนั้น แสดงว่านางตั้งใจจะทำอะไรบางอย่างแน่ๆ

เย่เฟยหลีพุ่งไปข้างหน้าทันทีขณะเผชิญหน้ากับพลังลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณกรีดร้องก่อนเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายอย่างเก้ๆ กังๆ

แอนนาโบกเคียวก่อนพุ่งขึ้นไป

“การกักขังแห่งความตาย พันธนาการสิ่งมีชีวิต กักขังมันเพื่อข้า!”

เคียวแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนกลายเป็นเงาสีดำขณะล้อมรอบวิญญาณกรีดร้องเอาไว้

“เร็วเข้า ตอนนี้แหละ!”

แอนนาตะโกนใส่ความว่างเปล่า

ในกลุ่มเมฆที่เต็มไปด้วยหมอกสีเทา ลำแสงดาราตกลงมาจากท้องนภา

แสงเจิดจ้าราวดวงดาวเหล่านี้ค่อยๆ รวมตัว ก่อเกิดเป็นรูปลักษณ์ของผู้หญิงเจิดจ้า

ซูเสวี่ยเอ้อร์

“ด้วยพลังแห่งชะตากรรมทั้งหมด ข้าสามารถทะลวงบาดแผลแห่งเวลาได้ ปล่อยให้สายน้ำแห่งการทำลายล้างที่แยกตัวออกมาจากแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาวปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้าโลก”

นางร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว

ความว่างเปล่าผลักออกจากทั้งสองด้าน

แม่น้ำแห้งเหือดปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

ในแม่น้ำสายนี้ พลังทำลายล้างของสิ่งโสมมและความมืดมีอยู่เต็มไปหมด ผู้คนอดที่จะอึดอัดเมื่อแรกเห็นไม่ได้

“ไม่ เจ้าทำไม่ได้หรอก” วิญญาณกรีดร้องคำราม

เย่เฟยหลีพุ่งไปข้างหน้าก่อนกระแทกใส่วิญญาณกรีดร้องด้วยหมัดอันเกรี้ยวกราด

ตูม!

วิญญาณกรีดร้องกระเด็นไปในอากาศและกำลังจะจมไปอยู่ฝั่งแม่น้ำแห้งเหือด

ถ้ามันถูกขับไล่ มันจะไม่สามารถกลับมาได้อีกครั้งเป็นเวลานาน

ถึงแม้เย่เฟยหลีจะเป็นเทพแห่งความโกลาหล แต่เขาก็ไม่สามารถทำลายล้างแบบนี้ได้

เย่หรูซีก็เช่นเดียวกัน

บัญญัติจะเข้าสู่ช่วงการพัฒนาที่มั่นคงและรุ่งเรืองเพื่อนำทุกชีวิตให้ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น

หายนะทั้งหมดถูกทำลาย

“ชนะแล้ว!”

แอนนากำหมัด

ตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงฉับพลันได้เกิดขึ้น

ร่างมายาปรากฏขึ้นตรงหน้ารอยแยกความว่างเปล่าขณะใช้มือทั้งสองข้างผลักอย่างแรง

รอยแยกความว่างเปล่าหดลงและพังทลายเข้าสู่ข้างใน แม่น้ำแห่งเวลาอันแห้งเหือดทั้งหมดพลันหายไปจากสายตาของทุกคน

ร่างมายามองซูเสวี่ยเอ้อร์

“ในเมื่อเจ้ากำลังหลับใหลอยู่ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต เช่นนั้นก็จงกลับไปหลับเสีย รอข้าจัดการกับเรื่องที่นี่เสร็จเมื่อไหร่ จากนั้นข้าจะไปอนาคตเพื่อทำลายเจ้า”

เขาทำท่าต่อยในอากาศ

ปัง!

ร่างแสงและเงาของซูเสวี่ยเอ้อร์พลันหายไป

ร่างมายาหันกลับมามองเย่หรูซี

“เรื่องตลกจบลงแล้ว ผู้นำรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลก ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องแบกรับภารกิจแห่งประวัติศาสตร์”

สิ้นเสียงของเขา หมอกสีเทาในท้องนภาหลอมรวมจนสมบูรณ์

หมอกสีเทาเจิดจ้าราวดวงดาวที่ปลายนิ้ว มันสั่นไหวจนทำให้ทุกคนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้

“ในที่สุดพลังแห่งความตั้งใจของสิ่งมีชีวิตหลายร้อยล้านปีก็มาถึงช่วงที่สามารถใช้ได้แล้ว!”

ร่างดังกล่าวกระซิบ

ตูม!!!

แสงเจิดจ้ากว้างใหญ่เคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนตกลงสู่ร่างของเย่หรูซี

“อออออา นี่มันพลังแห่งความตั้งใจ!”

เย่หรูซีพยายามขัดขืน แต่ถูกร่างมายาจับเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถหลบหนีจากการโอบล้อมของพลังนี้ได้

นางพลันเปลี่ยนสีหน้าก่อนรีบกรีดร้องออกมาว่า “ไม่! เจ้าต้องรีบหยุดมัน จะปล่อยให้มันถ่ายพละกำลังเข้าตัวข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะอัญเชิญทุกตัวตนออกมาเพื่อทำลายทุกสิ่ง!”

“ด้วยการจัดเตรียมพละกำลังให้กับผู้รอคอยเหล่านั้น!”

วินาทีต่อมา

เย่เฟยหลีและแอนนาพุ่งออกไปพร้อมกัน

ร่างมายาเพียงโบกมืออีกข้างออกไปอย่างแผ่วเบา

“เทพแห่งความโกลาหลหน้าใหม่เจ้าเหมาะกับวิสัยทัศน์ของพวกข้าก็จริง แต่ยังมีบางความคิดที่ไม่ควรมีหลงเหลืออยู่”

“ส่วนเจ้า เทพแห่งความตายจากโลกภายใน เอาแต่ดูถูกพวกข้าที่เป็นคนนอก แต่ความรุ่งโรจน์ของเจ้ามันจะจบลงเพราะตัวเจ้าเอง เจ้าในตอนนี้เป็นแค่สุนัขไร้ค่า”

ปัง!

ปัง!

เสียงกระแทกหนักหน่วงและหมองหม่นสองเสียงดังขึ้น

ปฐพีสั่นสะเทือนไม่มีสิ้นสุด

เย่เฟยหลีและแอนนากระแทกกับพื้นโดยตรงจนเกิดเป็นหลุมลึก

“จะปล่อยให้มันทำสำเร็จไม่ได้ ไปกันเถอะ!” เหล่าต้ากล่าว

ทุกคนตอบรับ

ร่างมายาคว้าเย่หรูซีด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างกดลงไป

“อา ราชาหุบเหวผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังตายนี่เอง แล้วก็ยังมีสิ่งมีชีวิตทั้งหลายอีก พวกเจ้าต้องอดทนรอไปก่อนนะ”

“ไม่ช้า พวกเจ้าจะได้เป็นสักขีพยานกับช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์”

พลังที่มองไม่เห็นเคลื่อนลงมาจากท้องนภาขณะกดทับทุกคนอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถขยับได้

เหล่าต้าพยายามสุดความสามารถ แต่ทำได้เพียงขยับไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างเชื่องช้า

“คนแรกที่อยู่บนมงกุฎดวงดาว ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะตกต่ำจนมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เหมือนกับสุนัขที่ไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้”

ร่างมายากล่าวช้าๆ

เหล่าต้ายังคงเงียบ เขายังขยับไปทางร่างมายา

ร่างมายาโบกมืออย่างแผ่วเบา

เหล่าต้ากระเด็นออกไป หิ่งห้อยดาราในมือกระจายไปตามสายลม

“ราชาหุบเหวผู้น่าเศร้า เวลาของเจ้ามันผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากวางแผนมาหลายร้อยล้านปี จุดจบก็ได้มาถึงแล้ว พวกข้ากำลังจะได้รับอำนาจตัดสินชะตากรรม เจ้าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงมันได้”

สิ้นคำพูดของร่างมายา แสงเจิดจ้าที่เคลื่อนลงมาจากท้องนภายิ่งมายิ่งมาก

ขณะยืนอยู่ในแสงเจิดจ้า เย่หรูซีค่อยๆ สิ้นหวัง

นางร้องไห้ออกมา “ข้าไม่อยากอัญเชิญพวกมัน ข้าไม่อยากทำลายโลก! ทำไม! ทำไมข้าต้องแบกรับโชคชะตาแบบนี้ด้วย!”

ร่างมายาตื่นเต้นก่อนตอบว่า “เพราะนี่คือวันแห่งชัยชนะของความโกลาหล ทุกสรรพสิ่งจะต้องสิ้นสุดลง จากนั้นโลกจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เจ้าคือปัจจัยสำคัญของเรื่องทั้งหมดนี้”

เย่หรูซีร้องไห้อย่างขมขื่นออกมา

นิมิตที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเริ่มปรากฏขึ้นในร่างของนาง

ภาพมายาของประตูทองแดงขนาดใหญ่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังนางขณะเปิดออกช้าๆ

ทันใดนั้นเอง

เสียงขลุ่ยดังมาจากที่ใดไม่ทราบ

แสงเจิดจ้าที่เคลื่อนลงมาจากท้องนภาพลันเบี่ยงเบนทิศทางก่อนหายไปจากร่างของเย่หรูซี มันพุ่งไปยังเนินเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปแทน

บนเนินเขา ยูนิคอร์นสีขาวราวหิมะปรากฏขึ้น

ผู้ชายคนหนึ่งกำลังขี่ยูนิคอร์นขณะเป่าขลุ่ยอย่างแผ่วเบา

ความตั้งใจหลายร้อยล้านปีเหล่านั้นตกลงบนตัวเขาขณะแสดงโครงสร้างต้นแบบแต่ละอย่างออกมาแล้วหมุนวนอย่างไม่มีสิ้นสุด

ฉากนี้แปลกประหลาดจนทุกคนไม่อาจละสายตาได้

ผู้ชายยังคงเป่าขลุ่ยขณะหันไปทางสมรภูมิ

ในความว่างเปล่าตรงหน้า แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

“โปรดทราบว่าราชามารกำลังพึ่งท่านเพื่อจุติมายังโลกใบนี้”

…………………………….