ตอนที่ 1235 สดับสายลม
เมื่อผ่านมหาสมุทรแล้วเคลื่อนลงไปก็จะพบกับเมือง
เมืองนี้เป็นของสำนักซานไห่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง กู่ฉิงซานผ่านการตรวจสอบหลายชั้นขณะยืนอยู่หน้าบุคคลใหญ่โตจำนวนมากในสำนักใหญ่แห่งนี้
“เด็กคนนี้หรือ” ชายชราเครายาวชุดขาวถาม
“ใช่แล้ว ท่านหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง การตรวจสอบทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ตัวตนของเขาได้รับการยืนยันเรียบร้อย” หลี่ชิวอวี่ตอบ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าตั้งชื่อให้เขาด้วยสินะ หลี่ชิวซานใช่หรือเปล่า” ท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์… หลี่ชุนเตา ผู้เป็นพี่ใหญ่ของหลี่ชิวอวี่ถาม
“ใช่แล้ว” หลี่ชิวอวี่ตอบ
“แบบนี้มันเป็นการเอาใจเกินเหตุไปหรือเปล่า” หลี่ชุนเตาแสดงความไม่พอใจออกมา
…น้องรัก ทำไมเจ้าถึงยอมรับน้องชายง่ายดายปานนี้
“ข้าคิดชื่อให้เขาหลังจากใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว แถมเขาก็ตอบตกลงด้วย” หลี่ชิวอวี่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพี่ใหญ่ นางเงยหน้าขึ้นพบกับสายตาของเขาที่จ้องเขม็ง นางจึงจ้องกลับไป
พี่ใหญ่ เจ้าไม่รู้หรือว่าทักษะการทำอาหารของเด็กคนนี้มากแค่ไหน… ไม่สิ ข้าหมายถึง พรสวรรค์พลังจิตของเขาน่าทึ่งมากจริงๆ
สองพี่น้องสบตากัน ผู้ชายอีกคนที่มีดาบยาวมองกู่ฉิงซานก่อนถามว่า “เจ้าหนู ข้าขอถามอะไรหน่อยสิ ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงให้จ้าวเฉียงฆ่าพ่อบ้านหลิวตอนอยู่ในสำนักเฟยอวี่ล่ะ”
กู่ฉิงซานสังเกตเห็นคนคนนี้นานแล้ว
คนคนนี้เป็นนักดาบเช่นกัน กลิ่นอายของเขาไม่ถือว่าอ่อนแอเลย ดาบที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ธรรมดา
มีสามอำนาจใหญ่ในถ้ำหมื่นอสูร ผู้เชี่ยวชายกระดูก นักพรบพลังจิตและผู้สร้างอาวุธ
เมื่อมองครั้งแรก คนคนนี้ดูเหมือนกับอาวุธ
กู่ฉิงซานคันไม้คันมือ เขาอยากลุกขึ้นไปประดาบกับอีกฝ่ายเหลือเกิน
แต่ตอนนี้ยังไม่ได้
เขาก้มศีรษะแล้วตอบด้วยน้ำเสียงแตกตื่นและวิตกว่า “เพราะในสำนักเฟยอวี่ มีเพียงเหล่าจ้าวบ้านและผู้อาวุโสเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเปิดห้องลับ พ่อบ้านหลิวย่อมไม่มีสิทธิ์อย่างแน่นอน”
“เหตุผลแค่นั้นน่ะหรือ” ผู้ชายยังคงถามต่อ
กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “แล้วก็พวกข้าสำนักเฟยอวี่ตั้งอยู่เหนือป่าดอกท้อ ในความทรงจำของข้า ไม่เคยมีหมอกตอนเที่ยงคืนเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว ตอนพ่อบ้านหลิวเปิดประตูกลับมีหมอกเข้ามา นั่นเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์ภายนอกพิเศษมาก”
ผู้ชายกล่าวว่า “แสดงว่าเจ้าสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติสองอย่างสินะ”
“ใช่ ข้าคิดว่าแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว” กู่ฉิงซานตอบ
ผู้ชายชื่นชมแล้วกล่าวว่า “อืม ฉลาดมาก ไม่สงสัยเลยว่าถึงสามารถรอดกลับมาจากสมรภูมิได้”
คำถามจบลงตรงนี้
ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงที่ไร้ตัวตนดังขึ้น “หลี่ชิวซาน ช่วงนี้เจ้ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเองบ้างหรือเปล่า”
ในความว่างเปล่าผู้หญิงสวมชุดคลุมสีแดงเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนมายืนอยู่ใจกลางกลุ่มคน
นางงดงามยิ่ง ดวงตาราวกับจันทราสะท้อนในสระลึก ริมฝีปากแดง ผิวขาวราวหิมะ ผมยาวราวน้ำตก ตรงหว่างคิ้วมีแสงดาราเลือนรางอยู่
หลี่ชิวอวี่ดึงเสื้อของกู่ฉิงซานและขยิบตาให้เพื่อเป็นสัญญาณให้รีบคำนับ
ทุกคนก้มศีรษะเพื่อทักทายแล้วกล่าวว่า “คารวะนายท่าน”
กู่ฉิงซานได้ชมการต่อสู้มาแล้ว เขาจะไม่รู้จักคนคนนี้ได้อย่างไร
ผู้หญิงคนนี้คือจ้าวสำนักซานไห่ เป็นบุคคลในตำนานของแปดถ้ำแห่งโลก ซานไห่ชีเสีย
กู่ฉิงซานคำนับด้วยความเคารพ “ขอรับ มีอักขระแปลกประหลาดอยู่บนมือของข้า”
ทุกคนมองมาที่มือของเขา แต่กลับไม่เห็นอะไร
“เจ้าค้นพบสิ่งนี้เมื่อไหร่” ซานไห่ชีเสียถามอีกครั้ง
“ข้าเคยฝึกฝนการต่อยมวยและการยิงธนูมาก่อน พอช่วงนี้ฝึกฝนจนปล่อยหมัดชุดได้ อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมา” กู่ฉิงซานตอบ
นี่คือความจริง ไม่ต้องกลัวการตรวจจับของอีกฝ่าย
กู่ฉิงซานปล่อยหมัดทันที
พวกเขาเห็นอักขระปรากฏขึ้นบนมืออีกฝ่าย
ทุกคนเงียบสักพัก
“นี่มันดูธรรมดาเกินไป” ผู้ชายที่มีดาบอยู่ด้านหลังถอนหายใจ
“ใช่ ธรรมดาเกินไป การเป็นนักรบพลังจิตมันง่ายดายปานนี้เลยหรือ” หลี่ชุนเตาเสริมก่อนถาม
ชายเครายาวชุดขาวตอบว่า “ไม่ ในตอนนั้นข้าผ่านกระบวนการมากมาย ทั้งอาบน้ำ ถือศีลอด เผาเครื่องหอมและทายาลับจำนวนมากบนฝ่ามือ จากนั้นท่องคัมภีร์วิชายุทธ์สามวันสามคืนจึงจะใช้งานฝ่ามือพลังจิตทำลายล้างได้”
ชายชราคนหนึ่งกล่าวว่า “ชั่วชีวิตชายชราเคยได้ยินเกี่ยวกับคนแบบนั้นเพียงคนเดียว”
“ใครหรือ” ซานไห่ชีเสียถาม
“จ้าวสำนัก เขาคือคนที่ก่อตั้งกลุ่มซานไห่ของพวกเรา พ่อของท่านนั่นเอง” ชายชราตอบ
“น่าเสียดายที่เขาตายในสุสาน” ซานไห่ชีเสียเศร้าโศกเล็กน้อย
ทุกคนมองกู่ฉิงซานพร้อมกัน
เด็กตัวแค่นี้… แต่มีพรสวรรคืที่น่าสะพรึงขนาดนั้นเชียวหรือ
หรือว่าพลังจิตนั่นจะเกินกว่าความเข้าใจของโลกในตอนนี้
บรรยากาศค่อยๆ แปลกประหลาดเล็กน้อย
หลังจากรออยู่หลายอึดใจ ซานไห่ชีเสียกล่าวว่า “หลี่ชิวซาน ในสถานภาพตอนนี้ เจ้าถือว่าเป็นนักรบพลังจิตอย่างเป็นทางการ”
“โห แล้วตอนนี้ข้าควรทำอะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม
ซานไห่ชีเสียยื่นมือที่เหมือนกับหยกออกไปตรงหน้าเขาแล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “เอาสิ ใช้หมัดพลังจิตของเจ้าแล้วต่อยข้า”
“แต่พี่จ้าวบอกว่ามันจะเป็นการยั่วยุวันสิ้นโลก” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่ต้องห่วง พวกเราล้วนอยู่ที่นี่ เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอก” ซานไห่ชีเสียตอบ
กู่ฉิงซานก้าวมาข้างหน้าก่อนปล่อยหมัดใส่ฝ่ามือของนาง
…นอกจากเสียงแจ่มชัดแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ
ทุกคนผิดหวังเล็กน้อย
“เอาล่ะ ดูท่าจะยังไม่แสดงพลังอะไร ไว้คุยกันทีหลังก็แล้วกัน” ซานไห่ชีเสียกล่าว
ความคิดของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไป เขาเกียจคร้านเกินกว่าจะซ่อนเร้นหรือปกปิดพละกำลัง รวมถึงเกียจคร้านที่จะเป็นชายหนุ่มผู้ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง เขาจึงกล่าวไปตามตรงว่า “หมัดพลังจิตของข้าเหมือนจะต้องปล่อยหมัดที่สองจึงจะแสดงพลังออกมา”
หลี่ชิวอวี่เตือนเขาจากด้านข้างทันที “เจ้าหนู เจ้าเผยไพ่ทั้งหมดออกมาแบบนี้ ในอนาคตจะต่อยหมัดแรกโดนใครได้ล่ะ”
หลี่ชุนเตาต่อว่า “เพ้อเจ้อ นี่พวกเรามัวแต่คุยเรื่องไร้สาระอย่างนั้นหรือ”
เขาพุ่งมาหากู่ฉิงซานทันทีก่อนกล่าวว่า “ครั้งต่อไปต้องไม่ใช่ตัวอย่างแล้วนะ อย่าดีแต่ลมปากก็แล้วกัน”
กู่ฉิงซานรู้ว่าทั้งสองคนนั้นใจดี เขาจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง นี่เป็นเพียงขั้นแรกของพลังจิตข้าเท่านั้น”
…เจ้าคิดว่าจะสามารถปัดป้องสกิลเทพอย่างอสนีบาตสะเทือนฝันกับเรียกขานชื่อได้หรือ
หรือจะเป็น…
จะบังคับให้ใช้ดาบเพื่อทำการร่ายรำดีล่ะ
คนเหล่านี้ที่อยู่ในฉากไม่รู้ว่าเขาผ่านลมฝนมามากเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเขาพบเห็นมามากแค่ไหน จึงมีใครบางคนกล่าวทันทีว่า “กลายเป็นว่าต้องใช้หมัดแรกเพื่อเปิดใช้งานพลังจิต เงื่อนไขออกจะสูงไปหน่อยนะ”
ทุกคนต่างเข้าใจ
“มันเป็นแบบนี้นี่เอง” ซานไห่ชีเสียกล่าวอย่างแผ่วเบา
ลำแสงเก้าสายค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างหลังนางก่อนเข้ามาปกคลุมรอบตัวอย่างไม่มีสิ้นสุด
“เอาล่ะ หมัดที่สองของเจ้า” ซานไห่ชีเสียกล่าว
เมื่อต้องลุยจนถึงที่สุด กู่ฉิงซานแอบกังวลเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “โปรดระวังด้วย หมัดนี้คล้ายกับทรงพลังมาก ถึงแม้มันจะไม่ทำร้ายท่าน แต่มันอาจจะมีผลทำลายล้างวิชาบางส่วนของท่าน”
ทุกคนหัวเราะ
หลี่ชิวอวี่ชำเลืองมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “อย่าพูดจาเหลวไหลน่า เจ้าควรเป็นห่วงตัวเองมากกว่า ถ้าจ้าวสำนักอยากป้องกันหมัดของเจ้า นางไม่จำเป็นต้องป้องกันอะไรเลยด้วยซ้ำ”
คาดไม่ถึง ซานไห่ชีเสียได้ฟังคำพูดของกู่ฉิงซานแล้วกลับครุ่นคิดสักพักก่อนใช้มืออีกข้างเพื่อร่ายวิชา
ลำแสงเก้าสายพุ่งกลับไปที่ด้านหลังของนาง กลายเป็นแสงหลากสีสันนับหมื่นสะท้อนไปมาจนนางดูเหมือนกับเทพธิดา
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เอาเลย” ซานไห่ชีเสียกล่าว
กู่ฉิงซานส่งหมัดใส่มือของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
…นี่คือพลังที่สืบทอดมาจากตัวตนนั้น!
วิชายุทธ์พลังจิต บุกทะลวง!
หมัดและฝ่ามือเข้าปะทะกันสักพัก แต่แสงหลากสีสันเหมือนกับหมู่เมฆที่ถูกปัดเป่าโดยสายลมจนหายไปในพริบตา
เครื่องประดับนับไม่ถ้วนรอบตัวซานไห่ชีเสียส่งเสียงคร่ำครวญ มันส่องแสงระยิบระยับก่อนตกอยู่ในความเงียบ
ปฐพีเริ่มสั่นสะเทือน
ครืน… ตึง… ครืน…
เสียงกรีดร้องหนักหน่วงมาจากใต้ดินส่วนลึก ดังก้องไปทุกหนแห่ง
“หมัดนี้ทำลายการป้องกันนับพัน ไม่ดีแล้ว…” สีหน้าของซานไห่ชีเสียเปลี่ยนไปก่อนกล่าวว่า “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์พลังจิตพิทักษ์ขุนเขาตื่นขึ้นมาแล้ว! ร้อยหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง ผู้เฒ่ากระดูก ตามข้าที่ไปด้านล่างถ้ำเพื่อปลอบประโลมวิญญาณขุนเขา”
“ขอรับ!”
ชายชราเครายาวชุดขาวตอบรับพร้อมกับชายชราอีกคนก่อนหายไปในห้องพร้อมกับซานไห่ชีเสีย
เกิดความเงียบสงัดภายในห้อง
ทุกคนหันมาจ้องกู่ฉิงซาน
สายตาแบบนี้…
กู่ฉิงซานอ้าแขนเพื่อแสดงความรู้สึกที่เกินจริงให้กับคนเหล่านี้ดู
พวกเจ้าจะมองข้าหาพระแสงอะไร
ข้าก็แค่ชายหนุ่มบ้านๆ คนหนึ่ง ถ้าขอให้ข้าต่อย ข้าก็ต่อย ให้ดูอย่างเดียวก็น่าเบื่อแย่น่ะสิ
…
หลังจากผ่านไปนาน
“ดีมาก เจ้าสามารถถอยไปได้แล้ว ไปรอข้างนอก” ซานไห่ชีเสียกล่าว
กู่ฉิงซานยืนขึ้น คำนับคนใหญ่โตทั้งหลายก่อนเดินออกจากประตู
เมื่อออกไป เขาได้ยินเสียงคนเหล่านั้นเริ่มสนทนาเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นให้จ้าวเฉียง
เห็นได้ชัดว่าจากปัญหาที่เขาก่อขึ้น สำนักซานไห่ไม่ได้ทำการตรวจสอบมานานมากแล้ว พวกเขาจึงต้องทำการยืนยันนับครั้งไม่ถ้วนจนไม่พบปัญหาใดๆ ถึงตอนนั้นพวกคนใหญ่โตจึงผ่อนคลายลงเป็นอย่างยิ่ง
สองหมัดนั้นเป็นอุบัติเหตุ
ส่วนอุบัติเหตุนี้จะทำให้กู่ฉิงซานเจอกับอะไร เขายังไม่รู้
กู่ฉิงซานรออยู่นอกประตู
ทั้งหลี่ชิวอวี่และจ้าวเฉียงยังอยู่ข้างใน การสนทนาของคนใหญ่โตในสำนักยังไม่จบ ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องตำแหน่ง เขาจึงทำได้เพียงรอที่นี่
กู่ฉิงซานมองท้องนภาด้วยความเบื่อหน่าย
ถึงจะบอกว่าเป็นท้องนภา แต่มันคือมหาสมุทรสีคราม
เหนือมหาสมุทรไม่ใช่ท้องนภา แต่เป็นขุนเขา
แล้วยอดเขาอยู่ตรงส่วนไหนล่ะ
เกรงว่ายังไม่ใช่ท้องนภา แต่เป็นสุสาน
ชิ
ช่างเป็นโลกที่วิเศษอะไรอย่างนี้
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
ใต้น้ำส่องแสงระยิบระยับ สิ่งปลูกสร้างในเมืองนี้ถูกระบายด้วยสีดำ มันช่างลึกลับและเคร่งขรึม ผู้คนรู้สึกถึงความปลอดภัยที่ยากจะอธิบายเมื่อได้เห็นในครั้งแรก
ผ่านไปสักพัก
จ้าวเฉียงและหลี่ชิวอวี่ออกมาในที่สุด
หลี่ชิวอวี่คว้ามือของกู่ฉิงซานก่อนยัดทรายสีเหลืองจำนวนหยิบมือเข้าไปในกำไลกระดูก
เขาเห็นว่าทรายสีเหลืองค่อยๆ หายไปในกำไลจนกลายเป็นสีทองอร่าม
“นี่อะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“นี่คือทราย”
“ข้ารู้ว่ามันคือทราย แต่มันใช้ทำอะไรน่ะ”
หลี่ชิวอวี่สัมผัสศีรษะของเขาแล้วกล่าวว่า “ด้วยตัวตนของผู้มาใหม่ เจ้าสามารถเรียนรู้จากกลุ่มการศึกษาได้”
กู่ฉิงซานถามว่า “แสดงว่าตอนนี้ข้าเป็นสมาชิกอาศรมแล้วสินะ นับจากนี้ไป ข้าจะเริ่มเข้าสำนักและเรียนรู้ความรู้ต่างๆ จากผู้อื่นได้ใช่หรือเปล่า”
“ไม่ เจ้าไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้นหรอก เจ้าสามารถไปได้เมื่อมีเวลาว่างเท่านั้น ปกติแล้ว…”
หลี่ชิวอวี่ยิ้มอย่างนึกสนุกแล้วกล่าวว่า “ขอต้อนรับสู่สดับสายลม ในอนาคต เจ้าจะต้องเป็นผู้ติดตามพี่สาวเพื่อไปทำภารกิจต่างๆ ”
“สดับสายลมหรือ” กู่ฉิงซานทวนซ้ำโดยไม่รู้ตัว
จ้าวเฉียงอธิบายจากด้านข้าง “นี่คือสาขาของพวกเราสำนักซานไห่ที่เชี่ยวชาญการสืบสวน ‘เรื่องราวผิดปกติ’ และ ‘ความลับ’ มันมีค่าสูงมากนัก”
“หลี่ซานหลาง เจ้าต้องมาด้วย”
…………………………………….