webnovel

0990 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา

ตอนที่ 990 จุดเริ่มต้นของโชคชะตา

“กู่ฉิงซาน เกิดอะไรขึ้นกับจางหยิงห่าวหรือ” ลอร่าเริ่มการสื่อสารทางจิตก่อนกระซิบถามกู่ฉิงซาน

“เขาโหลดความโกลาหลเข้าไปน่ะ เจ้าไม่ได้โหลดความโกลาหลอย่างนั้นหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ใช่ ข้ายังคงรับข้อมูลใหม่ๆ จากที่นี่ ทั่วโลกเก้าร้อยล้านชั้นตกอยู่ในความโกลาหล การเข่นฆ่าต่างๆ เกิดขึ้นไม่มีสิ้นสุด” ลอร่าตอบ

กู่ฉิงซานถอนหายใจ

ในฐานะราชินีของอาณาจักรหนาม ลอร่ามีระบบข่าวกรองชั้นยอด

เพราะนางตอบเช่นนั้น ย่อมไม่มีทางผิดพลาดได้แน่

ยุคแห่งความโกลาหล

เมื่อทุกสิ่งถูกวัดโดยใช้ความโกลาหลเป็นมาตรฐาน โลกทั้งหมดจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สั่นสะเทือนปฐพี

เหมือนกับตอนที่เขาสังหารความโกลาหล

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนจะเปราะบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เพราะไม่มีกฎเกณฑ์มาห้ามไม่ให้ใครทำอะไรอีกแล้ว

นี่คือความโกลาหล

แต่เมื่อพูดถึงปัญญา ดูเหมือนมันจะมีวิธีให้ได้ข้อมูลมาเหมือนกัน

กู่ฉิงซานคิดถึงตรงนี้ก็เตรียมจะลุกขึ้น แต่เขารู้สึกถึงความอ่อนแอและความเจ็บปวดในร่างกาย

มันเป็นความรู้สึกที่กลวงโบ๋

เขาหยิบกระป๋องเครื่องดื่มพลังงานก่อนดื่มเข้าไปในอึดใจเดียว

เมื่อร่างกายรู้สึกดีขึ้น เขาหยิบเครื่องดื่มสำหรับเติมเต็มพลังวิญญาณและพลังจิตวิญญาณออกมาแล้วดื่มรวดเดียว

แต่เขาเจอปัญหานิดหน่อยตอนซดเครื่องดื่มพลังจิตวิญญาณ

เพราะรสชาติสุ่ม ดังนั้นเครื่องดื่มเสริมกำลังกายในครั้งนี้จึงเป็นน้ำส้ม เครื่องดื่มเสริมพลังวิญญาณคือนมซึ่งเป็นของปกติ แต่เครื่องดื่มเสริมพลังจิตวิญญาณกลับมีรสชาติโคตรเผ็ด

รสชาตินี้เหมือนจะไม่ได้มีผลกับร่างกายเพียงแค่อย่างเดียว ต่อให้ใช้พลังวิญญาณแยกการรับรู้รสชาติออกมา เขาก็ยังสามารถสัมผัสถึงมันได้

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว เริ่มจิบคำแรกเข้าไป สุดท้ายดื่มจนหมดรวดเดียว

ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว

ความสามารถของเย่เฟยหลียอดเยี่ยมจริงๆ แต่ยังควบคุมไม่ได้เล็กน้อย

กู่ฉิงซานตบถุงเก็บของก่อนหยิบน้ำเต้าออกมา บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยเสียงไหลรินเพื่อบรรเทาความรู้สึกแสบร้อนบนลิ้นอย่างช้าๆ

เขาเดินเข้าไปในห้องพัก เลือกห้อง เดินเข้าไปแล้วปิดประตู

เขาแตะถุงเก็บของก่อนพบไก่หลากสีสัน

นี่คือความสามารถใหม่ของหน้าต่างระบบเทพสงคราม “ข่าวกรองเทพสงคราม” เป็นสิ่งที่ติดมากับรูปปั้นไก่หลากสีสันนี้

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปดึงหงอน

ไก่หลากสีสันมีชีวิตขึ้นมา

มันชำเลืองมองกู่ฉิงซานก่อนกล่าวทักทายว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ดวงตาของเจ้าหนูยังมองไม่เห็นอีกหรือ”

“ใช่ มองไม่เห็นสักพักน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

“วันนี้เป็นวันแรกของยุคแห่งความโกลาหล มีข่าวมากมายอยู่ทุกหนแห่ง เจ้าอยากรู้อะไรล่ะ” ไก่ถาม

“เจ้าช่วยเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับข้าให้หน่อยไม่ได้หรือ ข้าอยากให้ทำแบบนี้มากกว่า” กู่ฉิงซานกล่าว

ไก่หลากสีสันกล่าวว่า “ในช่วงวิกฤติที่ความโกลาหลกำลังใกล้เข้ามา ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก หากจะให้บอกล่วงหน้า เจ้าต้องคิดก่อนว่าอยากได้ข้อมูลอะไร”

“ขอบคุณ เจ้าต้องการพลังวิญญาณเท่าไหร่ล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

“สหายเพื่อนยาก ยังต้องถามแบบนี้อยู่อีกเหรอ”

ขณะกล่าว ไก่หลากสีสันกางปีกออกมากเกินความจำเป็น

กู่ฉิงซานเข้าใจ

หงอนเปรียบเสมือนหัวใจ หมายความว่าต้องให้ความสำคัญ

ถึงแม้จะต้องใช้พลังวิญญาณเกือบทั้งหมดเพื่อทำให้วิชาโลกแห่งเนตรสมบูรณ์จนเหลือเพียงสองแต้ม แต่โชคดีที่ระหว่างทางเจอผู้ปกครองโลกเนบิวลากางเขนใต้ เขาจึงได้รับพลังวิญญาณมาห้าหมื่นแต้ม

ทำให้สามารถจ่ายได้

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไป แนบลงบนตัวไก่ มอบพลังวิญญาณให้หนึ่งหมื่นแต้ม

ไก่หลากสีสันตัวลอยด้วยความดีใจก่อนตะโกนอย่างยินดีว่า “อื้ม พลังวิญญาณมากขนาดนี้เลย! สุดยอด! ถามสิ่งที่เจ้าต้องการมาได้เลย ข้าจะตอบให้เอง!”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าอยากรู้ว่าตัวตนที่มอบแผนที่ดวงดาวให้กับข้าได้ตระเตรียมสิ่งใดไว้ในโลกลี้ลับบ้าง”

ไก่หลากสีสันตอบว่า “เรื่องนี้ยิ่งใหญ่และมีความข้องเกี่ยวกันมากเกินไป ข้าไม่สามารถบอกเจ้ามากจนเกินไปได้ ดังนั้นจึงบอกได้เพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”

“ยุ่งยากขนาดนั้นเลยหรือ”

“ใช่ ตั้งใจฟังให้ดี ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

“รบกวนด้วย”

“อาวุธทรงพลังถูกทิ้งไว้เพื่อใช้ในการช่วยชีวิต มันอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครสามารถเอื้อมถึงได้ ถูกเก็บโดยนักสะสมลึกลับ เจ้าต้องตามหาสิ่งนั้น มันคือจุดเริ่มต้นของการช่วยโชคชะตาโลกทั้งใบ”

หลังจากพูดจบ ไก่กลายเป็นรูปปั้นก่อนตกสู่ความเงียบ

กู่ฉิงซานครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของไก่

อาวุธทรงพลังถูกทิ้งไว้เพื่อใช้ในการช่วยชีวิต…

เคยทำอาวุธหล่นหายหรือเปล่า

ไม่ ตราบที่เป็นอาวุธของตัวเอง เขาย่อมไม่มีทางทำหล่นหายได้

กู่ฉิงซานนึกย้อนกลับไปช้าๆ

ทันใดนั้น เขานึกบางอย่างออก

มีดตัดวิญญาณ

นี่คือสิ่งที่ใช้สร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นมาเป็นพิเศษ

ตอนเขากลับมาสู่กระเวลาปัจจุบัน มันถูกทิ้งไว้ในยุคโบราณโดยผู้สร้างปฐพี

หรือจะเป็นมีดตัดวิญญาณ

นอกจากนี้

ตอนที่ต่อสู้ในยมโลก

เขาเคยควบคุมดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ เปลี่ยนเขาเหล็กกล้าลูกใหญ่ให้กลายเป็นยักษ์ จากนั้นปาหอกหลากสีสันออกไป

ใช่แล้ว

“อาวุธทรงพลังถูกทิ้งไว้เพื่อใช้ในการช่วยชีวิต” ประโยคนี้หมายถึงมีดตัดวิญญาณหรือว่าหอกหลากสีสันกันล่ะ

หรือก็คือ มีข้อมูลลับเกี่ยวกับสถานที่หนึ่งในสองสิ่งนี้อยู่ในโลกลี้ลับ

และสิ่งนี้จะรับบทบาทที่ใหญ่ยิ่งในอนาคต

มีดตัดวิญญาณสามารถสร้างฮอร์ครักซ์จำนวนมากได้

หอกหลากสีสัน…เหมือนจะใช้ไม่ได้…

กู่ฉิงซานนั่งลงก่อนครุ่นคิดอย่างละเอียด

อีกด้าน

พื้นที่รกร้างแห่งความตาย

สงครามระหว่างวิหารแห่งความลับกับวิหารแห่งความตายได้เริ่มขึ้นแล้ว

เพราะการลอบโจมตีของวิหารแห่งความลับ วิหารแห่งความตายจึงสูญเสียอย่างหนักเกินคาด

อีกาสีดำเข้าร่วมการต่อสู้

สุนัขสีดำยังซ่อนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์

มันยืนอยู่หน้าประตูทองแดงไม่ขยับไปไหน

“แอนนา…อย่าห่วงไปเลย ข้าจะปกป้องที่นี่ไว้เอง”

สุนัขสีดำกระซิบ

ภายในประตูทองแดง

เมื่อแอนนาและหลินยืนอยู่บนแผ่นหิน แผ่นหินก็เริ่มเคลื่อนที่ทันที

มันลอยลงไปยังส่วนลึกของความมืดอย่างเชื่องช้าและมั่นคง

ไม่มีเสียงรอบข้าง

ความมืดหนาแน่น

แอนนาสามารถได้ยินจังหวะการหายใจของตัวเอง แต่นางกลับไม่ได้ยินเสียงหายใจจากพี่สาวของกู่ฉิงซานที่อยู่ด้านข้างเลย

จะอย่างไรก็ช่าง

ผ่านไปพักใหญ่

แผ่นหินยังคงลอยไปตามทางที่แน่นอน

นอกจากจุดที่ยืนอยู่ ใต้เท้าของพวกนางยังเป็นหุบเหวมืดมิด ไม่เห็นเส้นทางทั้งหน้าและหลัง

มันช่างเงียบสนิท

แอนนาได้แต่อดทนข่มใจ แต่ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหวจึงถามว่า “เจ้ายังอยู่หรือเปล่า”

“ข้าอยู่นี่” เสียงของหลินดังขึ้น

“ขอโทษที มันเงียบเกินไปน่ะ แถมข้าไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของเจ้าด้วย”

แอนนารู้สึกอายเล็กน้อย แต่นางก็ไม่สามารถหักห้ามการพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้

หลินเงียบไปสักพักก่อนกล่าวว่า “ข้าคือนักรบ ลมหายใจของข้ายาวนานกว่าเจ้า ข้าชินกับการหายใจผ่านรูขุมขนตามร่างกายน่ะ”

แอนนากล่าวอย่างโล่งอกว่า “แบบนี้เอง จะว่าไป เจ้าคือพี่สาวของกู่ฉิงซานจริงๆ หรือ ข้าไม่เคยได้ยินว่าเขามีพี่สาวมาก่อนน่ะ”

“อืม เป็นพี่สาวของเขานั่นแหละ” หลินกล่าว

“จริงหรือ” แอนนาย้ำ

นางคล้ายกับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“จริง พวกเราประสบกับหลายสิ่งมาด้วยกัน เตรียมการเหมือนกันเพื่อเป้าหมายบางอย่าง จากนั้นก็กลายเป็นพี่น้อง” หลินตอบอย่างสงบ

การพูดแบบนี้ย่อมหมายความว่านางไม่ได้ยอมรับเรื่องที่ตัวเองเป็นพี่สาวจริงๆ ของเขา

ถ้าไม่ได้เป็นพี่สาวจริงๆ …

เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะโกหก

หลินกล่าวกับตัวเองอยู่ในใจ

แอนนาถูกคำพูดของอีกฝ่ายดึงดูดอยู่ ทำให้ไม่รู้สึกหวาดกลัวกับมิติมืดมิดอีก

“ทำไมเขาถึงยอมรับว่าเจ้าเป็นพี่สาวล่ะ ไม่ใช่พี่ชายน้องสาว แต่เป็นพี่สาวน้องชาย” แอนนาถาม

“ทำไมไม่ใช่พี่ชายน้องสาวหรือ…”

หลินทวนซ้ำ จากนั้นตอบว่า “เพราะพละกำลังของเขาไงล่ะ นั่นทำให้เขาเป็นได้เพียงน้องชายเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ไม่อาจเป็นพี่ชายได้”

แอนนารู้ว่ากู่ฉิงซานแข็งแกร่งแค่ไหน ถึงตรงนี้นางจึงถอนหายใจออกมา “เจ้าทรงพลังมากสินะ พวกเจ้าเคยทะเลาะกันไหม เจ้าเคยทำร้ายเขาหรือเปล่า

หลินเงียบ

ทำร้ายเขาหรือ

จะพูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้

“ลองมองมาทางข้าสิ เหมือนมีบางอย่างลอยอยู่ตรงหน้านะ” หลินกล่าว

“หา จริงหรือ” แอนนาดูสนใจเป็นอย่างยิ่ง

นางสะบัดมือก่อนปล่อยบอลเพลิงออกมา

แสงไฟส่องสว่างมายังใบหน้างดงามของแอนนา ขจัดความมืดและความหนาวเย็นและเผยให้เห็นรอบข้างของทั้งสอง

ทั้งสองตกตะลึงพร้อมกัน

หลินไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากนี้เช่นกัน

“น่าแปลก มันแยกการรับรู้ของข้าเมื่ออยู่ที่นี่ได้อย่างนั้นหรือ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ”

หลินอดที่จะพึมพำไม่ได้

รอบพวกนางทั้งสอง กำแพงแต่ละด้านอยู่ไกลจากกัน ทุกด้านแผ่ขยายขึ้นไปในแนวตั้ง สู่ท้องนภามืดมิดที่ไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดได้

เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นได้ว่าอะไรอยู่ด้านล่างของกำแพง เพราะด้านล่างของกำแพงคือหุบเหวที่มองไม่เห็น

กำแพงทั้งหมดสร้างมาจากซากศพ

ซากศพแปลกประหลาด

ซากศพจำนวนมากสามารถระบุเผ่าพันธุ์ได้ เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเคยอยู่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้นมาก่อนเหมือนกัน

แต่มีซากศพบางร่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นได้ชัดว่าพวกมันอยู่เกินขอบเขตของสิ่งมีชีวิตธรรมดา คล้ายกับเต็มไปด้วยบรรยากาศโบราณ

แอนนากำลังจะเปิดปากเพื่อคุยเรื่องนี้กับหลิน แต่หลินเอามือมาปิดปากนางแล้ว

หมายความว่าอย่างไร

แอนนามองหลินด้วยความสงสัย

หลินเบือนหน้าไปทางหนึ่ง

แอนนาหันศีรษะมองตามไป

นางเห็นว่าที่กำแพงซากศพมีฝ่ามือขนาดใหญ่สองข้างยื่นออกมาเพื่อคลำหาบางสิ่ง

ภายใต้แสงไฟ มันดูหงุดหงิดและโกรธเล็กน้อย

มือเหล่านั้นไม่มีความรู้สึก

เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งอยู่ภายในกำแพงซากศพ

มันยังมีชีวิต

หลินพลันยื่นมือออกไปดับไฟที่แอนนาปล่อยออกมาทันที

ความมืดมิดกลับมาปกคลุมรอบข้าง

ผู้หญิงสองคนเงียบไปเล็กน้อยสักพัก

หลังจากผ่านไปนาน หลินกล่าวเสียงต่ำและเคร่งขรึมว่า “ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าต้องมีอารักขา แต่…”

“แต่อะไรเหรอ” แอนนากระซิบเช่นกัน

“แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับฉากนี้เล็กน้อยนะ”

หลินกล่าวด้วยความสงสัย

........................................