webnovel

0991 คำแนะนำจากผู้สร้างปฐพี

ตอนที่ 991 คำแนะนำจากผู้สร้างปฐพี

เปลวไฟหายไปนานแล้ว

เส้นทางแห่งเวลาเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น

ในความมืด แผ่นหินพาแอนนาและหลินลอยไปข้างหน้าเงียบๆ

กำแพงที่สร้างจากซากศพทะลวงลึกเข้าไปในท้องนภาและใต้ดิน

พวกมันเหมือนกับต้นไม้ใหญ่ที่ก่อตัวเป็นป่าซากศพอันน่าสะพรึง

มีหลายครั้งที่แผ่นหินต้องวนรอบพวกมันเพื่อไปต่อ

แอนนากุมมือหลินเอาไว้แน่น ทั้งสองอยู่บนแผ่นหิน ยังคงนิ่งเงียบ

ระหว่างทาง ไม่ได้มีเพียงความเงียบสงัด

บางครั้งแอนนาได้ยินการเคลื่อนไหวหรือแม้กระทั่งเสียงมากมายจากกำแพงชัดเจน

ไม่ว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น หลินยังคงบีบมือแอนนาเอาไว้เพื่อเป็นสัญญาณว่าให้ระวังตัวและหยุดมองรอบข้าง

จนกระทั่งถึงช่วงหนึ่ง

ความเร็วของแผ่นหินค่อยๆ ลดลง

มันหยุดนิ่งในความมืดมิด

แอนนามองรอบข้าง

กำแพงซากศพที่ปิดกั้นการเชื่อมต่อกับท้องนภาปรากฏแก่สายตา

นอกเหนือจากนั้นก็มีความมืด

แผ่นหินที่ทั้งสองนั่งอยู่ไม่ต่างจากธุลีในโลกกว้างใหญ่ ดูไร้ค่ายิ่งนัก

“แผ่นหินไม่ขยับแล้ว” แอนนาอดที่จะกระซิบไม่ได้

“อืม”

หลินตอบอย่างไม่ใส่ใจ

แอนนาเห็นสีหน้าแข็งทื่อของอีกฝ่ายแล้วก็คิดว่านางต้องตัดสินใจเอง

การที่แผ่นหินหยุดตรงนี้ต้องมีจุดประสงค์แน่

ทำไมกันล่ะ…

แอนนายืนอยู่ที่ขอบแผ่นหินเพื่ออยากดูว่ามีสถานที่พิเศษอยู่รอบๆ หรือเปล่า

นางพลันพบว่ามีกำแพงซากศพที่แตกร้าวอยู่ใต้แผ่นหิน

ไม่เหมือนกับกำแพงซากศพอื่น กำแพงซากศพนี้คล้ายกับโดนแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนเกิดรอยแตกขึ้นมา เผยให้เห็นฉากที่อยู่ข้างในกำแพง

ในกำแพง มีเส้นทางลับอยู่

“แสดงว่า พวกเราต้องลงไปข้างล่างสินะ” แอนนากล่าวพลางถอนหายใจ

หลินพยักหน้า

“ข้าจะลงไปก่อนเพื่อดูให้แน่ใจว่าปลอดภัย จากนั้นเจ้าค่อยลงมา” หลินกล่าว

แอนนากล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่ามีเส้นทางไปต่อนี่”

“ฟังที่ข้าพูดบ้าง!”

หลินขัดนางด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมยิ่ง

แอนนาตกตะลึง คิ้วถึงกับยกขึ้น

หลินรู้สึกว่าน้ำเสียงตัวเองไม่ถูกต้องนักจึงถอนหายใจออกมา “ขอโทษที ข้าลืมตัวไปหน่อย ที่จริงข้าควรบอกเจ้า”

นางครุ่นคิดสักพักก่อนกล่าวว่า “นี่คือหุบเหวนิรันดร์”

“หุบเหวนิรันดร์หรือ” แอนนาถามเสียงหลง

“ใช่”

หลินมองเส้นทางลับเบื้องล่างแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แม้กระทั่งในหุบเหวก็หายากนักที่จะได้เห็นเส้นทางที่นำไปสู่เบื้องล่าง ข้าต้องไปตรวจสอบก่อน เกรงว่าจะไม่มีใครใช้เส้นทางนี้มานับหมื่นปี แม้กระทั่งในหุบเหวก็ถือว่าเป็นสถานที่ลับยิ่ง ดังนั้นพวกเราต้องระวังตัวไว้”

“เจ้าต้องรอข้า”

หลังจากพูดจบ นางขยับก่อนลงไปข้างล่าง

แอนนาคุกเข่าข้างหนึ่งตรงขอบแผ่นหินขณะมองร่างของหลินค่อยๆ ถูกความมืดกลืนกิน

อีกด้าน

วังวนความว่างเปล่า

บนเส้นทางลับ

“กู่ฉิงซาน พวกเรากำลังจะถึงโลกลี้ลับแล้ว” เสียงของลอร่าดังขึ้น

“อีกนานแค่ไหน” กู่ฉิงซานถาม

“เจ้าเห็นดวงดาวหลากสีสันตรงหน้าหรือเปล่า”

“เห็นแล้ว ดวงนั้นหรือ”

“เปล่า นั่นคือดาวเคราะห์แห่งความตาย สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่รอดบนนั้นได้ โลกลี้ลับซ่อนอยู่ในแสงสีเขียวทางเหนือของดาวเคราะห์ แสงสีเขียวคือทางเข้าสู่โลก”

“แบบนี้เอง”

ขณะพูด ยานอวกาศราชินีหนามเร่งความเร็วเพื่อมุ่งหน้าสู่แสงสีเขียว

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ในที่สุดยานอวกาศก็บินเข้าสู่แสงสีเขียว

แววตาของกู่ฉิงซานพลันเปลี่ยนไป

ผืนป่ากว้างใหญ่ปกคลุมทุกสิ่งในทัศนวิสัย

“จำให้ดี นับจากนี้เจ้าไม่สามารถพูดได้ ขอแค่ไม่พูดก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเจ้าได้”

เสียงของลอร่าดังขึ้นในใจของกู่ฉิงซาน

นี่คือพลังการสื่อสารทางจิต

กู่ฉิงซานมองแสงสีส้มโปร่งใสที่ปกคลุมทั่วร่างกายก่อนพยักหน้าช้าๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่สร้างปัญหาหรอก”

แสงสีส้มเหล่านี้คือพลังพิทักษ์ของกฎเกณฑ์โลกที่สามารถปกป้องทุกคนได้

แค่ไม่พูดเท่านั้น

กู่ฉิงซานกำลังมองทิวทัศน์ใต้ยานอวกาศ ทันใดนั้น แผนที่ดวงดาวในจิตของเขาปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าอีกครั้ง

แสงและเงาปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซาน

ผู้สร้างปฐพี!

แสงและเงาเป็นเพียงภาพมายา ไม่มีพลังใดๆ

“นี่คือภาพเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ที่ทิ้งเจ้าไปในตอนนั้นก็เพราะข้ากำลังสังเกตการณ์อนาคตอยู่” เสียงของผู้สร้างปฐพียังคงดังก้อง

ขณะมองแสงและเงา กู่ฉิงซานพยักหน้า

ผู้สร้างปฐพีแข็งแกร่งจนสามารถตระเตรียมทางหนีทีไล่หลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปีเอาไว้ได้

นี่เกินกว่าจินตนาการของคนทั่วไป

ผู้สร้างปฐพีสามารถมองเห็นเศษเสี้ยวอนาคตได้

ความประมาทเพียงอย่างเดียวคือตอนที่ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน

ตอนที่อยู่ในอดีต ภัยพิบัติของประตูโลกระเบิดออกมาก่อนสังหารเขาทันที

“ข้าผนึกบางสิ่งแล้วเก็บมันไว้ในโลกลี้ลับ”

“หนึ่งหมื่นปีผ่านไป มันยังถูกฝังลึกอยู่ใต้น้ำ ไม่เคยถูกใครค้นพบมาก่อนจนกระทั่งเจ้ามา มันยังอยู่ในโลกลี้ลับ”

“ที่นั่นมีชื่อว่าสะพานอาทิตย์อัสดง”

“สิ่งที่ข้าฝังอยู่ตรงก้นแม่น้ำใต้สะพาน ถูกปกคลุมด้วยตะกอนและมีหินทับไว้”

“ไปเสีย ไปหามัน”

หลังจากพูดจบ แสงและเงาของผู้สร้างปฐพีกำลังจะหายไป แต่ทันใดนั้น มันกลับรวมตัวกันใหม่

เขาจ้องไปยังความว่างเปล่าก่อนรีบกล่าวว่า “ข้าเห็นเศษเสี้ยวความโกลาหล คนที่ไล่ล่าเจ้าทรงพลังมาก ด้วยพละกำลังตอนนี้ เจ้าไม่มีทางสู้ได้แน่!”

“กู่ฉิงซาน ข้ามองเห็นเจ้าเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น เจ้าต้องหาทางรับมือกับมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้น ความตายนิรันดร์จะมาเยือนเจ้า”

กู่ฉิงซานเงียบ

ยิ่งวิญญาณกรีดร้องกระจายความโกลาหลมากเท่าไหร่ พละกำลังก็จะยิ่งเพิ่มเร็วขึ้นมากเท่านั้น

ก่อนหน้านี้เขาก็ถูกวิญญาณกรีดร้องเล่นงาน

การเอาแต่ถอยหลังจากโดนเล่นงานไม่ใช่คำตอบที่ดี

ถึงแม้พละกำลังของเขาจะห่างชั้นจากสัตว์ประหลาดนิรันดร์ตัวนี้ แต่ผู้สร้างปฐพีอาจจะมีหนทางอยู่จริงก็ได้

น่าเสียดายที่นี่เป็นเพียงภาพที่ผู้สร้างปฐพีตระเตรียมไว้ล่วงหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการสื่อสาร

แต่ในเมื่อเล่าเรื่องราวจบแล้ว ชายร่างใหญ่คนนี้ไม่มีความคิดอื่นอีกเลยหรือ

หลังจากนั้น ผู้สร้างปฐพีกล่าวต่อว่า “ข้ากำลังหาทางรับมือมันอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้านี่ในอนาคตจะทรงพลังถึงขนาดนี้”

“น่าแปลก ทำไมข้าถึงไม่หยุดมันไว้นะ”

เสียงของผู้สร้างปฐพีค่อยๆ เบาลง ในที่สุดก็กลายเป็นความเงียบ

กู่ฉิงซานนิ่งไปสักพัก

ภาพหายไปจนสิ้น

ดูท่าผู้สร้างปฐพีจะตระเตรียมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ที่นี่เท่านั้น

เขาหวังได้เพียงว่าครั้งต่อไปที่ภาพปรากฏขึ้น มันจะมาพร้อมกับคำใบ้ใหม่

กู่ฉิงซานถอนหายใจก่อนมองจางหยิงห่าวแล้วถามว่า “เจ้ารู้จักสถานที่ที่ชื่อสะพานอาทิตย์อัสดงหรือเปล่า”

“อ๋อ ข้ารู้ มันคือสะพานที่เชื่อมเมืองวารีกับโลกภายนอก สถานที่ขึ้นชื่อเลยล่ะ”

“ไปทางไหนล่ะ”

จางหยิงห่าวหาตำแหน่งสักพักก่อนยื่นมือออกไปเพื่อชี้ให้ดู

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ลอร่า มุ่งไปทางตะวันออก”

“ได้!”

ยานอวกาศปรับทิศทางก่อนบินตรงไปทางตะวันออก

กู่ฉิงซานยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าขณะสังเกตโลกลี้ลับตลอดทาง

ผ่านไปสักพัก

ทันใดนั้น กู่ฉิงซานพบว่าแสงสีส้มโปร่งใสบนร่างของเขาแตกสลายก่อนค่อยๆ หายไป

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น คนบนยานอวกาศก็โดนเหมือนกัน

“เกิดอะไรขึ้น แปลกชะมัด นี่คือกฎเกณฑ์ของโลกลี้ลับเชียวนะ” จางหยิงห่าวอดที่จะพูดออกมาไม่ได้

เสียงถอนหายใจมาจากชั้นดาดฟ้า

เหล่าต้านอนอยู่บนพื้นขณะกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ความโกลาหลมาเยือนอย่างสมบูรณ์แล้ว มันได้ทำลายกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้”

“นับจากนี้ไป โลกจะเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบและความโกลาหล จะไม่มีพลังใดมาปกป้องอีกแล้ว”

ตอนนี้ยานอวกาศมาถึงเมืองแล้ว

ทุกคนยืนอยู่บนยานอวกาศขณะมองปฐพี

กฎเกณฑ์ของโลกลี้ลับเปลี่ยนไปแล้ว

กฎเกณฑ์ของโลกที่จะทำการปกป้องหากไม่พูดได้หายไปสิ้น

ไม่มีความสงบสุขในเมืองอีกต่อไป

โรคระบาดแพร่กระจาย อุกกาบาตตกลงมาอย่างไร้ระเบียบ พื้นดินสั่นสะเทือน น้ำท่วมหนัก พายุเฮอริเคนโหมกระหน่ำ ไอเย็นเยือกมาเยือน

ฝูงแมลงประหลาดภายใต้บัญชาของคนฝั่งความโกลาหล ผู้แทะซากศพปรากฏบนพื้นดิน

บนโลก การปล้น การจลาจล การฆาตกรรม การวางเพลิง มนุษย์กินคน การถลกหนัง การตัดแขนขา การสังเวยและการตัดศีรษะสามารถพบเห็นได้ทุกหนแห่ง

นี่คือความโกลาหลที่สมบูรณ์

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว

เขาชำเลืองสายตามองหน้าต่างระบบทั้งสองตรงหน้าด้วยความอยากรู้ว่าพวกมันจะเผชิญหน้ากับความโกลาหลอย่างไร

หน้าต่างระบบของบัญญัติราชามารคล้ายกับนกที่กำลังหวาดกลัว คอยเอาแต่ส่งข้อความแจ้งเตือนให้เขารีบหนีตลอด

ทว่า ในบรรดาข้อความแจ้งเตือน “รีบหนีเอาชีวิตรอด” บางครั้งก็จะมีประโยค “ความโกลาหลแข็งแกร่งขึ้น” ปรากฏให้เห็น

กู่ฉิงซานเบนสายตามาทางหน้าต่างระบบเทพสงคราม

หน้าต่างระบบเทพสงครามสะอาดเอี่ยมอ่อง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

กู่ฉิงซานถามเสียงต่ำในใจว่า “หน้าต่างระบบเทพสงคราม”

‘ติ๊ง!’

เสียงคมชัดดังขึ้น

“ข้าอยู่นี่” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

“พักนี้เจ้าดูสงบเสงี่ยมดีนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ยามเผชิญหน้ากับวันสิ้นโลก บัญญัติและความโกลาหลคือค่ายที่อยู่กันคนละฝั่ง เพื่อความยุติธรรม ข้าต้องอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดไม่จา” หน้าต่างระบบเทพสงครามกล่าว

....................................