webnovel

1086 วิชายุทธ์

ตอนที่ 1086 วิชายุทธ์

ปู๊น…

ฉึกฉักๆ!

รถไฟกำลังเร่งความเร็วในความมืด

โลกใต้ดินที่อยู่ลึกลงไปมีรางรถไฟนับไม่ถ้วน พวกมันล้วนถูกสร้างโดยจักรวรรดิดารา

กู่ฉิงซานเข้าใจการทำงานและโครงสร้างของรถไฟเหล็กกล้าดารา

ซูเสวี่ยเอ้อร์รู้ทางไปข้างหน้าผ่านแผนที่ดารา

ทั้งสองช่วยกันขับรถไฟขณะเปลี่ยนรางในความมืดอย่างต่อเนื่องเพื่อเคลื่อนไปตามทางที่แผนที่ดาราบอก

ราตรีผ่านไปเช่นนี้ รถไฟยังวิ่งไม่หยุด แต่ทั้งสองต้องนอนพักเล็กน้อย

…ตอนนี้ทุกคนกลายเป็นคนธรรมดา กลางวันเดินเท้ามาตลอด ปลุกปล้ำกับสัตว์ประหลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นควบคุมรถไฟตลอดคืน ท้ายสุดก็ผล็อยหลับ

“ฉิงซาน ข้าจะขับให้ เจ้าพักสักหน่อยเถอะ” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่า

กู่ฉิงซานยิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า

“รอเดี๋ยวนะ ประมาณหกโมงเช้า รถไฟจะเปลี่ยนรูปทรง”

ซูเสวี่ยเอ้อร์จำคำแนะนำบนแผนที่ดาราได้ก่อนกล่าวว่า “ใช่ รางรถไฟข้างหน้าจะหายไป มันคือความว่างเปล่าอันมืดมิด เจ้าจะไปตรงนั้นยังไงล่ะ?”

“กลายเป็นยาน… หลานซิ่วและกู่เหยียนจะขับยานอวกาศให้ เราจะให้พวกเขารับไม้ต่อเอง”

หลังจากพูดจบ กู่ฉิงซานเปิดคอนโซลอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของรถไฟค่อยๆ ช้าลง

เมื่อรางรถไฟหายไปแล้ว รถไฟลอยอยู่ในอากาศก่อนกลายเป็นยานอวกาศเหล็กกล้าชัดๆ

“ข้าพักพอแล้ว” ร่างของหลานซิ่วปรากฎขึ้นในห้องนักบิน “ได้เวลาเปลี่ยนกะแล้ว”

กู่เหยียนเดินเข้ามาเช่นกันแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าไปพักเถอะ ข้าไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เก็บแรงเอาไว้”

กู่ฉิงซานและซูเสวี่ยเอ้อร์ออกจากห้องนักบินก่อนกลับไปพื้นที่พักผ่อน

ผู้ติดตามของหลานซิ่วรออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

“สหายเคารพทั้งสองท่าน เชิญมาที่นี่”

ผู้ติดตามโน้มตัวเล็กน้อย

กู่ฉิงซานและซูเสวี่ยเอ้อร์ถูกพาไปห้องทานอาหาร อาหารเช้าถูกเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว

ระหว่างที่กินและดื่ม ฉ่าเฉียงตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่น หลังจากเดินดูรอบๆ สักพักก็กลับไปนอน

“ปีศาจตนนี้พิเศษชะมัด” กู่ฉิงซานออกความเห็น

“อืม แข็งแกร่งมากจริงๆ แถมเป็นที่รักของลูกน้องด้วย พึ่งพาได้จริงๆ” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

กู่ฉิงซานจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้แล้วถามอีกครั้งว่า “เสวี่ยเอ้อร์ ตอนพวกเราขับเกราะตัวนี้ไปสู้ จู่ๆ พวกเราก็ย้ายตำแหน่ง จากนั้นก็หลบการโจมตีของเปลวไฟสีดำได้ ตอนนั้นเจ้าไม่ได้เป็นทำจริงๆ หรือ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์หัวเราะแล้วตอบว่า “ใช่ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ เจ้ายังคิดเรื่องนี้อยู่อีกหรือ”

“ใช่ ข้าไม่คิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญ เพราะเกราะตัวนี้คืออาวุธสงครามที่มีความแม่นยำสูง มันจะไม่เคลื่อนไหวถ้าไม่ได้รับคำสั่ง”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดไปมา จากนั้นพลันถามว่า “อาวุธกาลอวกาศ เจ้าเป็นคนควบคุมเกราะหรือเปล่า”

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น “ไม่ใช่ข้า เพราะกำลังเปลี่ยนรูปร่างอยู่ ข้าจึงไม่มีเวลามาทำแบบนี้”

…ถ้าอย่างนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว

มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ หรือ?

ความคิดของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

เขาพลันหยิบกระดูกชิ้นเล็กขึ้นมาสำรวจอย่างละเอียด

…นี่คือกระดูกที่เก็บซากศพของภูตก่อนหน้านี้ ทันทีที่เปิดในตอนนั้น ซากศพของภูตก็สลายหายไป

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองกระดูกนี้ก่อนจำฉากในตอนนั้นได้

นางถามอย่างสงสัยว่า “ฉิงซาน เจ้าบอกว่าหากมีกระดูกมาอยู่ในมือ เจ้าสามารถรู้ว่ามันแข็งหรือนุ่มได้ นี่เป็นความจริงหรือเปล่า?”

กู่ฉิงซานสังเกตกระดูกในมือก่อนกล่าว “ใช่ ใช่แล้วล่ะ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์หน้าแดงขณะจับมือของกู่ฉิงซานไว้แล้วกระซิบว่า “ถ้างั้น… จับมือข้าสิ มันนุ่มหรือแข็ง ข้าอาจจะสู้มากเกินไปจนนิ้วด้านหรือเปล่า…”

กู่ฉิงซานบีบมือนาง จากนั้นบีบแขนแล้วตอบด้วยใบหน้าจริงจังว่า “มือกับแขนของเจ้านุ่มเกินไป ไม่มีกล้ามเนื้อเลย เกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถต่อสู้ได้ในเวลานาน; อีกอย่าง เจ้ายังไม่ได้รับการฝึกต่อสู้ซึ่งมันละเอียดอ่อนมาก ผิวของเจ้าจะทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดมากเกินไป ไม่เอื้อให้กับการสู้คน”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึง

กู่ฉิงซานหันศีรษะแล้วกล่าวว่า “นี่นับว่าแปลก ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยเรียนต่อยมวยกับทักษะกายภาพมาก่อน วิชาหมัดมวยของตระกูลซูขึ้นชื่อในสหพันธ์มาก แถมเจ้ายังเป็นพี่คนโตสุดด้วย…”

“ข้าเคยรู้วิชาลับของศิลปะการต่อสู้… ฝ่ามือกระเรียน แต่ขาดการฝึกฝนไปนานมากก็เลยไม่คุ้นเคยเท่าไหร่” ซูเสวี่ยเอ้อร์หัวเราะ

กู่ฉิงซานพลันกล่าวว่า “เป็นอย่างนั้นเอง แต่มันไม่สำคัญหรอก ข้ามีการฝึกอยู่กับตัว หลังจากกลับไปแล้วจะส่งให้เจ้า เจ้าสามารถฝึกฝนได้ในระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นจะค่อยๆ ฟื้นคืนความรู้สึกอันยอดเยี่ยมจากวิชายุทธ์”

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองเขาอย่างจริงจัง ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานก่อนพลันยิ้มออกมา “ข้าไม่จำเป็นต้องเรียนต่อยมวยอีกแล้ว เพราะตอนนี้ข้าคือผู้ใช้ไพ่ ข้าสามารถใช้ไพ่ต่อสู้ได้”

หน้าของนางแดงก่ำอีกครั้ง น้ำเสียงเบาราวกับมด “ฉิงซาน เจ้าช่วยดูเพิ่มเติมให้หน่อยสิว่าข้าไม่เหมาะกับการฝึกวิชายุทธ์แล้วหรือเปล่า”

กู่ฉิงซานโบกมือแล้วกล่าวด้วยใบหน้าจริงจังว่า “สิ่งนี้เรียกว่าการพยากรณ์โรคจากการสังเกตอาการ พอสัมผัสมือกับแขนของเจ้าจะทำให้รู้สถานการณ์คร่าวๆ ที่จริง รากฐานวิชายุทธ์ของเจ้าดีมากเลยนะ ข้าจำได้ว่าวิชายุทธ์ของเจ้าดีที่สุดในรุ่นพวกเรา”

“น่าเสียดาย… ที่จริง ช่วงนี้ข้าได้คัมภีร์วิชายุทธ์มา มันถูกส่งต่อมาถึงข้าโดยยอดฝีมือวิชายุทธ์ในยุคโบราณ เพราะงั้นข้าเลยอยากส่งต่อให้เจ้าเพื่อให้สามารถฝึกฝนได้”

กู่ฉิงซานกล่าวต่ออย่างละเอียดว่า “มีคำกล่าวว่าคัมภีร์วิชายุทธ์นี้ ต่อให้อ่านเพียงครั้งเดียวก็จะมีเมล็ดพันธุ์แห่งพลังวิชายุทธ์ฝังรากลึก การรับรู้พลังจะลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ เจ้าต้องฟูมฟักวิชายุทธ์นี้ให้ดี”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตกตะลึงสักพัก

นี่แตกต่างจากสิ่งที่นางคิดเอาไว้

…มันคือความอบอุ่น

ความอบอุ่นอย่างแท้จริง

แววตาของซูเสวี่ยเอ้อร์อ่อนลง นางถามอย่างแผ่วเบาว่า “คัมภีร์วิชายุทธ์แบบไหนหรือ”

กู่ฉิงซานนิ่งไป

ตอนที่หลินส่งคัมภีร์วิชายุทธ์ให้ในตอนนั้น นางไม่ได้พูดอะไรมาก ดังนั้นแม้แต่เขาก็ไม่รู้ชื่อของมัน

แต่คัมภีร์วิชายุทธ์นี้ใช้ง่าย เป็นประโยชน์กับการฝึกฝนของผู้คนมาก เพราะงั้นครั้งหนึ่งเขาเคยถามหลินว่าสามารถมอบคัมภีร์วิชายุทธ์นี้ให้คนอื่นต่อได้หรือเปล่า

ในตอนนั้น หลินตอบอย่างเฉยชาว่าแล้วแต่เขา

เพราะอย่างนั้นจึงมาลงเอยแบบนี้

“ส่วนชื่อของวิชายุทธ์นั้น… ข้าไม่รู้ คนที่ส่งต่อให้ข้าไม่ได้บอกอย่างละเอียด ข้าจะอ่านให้เจ้าฟัง ตั้งใจฟังด้วยล่ะ”

กู่ฉิงซานอ่านชุดวิชายุทธ์นั่นทีละคำ เมื่อซูเสวี่ยเอ้อร์คุ้นเคยแล้ว เขาบอกข้อมูลเชิงลึกให้ฟังทีละส่วน

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามด้วยความสงสัยว่า “ตอนที่เจ้าท่องคัมภีร์นี้ มันจะไม่เป็นการขัดขวางการทำอย่างอื่นหรือ”

กู่ฉิงซานตอบตามตรงว่า “ระหว่างการฝึกวิชาดาบแล้ว รวมถึงตอนกินดื่ม สนทนาและทำสิ่งต่างๆ ในทุกวัน ข้าก็ท่องวิชายุทธ์อยู่ในใจตลอด เพราะอย่างนั้นวิชาดาบจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว”

“เอาเถอะ ข้าจะลองดูบ้าง แต่ตอนนี้พละกำลังของพวกเราหายไป…” ซูเสวี่ยเอ้อร์กำหมัด

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ต่อให้ทำความเข้าใจก็ยังพอได้บางสิ่งอยู่บ้าง มันจะช่วยวางรากฐานวิชายุทธ์ให้มั่นคง”

ซูเสวี่ยเอ้อร์หลับตาแล้วเริ่มท่องวิชายุทธ์อย่างเงียบงัน

กู่ฉิงซานยังสังเกตซูเสวี่ยเอ้อร์ในตอนแรก แต่ทันใดนั้นหัวใจของเขาขยับ

แถวหิ่งห้อยสองสามแถวปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“เวลาหมดแล้ว หินแห่งสรรพสิ่งจะเริ่มทำการรีเซต”

“ท่านได้รับพลังแห่งความว่างเปล่าใหม่ แปลงกายเป็นแมวปีศาจ”

“แปลงกายเป็นแมวปีศาจ ท่านจะกลายเป็นแมวปีศาจตัวจริง”

“วิธีใช้งานคาถาตระกูลของพวกเราคือแมว”

กู่ฉิงซานนิ่ง

ทำไมความสามารถแบบนี้ถึงคงอยู่ในความว่างเปล่ากันล่ะ

การกลายเป็นแมวปีศาจมันมีประโยชน์จริงหรือ

กู่ฉิงซานลังเล ไม่ได้ใช้แปลงกายเป็นแมวปีศาจในทันที

………………………………….