ตอนที่ 253 จิตแห่งดาบ
แม้จะผ่านไปแล้วหลายสิบลมหายใจ กู่ฉิงซานก็ยังคงรอคอยอย่างเงียบๆ
ทว่าหลังจากที่ระบบได้ระบุว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์ มันก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ อีกเลย
ทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกันแน่?
ภารกิจสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ จะมาบรรลุได้ง่ายๆ ด้วยการหยิบเจ้าขยะชิ้นนี้ขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?
มันย่อมไม่มีทางเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน
กู่ฉิงซานชูดาบยาวที่แตกหักในมือขึ้นลงๆ ใช้มือข้างเดียวลองกะสมดุลของมันอยู่สักพัก แล้วจู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา อยากจะร่ายรำออกไปสักสองสามกระบวนท่า
อาการนี้มักจะเกิดขึ้นเสมอกับผู้ฝึกยุทธในยามที่ได้รับอาวุธใหม่ พวกเขามักจะเผลอใช้ออกด้วยเทคนิคบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ
มันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เริ่มต้นร่ายรำ กู่ฉิงซานก็ชะงักไปและหยุดมือลงทันที
วินาทีนั้น จู่ๆ เขาก็จดจำได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน ที่จู่ๆ ก็สิ้นสติไป ว่าการกระทำก่อนหน้าของพวกเขาล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นหลังจากใช้อาวุธ
กู่ฉิงซานเหลียวหลังไปมองดูระยะห่างระหว่างฝนเพลิงกับตัวเขา ที่บัดนี้ได้โปรยปรายลงมาถึงด้านนอกของตัวป้อมปราการแล้ว
คงสายเกินไป หากจะมัวแต่คิดหาถึงสาเหตุ
อีกไม่นาน ฝนเพลิงก็จะมาถึงตัวเขาแล้ว
เจ็ดสิบสองค่ายกลป้องกันไม่แกร่งพอต้านทาน มันพังทลายและถูกเจาะทะลวงลงทันทีโดยฝนเพลิง
ป้อมปราการทั้งหมดเริ่มลุกเป็นไฟ บังเกิดเพลิงคำรามขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อมวลมารเห็นฉากนี้ ในที่สุดพวกมันก็แยกย้าย หนีกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง
ส่วนฝนเพลิงก็แลดูจะไม่สนไม่ใส่ใจสิ่งใด ที่มันทำก็เพียงเคลื่อนที่ไปยังทิศทางเบื้องหน้า มุ่งตรงต่อไปอย่างไม่รู้จบ
ณ ค่ายนายพลโหยวจี
นายพลชั้นโหยวจี หวังลี่ถูกจับมัด และกดตัวลงกับพื้นเบื้องล่าง
ต่อหน้านายทหารทุกผู้คนที่อยู่ที่นั่น
หนิงเยว่ฉาน ที่สวมใส่ชุดเกราะนายพลติงหยวนยืนอยู่เบื้องหน้าเขา สาดสายตาคมกริบลงมา ปากเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “เพราะเหตุใดเจ้าจึงปฏิเสธคำสั่งทางทหาร และกระทำการโดยมิได้รับอนุญาต?”
หวังลี่นั้นเป็นถึงผู้ฝึกยุทธระดับก้าวสู่เทพ เมื่อถูกลงมือเช่นนี้ น้ำเสียงของเขาจึงเต็มไปด้วยความคับข้องใจ “นั่นเพราะเขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธระดับก่อตั้งที่แสนเล็กจ้อย ไม่เหมาะสมที่จะชี้นำข้า!”
หนิงเยว่ฉาน เอ่ยถามต่อ “เช่นนั้นเหตุใดในคราที่ต้องออกคำสั่งทางทหาร เจ้าจึงผลักดัน และโยนอำนาจที่ว่านั่นให้กับเขากันเล่า?”
หวังลี่ไร้คำกล่าวทันที
อีกหนึ่งนายพลติงหยวน-หมิงฮุ่ย เอ่ยถามอย่างสงบ “ชายผู้นี้ทำคุณประโยชน์มามากมายจนกระทั่งสะสมแต้มทางกองทัพมายืนอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ดังนั้นอาญาโทษของเขาที่สมควรได้รับคือการลดหลั่นยศทางกองทัพลงไปเป็นชั้นนายทหาร…”
น้ำเสียงของหมิงฮุ่ยยังมิทันสิ้นสุดลง ก็บังเกิดประกายแสงสีหิมะวูบขึ้น ตามด้วยกลิ่นอายของเลือดที่แพร่ขึ้นไปในอากาศ
หวังลี่ถูกสะบั้นศีรษะ ชั่วขณะที่ถูกสะบั้น ใบหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความแคลงใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สรรพเสียงโดยรอบจมลงสู่ความเงียบ
หนิงเยว่ฉานเก็บกระบี่ยาวกลับคืน ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ชายผู้นี้สั่งสมความชอบมามากมายจนได้เลื่อนยศขึ้นมาเป็นนายพลชั้นโหยวจีก็จริง แต่นี่อยู่ในช่วงเวลาสงคราม! การปฏิเสธคำสั่งทางทหาร โทษตามกฎคือต้องถูกตัดหัว!”
“อมิตาพุทธ น่าเศร้าใจนัก ประสกผู้นี้เป็นถึงผู้ฝึกยุทธขั้นก้าวสู่เทพ ในอนาคตยังมีอีกหลายคุณงามที่เขาสามารถกระทำได้แท้ๆ” หมิงฮุ่ยถอนหายใจ
“เนื่องเพราะเขาเป็นถึงระดับก้าวสู่เทพต่างหากจึงมิอาจไม่ติดใจเอาความได้ แม้นี่จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อย แต่การกระทำของเขามันเป็นการสั่นคลอนความน่าเชื่อที่ทางกองทัพ ดังนั้นข้าจึงเห็นสมควรว่าความผิดของเขาตรงตามเงื่อนไขที่จะได้รับกฎทางอาญานั่นก็คือ...”หนิงเยว่ฉานยังคงยืนยันคำพูด
นางหันไปกล่าวกับเหล่านายทหารมากมายว่า “ตัดหัว ต่อหน้าสาธารณะ!”
“ขอรับ!”
“อืม ที่ข้าต้องการก็มีเพียงเท่านี้ พวกเจ้าแยกย้ายไปได้”
เหล่าทหารมากมายรีบหมุนตัวกลับและสลายตัวไปคนละทิศทางอย่างรวดเร็ว ราวกับมีใครกำลังถือแส้ไล่ฟาดพวกเขาให้ไสหัวไปเสียให้พ้น
หัวของหวังลี่ถูกนำออกไป และแขวนไว้ในสำนักกฎทางทหาร
ในขณะนี้ มีเพียงสองนายพลติงหยวน และกู่ฉิงซานเท่านั้นที่ยังคงถูกทิ้งไว้ในเต็นท์ทหาร
กู่ฉิงซานเอ่ยปากถาม “แล้วนายพลกงซุนเล่า อาการเป็นอย่างไรบ้าง?”
น้ำเสียงของหนิงเยว่ฉานดูจะนุ่มนวลลงเล็กน้อย เธอกล่าวว่า “มือดีที่มีทักษะทางการรักษาหลายคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะใช้เวลาอีกไม่กี่วัน เขาก็คงจะได้สติกลับมา”
“แล้วตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?”
“กล่าวกันว่าจิตเทวะของนายพลกงซุนถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง”
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ขอตัวไปดูอาการเขาสักหน่อยก็แล้วกัน เชิญพวกเจ้าหารือกันตามสบาย” ภิกษุหมิงฮุ่ยกล่าว แล้วเดินออกไป
กู่ฉิงซานหยิบแผนที่ออกมา และสังเกตมันอย่างระมัดระวัง ปากเอ่ยถาม “เจ้าคิดว่าภารกิจสำรวจซากปรักหักพังนี้ใช่เสี่ยงเกินไปหรือไม่ มันสมควรจะถูกกระทำโดยสามปราชญ์จึงจะเหมาะสมกว่า?”
“พวกท่านยุ่งเกินไป และอีกอย่างอาจารย์เจ้าก็ได้มอบหมายภารกิจนี้ให้แก่ข้าแล้ว” หนิงเยว่ฉานกล่าว
ท่านอาจารย์มอบภารกิจให้เธอ? หรือว่าสิ่งนี้จะมีบางอย่างเกี่ยวกับหนิงเยว่ฉาน?
กู่ฉิงซานลอบขบคิด
หนิงเยว่ฉานตบลงบนถุงสัมภาระ หยิบยันต์ที่มีแสงสีม่วงเรืองรองปกคลุมอยู่ออกมา แล้วยื่นไปให้กู่ฉิงซาน
“เจ้าสิ่งนี้คือ?” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความสงสัย
“คราก่อนที่ข้าได้พบกับท่านอาจารย์เจ้า นางได้ไหว้วานข้าให้มอบ ‘ตราสัญลักษณ์นายพล’ นี้ให้แก่เจ้า” หนิงเยว่ฉานกล่าว
ตราสัญลักษณ์นายพลนี้เป็นยันต์ระดับสูง อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่จะรังสรรค์ขึ้น
เนื่องเพราะมันเกี่ยวข้องกับกฎแห่งมิติ แถมยังมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าถุงสัมภาระซะอีก
ซึ่งนี่มันจะแตกต่างจากยันต์สื่อสาร ยันต์สื่อสารจะมีความสามารถแค่เพียงรับส่งข้อความเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ตราสัญลักษณ์นายพลกลับมีความสามารถที่สองเพิ่มเข้ามา นั่นคือผู้ฝึกยุทธสามารถใช้มันส่งไอเท็มต่างๆ ได้
สิ่งหนึ่งที่อีกฝ่ายใส่เข้าไป จะสามารถส่งผ่านไปยังผู้รับที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งได้
และที่สำคัญ ไอเท็มที่ถูกจัดเก็บไว้ภายในจะถูกแยกตัวออกจากกระแสเวลาโดยสิ้นเชิง แม้จะเกิดความผันผวนในกระแสความว่างเปล่า มันก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อไอเท็มที่อยู่ภายใน
ยันต์ระดับนี้ การจะรังสรรค์มันขึ้นมา อย่างน้อยจำต้องใช้ออกด้วยระยะเวลามากกว่าสิบปี จ่ายออกด้วยศิลาวิญญาณและวัสดุล้ำค่ามากมาย
กู่ฉิงซานรีบถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปในตราสัญลักษณ์นายพล ในใจเขาเริ่มรู้สึกรุ่มร้อน ความอยากรู้อยากเห็นว่าสิ่งใดกันหนอที่ท่านอาจารย์ถึงขั้นเก็บไว้ในนี้ เพื่อมอบหมายมันให้แด่ตนเอง
ตราสัญลักษณ์นายพลสว่างขึ้น และในวินาทีถัดไป ขวดหยกเล็กๆ ก็ปรากฏออกมา ตามด้วยยันต์สื่อสาร
กู่ฉิงซานเริ่มจากฟังข้อความในยันต์สื่อสารก่อน
“ข้าได้นำเป่ยหยวนมารักษาตัวในกระแสแห่งความว่างเปล่า เจ้าจงใส่ใจกับความปลอดภัยของตนเองซะ ช่วงเวลานี้ข้ามิอาจออกไปช่วยเจ้าได้”
“ขวดหยกใบนี้ คือสิ่งที่ข้าได้พบเจอมันในโลกเทวะ สรรพคุณของมันดีกว่าเม็ดยารักษาในโลกของพวกเราอยู่มากโข เจ้าจงเก็บมันไว้ใช้เสีย”
กู่ฉิงซานบีบขวดหยกในมือเบาๆ กระแสความอบอุ่นไหลพล่านไปมาในหัวใจของเขา ทว่าขณะเดียวกันเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างลับๆ
กระทั่งนักพรตเป่ยหยวนก็ยังได้รับบาดเจ็บ แถมท่านอาจารย์ก็ยังต้องเลือกที่จะไปซ่อนตัวในกระแสความว่างเปล่า บางทีพวกเขาคงไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีนักในตอนนี้
ในเวลานั้นเอง คำทำนายชะตาจากภายนอกก็ถูกส่งรายงานเข้ามา ในคำทำนายกล่าวว่าเหลิงเทียนสิงพร้อมด้วยทีมพิเศษของเขา ได้เผชิญหน้ากับเผ่ามารที่ทรงพลังยิ่ง ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันทั้งวันคืน แต่ก็ยังมิอาจแยกแยะได้ว่าฝ่ายใดจะพ่ายแพ้หรือคว้าชัยชนะ
หนิงเยว่ฉานพอได้ฟัง ก็เตรียมเดินออกไปภายนอก
กู่ฉิงซานก็คิดเดินตามไปด้วยเช่นกัน แต่เขากลับถูกหนิงเยว่ฉานหันกลับมาผลักฝ่ามือกระแทกเข้าใส่เกราะรบของเขาจนต้องถอนกลับไปเสียก่อน
“แค่ข้าไปช่วยเหลือเขาก็น่าจะเพียงพอแล้ว” หนิงเยว่ฉานจ้องมองเขาสักพัก ก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
“ข้าไปด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ ยังไงก็ไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว” กู่ฉงซานยังคงดึงดัน
“เอาล่ะ ข้าจะขอพูดตรงๆ เลยนะ นิกายของเจ้า มีสาวกน้อยคนเกินไป มิอาจสูญเสียได้ จงพักผ่อนและเฝ้ารออยู่ในค่ายเถอะ อย่าได้กังวลเกี่ยวกับมัน” หนิงเยว่ฉานเอ่ยคำหนึ่ง ก่อนจะสับฝีเท้าออกไปจากเต็นท์ทหารอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานนิ่งค้างไปอยู่ครู่หนึ่ง สักพักจึงค่อยกลายเป็นตกตะลึง
ท่านอาจารย์…นี่ท่านมิเพียงไม่ต้องการให้ข้าเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามครั้งใหญ่นี้ แต่ท่านยังไหว้วานคนอื่นๆ ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธให้ช่วยดูแลข้าด้วยอีกอย่างนั้นหรือ?
เขาเปิดหน้าต่างระบบเทพสงคราม จ้องมองไปยังช่องภารกิจ ในใจลอบกังวลอย่างลับๆ
ในเวลานี้ ไม่มีใครอยู่ในเต็นท์ทหาร เขาจึงไปหาที่ว่างๆ นั่งลง ก่อนจะหยิบดาบที่แตกหักออกมา โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนี้ไปทำไม
ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็นึกถึงคำกล่าวของภารกิจขึ้นมาได้
“ชื่อภารกิจ...พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง”
“จงเผยความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ แสดงให้มันดูหวือหวาสะดุดตา แสดงมันออกมาว่าคุณควรค่าที่จะบรรลุภารกิจนี้!
“คำอธิบาย...ถ้าหากคุณทำตัวราวกับเป็นเพียงแค่ขยะ จะไม่มีใครสนใจมองคุณอีกต่อไปแม้หางตา”
เขาเบนสายตาลงบนตัวดาบ และจู่ๆ ก็ความคิดอันน่าทึ่งบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมาในจิตใจ
สองตาของเขาจับจ้องอยู่กับมัน กระแอมไออยู่หลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยความเคารพลึก “ยินดีที่ได้รู้จัก นี่คงจะเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างพวกเรา มีสิ่งใดบ้างที่ข้าพอจะสามารถทำเพื่อท่านได้?”
เงียบ
ตัวดาบมิตอบสนองสิ่งใด
กู่ฉิงซานเฝ้ารออีกสักพัก และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
‘ความคิดของฉันนี่มันบ้ามากจริงๆ สงสัยจะคิดมากไปจนเลอะเทอะ’
แต่ในวินาทีต่อมานั้นเอง สีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป
เพราะดาบในมือของเขา จู่ๆ มันก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเบาๆ
กู่ฉิงซานผุดลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ตัวดาบยาวมีจิตอันลึกลับแฝงอยู่จริงๆ หรือ?
“ท่าน...ท่านสามารถเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดกระนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างลังเล
ดาบยาวผละออกจากมือของเขาด้วยตัวมันเอง ลอยขึ้นไปในอากาศ ปลายดาบทิ้งตกลง ด้ามจับโน้มลงมาข้างหน้าเบาๆ แลคล้ายกับว่ามันกำลังพยักหน้ารับ
“ท่านคือจิตแห่งดาบใช่หรือไม่?” ดวงตาของกู่ฉิงซานสว่างวาบ
อาวุธที่มีจิตวิญญาณ ล้วนครอบครองพลังที่มากยิ่งกว่าอาวุธชิ้นอื่นๆ เป็นเท่าทวี พวกมันล้วนเป็นสมบัติที่พบเจอได้เฉพาะในตำนานเท่านั้น!
มองไปยังตัวดาบที่พยักหน้าอีกครั้ง
ณ เวลานั้นเอง หน้าต่างระบบเทพสงคราม ในบอลแก้วขนาดใหญ่ จู่ๆ ก็เริ่มปลดปล่อยรังสีแสงอ่อนๆ จากภายในหมอกออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จากนั้นพวกมันก็เจาะเข้ามาตามรูขุมขนบนร่างกายของกู่ฉิงซาน
หรือว่านี่จะเป็นพลังพิเศษที่เคยได้อ่านจากคำอธิบายภารกิจก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่?
ติ๊ง!
ตัวระบบบังเกิดเสียงดังคมชัด
“ภารกิจแรก...พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง (เสร็จสมบูรณ์)”
“ได้รับรางวัลภารกิจ...จิตสื่อถึงกัน”
“จิตสื่อถึงกัน...นี่คือเทคนิคเทียนซวนประเภทจิตใจ มันจะช่วยให้คุณสามารถตระหนักถึงความต้องการของจิตอาร์ติเฟ็กได้”
“คำอธิบาย...นี่คือสิ่งที่ระบบได้จ่ายออกไปด้วยราคาที่มหาศาลเพื่อให้ได้รับมันมา และมันจะต้องสามารถช่วยเหลือคุณได้อย่างแน่นอน”
.......................................................