webnovel

1088 ถ้ำซากปรักหักพัง

ตอนที่ 1088 ถ้ำซากปรักหักพัง

“เหมียว!”

“เหมียวๆ เหมียว!”

แมวลายตัวใหญ่ชี้ไปที่เครื่องมือต่างๆ ก่อนเรียกทุกคน

หลานซิ่วปาดเหงื่อจากหน้าผากแล้วถามว่า “มีใครเข้าใจภาษาแมวบ้าง”

กู่เหยียนตอบว่า “ข้าไม่มีลูกน้องที่มากพรสวรรค์ขนาดนั้น”

ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวว่า “ถ้างั้นก็ต้องถามฉ่าเฉียงล่ะนะ ข้าจำได้ว่าในหนังสือกล่าวไว้ว่าปีศาจมีความสามารถเชี่ยวชาญภาษาตามธรรมชาติเพราะความต้องการที่อยากเข้าสู่โลกต่างๆ”

ผ่านไปสักพัก ฉ่าเฉียงส่งเสียงตอบกลับ

“เขากลายเป็นแมวหรือ” ฉ่าเฉียงถามด้วยความประหลาดใจ “เอาเถอะ พวกข้าปีศาจรู้ภาษาของทุกเผ่าพันธุ์ ข้าจะคุยกับเขาเอง”

“เจ้าแมวน้อย… ไม่สิ กู่ฉิงซาน เจ้าอยากจะพูดอะไรหรือ”

แมวลายตัวใหญ่อธิบายว่า “เหมียวๆ”

ฉ่าเฉียงฟังแล้วบอกกับกลุ่มคนว่า “…เขาบอกว่าพวกเราต้องเปลี่ยนเส้นทางเพื่อมุ่งสู่ตำแหน่งฐานบัญชาการใต้ดิน”

“ฐานบัญชาการใต้ดิน…”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ครุ่นคิดอย่างละเอียดก่อนพบเส้นทางที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เรียกว่าฐานบัญชาการใต้ดินคือฐานบัญชาการอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ก่อตั้งโดยจักรวรรดิดาราตอนที่โลกภายในมาสำรวจที่นี่

ไม่เพียงแค่จักรวรรดิดาราเท่านั้น แต่กองกำลังและองค์กรจำนวนมากของโลกภายในก่อตั้งกองกำลังตัวเองในทางเดินลับเพื่ออำนวยความสะดวกในการสำรวจโลกธุลี

ที่อยู่และเส้นทางเหล่านี้ล้วนถูกบันทึกในแผนที่ดาราที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำของซูเสวี่ยเอ้อร์

ซูเสวี่ยเอ้อร์วางแมวลายตัวใหญ่บนโต๊ะก่อนควบคุมเครื่องมือจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

ยานอวกาศเหล็กกล้าลดความเร็วลงในความมืดก่อนเริ่มเคลื่อนตัวลงไปอย่างช้าๆ

ผ่านไปสักพัก แมวลายมองหน้าต่างก่อนตะโกนว่า “เหมียวๆ เหมียวๆ!”

ฉ่าเฉียงกล่าวว่า “เขาบอกว่าอีกสามนาทีให้บินไปทางขวาและมุ่งตรงไปห้องเตรียมการรบ”

ทุกคนตกตะลึง

ให้เปลี่ยนทางตอนนี้หรือ

“ห้องเตรียมการรบหรือ ข้าจะเปลี่ยนเส้นทางให้เดี๋ยวนี้แหละ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์เริ่มปรับเส้นทางของยานอวกาศ

หลังจากบินมานานกว่าสิบนาที แมวลายกล่าวอีกครั้งว่า “เหมียวๆ! เหมียวๆ!”

“เขาบอกว่าตอนนี้ให้บินไปทางสถาบันวิจัยโลก”

“…ข้าจะเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้แหละ”

“ตอนนี้บินไปที่ศูนย์กลางจักรกล”

“มุ่งหน้าไปแผนกวิจัยสิ่งลี้ลับ”

“ตรงไปตำแหน่งกองหน้า”

“เปลี่ยนทางแล้วมุ่งหน้าไปหอคอยเคลื่อนย้ายพริบตา”

“เดี๋ยวนะ เปลี่ยนทางอีกแล้ว ไปถ้ำซากปรักหักพัง”

ซูเสวี่ยเอ้อร์เปลี่ยนตำแหน่งการบินอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนไม่พูดอะไร แต่ในใจก็อดฉงนไม่ได้

…กู่ฉิงซานจะให้บินไปไหนกันแน่

โชคยังดี ทุกคนลงนามสัญญาพันธมิตรแล้ว นอกจากนี้ ในระหว่างต่อสู้กับเปลวไฟสีดำ กู่ฉิงซานควบคุมเกราะศึกยักษ์เพื่อต้านทานการโจมตีให้ทุกคน ดังนั้นถึงแม้ทุกคนจะมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงเชื่อในตัวเขา

พวกเขาไม่รู้ว่าในสายตาของกู่ฉิงซานคือโลกที่อยู่ในสถานการณ์แตกต่างออกไป

ในความว่างเปล่าอันมืดมิดและลึกล้ำ ร่างเรืองแสงขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนล่องลอยอย่างเงียบงันราวกับหิ่งห้อยมารวมตัวกัน

ตอนที่ยานอวกาศกำลังบิน ร่างเรืองแสงเหล่านี้ตามติดยานอวกาศมาเช่นกัน

เมื่อใดก็ตามที่บินไปได้ระยะทางหนึ่งแล้ว ร่างเรืองแสงขนาดเล็กทั้งหมดจะก่อตัวเป็นแถวข้อความ

ห้องเตรียมการรบ สถาบันวิจัยโลก ศูนย์กลางจักรกล แผนกวิจัยสิ่งลี้ลับ ตำแหน่งกองหน้า หอคอยเคลื่อนย้ายพริบตาและถ้ำซากปรักหักพัง ทุกครั้งที่ร่างเรืองแสงเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นแถวข้อความใหม่ขึ้นมาในความมืดเพื่อนำทางยานอวกาศให้บินไปยังสถานที่ใหม่

ขณะนำทาง กู่ฉิงซานลอบครุ่นคิดอยู่ในใจ

ทำไมข้าต้องกลายเป็นแมวก่อนถึงจะสามารถเห็นร่างเรืองแสงเหล่านี้กันล่ะ

หลังจากยานอวกาศเข้าสู่ถ้ำแห่งนี้ มันเริ่มลงจอด

ตามตำแหน่งที่บันทึกไว้บนยานอวกาศ ทำให้ทราบว่านี่คือสถานที่ที่จักรวรรดิดาราค้นหาซากปรักหักพังแปลกประหลาดมากมาย ที่ด้านล่างของทางเดินลับ มันคือถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่า

นับตั้งแต่เรนี่โดลหักหลังเหล่าเทพเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน เหล่าเทพตกต่ำ ทางเดินลับต้องสาปก่อนถูกผนึก สถานที่นี้จึงกลายเป็นถ้ำมืดมิดและว่างเปล่า

กู่ฉิงซานนำทุกคนออกจากยานอวกาศ

“ที่นี่มืดจัง ไม่มีอะไรเลย” ฉ่าเฉียงพึมพำ

“ใช่ ทุกคนระวังตัวด้วย!” กู่เหยียนกล่าว

กู่ฉิงซานกลับเห็นสิ่งที่ต่างจากทุกคน

…เพราะตอนนี้เขาคือแมว

เขาเห็นร่างเรืองแสงนับไม่ถ้วนกำลังก่อตัวเป็นทะเลแสงในถ้ำ

“เหมียว!” กู่ฉิงซานกล่าว

“เขาขอให้พวกเรารออยู่กับที่” ฉ่าเฉียงกล่าว

กู่ฉิงซานดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของซูเสวี่ยเอ้อร์ ในที่สุดก็กระโจนออกมา

เขาวิ่งไปข้างหน้าแล้วกระโดดขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่

ไม่ช้า

ในบรรดาร่างเรืองแสงนับไม่ถ้วน ดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดเคลื่อนลงมาก่อนลอยอยู่ตรงข้ามเขา

แสงสว่างค่อยๆ มาบรรจบกัน เผยให้เห็นชายชราเครายาวขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ

“ดี ในที่สุดเจ้าก็เดาปริศนาออกจนมีคุณสมบัติที่จะตกลงกับพวกข้า”

ชายชราเครายาวกล่าวกับแมวลาย

แมวลายชี้ไปยังคนที่อยู่ด้านหลังแล้วถามว่า “เหมียวๆ”

“ใช่แล้ว พวกเจ้าทั้งหมดปราศจากพละกำลังคำสาบาน พวกเขาจึงไม่เห็นพวกข้า” ชายชราเครายาวตอบ

แมวลายชี้มาที่ตัวเองด้วยอุ้งเท้าอีกครั้งแล้วถามว่า “เหมียวๆ เหมียว”

ชายชราเครายาวยิ้มแล้วตอบว่า “เจ้ากลายเป็นแมว ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะมองเห็นพวกข้า นั่นเพราะ… แมวสามารถมองเห็นวิญญาณตั้งแต่เกิดได้”

แมวลายตัวใหญ่ดูประหลาดใจ มันเอียงศีรษะแล้วถามว่า “เหมียวๆ”

“อา ใช่ พวกข้าคือภูต แต่พวกข้าล้วนตายไปแล้ว… ใช่ว่าเป็นอมตะจะไม่ตายหรอกนะ”

ชายชราเครายาวกล่าวต่อว่า “หนึ่งร้อยล้านปีก่อน ในฐานะที่ภูตอย่างพวกข้าเป็นเผ่าพันธุ์ที่เข้าใจพลังลึกลับมากที่สุดร่วมมือกับเหล่าเทพเพื่อศึกษาพลังแปลกประหลาดของโลกธุลี”

“วันหนึ่ง จู่ๆ การต่อสู้ระหว่างเหล่าทัพก็ปะทุขึ้น สถานที่นี้จึงต้องสาปก่อนจะถูกปิดสนิท”

“สิ่งที่ทำให้พวกข้าสิ้นหวังยิ่งกว่าคือทั่วทางเดินลับได้รับพรจากคำสาบานของสี่เทพอันชอบธรรมกับสิ่งมีชีวิตทรงพลังจำนวนมาก”

“ใครก็ตามที่มาที่นี่จะใช้ได้แค่ความสามารถเดียว… คำสาบานดั้งเดิมมีไว้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีพลังที่แข็งแกร่งเกินไปมารบกวนโลกธุลีจนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”

“แต่หลังจากทางเดินลับถูกผนึก พวกข้าไม่สามารถออกไปได้ อีกทั้งยังถูกผูกมัดด้วยคำสาบานของสี่เทพ ดังนั้นจึงต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากที่นี่อย่างยากลำบาก”

“เมื่อเวลาผ่านไป พวกข้ายอมรับผลลัพธ์นี้อย่างช้าๆ”

“ยังไงเสีย มีหลายสิ่งที่ถูกเก็บกู้จากโลกธุลี มันมากพอที่จะให้พวกข้าใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อศึกษาพลังของฝั่งแปลกประหลาด พวกข้าพึงพอใจกับชีวิตแบบนี้”

“แต่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน บางสิ่งก็ได้ตื่นขึ้นมา”

“เหมียวๆ” แมวลายถาม

“อา นั่นคือวัตถุในตำนานของฝั่งแปลกประหลาด ชิ้นส่วนที่แตกสลายของหวนคืนชาติภพหกวิถี”

“พวกข้าไม่รู้ว่ามันตื่นขึ้นมาได้ยังไง แต่เห็นได้ชัดว่าในฐานะชิ้นส่วนของโลก มีวิญญาณชั่วร้ายนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น พวกมันทรงพลังจนพวกข้าไม่สามารถหาทางรับมือได้ในเวลาไม่นาน”

เมื่อชายชราเครายาวกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป

ด้านหลังเขา วิญญาณภูตทั้งหมดอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

ร่างวิญญาณจำนวนมากเริ่มหลบหนีไปยังส่วนลึกของถ้ำ

“โอ๊ะ!”

ชายชราเครายาวกล่าวอย่างแตกตื่นว่า “เร่งมือเข้า สิ่งนั้นกำลังมา พวกเจ้ารีบซ่อนตัว ไว้คุยกันทีหลัง!”

“เหมียวๆ”

ชายชราเครายาวชี้ไปตรงพื้นที่อยู่ไม่ไกลนักแล้วกล่าวว่า “เจ้าไปบอกให้ทุกคนเข้าไปซ่อนในนั้น!”

แมวลายหันศีรษะไปมอง

เขาเห็นซากปรักหักพังที่ไม่รู้จักนับไม่ถ้วนกองอยู่บนพื้น มีคัมภีร์สีเทารวมอยู่ตรงนั้น

ชายชราเครายาวสะบัดไม้เท้าสั้นก่อนชี้ไปที่กู่ฉิงซาน

ปัง!

กู่ฉิงซานกลับมาเป็นร่างมนุษย์

เพียงพริบตา หิ่งห้อยทั้งหมดหายไป

ในฐานะคนธรรมดา เขามองไม่เห็นร่างวิญญาณของหิ่งห้อยเหล่านั้นอีกต่อไป

กู่ฉิงซานชี้ไปที่คัมภีรภาพทันทีก่อนกล่าวกับทุกคนว่า “ไป สัตว์ประหลาดกำลังมา พวกเราต้องเข้าไปซ่อนในนั้น!”

ทุกคนเดินทางมาด้วยกัน พบเห็นสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจขัดขืนได้อย่างกรงเล็บกระดูกยักษ์และเปลวไฟสีดำ สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากได้ยินคือคำว่า “สัตว์ประหลาด”

ตอนเห็นกู่ฉิงซานกลายเป็นแมวลายตัวใหญ่ สนทนากับสิ่งที่มองไม่เห็นในความมืด พวกเขาตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก

พอกู่ฉิงซานกลับมาบอกแบบนั้น ทุกคนจึงลงมือทันที

“นั่นมันภาพวาดไม่ใช่หรือ พวกเราจะเข้าไปได้ยังไง” ฉ่าเฉียงถาม

กู่ฉิงซานไม่รู้ ได้แต่พาทุกคนไปที่คัมภีรภาพ

นี่คือคัมภีรภาพโบราณที่แสดงภาพผู้คนกำลังขับร้องและเต้นรำรอบกองไฟ

กู่ฉิงซานเดินไปที่คัมภีรภาพอย่างไม่มั่นใจ

วินาทีต่อมา

เขาพลันหายไป

ทุกคนตกตะลึงขณะมองคัมภีรภาพพร้อมกัน

พวกเขาเห็นกู่ฉิงซานปรากฏขึ้นบนคัมภีรภาพขณะส่งสัญญาณมาที่ทุกคน

ซูเสวี่ยเอ้อร์เดินไปที่คัมภีรภาพทันที

นางปรากฏตัวในคัมภีรภาพเช่นกันก่อนกุมมือกู่ฉิงซานเอาไว้แล้วมองทุกคน

…ไม่ผิดแน่

ทุกคนรีบเข้าคัมภีรภาพ

………………………………….