webnovel

1234 ขุนเขาและทะเล

ตอนที่ 1234 ขุนเขาและทะเล

หลังจากหลี่ชิวอวี่ไปแล้ว กู่ฉิงซานและจ้าวเฉียงรออยู่ที่เดิม

กู่ฉิงซานครุ่นคิด “พี่จ้าว เมื่อครู่นางบอกว่าจะไปจัดการกับวันสิ้นโลกที่ถูกบันทึกไว้ นี่มันหมายความว่ายังไงหรือ”

จ้าวเฉียงมองรอบข้าง เห็นคนธรรมดาเพียงบางส่วน จากนั้นจึงกระซิบว่า “สิ่งที่เรียกว่า ‘ถูกบันทึกไว้’ คือวันสิ้นโลกระดับต่ำที่สุดเท่าที่เคยเจอมา พวกเรามีขั้นตอนตายตัวในการกำจัดมัน วันสิ้นโลกประเภทนี้มีไม่มาก ที่จริง วันสิ้นโลกส่วนใหญ่สามารถต่อสู้ซึ่งๆ หน้าแล้วจับมันแช่แข็งได้แต่ไม่สามารถกำจัดมันได้”

“อีกอย่าง หลังจากเจ้าเข้าสำนักแล้ว อย่าถามคำถามเหล่านี้เป็นอันขาด”

“ทำไมล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสับสน

“เพราะในสำนักใหญ่ที่แท้จริง ‘ความลับ’ ที่ถูกค้นพบกับ ‘ความผิดปกติ’ ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าสูงและพิเศษ ไม่สามารถตีเป็นเงินตราได้ เจ้าจะต้องมีคุณสมบัติถึงระดับที่กำหนดเท่านั้นถึงจะแลกเปลี่ยนจนได้รับ “ความลับ” หรือ “ข่าวต่างๆ ” ตามระดับที่กำหนด” จ้าวเฉียงตอบ

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความซาบซึ้งทันทีว่า “ขอบคุณพี่จ้าวที่บอกความลับให้ข้ารู้”

จ้าวเฉียงยิ้มก่อนชูไอศกรีมในมือขึ้น “ถือว่าชดเชยกับไอศกรีมนี้ก็แล้วกัน”

กู่ฉิงซานหัวเราะเช่นกัน แต่ในใจเขารู้ดีว่าไอศกรีมไม่ควรค่าแก่ความลับแม้แต่นิดเดียว

จ้าวเฉียงนับว่าเก่งมากทั้งด้านการค้นคว้าส่วนตัวและการรับมือกับผู้อื่น

จากนั้นเขาคิดอีกครั้ง กลายเป็นว่าในถ้ำหมื่นอสูรนี้ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือ ‘ความลับ’ และ ‘ข่าวต่างๆ ’

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองมีความเข้าในวันสิ้นโลก ในหกวิถีและในอาณาจักรต่างๆ นั้นอยู่ที่ระดับใด

ในสมรภูมิก่อนหน้านี้ วิญญาณชั่วร้ายเมินคนเหล่านี้ที่อยู่ในถ้ำหมื่นอสูร เป็นสัญญาณว่าวิญญาณชั่วร้ายไม่กล้ายั่วยุถ้าหมื่นอสูร

ถึงแม้เขาจะมาจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นและเดินทางไกลมาจากยุคโบราณ แถมยังเคยพบเจอกับผู้รอคอยมาก่อน แต่ถ้ำหมื่นอสูรแห่งนี้อาจจะยังมีความลับที่เขาไม่รู้อยู่ก็ได้

ความคาดหวังในใจของกู่ฉิงซานเพิ่มขึ้น

ตอนนี้ เขาไม่รีบไปโลกวิญญาณชั่วร้าย

เขาและจ้าวเฉียงรออยู่ราวสิบห้านาที

สาวงามร่างสูงถือพัดภาพวาดเคลื่อนลงมาจากท้องนภา

หลี่ชิวอวี่ ท่านหญิงดึงกระดูก

สายลมพัดพาจากคลองจนทำเอาเส้นผมกับกระโปรงของนางปลิวไสว นางดูงดงามเด่นสง่ายิ่งภายใต้เงาสะท้อนของริมน้ำ

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราสามารถกลับกันได้แล้ว”

นางแตะศีรษะของกู่ฉิงซานขณะกล่าว

กู่ฉิงซานในตอนนี้อยู่ในร่างของหลี่ซานหลางอายุสิบสี่ถึงสิบห้าปี ส่วนสูงถึงแค่หน้าอกอีกฝ่ายเท่านั้น ทำให้นางสามารถสัมผัสศีรษะของเขาทันทีที่เอื้อมมือออกไป

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ศีรษะของเด็กคนนี้ให้ความรู้สึกสบายยามที่สัมผัส อาจจะสบายกว่าการสัมผัสสัตว์เลี้ยงตัวเองเสียด้วยซ้ำ

“ท่านหญิงดึงกระดูก พวกเราควรถูกส่งกลับไปเลยหรือเปล่า” จ้าวเฉียงถามอย่างสุภาพ

“ไม่ ข้าเพิ่งได้ข่าวมาน่ะ ข้าทำการสืบค้นและยืนยันประเภทของมันเมื่อเช้านี้ บังเอิญมันเป็นวันสิ้นโลกที่รับมือยาก การส่งมันกลับไปโดยตรงอาจจะอันตรายก็ได้ เหาะกลับไปดีกว่า” หลี่ชิวอวี่ตอบ

“อา จะว่าไปแล้ว จ้าวเฉียง นับจากนี้เจ้าเรียกแค่ชื่อของข้าพอนะ” นางเสริม

จ้าวเฉียงแตกตื่นก่อนรีบกล่าวว่า “ท่านหญิง”

หลี่ชิวอวี่ขัดนางแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าท่านหญิงหรอก หลายปีมานี้เจ้าก็ทำงานได้ดี ทั้งการระบุตัวตน การรวบรวมและการค้นคว้ากระดูกพลังจิตเหนือกว่าสำนักอื่นมากนัก แถมยังมีชุดเกราะเกล็ดที่พบในครั้งนี้อีก ปิดท้ายด้วยเด็กคนนี้”

นางวางมือบนศีรษะของกู่ฉิงซานเพื่อสัมผัสอีกครั้งแล้วกล่าวต่อว่า “ดังนั้นสำนักจึงตัดสินใจแล้ว เมื่อเจ้ากลับไป เจ้าจะได้รับการเลื่อนขั้นให้อยู่ในระดับเดียวกับข้า”

จ้าวเฉียงตกตะลึงราวกับไม่ได้รับข่าวดีมาสักพักใหญ่

กู่ฉิงซานไม่อาจทนที่จะถูกสัมผัสได้อีกต่อไป สุดท้ายก็เค้นประโยคออกมาว่า “ถ้างั้นตอนนี้พวกเราไปได้หรือยัง”

“ได้ พวกเราควรไปกันได้แล้วล่ะ”

หลี่ชิวอวี่กล่าวขณะคลี่พัดภาพวาดในมืออีกข้าง

เขาเห็นละอองหิมะสีขาวบนพื้นผิวพัด มีบุปผาลอยออกมาสองสามดอก พัดภาพวาดทั้งหมดส่องแสงสีเขียวออกมา

หากสังเกตใกล้ๆ แสงสีเขียวทั้งหมดมาจากกระดูกซีดที่ถูกเติมเต็มด้วยแกนกระดูกสิบสองชิ้นบนตัวพัด

ผู้เชี่ยวชาญกระดูกหรือ

หัวใจของกู่ฉิงซานขยับ

หลี่ชิวอวี่สะบัดพัดเบาๆ ทันใดนั้น อีเห็นสีหิมะปรากฏขึ้นบนพื้นผิวพัด

อีเห็นตัวสั่นขณะลงสู่พื้น ร่างกายของมันค่อยๆ ใหญ่ขึ้นจนมีความยาวเจ็ดถึงแปดเมตร

มันคืบคลานบนพื้นขณะมองพวกเขาสามคน

“ไปกันเถอะ พวกเราต้องกลับแล้ว” หลี่ชิวอวี่กล่าว

ภายใต้การนำของนาง จ้าวเฉียงและกู่ฉิงซานนั่งอย่างมั่นคงบนแผ่นหลังของอี้เห็นสีหิมะ

อีเห็นสีหิมะลุกขึ้น วิ่งเหยาะๆ สองสามก้าว จากนั้นพลันทะยานขึ้นสู่อากาศธาตุ ความเร็วค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนบินขึ้นสูงในพริบตา

มันวิ่งอยู่ระหว่างหมู่เมฆและท้องนภาอย่างรวดเร็วราวกับกำลังเดินอยู่บนพื้น

กู่ฉิงซานนั่งอยู่บนแผ่นหลังของอีเห็นสีหิมะขณะสัมผัสมัน เขาลอบแสดงความประหลาดใจออกมา

สายลมที่พัดจากที่สูงและอุณหภูมิต่ำล้วนถูกตัดขาดจากลมหายใจที่แผ่ออกมาจากอีเห็น

อีเห็นวิ่งเร็วมากแต่มั่นคงยิ่ง แม้นั่งอยู่บนแผ่นหลังก็ให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

อีเห็นสีหิมะข้ามขุนเขา แม่น้ำและทะเลจนลงสู่ทะเลทราย

มีจุดเคลื่อนย้ายพริบตาคงที่จากถ้ำร้างทิศตะวันออกไปถ้าทะเลตะวันตก

หลี่ชิวอวี่กล่าวว่า “พวกเราจะรออยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงตอนกลางคืน จากนั้นจึงค่อยออกจากถ้ำร้างทิศตะวันออก น้องชิวซาน พวกข้าทั้งสองเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อนนัก ตากแดดลมฝนข้างนอกทุกวันจนผิวคล้ำ ทำให้ต้องพักผ่อนเสียหน่อยเพื่อรักษาผิว เจ้าดูเหมือนจะเป็นผู้ติดตามประจำของนายน้อยในตระกูล น่าจะรู้วิธีทำอาหารกับชงชาสินะ เรื่องพวกนี้ฝากเจ้าจัดการหน่อยละกัน”

กู่ฉิงซานเปิดปาก ในที่สุดก็พูดออกมาว่า “ได้”

ราตรีคล้อยต่ำ

ทั้งสามคนมาถึงส่วนตะวันตกสุดของทะเลทรายก่อนมายืนอยู่ตรงหน้าหินที่สูงเพียงครึ่งเดียว

“เอาล่ะ ข้าจะขึ้นไปก่อน” หลี่ชิวอวี่กล่าว

นางกระโดดขึ้นไปบนหิน ทั่วร่างพลันหายไป

กู่ฉิงซานทำตามนาง เขากระโดดขึ้นไป จากนั้นแข็งทื่อ

เมื่อยืนอยู่บนหิน เขาไม่สามารถมองเห็นทะเลทรายได้อีกต่อไป มันกลับกลายเป็นถ้ำร้างแทน

กู่ฉิงซานก้มมองลงไป

เขากำลังยืนอยู่บนหลุมลึกที่อยู่ส่วนในของถ้ำ

หินถูกเขากระทืบ

“ขึ้นมา”

หลี่ชิวอวี่กังวลว่าเขาไม่เคยเรียนวิชายุทธ์ใดๆ นางจึงยื่นมือออกมาเพื่อฉุดเขาออกจากหลุม

หลังจากนั้น จ้าวเฉียงปรากฏตัวขึ้นในหลุมลึกเช่นกัน

พวกเขาสามคนเดินออกจากถ้ำก่อนมาถึงสุดขอบหน้าผาด้านนอก

เหมือนกับคราวที่แล้วที่เขาเข้าถ้ำร้างทิศตะวันออก ครั้งนี้เขาต้องกระโดด

หลี่ชิวอวี่มองกำไลเหล็กคุณภาพต่ำตรงข้อมือของกู่ฉิงซานก่อนกล่าวอย่างเหยียดหยันว่า “อย่าใช้ของแบบนี้อีก เดี๋ยวพวกเราสำนักซานไห่จะเสียหน้าเอาได้”

นางหยิบกำไลกระดูกออกมาก่อนโยนให้กู่ฉิงซาน

“สวมสิ่งนี้ จากนั้นกระโดด”

กู่ฉิงซานรับมันมาดู

“กำไลอสูรกระดูกขาว ตัวตนสัญลักษณ์ของสำนักซานไห่ สามารถเคลื่อนย้ายพริบตาผ่านถ้ำหมื่นอสูร เข้าไปในถ้ำทะเลตะวันตกและเข้าใกล้พื้นที่สำนักซานไห่ได้”

“กำไลนี้สามารถเรียกอสูรกระดูกขาวสองตัวให้มาต่อสู้เพื่อท่านได้”

“เจ้าของ: หลี่ชิวอวี่”

กู่ฉิงซานปลดกำไลเหล็กก่อนสวมกำไลกระดูกทันที

เขามองก้นหน้าผาก่อนกระโดดทันที

สายลมแรงกล้าคำราม

บนกำแพงรอบหน้าผา กระดูกไม่มีสิ้นสุดแผ่ลมหายใจดุร้ายออกมา

ลมหายใจเหล่านั้นพุ่งเข้าหากู่ฉิงซานอย่างดุร้าย

ตอนนี้ แสงหมองหม่นปรากฏขึ้นบนกำไลกระดูก

ด้วยแสงหมองหม่นนี้ ความคิดแล้วความคิดเล่าที่เต็มไปด้วยการยับยั้งทรงพลังกวาดผ่านกู่ฉิงซาน จากนั้นลมหายใจดังกล่าวถอยห่างออกมาเพื่อให้เขาลงต่อไป

ทันใดนั้น แสงสว่างวูบไหว

กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกว่าท้องนภากำลังหมุนสักพัก จากนั้นฉากรอบข้างพลันเปลี่ยนไป เท้าของเขาอยู่ในน้ำ

โลกปรากฏขึ้น

กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในทะเลไร้ที่สิ้นสุด

เหนือมหาสมุทรงดงามคือภูเขาสูงที่ห้อยลงมา

ภูเขาลูกนี้ปกคลุมทั่วท้องนภา ซ่อนอยู่ในเมฆหมอก แทบจะมองไม่เห็นสุดขอบ

“ภูเขาและทะเล… สำนักซานไห่ มันเป็นแบบนี้นี่เอง” กู่ฉิงซานพึมพำ

ซ่า!

เขาตกลงไปในทะเล

…………………………………………….