webnovel

1007 หลบหนี

ตอนที่ 1007 หลบหนี

ในห้องที่เงียบสงบและมีกลิ่นหอม

ลอร่าเปลี่ยนชุด

นางจ้องตัวเองในกระจกอย่างเหม่อลอยก่อนถามว่า “มีใครอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า”

ไม่มีเสียงตอบรอบจากรอบข้าง

เห็นได้ชัดว่าพวกสาวใช้ยังยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกนางหายไป

ลอร่าตะโกนถามเสียงดังขึ้นอีกครั้งว่า “มีใครอยู่ไหม”

เกิดความเงียบสงัดรอบข้าง ยังไม่มีเสียงตอบรับ

ทันใดนั้น

ตูม!

เสียงระเบิดสะเทือนปฐพีที่มาด้วยการสั่นไหวอย่างรุนแรงมาจากอีกฝั่งของตำหนัก

เสียงอันโอ่อ่าดังขึ้นจากท้องนภา

“ได้รับการยืนยันแล้วว่าอัครสาวกใช้วิชาลวงตาเพื่อปลอมแปลงสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงที่สุดในหุบเหวเพื่อพยายามเข้ามาเมืองเรเควี่ยมของพวกเรา”

“ตอนนี้ สัตว์ประหลาดชั่วร้ายทั้งหมดถูกฆ่าแล้ว!”

“สี่เทพได้ตัดสินใจแล้ว นับจากนี้ไป ห้ามคนนอกเข้าเมืองเรเควี่ยมอีก!”

ลอร่าผงะ

นางวิ่งไปสองสามก้าวก่อนมาถึงประตู

ราวกับสัมผัสได้ว่านางกำลังมา รั้วอักขระปรากฏขึ้นที่ประตู

รั้วอักขระปรากฏขึ้นก่อนปกคลุมทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว

ที่นี่ถึงกับเป็นคุก!

ลอร่าหยุดทันที!

นางยืนอยู่หน้ารั้วด้วยใจที่ลังเล

ทันใดนั้น อีกเสียงมาจากความว่างเปล่านอกตำหนัก

นั่นคือเสียงของเหล่าต้า

“เจ้าพวกสี่เทพผู้ชอบธรรมบัดซบ เห็นได้ชัดว่าข้าให้การช่วยเหลือที่นี่เป็นอย่างดี พวกเจ้ากล้ามาทำร้ายข้าได้ยังไง!”

เสียงผู้หญิงถอนหายใจขณะโน้มน้าวว่า “ยอมแพ้เสียเถอะ อัครสาวก วันนี้ข้ามีเทพวารีอยู่ด้วย การสมคบคิดของเจ้าไม่มีทางสำเร็จหรอก”

“ไปลงนรกซะ!” เหล่าต้าคำราม

แสงระยิบระยับเข้ามาทางช่องว่างหน้าต่าง สาดส่องไปทั่วห้อง

เสียงคำรามดังตามมา

การต่อสู้เริ่มขึ้น

เสียงการต่อสู้เหล่านี้ค่อยๆ ทะลวงเข้าสู่หมู่เมฆจนไกลห่างไปจากพื้นดิน

ดูท่าจะมีนักรบสองกลุ่มออกจากตำหนักหลังนี้ไป

ตอนแรกลอร่าดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก นางกลับมาสงบอย่างรวดเร็ว

นางเดินกลับมานั่งที่เดิมเงียบๆ เพื่อรอเสียงใครบาคงน

อีกด้าน

จุดที่กู่ฉิงซานอยู่ก่อนหน้านี้

ทั่วห้องระเบิดจนเป็นซากเพราะการโจมตีด้วยวิชาที่รุนแรงและกะทันหัน

นี่คือวิชาบีบอัดที่ชาญฉลาด พลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง แค่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น

ดังนั้นห้องจึงไม่ถูกทำลายจนสิ้น

ซากศพจำนวนมากกระจายอยู่ตามพื้น

กู่ฉิงซาน เย่เฟยหลี จางหยิงห่าวและเหล่าต้า

พวกเขาไม่มีลมหายใจ ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลน่าตกตะลึง

ซากศพกองอยู่บนพื้นอย่างเงียบงัน ไม่ขยับไปไหน

พื้นที่ใกล้ห้องเป็นสีดำสนิท

นี่คือวิชาเวทมนตร์ที่ป้องกันไม่ให้ภายนอกเข้ามาสำรวจได้

หากไม่มีการอนุญาตจากเทพก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ที่นี่ได้

ในความมืด เงาสองร่างปรากฏขึ้น

พวกเขาตรวจสอบสถานการณ์ของซากศพทั้งสี่อย่างระวัง

ไม่นานหลังจากนั้น เงาสีดำถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

“เจ้าตรวจสอบร่างของอัครสาวกหรือยัง”

ใครบางคนตอบด้วยเสียงต่ำว่า “ตรวจสอบแล้ว เขาตายแล้วล่ะ”

“ข้าตรวจสอบซ้ำอีกรอบแล้วเช่นกัน ดูท่าเขาจะตายแล้วจริงๆ” เสียงผู้หญิงเนิบช้า น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความหยิ่งทะนง “อัครสาวกสูญเสียพลังจนสิ้น ด้วยการโจมตีสุดกำลังของพวกเราทั้งสี่ เป็นธรรมดาที่เขาไม่สามารถรับไหว”

เสียงก่อนหน้านี้ถามอีกครั้งว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือราชินีหนาม”

“แน่ใจ ข้าใช้ส่วนหนึ่งของระบบสงครามจนตรวจจับได้” เสียงผู้หญิงตอบ

เสียงหนึ่งกล่าวว่า “แบบนั้นก็ดี สิ่งต่างๆ ถูกเตรียมไว้แล้ว ถึงเรื่องนี้จะละเอียดอ่อนไปหน่อย แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปเสียที”

เสียงผู้หญิงกล่าวอย่างยินดีว่า “ถ้าเจ้าสามารถจับตัวราชินีหนามมาได้ เจ้าก็ไม่ต้องห่วงเรื่องสมบัติในอนาคตอีกแล้ว”

เสียงหนึ่งกล่าวอย่างกังวลว่า “อัครสาวกเสียพลังไป ต่อให้ฆ่าเขาก็ไม่เป็นไร ประเด็นคือคนที่ระบุตัวตนไม่ได้ต่างหาก ข้าควรทำอย่างไรหากถูกโลกภายนอกพบตัวเข้า”

เสียงผู้หญิงตอบว่า “หึ ไม่ว่าใครจะหนุนหลังเขา ผนึกปิดตายของเมืองเรเควี่ยมที่ถูกสร้างโดยเทพจากอดีต ขนาดเทพที่แท้จริงจากโลกภายนอกเพียงลำพังยังไม่สามารถเปิดมันออกได้ ยังไงก็ไม่มีใครสามารถส่งข่าวจากที่นี่ออกไปได้หรอก!”

“ดังนั้น…”

“ดังนั้นก็ฆ่ามัน ฆ่ามันโดยที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครในโลกภายนอกรู้ว่าเป็นฝีมือของพวกเราที่อยู่ที่นี่”

เสียงหนึ่งเงียบไปสักพักก่อนเห็นด้วย “ใช่ คนคนนั้นต้องข้องเกี่ยวกับเทพที่แท้จริงไม่มากก็น้อย คงไม่ดีแน่ถ้าเจ้ากับข้าถูกจับที่นี่”

เสียงผู้หญิงกล่าวเช่นกันว่า “ฆ่าเขาจนได้ราชินีหนามก็ไม่ต่างจากยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”

คนก่อนหน้านี้ค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไปดูพวกที่แสร้งไปสู้กับอัครสาวกสักหน่อย เหมือนจะอยู่ไกลไปหน่อยแล้ว”

เสียงผู้หญิงถามว่า “เดี๋ยวนะ เจ้าจัดการเรื่องของพระราชาแล้วหรือยัง”

เสียงหนึ่งเย้ยหยันแล้วตอบว่า “เขาไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ข้าแค่ต้องฆ่าคนที่เขาสั่งการ”

เทพธิดากล่าวอย่างพึงพอใจว่า “งั้นก็ดี ข้าจะเก็บร่างก่อน จากนั้นคุ้มกันราชินีหนามเพื่อไม่ให้นางหนีไปไหนได้”

“ได้”

บทสนทนาสิ้นสุดลง

เงาร่างหนึ่งหายไปจากซากปรักหักพัง

ยังเหลืออีกร่าง

ร่างนี้ยื่นมือออกไป ซากศพทั้งหมดบนพื้นหายไป

ร่างนั้นยืนอยู่สักพัก

“หึ อดีตอัครสาวกดันมามีจุดจบแบบนี้ได้ ช่างน่าเวทนาและน่าเศร้าจริง ๆ”

ร่างนั้นพึมพำกับตัวเองก่อนหันหลังแล้วเดินออกไป

เมื่อนางเดินออกจากความมืด นางเผยรูปลักษณ์เดิมออกมา

เทพวารี!

เป็นนางนั่นเอง!

ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางยืนอยู่ที่เดิมก่อนนิ่งไปสักพัก

ทันใดนั้นนางส่ายหน้าราวกับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลก่อนหันหลังแล้วจากไป

ทุกสิ่งค่อยๆ กลับสู่ความเงียบ

ไม่นานนักก็พลันมีเสียงดังขึ้น

“นายท่าน ทำไมท่านถึง…”

นี่คือเสียงที่เปี่ยมด้วยความสงสัยของฉานนู่

เสียงของกู่ฉิงซานดังขึ้น

“นี่คือสิ่งที่เรียกว่าพีระมิดมนุษย์ เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนหรือ”

“แต่ทำไมท่านถึงอยากทำแบบนี้ล่ะ”

“ร่มหลากสีสันของลอร่าใหญ่แค่นี้ พวกเราต้องซ้อนกัน จากนั้นให้นางยืนอยู่บนร่ม ทำแบบนั้นถึงสามารถบังพวกเราได้ทั้งหมด”

เสียงของลอร่าพลันดังขึ้น “กู่ฉิงซาน เจ้าทำผิดมหันต์นะ ที่พักพิงหมื่นโลกของข้าไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้ร่ม ขอแค่เจ้าสัมผัสร่มก็ได้รับผลจากที่พักพิงหมื่นโลกแล้ว”

“อ้าว แล้วทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่บอกล่ะ”

“ข้าคิดว่ามันคือค่ายกลพิเศษที่ทำให้เจ้าต้องยืนแบบนี้ มีเพียงภูตผีเท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าพยายามจะซ่อนตัว”

จากนั้น ลอร่าพลันปรากฏตัวกลางอากาศ

นางลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา

ฉากกลางอากาศพลันปรากฏขึ้น

เย่เฟยหลียืนอยู่ตรงนั้น จางหยิงห่าวเหยียบอยู่บนไหล่ของเขา เหล่าต้าเหยียบอยู่บนไหล่ของจางหยิงห่าว กู่ฉิงซานเหยียบอยู่บนไหล่ของเหล่าต้าอีกที

ตั้งแต่แรกแล้วที่ลอร่ายังยืนอยู่บนไหล่ของกู่ฉิงซาน

ลอร่าถือร่มหลากสีสันเอาไว้ ใช้ที่พักพิงหมื่นโลกเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะไม่ถูกพบตัว

ก่อนลอร่าจะได้รับที่พักพิงหมื่นโลกอย่างเป็นทางการ นางสามารถหลบเลี่ยงการจับตัวอย่างบ้าคลั่งของทริสเต้ได้ด้วยความสามารถนี้

ในประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งราชาหนามก็ต้องพึ่งความสามารถนี้ในการทะลวงลึกเข้าไปในหุบเหวของเศษเสี้ยวโลกเพื่อไม่ให้ถึงแก่วคามตายก่อนนำเกราะของเทพโบราณกลับมาได้

ดังนั้นการใช้ความสามารถนี้เพื่อซ่อนจากสวรรค์จึงนับว่าสะดวกนัก

ลอร่ายืนอยู่บนพื้นก่อนกางร่มหลากสีสัน

นางหายไปจากตรงนั้นทันที ไม่มีใครสามารถตรวจจับนางได้

“ดีล่ะ มาจับร่มเสียจะได้ไม่ถูกพบตัว”

เสียงของนางดังขึ้นในความว่างเปล่า

ทุกคนยื่นมือมาสัมผัสกับความว่างเปล่า

พวกเขาหายไปจากที่เดิมคนแล้วคนเล่า

เหล่าต้ากล่าวอย่างพึงพอใจว่า “สะดวกก็จริง แต่ข้าจะไม่ทำท่าพีระมิดมนุษย์นั่นอีกแล้ว”

เสียงของเย่เฟยหลีดังขึ้นเช่นกัน “เจ้าไม่ต้องมาพูดเลย พวกเจ้าตัวหนักกันมาก แถมข้ายังอยู่ล่างสุดอีก”

“พวกเรามีกันหลายคนนี่ จะบ่นไปเพื่ออะไร เจ้าก็รู้ว่าข้าใช้พลังงานไปเจ็ดสิบส่วนเพื่อปลอมแปลงซากศพนี่” จางหยิงห่าวไม่พึงพอใจ

เย่เฟยหลีอธิบายว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น ประเด็นคือข้าเกรงว่าซ้อนมากเกินไปมันจะทำให้หนีออกมาได้ยาก”

ตอนนี้ เสียงของฉานนู่เข้ามาห้ามเสียงบ่นของพวกเขา “นายท่าน ท่านไม่ปล่อยให้ข้ารออยู่ที่เดิมหรือ ทำไมถึงเรียกข้ากลับมาอีกครั้งล่ะ”

“เพราะไม่จำเป็นต้องรอแล้วยังไงล่ะ ข้าพอจะรู้แล้วว่าพวกเขาจะบอกอะไรกับเจ้า” กู่ฉิงซานตอบ

“แต่ถ้าข้ากลับมา ไม่ช้าพวกเขาก็ต้องรู้ว่าลอร่าหายไป”

“อืม มีเหตุผล ไปกันเถอะ!”

“ไปไหนล่ะ”

“ข้ามีแผนที่ที่นี่ น่าจะไม่มีปัญหา…”

เสียงค่อยๆ จางหายก่อนยออกจากซากปรักหักพังไป

ทันใดนั้น

เสียงอันเกรี้ยวกราดดังขึ้นทั่วตำหนัก

“ปิดกั้นที่นี่เดี๋ยวนี้ ห้ามใครเข้าออกเด็ดขาด!”

เทพวารี

นางถ่ายทอดคำสั่งอีกครั้ง

ตอนนี้ พวกกู่ฉิงซานผ่านเส้นทางลับมากมาย ข้ามสถาบันลับหลายแห่งก่อนเดินในอุโมงค์ลับใต้ตำหนัก

กู่ฉิงซานหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมา มองแผนที่คร่าวๆ แล้วเดินนำหน้ากลุ่ม

ฉานนู่อยู่ปลายแถว

“กู่ฉิงซาน เจ้าไม่กลัวว่ารายละเอียดบนกระดาษแผ่นนี้จะหลอกพวกเราหรือ” ลอร่าถาม

กู่ฉิงซานตอบว่า “ถ้าอยากฆ่าพวกเราจริง ทำแบบเมื่อครู่ก็เกินพอแล้ว แผ่นกระดาษนี่ออกจะเป็นวิธีที่ฟุ่มเฟือยเกินไป ดังนั้นดูสถานการณ์ก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะทำอะไร”

เหล่าต้ายกมือขึ้นแล้วกล่าวว่า “ข้าขอประกาศไว้ก่อนเลย หากมีการต่อสู้เกิดขึ้น ข้าเกรงว่าจะช่วยอะไรไม่ได้”

จางหยิงห่าวกล่าวว่า “ข้าด้วย พละกำลังของข้าถูกใช้ไปเจ็ดสิบส่วน ทำได้เพียงซุ่มยิงเท่านั้น”

เย่เฟยหลีลังเลแล้วกล่าวว่า “ข้าจะพยายามสุดความสามารถ แต่คนที่นี่แข็งแกร่งเหมือนกัน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย”

กู่ฉิงซานมองพวกเขา จากนั้นมองลอร่า

ลอร่าปลอบว่า “กู่ฉิงซาน วางใจเถอะ ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถสู้ได้ แต่ข้าสามารถซ่อนตัวได้ดี ไม่เป็นภาระอย่างที่พวกเจ้าคิดหรอก”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ข้าไม่ได้รู้สึกโล่งอกแม้แต่นิดเดียวเลย”

พวกเขามาถึงปลายทางของเส้นทางลับ

ซากศพกองอยู่ที่นั่น

ทุกคนก้าวมาข้างหน้าเพื่อดูว่าเป็นใคร สาวใช้ก่อนหน้านี้นั่นเอง

สาวใช้ที่ส่งของว่างให้กู่ฉิงซานนั่นเอง

นางตายแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเดิมนางตั้งใจจะมาพบทุกคนที่นี่

กู่ฉิงซานถอนหายใจยาว

เสียงที่พูดกับเทพวารีก่อนหน้านี้บอกว่าเรื่องของพระราชาได้รับการคลี่คลายแล้วน่าจะหมายถึงผู้หญิงคนนี้

คนอื่นเงียบเช่นกัน

“ทีนี้พวกเราควรทำยังไงต่อดี” เหล่าต้าถาม

กู่ฉิงซานตอบว่า “ไม่เหมาะนักที่จะอยู่ตรงนี้นานเกินไป เฟยหลี”

“อืม”

เย่เฟยหลีตอบรับ ก้าวมาข้างหน้าแล้วมองซากศพ

“เพิ่งตายได้ไม่นาน วิญญาณยังอยู่ที่นี่”

เย่เฟยหลีกล่าวอย่างแผ่วเบา

เขาหยิบตะขอลืมเลือนวิญญาณออกมา สัมผัสซากศพของสาวใช้อย่างแผ่วเบา หันหลังกลับแล้วออกแรงดึง

บนซากศพ ภูตผีโปร่งแสงของหญิงสาวถูกดึงออกจากตะขอยาว

นี่คือวิญญาณของผู้หญิง

………………………………….