ตอนที่ 1087 ตัวตนที่มาพร้อมกับปริศนา
ความจริง ถ้าคิดให้ถี่ถ้วน การอยู่บนรถไฟนับว่าปลอดภัย จะกลายเป็นแมวให้มันได้อะไร
ทันทีที่จิตของกู่ฉิงซานขยับ เขาตัดใจที่จะใช้วิชาแปลงกายนี้
เขามองซูเสวี่ยเอ้อร์อย่างเงียบงันเพื่อรอผลจากการฝึกวิชายุทธ์แรก
ผ่านไปสักพัก
ซูเสวี่ยเอ้อร์ลืมตาขึ้นแล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ตอนข้าท่องคัมภีร์วิชายุทธ์ ท่าวิชายุทธ์ทั้งหมดที่ข้าเคยเรียนรู้ก่อนหน้านี้กลับมาปรากฏขึ้นในจิตของข้าอีกครั้ง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความเข้าใจท่าเหล่านี้ของข้าลึกซึ้งมากขึ้น”
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่คือครั้งแรกที่เจ้าฝึกฝน หากฝึกฝนอีกสองสามครั้ง ผลของมันจะดีขึ้นกว่าเดิม”
ซูเสวี่ยเอ้อร์ได้รับผลที่จับต้องได้ ดังนั้นนางจึงตั้งใจ ดวงตาหลับลงเพื่อครุ่นคิดถึงคัมภีร์วิชายุทธ์
กู่ฉิงซานคุ้มกันนาง
เวลาผ่านไปช้าๆ
กู่ฉิงซานยิ่งมายิ่งง่วง เขาพิงกับโซฟาก่อนผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ในภวังค์ มีสายลมพัดพามาจากที่ไกลๆ
เสียงดังขึ้นในหูของเขาอย่างแผ่วเบา
“เอา… ข้า…”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
“ใครเรียกข้า?” เขายืนขึ้นขณะถามเสียงดัง
เขามองไม่เห็นรอบข้าง
ทุกสิ่งเหมือนกับก้นทะเลสาบลึก มันทั้งคลุมเครือและปั่นป่วน
กู่ฉิงซานถูกพลังชี้นำขณะเดินทางผ่านมิตินับไม่ถ้วนด้วยความเร็วสูงยิ่งจนมาถึงสถานที่มืดมิดที่ไม่รู้จัก
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง
“มา… เอา… ข้า… สิ…”
“เจ้าเป็นใคร?” กู่ฉิงซานถาม
ในความมืด แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น
แสงหลากสีสัน
หอกเล่มนั้น!
มันเรียกหากู่ฉิงซาน
หึ่ง!
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้น สติกลับมาทันที
ใช่แล้ว หอกหลากสีสัน ผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง!
คาดไม่ถึง มันสัมผัสได้ถึงชิ้นส่วนก่อนเชื่อมโยงกับมันในความฝัน
น่าเสียดายที่ไปได้แค่ครึ่งทาง เขายังอยู่ห่างจากหอกอีกมากนัก
กู่ฉิงซานถอนหายใจขณะมองไปทางตรงข้าม
เขาแข็งทื่อ
ฝั่งตรงข้ามไม่มีซูเสวี่ยเอ้อร์
พูดให้ถูกก็คือไม่มีใครอยู่รอบข้าง
ที่ที่เขาอยู่ไม่ใช่รถไฟ แต่เป็นทุ่งหญ้าในป่า
กู่ฉิงซานยังคงสงบขณะยืนขึ้นเงียบๆ
เสียงอึกทึกดังขึ้นเสียงแล้วเสียงเล่า
“ดูนั่น เขาอยู่นี่”
“ไม่ง่ายเลย ข้าบอกใบ้เขาไปแล้ว แต่พวกเรายังต้องใช้วิชาเพื่อให้ได้มันมา”
“ถ้างั้นเจ้าจะบอกเขายังไงล่ะ?”
“เวลามีจำกัด คุยเรื่องสำคัญก่อนเลยดีกว่า”
เสียงทั้งหมดหายไป มีเพียงเสียงที่มีชีวิตชีวาและร่าเริงเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่
“นักเดินทางหนุ่มเอ๋ย พวกเราพบกันได้ไม่ง่ายเลย ต่อให้มันจะเกี่ยวกับตัวเจ้าและชะตากรรมของพวกเรา แต่เจ้าต้องเดาคำตอบของปริศนาก่อนจึงจะสามารถมาพบพวกข้าได้”
“ปริศนาหรือ?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ
“ใช่ ปริศนา ตั้งใจฟังให้ดี”
“ล้างแค่หน้า ไม่หวีผม ไม่ใช้แสงเวลาเดินตอนกลางคืน หนวดทั้งสองฝั่งโค้งงอ”
“เอาล่ะ กลับไปแล้วค่อยๆ เดา ถ้าเดาได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ให้มองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟ; ถ้าเดาไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีวันได้พบพวกข้าอีก”
กู่ฉิงซานสับสน ทันใดนั้น เขาถูกผลักจนตกลงสู่หุบเหว
เขาลืมตาอันคมปลาบขึ้น สติกลับคืนมา
ฉึกกะฉัก ฉึกกะฉัก ปู๊น
รถไฟยังคงเร่งความเร็ว
ซูเสวี่ยเอ้อร์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาหลับอยู่ขณะท่องคัมภีร์วิชายุทธ์อย่างแผ่วเบา
กู่ฉิงซานยืนขึ้นขณะมองรอบข้าง
ผู้คนในขบวนกำลังพักผ่อนอยู่
เขามองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟ ไม่เห็นอะไรนอกจากสีดำสนิท
กู่ฉิงซานบีบมือแรงๆ
ความเจ็บปวดกระจายอย่างรวดเร็ว
“…เท่ากับบอกว่าข้าฝันสองครั้ง ครั้งแรกคือเสียงเรียกขานของผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง; ครั้งที่สองคือปริศนา” กู่ฉิงซานกล่าวกับตัวเอง
เขาถือว่าเป็นคนที่ผ่านอะไรมาโชกโชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันน่าแปลกนิดหน่อย
เขาเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความฝันมาแค่ครั้งเดียว
ในยุคโบราณ ความฝันของเซี่ยเต้าหลิง
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นเอื้อมมือไปสะกิดซูเสวี่ยเอ้อร์
“มีอะไรหรือ?” ซูเสวี่ยเอ้อร์ลืมตาขึ้นแล้วถาม
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ข้าต้องขอการสนับสนุนจากเจ้า” กู่ฉิงซานพึมพำ
ซูเสวี่ยเอ้อร์วิตกขึ้นมาทันที
นางเอื้อมมือไปหยิบไพ่ทะเลโลหิตออกมาก่อนกระซิบว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่มีใครบางคนมาขอให้ข้าเดาปริศนาในความฝันน่ะ”
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองเขาเงียบๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเขา
อุณหภูมิก็ปกติดีนี่
“ปริศนาอะไร” ซูเสวี่ยเอ้อร์ดึงมือกลับขณะถาม
“ล้างแค่หน้า ไม่หวีผม ไม่ใช้แสงเวลาเดินตอนกลางคืน หนวดทั้งสองฝั่งโค้งงอ”
“นี่มันหมายถึงแมวไม่ใช่หรือ”
“ใช่ ปริศนาเรียบง่ายแบบนี้ เหมือนจงใจจะให้ตอบถูกอย่างนั้นแหละ…”
ดวงตาของกู่ฉิงซานกลับมาที่หน้าต่างระบบเทพสงครามขณะจดจ่อกับสกิลที่เขาเพิ่งได้รับมา
แปลงกายเป็นแมวปีศาจ
นี่คือสกิลเดียวที่เขาสามารถเอามาเชื่อมโยงกับแมวได้
หรือว่าใครบางคนที่มีอิทธิพลกับหินแห่งสรรพสิ่งกระตุ้นให้หินสร้างสกิลนี้ขึ้นมา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง กู่ฉิงซานพลันนึกถึงพลังที่ผลักเขาออกมาตอนที่สู้กับเปลวไฟสีดำ
สุดท้าย… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
กู่ฉิงซานตัดสินใจแล้วกล่าวว่า “เสวี่ยเอ้อร์ ข้าต้องลงมือแล้ว ช่วยคุ้มกันข้าที”
“เจ้าจะทำอะไร?”
“กลายเป็นแมว”
หลังจากพูดจบ กู่ฉิงซานร่ายคาถา “ตระกูลของพวกเราคือแมว”
ทันทีที่ร่ายจบ เขาหดตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแมวลายตัวใหญ่ น่ารัก
ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึงก่อนอุทานเสียงต่ำว่า “ว้าว! ฉิงซาน เจ้ามีสกิลที่น่ารักแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
นางกอดแมวลายตัวใหญ่ ไว้ในอ้อมแขนก่อนหัวเราะอย่างมีความสุข
คาดไม่ถึง กู่ฉิงซานจะน่ารักได้ขนาดนี้!
ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!
เวลาผ่านไปหลายอึดใจ
“เหมียว เหมียวๆๆ!” แมวลายตัวใหญ่ รีบส่งเสียงเรียก
ซูเสวี่ยเอ้อร์นึกขึ้นได้ว่ากอดแรงเกินไปจนไม่ทันได้ดูแมว นางจึงรีบยกเขาขึ้น
แมวลายตัวใหญ่ หายใจหอบหลายครั้งเพื่อฟื้นฟูออกซิเจนไปยังสมอง
ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวขอโทษ “ขอโทษที ข้าชอบแมวน่ะ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยเลี้ยงแมว”
แมวลายตัวใหญ่ เหวี่ยงอุ้งเท้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่สนใจ
มันขยับร่างกาย ดวงตาของแมวเผยแววครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เหมียวๆ”
ซูเสวี่ยเอ้อร์แตกตื่น
“มันจบแล้ว ข้าไม่เข้าใจภาษาแมว เจ้าพูดภาษาจีนได้หรือเปล่า” นางรีบถาม
แมวลายตัวใหญ่ ตบหน้าผากตัวเองด้วยอุ้งเท้า จากนั้นโบกอุ้งเท้าไปมาอย่างรุนแรงเพื่อชี้ไปตรงหน้าต่างของรถไฟ
ตอนนี้ซูเสวี่ยเอ้อร์เข้าใจแล้ว
นางไปที่หน้าต่างพร้อมกับอุ้มแมวลายตัวใหญ่ ไว้ จากนั้นถามว่า “เจ้าอยากมองออกไปหรือ?”
แมวลายตัวใหญ่ พยักหน้า
ซูเสวี่ยเอ้อร์ยกมันขึ้นเพื่อให้เกาะตรงหน้าต่าง
แมวลายตัวใหญ่ ดิ้น บั้นท้ายขยับเล็กน้อย
“อาโทษที ข้าอยู่ใกล้ไปหน่อย” ซูเสวี่ยเอ้อร์เขินอาย
นางปรับท่วงท่าตัวเอง
ครั้งนี้แมวลายตัวใหญ่ สามารถมองข้างนอกได้อย่างวางใจ
มันมองความมืดนอกหน้าต่าง แต่แสงที่แตกต่างออกไปสะท้อนอยู่ในลูกตา
ราวกับสัมผัสบางสิ่งที่น่าตกตะลึงได้ ร่างกายแมวลายตัวใหญ่ พลันสั่นสะท้าน
“ปวดฉี่หรือ จบแล้วๆ” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวกับตัวเอง
หลังจากพูดจบ นางเสียดายจนอดที่จะตบหน้าตัวเองไม่ได้เพื่อเตือนว่า “อา ไม่ใช่สิ! นี่ไม่ใช่แมวข้า แต่เป็นกู่ฉิงซาน!”
แมวลายตัวใหญ่ หันศีรษะมามองนางก่อนชี้อุ้งเท้าไปที่ห้องคนขับอีกครั้ง
ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามว่า “เข้าห้องคนขับหรือ?”
แมวลายตัวใหญ่ พยักหน้า
ซูเสวี่ยเอ้อร์อุ้มแมวลายตัวใหญ่ ขณะเดินไปห้องคนขับ
หลานซิ่วและกู่เหยียนกำลังขับยานอวกาศ
ที่จริง เส้นทางการบินได้รับการปรับแล้ว พวกเขาสองคนอยู่ที่นี่เพื่อคอยเฝ้าระวังและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุต่างๆ
เมื่อซูเสวี่ยเอ้อร์เข้ามา ทั้งสองก้มมองสิ่งหนึ่งอยู่
มีความรู้สึกระแวดระวังอันแรงกล้าบนใบหน้าของพวกเขา
เมื่อเห็นซูเสวี่ยเอ้อร์ หลานซิ่วส่งสิ่งนั้นให้แล้วกล่าวว่า “เจ้าถามกู่ฉิงซานทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
กู่เหยียนเสริมว่า “เพราะคราวที่แล้วเขาเพิ่มตัวตน ‘นักเต้นนำของการร่ายรำลับ’ พวกเราจึงต้องร่ายรำท่าแปลกประหลาดทันที เพราะงั้นครั้งนี้เขาจึงมีอีกตัวตนขึ้นมา พวกข้าจึงต้องตรวจสอบดีๆ”
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองดูด้วยความสงสัย
โอ้ มันกลายเป็นสัญญาพันธมิตรไปแล้ว
นางเห็นว่าตัวตนของกู่ฉิงซานได้เปลี่ยนไปในพันธมิตรทั้งสี่
“นักฆ่ามังกรจากยุคโบราณ ศัตรูตัวฉกาจของเทพแห่งความโกลาหล ราชาภูตผีแห่งยมโลก ผู้ครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ พันธมิตรของหุบเหว ราชามารและทูตสวรรค์ตัวน้อยแห่งบาป ชายผู้มีทักษะการจูบเก่งที่สุดในโลก ศิลปินผู้มีการแสดงมากประสบการณ์ แมวลายตัวใหญ่ กู่ฉิงซานลงนามสัญญาเป็นพันธมิตรเรียบร้อย”
………………………………….