ตอนที่ 958 บัญญัติโลก
ในบรรดาซากปรักหักพังของโลกคู่ขนานนี้ มีหอคอยขนาดใหญ่เรียงรายต่อกัน
หอคอยของจอมเวท
มันบันทึกความรู้ทั้งหมดที่ถูกค้นพบในโลกเอาไว้
รวมถึงความก้าวหน้าของมนุษย์
กู่ฉิงซานลอยอยู่ในความว่างเปล่านอกหอคอยจอมเวทขณะปล่อยความผันผวนพลังวิญญาณโอ่อ่าออกมา
ต้องขอบคุณ “การแปลง” ในสายตาของผู้คนบนโลกใบนี้ สิ่งที่เขาปล่อยออกมาไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์สีขาวบริสุทธิ์ไร้ขีดจำกัด
จากนั้น จอมเวทสิบสองคนพุ่งขึ้นในอากาศเพื่อมาหาเขา
เพื่อแสดงความเคารพ พวกเขาไม่กล้าอยู่ในระดับเดียวกับกู่ฉิงซาน แต่เลือกจะอยู่ระดับต่ำกว่าเล็กน้อย
จอมเวทชราผมเทาผู้เป็นประธานสมาพันธ์จอมเวทนำจอมเวททั้งหมดมาคำนับกู่ฉิงซาน
“ท่านทวยเทพที่เคารพ ท่านมาสมาพันธ์จอมเวทของพวกเราด้วยตัวเองเช่นนี้ พวกเรารู้สึกปลาบปลื้มและเป็นเกียรติอย่างยิ่งนัก” จอมเวทชรากล่าว
“ขอบคุณ” กู่ฉิงซานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องมากพิธีก็ได้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้รู้สึกดีกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือความจริง”
จอมเวทชราประหลาดใจ คำพูดที่เขาอยากจะพูดติดอยู่ตรงลำคอจนไม่สามารถพูดได้
คำพูดของทวยเทพตราตรึงใจผู้คนจริงๆ
แต่ดีหรือที่ทวยเทพมาพูดเช่นนี้
แล้วคนอื่นจะตอบรับอย่างไร
กู่ฉิงซานเมินการตอบสนองของเขาก่อนกล่าวต่อว่า “ข้ามาดูความรู้ที่เจ้าเก็บเอาไว้น่ะ”
จอมเวทชรารีบกล่าวว่า “โอ้ ท่านทวยเทพผู้รอบรู้และยิ่งใหญ่ ความรู้แบบไหนที่ท่านตามหาหรือ ข้าจะเตรียมหาให้ทันที”
กู่ฉิงซานลอบหัวเราะ
มีบางสิ่งอยู่ในคำพูดของชายชราคนนี้ ด้านหนึ่ง อีกฝ่ายบอกว่าเขาคือทวยเทพผู้รอบรู้และยิ่งใหญ่ อีกด้านคือพยายามเกทับเขา
ท่านเป็นทวยเทพผู้รอบรู้และยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงอยากมาดูความรู้ที่พวกเขาเก็บรวบรวมเอาไว้กันล่ะ
กู่ฉิงซานไม่ใส่ใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาไม่ชอบสังหารคนอ่อนแอพวกนี้เพื่อแสดงศักดิ์ศรีของตัวเอง
เขาเพียงกล่าวว่า “ข้าต้องการความรู้ทั้งหมดที่ข้องเกี่ยวกับยอดฝีมือ”
“ขอรับ จะเตรียมให้เดี๋ยวนี้” จอมเวทชรากล่าวด้วยความเคารพ
กู่ฉิงซานเพียงพยักหน้าขณะยืนนิ่งในอากาศ
จอมเวทชราพาคนของเขากลับหอคอยจอมเวท ค้นหาบันทึกเกี่ยวกับยอดฝีมือมนุษย์ทั้งหมดก่อนนำออกมาได้ทั้งสิ้นหนึ่งพันสามร้อยเล่ม
เขาลังเล ไม่ได้ใช้เวทมนตร์เพื่อรวบรวมหนังสือเหล่านี้ให้เป็นหนังสือเล่มเดียว
ความจริง มีหลายวิธีสำหรับจอมเวทที่จะรวบรวมความรู้เฉพาะในหนังสือเวทมนตร์
“นายท่าน”
จอมเวทด้านหลังเขาเตือนอย่างแผ่วเบา
จอมเวทชราส่ายหน้าก่อนส่งสัญญาณบอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องพูด
เป็นเวลานานกว่าสองทศวรรษแล้วที่การค้นคว้าเกี่ยวกับทวยเทพของสมาพันธ์ได้หยุดนิ่ง
ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะทดสอบว่าทวยเทพองค์นี้มีพลังอะไร
จอมเวทชราใช้วิชาเวทมนตร์เพื่อขนหนังสือเวทมนตร์มากกว่าหนึ่งพันสามร้อยออกจากหอคอยอย่างช้าๆ
“ท่านทวยเทพ นี่คือความรู้ทั้งหมดที่ข้องเกี่ยวกับยอดฝีมือ เชิญดูได้” จอมเวทชรากล่าว
เขาชี้ไปที่หนังสือมากกว่าหนึ่งพันสามร้อยเล่มที่ลอยอยู่ในอากาศธาตุด้านหลัง
กู่ฉิงซานพยักหน้า จากนั้นใช้วิชาควบคุม
ตรงข้ามเขา หนังสือมากกว่าหนึ่งพันสามร้อยเล่มล้วนจัดเรียงเป็นกำแพงหนังสือก่อนเปิดออกทีละหน้า
หนังสือแต่ละเล่มนำเสนอความรู้ตรงหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพออกไปก่อนสลักรายละเอียดทั้งหมดเอาไว้ในใจ
จอมเวทชราชำเลืองมองจอมเวทคนอื่นๆ
วิธีนี้ถึงกับไม่ยากเย็นนัก จอมเวทชั้นสูงบางคนก็สามารถทำได้
ทวยเทพไม่ได้รอบรู้และยิ่งใหญ่ไปเสียทุกเรื่อง วิธีการได้รับความรู้ก็ไม่ใช่วิธีพิเศษอะไร
ถ้าอย่างนั้น ขอบเขตของพลังทวยเทพอยู่ตรงไหนล่ะ
พวกเขาลอบคาดเดา
กู่ฉิงซานดูดกลืนความรู้อย่างเงียบงันก่อนเข้าใจ ระดับและพละกำลังของความสามารถยอดฝีมือทั้งหมดในโลกอย่างรวดเร็ว
อย่างแรกเลย ยอดฝีมือหลักในโลกใบนี้คือผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ อัศวิน นักล่า จอมเวทและผู้ใช้พลังธรรมชาติ
วิธีการพัฒนาพละกำลังและการแบ่งพละกำลังแตกต่างกันไปตามแต่ละกลุ่ม
ยอดฝีมือแต่ละกลุ่มถูกแบ่งเป็นหลายประเภท ระบบความสามารถที่เชี่ยวชาญก็แตกต่างกันมากด้วย
ช่างแปลกประหลาดและวุ่นวายยิ่งนัก
มันสามารถอธิบายได้ด้วยแปดคำนี้
จอมเวทมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย พวกเขาพยายามรวมให้เป็นหนึ่ง แต่ยอดฝีมือจำนวนมากมีแก่นความลับภายในกลุ่มพวกเขา ไม่มีทางให้ยอดฝีมือกลุ่มอื่นรู้ได้โดยง่าย
ดังนั้นจอมเวทจึงไม่กล้ายั่วโมโหยอดฝีมือทุกคนจนทำให้ตัวเองอยู่ในสถานะเป็นปฏิปักษ์
จอมเวทสามารถทำได้เพียงรู้ความสามารถ คุณลักษณะและโอกาสในการพัฒนาของยอดฝีมือจำนวนมากผ่านการสังเกตเพียงคร่าวๆ เท่านั้น
พวกเขาไม่สามารถพบความลับที่ลึกล้ำของยอดฝีมือทั้งหมดได้เช่นกัน
กู่ฉิงซานยืนอยู่ในความว่างเปล่าขณะจมสู่ความคิด
จอมเวทชรายืนอย่าด้านข้างความเคารพขณะมองดูอยู่เงียบๆ
ผ่านไปเนิ่นนาน
กู่ฉิงซานพลันพูดกับความว่างเปล่าว่า
“ถ้าพวกเราอยากเอาชนะความโกลาหลหรือใช้พลังโกลาหลเพื่อกระตุ้นให้โลกแข็งแกร่งมากขึ้น ข้าต้องเตรียมการเพิ่ม”
“อย่างแรกเลย สำหรับผู้ที่ปลุกพลังพิเศษของโลกขึ้นมาได้ พวกเขาจะไม่สามารถใช้พลังนี้ได้อย่างอิสระอีกต่อไป”
หลังจากกู่ฉิงซานกล่าวคำพูดนี้ โลกทั้งใบเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทันที
เจตจำนงที่เหลืออยู่ของโลกตอบรับคำขอของเขา!
จอมเวทที่ยืนอยู่ข้างเขาพลันพบว่าพวกเขาเสียพลังเวทมนตร์ทั้งหมดไป
“อะไรกัน”
“ช่วยด้วย!”
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร!”
พวกเขาแผดเสียงร้องโหยหวนออกมาก่อนตกลงจากที่สูง
บุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้ที่สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้เพียงแค่กระทืบเท้ากำลังจะตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี
กู่ฉิงซานรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
เขาเสริมทันทีว่า “พวกเขายังมีประโยชน์ จะให้ตายตอนนี้ไม่ได้”
จอมเวทที่กำลังจะกระแทกกับพื้นกลับมามีพลังเวทมนตร์ทันที
พวกเขาปลดปล่อยพละกำลังอย่างสิ้นหวังเพื่อให้ลงสู่พื้นได้อย่างนุ่มนวล
จอมเวทชราสะดุดล้มหลายครั้งก่อนจะยืนได้อย่างมั่นคง
เขามองผู้ชายบนท้องนภาจนอดที่จะอ้าปากกว้างไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาควรจะกล่าวอะไรออกมา
อีกฝ่ายปลดปล่อยพลังทั้งหมดได้เพียงแค่ใช้คำพูด
นี่มันช่างง่ายดายนัก
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
กู่ฉิงซานเห็นว่าทุกคนปลอดภัยแล้ว จากนั้นจึงกล่าวต่อว่า
“พลังพิเศษที่มีอยู่ในโลกจะไม่สามารถตอบสนองต่อการเรียกขานของสิ่งมีชีวิตได้ ต้องมีการแบ่งชนชั้น”
“การแบ่งชนชั้นเท่านั้นที่จะทำให้ทุกสิ่งอยู่ในระเบียบ นี่คือระเบียบที่เป็นพื้นฐานที่สุด”
“พลังพิเศษของโลกมีหลายชั้นตั้งแต่ตื้นเขินยันลึกล้ำ ในทำนองเดียวกัน ยอดฝีมือจะเข้าใจช่องว่างพละกำลังระหว่างพวกตัวเองและคนอื่นตามระดับที่อยู่ ทำให้พวกเขากระตือรือร้นที่จะไล่ตามอีกฝ่ายมากขึ้น”
“พวกเราสามารถตั้งชื่อระดับของพลังพิเศษได้หลากหลายทาง ยกตัวอย่างเช่น จอมเวทก็สอดคล้องกับตาข่ายวิเศษ แบบนั้นพวกเขาจะสามารถเข้าใจเจตจำนงของโลกได้ง่ายขึ้น”
“ระดับของพลังพิเศษจะสอดคล้องกับพละกำลังของยอดฝีมือ”
“เมื่อความเข้าใจโลกของพวกเขาลึกล้ำขึ้นจนถึงเงื่อนไขระดับหนึ่ง พวกเขาจะมีสิทธิ์ได้ระดับพลังพิเศษที่ลึกล้ำมากยิ่งขึ้น”
“เงื่อนไขที่ข้ากล่าวถึงก็คือพลัง เจ้าต้องบอกพวกเขาว่าได้รับพลังอะไรมา ใช่! เหมือนกับภารกิจพิเศษที่ให้ได้พลังของโลกมานั่นแหละ”
“ภารกิจพิเศษนี้ก็คือการต่อสู้กับความโกลาหล”
“ยอดฝีมือทุกคนในโลกจะต้องสู้กับความโกลาหล พวกเขาล้วนเป็นทั้งพลเมืองและผู้พิทักษ์ของโลก”
“เจ้าสามารถให้พลังพวกเขาเพิ่มขึ้นในรูปแบบของรางวัลโดยยึดตามการกระทำ อาทิ สมบัติ วัตถุดิบมีค่า ความสามารถพิเศษและแม้กระทั่งอายุขัยที่จะอยู่บนโลก”
“แบบนี้ พวกเราก็จะสร้างระเบียบของโลกได้อย่างสมบูรณ์”
“ความโกลาหลไม่สามารถถูกกำจัดได้ แต่ยอดฝีมือใช้บัญญัติโลกเพื่อต่อสู้กับความโกลาหลได้ ทำให้ทั้งสองสมดุลกันหรืออาจจะถึงขั้นทำให้ความโกลาหลอ่อนแอกว่า ส่งผลต่อการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้กับโลก”
“นี่แหละวิถีของข้า!”
กู่ฉิงซานกล่าวจนจบ
‘ครืน!’
เสียงฟ้าร้องสูงต่ำดังขึ้นในท้องนภา
มีทั้งฟ้าร้องและฟ้าผ่า
เจตจำนงที่ไม่อาจพูดได้จะฟังสิ่งที่เขาพูดและตอบรับด้วยการทำบางสิ่ง
กู่ฉิงซานรู้สึกถึงแรงกระตุ้นจากมัน ทันใดนั้นก็กล่าวว่า “ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย หากโลกต้องการชักนำให้เสร็จสิ้นก็ต้องรอให้ข้าปล่อยความโกลาหลออกมาก่อนจึงจะสามารถเริ่มกระบวนการได้”
“เอาล่ะ มาดูซิว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไรบ้าง”
ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหวก่อนหายไปจากหอคอยจอมเวท
จอมเวทลอยอยู่ในอากาศขณะฟังคำพูดของกู่ฉิงซานอย่างเหม่อลอย
พวกเขาไม่เข้าใจอยู่สักพักใหญ่
แต่นี่ก็ไม่ได้ช่วยป้องกันพวกเขาจากความรู้สึกได้เลย
“นายท่าน นายท่าน” จอมเวทคนหนึ่งเรียก
จอมเวทชรากล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องพูด ข้ารู้สึกได้แล้ว”
เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในพลังพิเศษของโลก
พลังมีการแบ่งเป็นระดับจริง!
“มีระดับพลังเท่าไหร่ที่สามารถใช้ได้” จอมเวทชราถามผู้ติดตาม
ผู้ติดตามตรวจสอบสักพักจึงตอบว่า “ข้าไปถึงเพียงระดับที่สี่เท่านั้น จากนั้นก็ไปไม่ได้เลย นายท่าน นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
จอมเวทชราถอนหายใจแล้วกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อนว่า “เขาแค่กล่าวถ้อยคำบางอย่าง องค์ประกอบพลังของทั้งโลกก็เปลี่ยนไป”
เขากล่าวอย่างหมดหวังว่า “ความรู้ที่พวกเราสั่งสมมาล้วนใช้ไม่ได้ ยังไงเสีย นับจากนี้ไป พวกเราสามารถเชี่ยวชาญได้เพียงความรู้รากฐานที่สุดของโลกด้วยการศึกษาสิ่งที่ทวยเทพบอกกล่าวเท่านั้น”
“แต่นายท่าน นั่นเป็นสิ่งที่คริสตจักรทำไม่ใช่หรือ”
จอมเวทชราไม่พูด
จอมเวททุกคนเงียบ
อีกด้านหนึ่ง
กู่ฉิงซานกลับมาอยู่ยอดเขาโดดเดี่ยว
มีฉานนู่คอยคุ้มกันที่นี่ ทุกสิ่งปกติดี
กู่ฉิงซานพยักหน้าให้ฉานนู่ก่อนหยิบดาบศักดิ์สิทธิ์มาจากความว่างเปล่าอีกครั้ง
เสียงของลั่วปิงหลีดังขึ้นจากดาบศักดิ์สิทธิ์ “ถ้าข้าตื่นขึ้นมา เจ้าต้องให้ข้าไปซื้อของนะ”
“ไม่มีปัญหา ข้าจะชดใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเจ้าให้เอง” กู่ฉิงซานสัญญา
“อืม ได้”
ลั่วปิงหลีกล่าวอย่างพึงพอใจ
กู่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้าช้าๆ ก่อนมาถึงซากศพของเด็กผู้ชาย
ประกายดาบเลือนรางวูบไหว
กระแสความโกลาหลทำงาน!
เด็กผู้ชายพลันกระโดดลุกขึ้นมาจากพื้น
“เจ้าฆ่าข้า!”
เขาตะโกนอย่างสิ้นหวังและเกรี้ยวกราด แต่น้ำเสียงของเขาพลันหยุดลง
‘หืม?’
เขาเหมือนยัง…ชีวิตอยู่
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
เด็กผู้ชายตกตะลึง
กู่ฉิงซานเก็บดาบศักดิ์สิทธิ์แล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “วางใจได้ ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ว่าไม่ต้องตื่นตัวไป”
“นี่เจ้าต้องการอะไรกันแน่” เด็กผู้ชายถามอย่างระแวดระวัง
“ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น นับจากนี้ เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ” กู่ฉิงซานตอบ
เด็กผู้ชายประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้คนคนนี้อยากสังหารเขา แต่ตอนนี้กลับไม่สนใจไยดีเสียอย่างนั้น
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ขณะที่ถูกจ้อง หัวใจของกู่ฉิงซานเต็มไปด้วยความกังวล
เขาพลันนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเคยกล่าวเอาไว้
“ช่วยตายสักพักทีสิ ข้าจะเก็บศพเจ้าไว้อย่างดี หากจำเป็น ข้าจะชุบชีวิตขึ้นมาให้”
……………………………………