ตอนที่ 254 ดาบนำทาง
หลังจากทำการดูดซับหมอกในบอลแก้วจนเสร็จสิ้น กู่ฉิงซานก็มองลงไปยังดาบยาว
แล้วเขาก็ต้องพบว่ามันช่างเป็นอะไรที่น่าพิศวงยิ่ง! เพราะเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจถึงในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อแล้ว
“ท่าน…ต้องการร้องขอให้ข้าตามท่านไปอย่างนั้นหรือ?”
ด้ามดาบโน้มตัวลงมายังเบื้องหน้า ผงกหัวของมันอีกครั้ง
“เช่นนั้น จุดหมายของพวกเราคือที่ใด” กู่ฉิงซานถามต่อ
ดาบยาวลอยอยู่กลางอากาศ ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
“มิอาจบอกได้ในตอนนี้อย่างนั้นหรือ?”
กู่ฉิงซานแปลกใจเล็กน้อย
เขามองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม
แล้วก็พบว่าภารกิจที่สองของพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว
“ชื่อภารกิจ...ความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น”
“คำอธิบายภารกิจ...ช่วยเหลือดาบยาว ให้แสดงพลังของมันออกมาให้ได้มากที่สุด จนได้รับความโปรดปรานจากมัน”
“วัตถุประสงค์ภารกิจ...ตอบสนองตามความต้องการของดาบยาว”
“คำอธิบาย...การเริ่มต้นที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง โปรดจงพยายามให้ดียิ่งกว่านี้ในครั้งต่อๆ ไป!”
กู่ฉิงซานเลื่อนสายตาไปรอบๆ อีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปอ่านทวนอีกรอบ
น่าแปลก ทำไมฉันถึงไม่เห็นหัวข้อรางวัลภารกิจล่ะ?
กู่ฉิงซานจึงเอ่ยถาม “ระบบ ภารกิจนี้ไม่มีรางวัลให้อย่างนั้นเหรอ?”
ติ๊ง!
ระบบตอบกลับ “โปรดลองไปสำรวจดูที่ชื่อของภารกิจ”
ชื่อของภารกิจ มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
…เออ เอาแบบนั้นก็ได้
กู่ฉิงซานลอบส่ายหัว โดยไร้ซึ่งคำกล่าวใดๆ อย่างเงียบๆ
ต่อมาดาบยาวก็เริ่มออกตัว พร้อมกับกู่ฉิงซานที่เดินติดตาม ไม่นานนัก ทั้งคนทั้งดาบก็เดินออกมาจากเต็นท์ทหาร
ผู้ฝึกยุทธหลายคนจ้องมองฉากนี้ด้วยแววตาฉงนระคนแปลกใจ แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดก็มิมีใครเอ่ยถามสิ่งใดออกมา
‘บางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในวิธีฝึกฝนวิชาดาบของผู้อื่นก็เป็นได้ หากข้าเข้าไปเอ่ยถามจะมิเป็นการประกาศว่าตนนั้นโง่งมหรอกหรือ?’
นอกจากนี้ ภารกิจของกู่ฉิงซานก็คือการสอดส่องค่ายทหารและตรวจสอบสถานการณ์ในแนวหน้าอยู่แล้ว แถมนี่ยังเป็นคำสั่งที่ถูกถ่ายทอดลงมาจากสามปราชญ์โดยตรงอีกด้วย
จึงไม่มีเหตุผลใดที่ทุกคนจะต้องหยุดเขา และไม่มีใครที่จะสามารถหยุดเขาได้
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เข้ามาขัดขวางกู่ฉิงซาน จนกระทั่งเขาเดินออกจากค่ายทหารไป
ดาบยาวลอยนำกู่ฉิงซานไปตลอดเส้นทาง ข้ามผ่านป่า มุ่งตรงไปยังสถานที่ห่างไกล
จนกระทั่งมาถึงตำแหน่งหนึ่ง ที่นอกเสียจากต้นไม้แล้ว ภายในป่าก็ไม่มีอะไรอีกเลย
ไม่มีร่องรอยของเผ่ามารหรือผู้ฝึกยุทธอยู่รอบๆ
ดาบยาวลอยอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง ราวกับว่ามันกำลังมองหาบางสิ่งอยู่
กู่ฉิงซานมองตามมัน
ไม่นานนัก ดาบยาวก็พบตำแหน่งที่เหมาะสม มันแทรกตัวลงบนพื้นดิน และไม่ขยับอีกเลย
“แล้วทีนี้พวกเราจะทำอะไรกันต่อ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ดาบยาวทำเสียงหึ่งๆ คล้ายจะร่ำไห้
กู่ฉิงซานรู้สึกว่า ตลอดทั้งสองชีวิต เขามิอาจพบเจอกับอะไรที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลย
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปว่า “ท่านต้องการให้ข้าจับท่าน…อย่างนั้นหรือ เข้าใจแล้วๆ… ”
เขาก้าวเดินไปยังเบื้องหน้า คว้าจับลงบนด้ามดาบ
วินาทีต่อมา ผืนดินก็แยกออก ทั้งดาบทั้งคนร่วงตกลงไปยังพิภพเบื้องล่างพร้อมๆ กัน
ท่ามกลางความมืดมิด กลิ่นอายกำมะถันของเพลิงพิภพช่างหนักหน่วงยิ่ง
กู่ฉิงซานร่ายคาถามนตราขั้นพื้นฐานขึ้นมา ก่อร่างกลุ่มก้อนพลังที่มีคุณสมบัติส่องแสงสว่างขึ้นรอบตัวเขา
ก่อนจะพบว่าสถานที่ที่ เขาตกลงมาแห่งนี้ แท้จริงแล้ว มันคือถ้ำลาวา
อากาศร้อนอบอ้าวที่พัดหนุนจากภายในถ้ำใต้ดิน ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังแช่อยู่ในน้ำพุร้อนที่เดือดจัด
เห็นได้ชัดว่าลึกลงมาเบื้องล่างของสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่คล้ายกับห้าธาตุของจิตวิญญาณแห่งไฟ
มันอยู่ไม่ไกลจากพื้นผิวดินเบื้องบนมากมายนัก อุณหภูมิของมันจึงยังอยู่ในระดับที่คนทั่วไปสามารถรับมือได้
กู่ฉิงซานยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองลงไปที่ตัวดาบ
ดาวยาวเริ่มขยับไหวอีกครั้ง มันลอยผ่านเข้าไปในช่องอุโมงค์ช่องหนึ่ง
กู่ฉิงซานจึงต้องรีบเดินตามมันไป
พิภพเบื้องล่างแห่งนี้ มีอุโมงค์ตั้งอยู่มากมาย แตกแขนงเป็นหลายเส้นสาย มันปรากฏขึ้นตามทางแยกในทุกๆ ร้อยเมตร ทว่ากู่ฉิงซานกลับไม่มีเวลาที่จะได้เข้าไปสำรวจพวกมัน เนื่องจากเขาต้องตามติดดาบยาวไปอย่างต่อเนื่อง
เขาเลยเลือกที่จะพยายามปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไปแทน ทว่ากลับรับรู้ถึงมันได้เพียงไม่เกินระยะสิบเมตรเบื้องหน้าเท่า ไม่อาจใช้มันในการสำรวจได้
หลังจากเดินไปสักครึ่งชั่วยาม ข้ามผ่านทางแยกมากมาย จนกู่ฉิงซานก็ไม่รู้ว่าแล้วว่าตัวเองลงมาจากทิศทางไหน
ยิ่งลงลึกไปมากเท่าไหร่ ผนังหินโดยรอบๆ ก็เริ่มเรืองแสงสีแดงขึ้นเล็กน้อย
ยิ่งลึก อำนาจของจิตแห่งไฟที่นี่ก็ยิ่งแข็งแกร่ง หากมิใช่ว่ากู่ฉิงซานเลือกใช้พลังวิญญาณในการปกป้องร่างกายแล้วล่ะก็ เกรงว่าเวลานี้ตัวเขาออกคงจะถูกแผดเผาจนไหม้เกรียมไปแล้ว
“จริงๆ แล้วนี่มันน่าอัศจรรย์ใจมาก ใครจะไปนึกกันล่ะว่า ในพื้นพิภพเบื้องล่างของโลกเทวะ จะมีพลังวิญญาณธาตุไฟที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้หลับใหลอยู่” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
หลังจากเดินทางอีกกว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดตัวดาบยาวก็ถูกหยุดนิ่งอีกครา
มันชี้ไปยังเบื้องหน้าด้วยปลายดาบ
กู่ฉิงซานมองตามทิศทางของมัน และเห็นว่าไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นทะสาบหลอมเหลวสีแดงเข้ม...ลาวานั่นเอง
ทะเลสาบที่เกิดจากการหลอมเหลวของลาวานี้มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นอย่างมาก อย่างน้อยกู่ฉิงซานก็ไม่เห็นปลายขอบที่เป็นจุดสิ้นสุดของมันเลย
ไอน้ำถูกปกคลุมด้วยกระแสไอร้อน ผสมปนเปไปกับก้อนหินหลอมเหลว บังเกิดสะเก็ดไฟกระเด็นอยู่ทั่วบริเวณ
สิ่งเหล่านี้มิใช่หินลาวาธรรมดาๆ แต่มันคือรูปลักษณ์ภายนอกที่เกิดจากการควบรวมกันของจิตแห่งไฟ หากคนธรรมดาคิดเผชิญหน้ากับมัน และบังเอิญไปถูกสัมผัสเข้าก็จะถูกเผาไหม้ในพริบตา
สองตาของกู่ฉิงซานหรี่แคบลง เขาจดจ้องพวกมันอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็เห็นเป้าหมายที่ดาบยาวได้ชี้ไป
มันคือที่ไหนสักแห่งที่ไกลออกไปในทะเลสาบลาวาแห่งนี้ เป็นสถานที่หนึ่งที่มีพื้นดินยกสูงขึ้นเล็กน้อย
และบนพื้นดินยกสูง มีดาบยาวถูกปักลงอยู่ที่นั่น ขณะนี้มันถูกแผดเผาด้วยไอร้อนโดยรอบจนกลายเป็นสีแดง
และเกือบจะจมลงใต้ทะเลลาวาอยู่รอมร่อแล้ว
ตัวดาบยาวสั่นไหวขึ้นบ้างเป็นครั้งคราวราวกับต้องการดิ้นรนขัดขืน ทว่าสุดท้ายมันก็ไม่อาจดึงตนเองให้หลุดออกจากพื้นดินได้อยู่ดี
“ท่านต้องการให้ข้าไปช่วยมันกระนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ดาบยาวที่ชี้ไปพลันพยักหน้าทันที ระบุว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นถูกต้อง
“น่าแปลกมาก ที่ตั้งของอาวุธก็น่าจะมีที่ดีๆ มากมาย ทำไมเจ้าสิ่งนั้นถึงมาปักอยู่ที่นี่ มันไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกหลอมในเวลาใดก็ได้เลยอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ
ดาบยาวแกว่งไปมาเล็กน้อย
“ว่าไงนะ ท่านบอกว่าที่นี่มีใช่หินลาวาอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“…แต่แท้จริงแล้วพวกมันคือฝนเพลิง…”
กู่ฉิงซานตระหนักถึงบางสิ่งได้ในที่สุด
เขามองไปยังทะเลสาบลาวาอันกว้างใหญ่ และดาบยาวที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ด้วยความกังวลเล็กน้อย
ขอบเขตก่อตั้งขั้นสูงสุด ยังมิอาจจะเหินอากาศได้
ด้วยตัวเขาเอง ที่พอจะสามารถทำได้ในตอนนี้คือ เทคนิคลอยตัวเท่านั้น
ทว่าจากสถานที่ที่เขายืนอยู่กับใจกลางทะเลสาบลาวานั้นมันห่างไกลกันมากเกินไป และเทคนิคลอยตัวอย่างเดียวมันคงไม่เพียงพอ
และถึงแม้ว่าจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ฝ่าฟันไปจนถึงมันได้ แต่เขาจะสามารถย้อนกลับมาได้อย่างไร?
แล้วฉันควรจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?
ถ้าเขายกระดับขึ้นเป็นผู้ฝึกยุทธแก่นทองคำ มันคงจะเป็นแค่เรื่องง่ายๆ เหินอากาศข้ามฝ่าทะเลสาบลาวาไปโดยตรง และดึงดาบยาวออกมาโดยง่าย
อย่างไรก็ตาม ท่านอาจารย์มิได้อยู่ที่นี่ ส่วนกงซุนซีก็ตกอยู่ในอาการหมดสติ นอกจากนี้กู่ฉิงซานก็ไม่มีคนอื่นๆ ที่เชื่อถือได้แล้วอีกด้วย
ท่านอาจารย์บังเกิดลางสังหรณ์ว่าเธอจะตกตายในสงครามใหญ่ครั้งนี้ และเขาก็ไม่รู้ว่าเวลานี้เธอกำลังทำอะไรอยู่อีก
ไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้เลยสักนิด
กู่ฉิงซานขบคิดเกี่ยวกับมันและถอนหายใจออกมา
“อันดับแรก พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” เขากล่าว
ดาบยาวที่ติดตามเขาส่ายไปมาคล้ายจะปฏิเสธ
“ไม่ต้องกังวลไป” กู่ฉิงซานกล่าว “ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในยามนี้ ยังมิอาจเหินอากาศได้”
ดาบยาวว่ายเวียนไปรอบกายเขา
“ไว้ในยามก้าวขึ้นสู่ขั้นแก่นทองคำ ข้าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน”
“ดาบที่ปักอยู่มันเกือบจะทนไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ? แต่คำว่าเกือบจะก็ยังพอจะตีความได้ว่าในเวลานี้มันยังทนไหว เช่นนั้นปล่อยให้มันเฝ้ารออีกสักพัก ข้าจะไปเตรียมยกระดับเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“หากข้าสามารถทะลวงฝ่าไปได้ ข้าก็จะเข้าไปช่วยเหลือมันทันที” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงจัง
ทันใดนั้นดาบยาวก็หยุดนิ่งอยู่สักพัก มันหันหน้าไปทางทะเลสาบลาวา ก่อนจะรีบลอยตามกู่ฉิงซานไป
กู่ฉิงซานเร่งฝีเท้ากลับออกมา และหยุดลงในจุดที่อุณหภูมิอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้
มือของเขาเหยียดไปในอากาศที่ว่างเปล่า และดาบพิภพก็ถูกเรียกออกมาตกลงบนมือของเขา
“ลืมมันเถอะ ตั้งแต่ที่ไม่มีใครทำหน้าที่เป็นธรรมพิทักษ์ เช่นนั้นตัวข้าเองที่ล่ะจะทำหน้าที่เป็นธรรมพิทักษ์เอง!”
“ข้าจะไล่สังหารพวกมารสวรรค์ที่ชั่วร้ายที่คิดจะลอบจู่โจม โดยพึ่งพาพลังของตัวเองที่มี”
ว่าแล้วเขาก็หยิบถุงเครื่องหอมที่มีสีสันสดใสออกมา
ถุงที่ซึ่งภายในบรรจุไว้ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของนิกายร้อยบุปผา
กู่ฉิงซานยื่นมือไปตบลงเบาๆ ในถุงเครื่องหอม
ทันใดนั้น ใบหยกก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ในหน้าต่างระบบเทพสงคราม ‘วิชายุทธิเทพสงคราม’ ก็พลันเปล่งแสงสว่างไสวทันที พร้อมปรากฏเส้นแสงหิ่งห้อยขึ้นหลายบรรทัด
“ค้นพบ เทคนิคฝึกยุทธขอบเขตก่อตั้ง...เทคนิคลับ รังสรรค์แก่นแท้แห่งปราชญ์ร้อยบุปผา”
“สถานะขอบเขตวรยุทธของคุณในปัจจุบันคือขอบเขตก่อตั้งขั้นสูงสุด”
“เรียนรู้กระบวนการ เทคนิคลับ รังสรรค์แก่นแท้แห่งปราชญ์ร้อยบุปผา จำต้องจ่ายเจ็ดสิบแต้มพลังวิญญาณ”
“คุณต้องการเลือกที่จะเรียนรู้ตอนนี้เลยหรือไม่?”
“ใช่”
“ทำการเรียนรู้แล้ว พลังวิญญาณที่เหลืออยู่สิบแต้ม”
กระแสความร้อนขนาดใหญ่ไหลผ่านออกจากใบหยก มันค่อยๆ ถ่ายเทลงในมือของกู่ฉิงซาน
กระแสความร้อนวิ่งผ่านมือของเขา กระจายไปทั่วร่างกายจนกระทั่งมาถึงทะเลแห่งห้วงสติ และแปรเปลี่ยนเป็นภาพและความรู้สึกจำนวนมากในทันใด
พริบตาเดียว ข้อมูลเชิงลึกและความรู้ความเข้าใจในวิธีการทะลวงผ่านไปยังขอบเขตที่ยิ่งใหญ่กว่า ก็ปรากฏชัดเจนขึ้นมา
แล้วเขาก็หยิบเม็ดยาวิญญาณขึ้นมาอีกหลายเม็ด โยนมันเข้าไปในปาก
สองตาของกู่ฉิงซานหลับลง และเริ่มทำการบุกทะลวง
ทุกสรรพเสียงจมสู่ความเงียบ
อย่างไรก็ตาม เพียงชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ชั่วยาม ก็พลันปรากฏร่างเงาของหญิงสาวทรงเสน่ห์ทะลุผ่านชั้นหินลงมาจากฟากฟ้า
หญิงสาวทรงเสน่ห์มองไปยังกู่ฉิงซานที่สองตายังคงปิดแน่น นางแลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางเอ่ยกล่าวว่า “จิตวิญญาณของชายผู้นี้ ช่างมีกลิ่นอายที่พิเศษยิ่งนัก รสชาติมันจะเป็นยังไงกันนะ หากข้าได้เข้าไปกัดกินมัน...”
ทว่าตัวนางยังมิทันได้เคลื่อนไหว จู่ๆ ดาบยาวที่แตกหักก็พุ่งออกมาจากด้านข้างของกู่ฉิงซาน และหมุนวนตัดอากาศรอบตัวเขาเป็นวงกลมอย่างรวดเร็ว
หญิงงดงามกรีดร้องเสียงแหลม ร่างเงาพุ่งเข้าปะทะกับตัวดาบที่แตกหักทันที
วิ้ง!
ดาบยาวถูกตบ และกระเด็นไปปักลงในผนังถ้ำ ผ่านไปครู่หนึ่ง มันก็ยังมิอาจถอนตนเองออกมาได้
หญิงงามเหลียวหลังกลับ และกำลังจะเริ่มเข้าไปจัดการกับกู่ฉิงซาน ทว่าในวินาทีนั้นเอง จู่ๆ เธอก็ดันถูกแทงด้วยดาบยาวอีกเล่มซะก่อน
หญิงงามดิ้นรนต่อสู้ แต่สายตาของเธอก็เห็นเพียงดาบเล่มหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศวาบผ่านร่างของเธอเป็นเส้นตรงลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอ่อนโยน
ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทันได้กรีดร้องหรือโหยหวนอย่างน่าสมเพช หญิงงามทรงเสน่ห์พลันกลับกลายเป็นกองกระดูกสีขาว และสลายหายไปในความว่างเปล่า
กู่ฉิงซานเปิดเปลือกตาด้วยความประหลาดใจ เบนลงมองไปยังดาบยาวที่ลอยอยู่
นั่นมันดาบพิภพ!
.......................................................