webnovel

1213 การเปลี่ยนแปลงของบัญญัติ

ตอนที่ 1213 การเปลี่ยนแปลงของบัญญัติ

กู่ฉิงซานและแม่นางฟู่สื่อกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

พวกเขาสองคนมองร่างดังกล่าวเงียบๆ

“เป็นเขา” ฟู่สื่อกล่าว

กู่ฉิงซานพยักหน้า

ร่างนี้กำลังเดินรอบเปลวเพลิงสีดำสูงหลายฟุต ปากของเขากล่าวว่า

“เหมือนกับข้อมูลก่อนหน้านี้เลย… บัญญัติที่ทรงพลังเช่นนี้เปรียบเสมือนความศักดิ์สิทธิ์ที่เบ่งบานในสายลม ถึงแม้มันจะสามารถเบ่งบานในราตรีนิรันดร์ของวันสิ้นโลกได้ แต่มันไม่สามารถจัดการวันสิ้นโลกได้ด้วยเวลาเพียงสิบวินาที น่าเสียดาย”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ในอนาคตข้างหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ยุคแห่งความโกลาหลมาเยือน ข้าจะต้องเปลี่ยนอนาคตนั่นให้ได้”

ตอนนี้ การต่อสู้เกิดขึ้นที่ข้างนอกจุดแล้วจุดเล่า

ผู้รอคอยของสองกลุ่มกำลังต่อสู้กัน!

ผู้ชายฟังก่อนหยิบกระเป๋าสีน้ำตาลเทาใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อ

“เวลามีจำกัด โชคยังดี พวกเราพยายามสุดความสามารถเพื่อเตรียมการสิ่งนี้ขึ้นมา”

ขณะพูด เขาเปิดกระเป๋าสีน้ำตาลเทาใบเล็กก่อนโยนทรายสีทองเข้มเข้าไปในเปลวเพลิงสีดำ

ตูม!

เปลวเพลิงสีดำพลันทะยานขึ้นเป็นแนวยาว ก่อเกิดเป็นเงาร่างมนุษย์เลือนราง

มันพูดด้วยน้ำเสียงงุนงงงว่า “ใครกันที่มอบพลังอีกอย่างให้กับข้า”

หลังจากนำทรายละเอียดสีทองเข้มผสมเข้าไปแล้ว เงาร่างมนุษย์ที่ก่อตัวจากเปลวเพลิงยิ่งมายิ่งไม่มั่นคง

วัสดุและสสารพิเศษจำนวนมากออกจากร่างของมันขณะลอยอยู่ในอากาศบาง เกิดแสงเปล่งประกายเจิดจ้า

ผู้ชายรีบกล่าวว่า “ข้าจะมอบอารมณ์มนุษย์ให้กับเจ้า นับจากนี้ไป เจ้าจะมีจะมีนิสัยหน้าซื่อใจคด เย็นชา ขลาดกลัว ความคิดชั่วช้าเลวทราม จนกว่าจะทำการเสียสละ เจ้าจะต้องโอบกอดความยุคแห่งโกลาหลเอาไว้ กลายเป็นกองกำลังสุดท้ายในยุคที่กำลังจะมาถึง!”

“นับจากนี้ไป เจ้าต้องยอมรับตัวตนใหม่ ยอมรับภารกิจใหม่!”

เปลวเพลิงพลันสั่นไหวก่อนมาบรรจบกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้เงาร่างมนุษย์มั่นคงขึ้น

“ข้าเข้าใจล่ะ”

เงาร่างมนุษย์กล่าว

ผู้ชายกล่าวว่า “จำให้ดี เจ้าต้องสู้กับความโกลาหล ถ้าไม่สามารถสู้ได้ให้หนีจากมัน จนกระทั่งถึงวันหนึ่ง เจ้าจะถูกพาไปสถานที่ที่มีชื่อว่าโลกหอคอย”

“จากนั้นล่ะ” เงาร่างมนุษย์ถาม

“โอบกอดยุคแห่งความโกลาหลเอาไว้ มันจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ข้าฝากไว้กับเจ้า มันจะไม่กลืนกินเจ้าเมื่อเวลามาถึง”

ผู้ชายกล่าวต่อว่า “เมื่อการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพจบลง ‘ผู้นำรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลก’ จะปรากฏตัวขึ้น เจ้าต้องปลดปล่อยความมุ่งมั่นทั้งหมดในขณะนั้นเข้าใส่นาง”

“ความตั้งใจที่เจ้าสั่งสมมาหลายร้อยล้านปีจะทำให้นางไม่สามารถต้านทานได้ นางจะต้องเรียกหาพวกเรา”

“พวกเราจะมากลืนกินความมุ่งมั่นเหล่านั้น กลับคืนสู่สภาพสูงสุดและตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”

“เข้าใจแล้ว” เงาร่างมนุษย์กล่าว

ดวงตาของกู่ฉิงซานหรี่ลง

อย่างนี้นี่เอง

กลายเป็นว่าเย่หรูซีที่กำลังดำเนินภารกิจที่สำคัญเช่นนี้จะทำหน้าที่เป็นสถานีถ่ายโอนอำนาจเพื่อปลูกฝังความตั้งใจหลายร้อยล้านปีให้กับผู้รอคอยความโกลาหล

ไม่สงสัยเลยว่ายุคแห่งความโกลาหลให้ค่ากับนางมากจนอยากรักษาเอาไว้ด้วยทุกอย่างที่มี

บัญญัติราชามาร ยุคแห่งความโกลาหล การต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ ตำหนักทองแดงแห่งความโกลาหล

ทุกสิ่งถูกตระเตรียมเอาไว้แล้ว เมื่อการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพจบลง เมื่อเย่หรูซีกลับสู่โลกหอคอย มันจะทำงานทันที

ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแค่ยุคแห่งความโกลาหลที่สมบูรณ์จะมาถึงเท่านั้น แต่ผู้รอคอยของกลุ่มความโกลาหลเหล่านี้จะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ด้วย!

ไม่ว่าใครจะกลายเป็นเทพแห่งความโกลาหลที่แท้จริงก็ไม่มีที่ว่างให้ขัดขืนเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้รอคอยที่สร้างความโกลาหลขึ้นมา

กลุ่มความโกลาหลจะชนะการต่อสู้นี้ที่กินเวลามาหลายร้อยล้านปีอย่างสมบูรณ์!

พวกมันจะกำจัดโลกและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนตัวตนทั้งหมดให้กลายเป็นความรกร้าง

จนกว่าวันสิ้นโลกจะสิ้นสุดลง

ผู้รอคอยเหล่านี้…

กู่ฉิงซานกำหมัดขณะพยายามสุดความสามารถเพื่อควบคุมจิตสังหารเอาไว้

คนคนนั้นอธิบายจบก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ดวงตาของเขาจ้องมองในความว่างเปล่าขณะมองสมบัติล้ำค่าที่ถูกโยนออกมาจากบัญญัติ

นี่ล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณระดับความฝัน เป็นสมบัติจากผู้รอคอยทุกคน

“ข้าไม่สามารถเก็บสิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่เป็นแกนหลักของฝั่งบัญญัติไปได้ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องสังเกตเห็นแน่”

เขาพึมพำขณะเอื้อมมือหยิบกล่องสีเหลี่ยมออกมา

สมบัติจำนวนมากที่ลอยออกมาถูกเก็บไปก่อนถูกผนึกด้วยวิชาลับหลายสิบวิชาจนไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้อีกต่อไป

ผู้ชายฟังการเคลื่อนไหวข้างนอกอยู่เงียบๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า

“พวกข้าใช้เวลาเตรียมการอย่างยาวนานด้วยการใช้วิชาปกปิดทั้งสิ้นสามพันวิชา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะสามารถหาจนพบได้”

เขาเดินไปที่มุมหนึ่ง ย่อตัวลงแล้ววางกล่องสี่เหลี่ยมลงบนพื้น

กล่องสี่เหลี่ยมกลายเป็นภาพมายาอย่างรวดเร็วก่อนจมลงสู่พื้นอย่างช้าๆ ไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป

“ทุกคนในกลุ่มบัญญัติเอ๋ย”

“พวกเจ้ามาที่นี่ทุกวันเพื่อสร้างบัญญัติ แต่พวกเจ้าไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ทำลงไปกลายเป็นขั้นบันไดให้กับความโกลาหล”

“นี่คือการดูหมิ่นเงียบๆ ของข้า มันจะติดตามพวกเจ้าไปทุกวันจนกว่าจะถึงช่วงเวลาของความโกลาหล”

หลังจากพูดจบ ผู้ชายยิ้มอย่างมีชัยก่อนก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่าแล้วหายไปจากห้องลับ

หลังจากผ่านไปหนึ่งอึดใจ

“เขาไปแล้วหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ใช่” แม่นางฟู่สื่อตอบ

นางเหาะออกมาก่อนเอามือแนบกับพื้นแล้วท่องคาถาอย่างแผ่วเบา

นางหยิบกล่องสี่เหลี่ยมออกมาจากพื้น

กู่ฉิงซานมองฉากนี้แล้วกล่าวว่า “แกนหลักของบัญญัติราชามารถูกแทนที่โดยเขา ไม่สงสัยเลยว่าถึงมีแมลงเม่าจำนวนมากตามมาในภายหลัง”

“ใช่ ด้วยแกนหลักเหล่านี้ พวกเรายังมีหวัง” ดวงตาของแม่นางฟู่สื่อเต็มไปด้วยความหวัง

นางถือกล่องสี่เหลี่ยมไว้ในมืออย่างระวัง

เกรงว่าคนคนนั้นไม่มีทางคาดถึง กระบวนการทั้งหมดนี้ที่เขาใช้มือและเท้าด้วยตัวเองจะถูกค้นพบโดยสองคนที่มาจากในอีกหลายร้อยล้านปีต่อมา

ฟู่สื่อเปิดกล่องสี่เหลี่ยมขณะมองสมบัติมีค่าที่อยู่ข้างใน

“ตอนเจ้าสละบัญญัติราชามาร มันได้รับความตั้งใจของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน มันแค่ต้องรอให้ยุคแห่งความโกลาหลมาถึงเท่านั้น แค่รอเฉยๆ ” ฟู่สื่อกล่าว

“ข้าพบว่ามันแปลกเช่นกัน เพราะปกติมันจะน่ากลัวอยู่เสมอ เห็นได้ชัดว่ามันวิวัฒนาการถึงระดับสูงสุดแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

ฟู่สื่อกล่าวว่า “มันกำลังรอที่จะกลับไปโลกหอคอย รอให้การต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพจบลง”

“แม่นาง ท่านมีทางหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม

ฟู่สื่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ถึงแม้บัญญัติราชามารจะเปลี่ยนไป แต่มันข้องเกี่ยวกับหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายร้อยล้านปี ทันทีที่พวกเราพยายามเปลี่ยนแปลงมัน ประวัติศาสตร์ในช่วงหลายร้อยล้านปีจะเปลี่ยนไปด้วย พวกเราจะได้รับผลจากสิ่งนี้เช่นกัน กระแสของเหตุและผลอันปั่นป่วนจะปกคลุมจนทำให้ถึงแก่ความตาย”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “พวกเราสามารถไม่ทิ้งอะไรไว้ในช่วงหนึ่งร้อยล้านปีที่ผ่านมาเพื่อเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาสุดท้ายได้”

“เจ้าหมายความว่า”

“ใช่ คนคนนั้นมองเห็นว่าบัญญัติราชามารจะเป็นจุดจบของยุคแห่งความโกลาหล พวกเราจะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง”

ฟู่สื่อจ้องเขาแล้วกล่าวว่า “ว่าต่อเลย”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “พวกเราสามารถใช้องค์ประกอบแกนหลักเหล่านี้เพื่อขยับมือและเท้ากับบัญญัติราชามารเพื่อทำให้ทุกสิ่งยังคงเป็นปกติ แต่เมื่อจบการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพ จู่ๆ ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า”

เขาทำท่าปาดคอแล้วกล่าวต่อว่า “เหมือนกับการลอบสังหารที่จะต้องลงมือในช่วงเวลาสำคัญ”

ฟู่สื่อพึมพำว่า “ขอข้าคิดก่อนนะ…”

นางจมสู่ความคิด

ผ่านไปหลายอึดใจ

นางหยิบสิ่งประดิษฐ์วิญญาณระดับความฝันสองสามชิ้นออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมแล้วโยนพวกมันเข้าไปในเปลวเพลิงสีดำ

เสียงท่องคาถาลึกลับดังขึ้นจากปากของนางก่อนค่อยๆ สิ้นสุดลงหลังจากผ่านไปหลายสิบอึดใจ

“ด้วยความสามารถของข้า คนที่ไม่สามารถเปลี่ยนบัญญัตินี้ได้จะต้องนำทุกสิ่งที่ความโกลาหลเตรียมการไว้ล่วงหน้ามาก่อนถึงจะสามารถเปลี่ยนบัญญัติที่พวกเราสร้างขึ้นมาได้”

“แต่ว่ากันว่าการทำลายนั้นง่าย แต่การสร้างนั้นยากยิ่งกว่า”

“ดังนั้นข้าจึงหาทางทำลายการคำนวณของพวกมัน”

สิ้นเสียงของนาง เส้นผมยาวของนางค่อยๆ กลายเป็นสีขาว ใบหน้างดงามค่อยๆ กลายเป็นชราภาพ

ต่อให้นางจะเปลี่ยนบัญญัติให้เหมาะสมที่สุด ต่อให้นางจะเป็นผู้รอคอย นางก็ใช้ความพยายามมากเกินไป

กู่ฉิงซานพยุงนาง

“เอาล่ะ”

ฟู่สื่อปาดเหงื่อจากหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า สิ่งประดิษฐ์วิญญาณระดับความฝันถูกส่งมาที่มือกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานรับมาดู แต่มันคือไพ่

ยูนิคอร์นสีขาวราวหิมะถูกวาดบนไพ่ ขลุ่ยสีเขียวแขวนอยู่รอบคอของยูนิคอร์น

แถวหิ่งห้อยพลันปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ไพ่พิเศษ: จ้าวแห่งการพึ่งพาเมื่อราชามารจุติลงมา”

………………………………