ความโกลาหลบริเวณหลังโรงพยาบาลแห่งใหม่ของ MD ที่ยังไม่เปิดทำงการเพิ่งจะคลี่คลายลงไป และบรรดาคนงานที่ต่างช่วยกันทยอยพาเพื่อนคนงานที่ได้รับบาดเจ็บมาฝั่งด้านหน้าของโรงพยาบาลที่ไม่มีแม้แต่เจ้าหน้าที่แปลนอนมายืนรอรับพวกคนป่วย และเห็นจะมีก็แต่พวกเจ้าหน้าที่จากห้องแล็ปที่พากันวิ่งกรูกันมาจากฝั่งหนึ่งของตึกรูปวงกลม พวกเจ้าหน้าที่ที่มีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการแพทย์ นักวิจัย และบรรดานักเภสัชศาสตร์ พวกเจ้าหน้าที่ที่พากันทยอยวิ่งกรูกันเข้ามาช่วย
ชเวกียุลกำลังรีบวิ่งเข้าหาหัวหน้านักวิจัยของที่นี้ และเขายังบอกให้เจ้าหน้าที่ทุกๆ คนให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลพวกคนงานที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน และให้รอจนกว่าเฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาลจะส่งเจ้าหน้าที่แพทย์และพยายาลมาถึงที่นี้ภายในเวลาไม่ถึงอีกสิบนาที
พัคจินอูที่ได้แต่ยืนมองพวกคนงานที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ไกลๆ ตอนนี้เธอกำมือทั้งสองข้างจนแน่นที่สุด เพราะว่าเท้าข้างหนึ่งที่อยากจะขยับไปข้างหน้า แต่ว่าเท้าอีกข้างของเธอมันกลับอยากจะถอยหลังกลับ เพราะความกลัวบางสิ่งบางอย่างที่เธออธิบายไม่ได้ และพวกมันกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หมับ !
ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งปรี่รีบคว้ามือของพัคจินอูจนเธอไม่ได้ทันตั้งตัว แต่ว่าเธอที่ไม่กล้าจะชักมือของเธอหนีออกมาทันทีก็เพราะคนงานผู้หญิงเอาแต่ร้องห่มร้องไห้คอยเดินตามหาลูกของเธอจนทั่ว ในขณะที่ทุก ๆ คนกำลังชุลมนกับอุบัติเหตุ
พัคจินอูยืนตัวแข็งทื่อ และมองไปที่มือของผู้หญิงคนงานคนนั้นอย่างประหม่า และสายตาที่หวั่นไหวมากขึ้นทุกที ๆ
ประตูลิฟต์บนชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลค่อยๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ
" จินอู !!! " ฮวังอูชิกตกใจมากที่อยู่ๆ ก็เห็นเธอขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลจนต้องหันกลับไปมองชเวกียุลที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา
" มีอะไรหรือเปล่า ! " ฮวังอูชิกตกใจมากจริงๆ ที่เห็นเธอดูท่าทางกระหืดกระหอบยืนอยู่ในลิฟต์ตอนนี้ แต่เธอกลับสนใจเด็กผู้ชายที่ลุงฮวังอูชิกยืนจับมือกันอยู่มากกว่า
" ไม่เป็นไร ใช่หรือเปล่า " เธอรีบเดินเข้าไปหาเด็กผู้ชายคนนั้นและสำรวจรอบๆ ตัวเด็กผู้ชายอายุราวๆ 7 ขวบ
" ไม่เป็นอะไรแล้วนะ " และช่วยปลอบไปพร้อม ๆ กับช่วยใช้มือเช็ดคราบน้ำตาเกรอะกรังของเด็กผู้ชายที่ติดอยู่บนดาดฟ้า
" ไม่เป็นอะไรแล้ว "และเธอก็สวมกอดเด็กผู้ชายคนนั้นเอาไว้จนแน่น
" หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ เป็นคนขึ้นมาสำรวจข้างบนนี้ และเจอเด็กคนนี้เข้า " และลุงฮวังบอกกับพัคจินอู
" ลุงค่ะ " พัคจินอูไม่สนใจคำพูดของลุงฮวัง แต่ว่าเธอกลับอยากมองไปที่คนยืนอยู่ข้างหลังของพวกเขามากกว่า
" ฉันฝากด้วยนะค่ะ"
" รีบพาเขากลับกลงไปเถอะค่ะ " เธอฝากฝั่งอีกครั้ง และฮวังอูชิกที่ก็ได้จูงมือเด็กและพากลับเข้าไปลิฟต์ของโรงพยาบาลลงไปข้างล่างและหันกลับไป
เธอหันไปมองหาชเวกียุล ที่ ๆ คนนั้นกำลังเหมือนยืนรอเธออยู่อย่างไงอย่างงั้น และดูเหมือนเขาจะรอเธอยู่จริงๆ
ทั้งเขาและเธอที่ต่างคนก็ต่างเดินเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว และต่างคนก็ต่างมองกันอย่างเป็นผู้ต้องสงสัย
เธอ..ที่มองชเวกียุล ราวกับว่า.....นี่จะใช่ ? ความบังเอิญของเขาจริงๆ หรือเปล่ากันนะ !
และชเวกียุลที่ ๆ กำลังมองเธอ อย่างกับว่า...ผู้หญิงคนนี้กำลังสร้างความผูกพันธ์กับเขาอยู่จริงๆ อยู่หรือเปล่า
" บังเอิญ ! ใช่ไหม " พัคจินอูเป็นฝ่ายเริ่มตั้งคำถาม
" บังเอิญ ! ที่นายขึ้นมาข้างบนนี้ ! "
" พอดี ! " คำถามของพัคจินอูเริ่มสั่นๆ ขึ้นมาบางแล้ว และบางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะต้องคอยหลบสายตา
" ใช่ไหม " และเธอที่ยังคอยตั้งคำถามเดิมๆ และจนกระทั่งเริ่มกำมือของตัวเองจนแน่น
ชเวกียุลมองพัคจินอูและเริ่มจะเข้าใจว่าจริงๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกกลัว
เขามองเข้าไปที่นัยน์ตาของเธอที่ดูก็รู้ว่า เธอกลัว
" ฉัน...."
" เป็นคนสร้างตึกนี้ขึ้นมา "
" ไม่แปลกที่จะขึ้นมาบนนี้ " และเขาพยายามหาคำตอบที่เธอน่าจะพอใจให้ฟัง
" เพื่อมาดูว่า...เกิดความเสียหายอะไรขึ้นที่นี้บ้าง " มิหนำซ้ำสายตาของเขายังมองไปรอบ ๆ บริเวณของสวนลอยฟ้า
" ต้นไม้พวกนี้ เสียหายไปเกินครึ่งเลยทีเดียว " เขาอธิบายพลางกวาดสายตาต้นไม้ต้นหย่อมๆ และดอกไม้ต้นหย่อมๆ พวกนั้นด้วย
เธอมองตามโดยไม่รู้ตัว และก็ยังเห็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่ล้มลงมาทับกับขอบกั้นดาดฟ้าจนฟังเสียหายไปบางส่วน
" แบบนี้เอง ! สินะ" เธอยอมพยักหน้าช้าๆ แต่ไม่กล้าสบตาของชเวกียุลทันที
" นายเป็นคนสร้างที่นี้ขึ้นมา "
" คงเป็นแบบนั้นจริง ๆ "
" ฉันไม่น่า.....คิด "
" คิดอะไรบ้า ๆ "
" หึ ๆ " เธอยิ้มเยาะเล็ก ๆ ให้กับความคิดบ้า ๆ ของตัวเธอเอง เพราะฉะนั้นเธอถึงได้คิดที่จะหันหลังกลังกลับ แต่ว่าเขาก็จะคอยเดินตาม
ชเวกียุลกำลังรีบเดินมาขวางและหยุดอยู่ตรงหน้า และพยายามที่จะมองสบตาของพัคจินอู
" หรือว่า.....เธอกำลังคิดอยู่ว่า "
" เพราะฉันรู้อยู่แล้ว ! "
" ว่าจริงๆ แล้ว....."
" เด็กคนนั้นอยู่ที่นี้ "
" ฉันถึงได้มาข้างบนนี้"
" ก่อนที่.."
ครึ้มๆๆ
เสียงฟ้าร้องบนชั้นดาดาฟ้าของโรงพยาบาลแห่งใหม่ของเอ็มดีที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และก้อนเมฆมืดครึ้มก็ค่อยๆ คืบคลานมาอย่างช้าๆ บนยอดตึก และไม่นานสายฝนก็โปรดหยดน้ำจนแทบไม่ได้ตั้งตัว
มิหนำซ้ำ...สายฝนพรำที่เทกระหน่ำลงมาติด ๆ อย่างที่ไม่มีใครสักคนหนึ่งที่จะทันตั้งตัวได้เลยจริงๆ
บรรดานักข่าวที่ต่างทยอยเร่งรีบเข้ามาทำข่าวที่หน้าศูนย์โรงพยาบาลแห่งใหม่ของ MD หลังจากข่าวแพร่สะพัดว่าเกิดอุบัติเหตุมีรถเคลนหักและทำให้คนงานได้รับบาดเจ็บ และแม้กระทั่งตอนนี้ท่านประธานใหญ่ของ MD เลขามินโดฮยอน และก็ชเวมินแจ ต่างช่วยกันรับมือกับนักข่าวที่ต่างพากันสันนิฐานเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกันไปต่างๆ นานา
และในะหว่างที่ชเวกียุลกำลังเดินออกมาจากลิฟต์ แต่พอเขาหันหลังกลับไปมองข้างหลังพัคจินอูก็หายไปแล้ว
คังมินจุนรีบร้อนลงมาจากรถยนต์ซีดานคันใหญ่ และเดินอ้อมมาที่ห้องผู้โดยสารและเอื้อมมือเปิดประตูรถ
และพัคจินอูก็เปิดประตูสวนคังมินจุนลงมา
" กลับไปพักเถอะ" เธอบอกทั้งคังมินจุน และคังจูวอนที่เป็นคนพาเธอมาส่งถึงบ้าน
" ครับพี่ " คังมินจุนพยักหน้าทำตามที่เธอสั่งแทบจะทันที แต่พวกเขาสองคนก็รอจนกว่าจะเห็นพัคจินอูกลับเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ของเธอแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งสองคนถึงจะพากันขับรถกลับออกไปจากหน้าอพาร์ตเมนท์
พัคจินอูที่เดินเหมือนคนไร้วิญญาณเข้าไปในห้องน้ำ และเธอยังรีบเดินเข้าไปล้างมือทั้งซ้ายและขวา และเธอก็ล้างหน้าหลายหนต่อหลายหนเหมือนจะขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตอนนี้ออกไปให้หมด และเธอก็เปลี่ยนชุดนอนและหันมานั่งเหน็ดเหนื่อยอยู่หน้าจอคอมแทน และไม่นานก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งกอดเข่าเจ้าจุกและก้มหน้าลงไปซบที่ขาของตัวเองพร้อม ๆ กับเสียงสะอื้นเล็กๆ น้อย ๆ
เสียงร้องไห้กระจองอแงที่ดังออกมาจากซอกมุมตึก เสียงร้องไห้ของเด็กที่พยายามร้องเรียกหาพ่อแม่ดังไม่หยุดจนทำให้พัคจินอูที่กำลังจะข้ามถนนไปคาเฟ่อดไม่ได้ที่จะเดินตามหาเด็กคนนั้น และก็เป็นอย่างที่เธอคิดว่า เด็กผู้หญิงอายุราว ๆ ไม่เกินแปดขวบที่กำลังนั่งกอดเข่าหลบอยู่ที่มุมตึก
" มาทำอะไรอยู่แถวนี้ " พัคจินอูเดินเข้าไปหาและก็ยังต้องคอยนั่งยอง ๆ อยู่ใกล้ๆ กับเด็กน้อยที่เลอะคราบน้ำตา แต่ถึงอย่างไงเด็กคนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันมาคุยกับเธอ เพราะเอาแต่ร้องไห้
" เอาละ ๆ "
" ถ้าเธอไม่ยอมบอกพี่ก็ไม่เป็นไร" และเธอที่ยื่นมือออกมา
" ถ้าอย่างงั้น พี่จะเล่นมายากลให้เธอดูดีไหม " และเธอก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มกว้างให้เด็กผู้หญิง ๆ แปลกใจที่ถึงกับรีบเงยหน้าและมองเธอด้วยความฉงนสงสัย
" อยากรู้ใช่ไหม งั้นลองมาจับมือฉันดูสิ "
" ถ้าเธอจับมือฉันแล้ว "
" ฉันก็จะทายถูกทันทีว่า เธอเป็นเด็กที่หลงทาง หรือเด็กที่กำลังหนีออกจากบ้าน " เธอยิ้มกว้างเพื่อสร้างความเชื่อใจ และเป็นอย่างที่คาดเดาเอาไว้ เด็กคนนั้นค่อย ๆ ยื่นมือมาแตะที่มือของเธอ แต่เด็กน้อยก็ยังมีท่าทีที่สงสัยไปพร้อมๆ กับปาดน้ำตา
" หลงทางนี่เอง สินะ " เธอพลางยิ้มและค่อย ๆ ลุกกลับขึ้นมาจูงมือของเด็กผู้หญิงอายุไม่เกินสอบขวบ
" ถ้าอย่างนั้น พี่สาวคนนี้จะพาเธอไปส่งเธอที่บ้านเอง "
" ถึงจนตอนนี้ คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอก็ยังทะเลาะกันไม่เลิกเลยสินะ" เธอเบือนหน้าหนีและถึงกับต้องหันมาและแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
" เอาละ ไปกันเถอะ " เธอเดินนำหน้าเด็กคนนั้นไปและก้าวเดินอย่างช้าๆ เพื่อจะพาเด็กกลับไปส่งให้ถึงมือพ่อและแม่ แต่ถึงอย่างไงซะเธอก็ยังไม่กล้าที่จะยื่นมือออกไปและให้เด็กน้อยได้จูงมือไปจนตลอดทางและทำได้แค่เพียงชำเลืองมองหลังบ้างก็เท่านั้น
เธอพาเด็กผู้หญิงเดินไปเรื่อยๆ จนถึงสวนสาธารณะเล็กๆ ที่รายล้อมด้วยตึกอพาร์ตเมนท์ที่อยู่ไม่ไกลกันมากและเดินผ่านไปและหยุดอยู่ที่หน้าตึกอพาร์ทเมนต์ตรงหน้าสุด พวกเธอเงยหน้าขึ้นไปมองบริเวณชั้นสองและจนกระทั่งได้ยินเสียงสามีภรรยาคู่หนึ่งทะเลาะกันอยู่ในห้อง ๆ ไหนสักห้องหนึ่งของอพาร์ตเมนต์ที่นี้ เธอตัดสินใจพาเด็กเดินขึ้นบันไดไปและหยุดอยู่ตรงประตูห้องอพาร์ตเมนท์ห้องมุมซ้ายสุดและกดกริ๊ง
ติ๊งต๊อง
จู่ๆ ผู้ชายวัยกลางคนใส่แว่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง และผอมบางคนหนึ่งก็พรวดพราดออกมาจากประตู
"ฉันเจอเค้าที่ข้างนอกค่ะ " พัคจินอูรีบตัดบทผู้ชายคนนั้นทันที
" เหมือนแกพยายามที่จะหนีออกจากบ้านเลยนะค่ะ " เธอพูดชัดถ้อยชัดคำและจ้องหน้าพ่อของเด็ก และคิดว่าน่าจะใช่แน่ๆ แต่ทว่าเสียงของผู้หญิงอีกคนในห้องที่ก็คิดว่าอาจจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเด็กผู้หญิงคนนี้ที่ดังแว่วออกมาว่า ลูกสาวของเค้าวันๆ ชอบเอาแต่ต่อต้านพ่อแม่ เพราะแบบนี้เธอถึงได้จ้องไปที่ผู้ชายคน ๆ นั้นซึ่งก็เอาแต่หลบสายตาของเธอ และรีบยื่นมือเข้ามาคว้าแขนของเด็กและจะรีบพาลูกสาวกลับเข้าบ้าน แต่ทว่าเมื่อกี้เธอเหมือนมองเห็นในดวงตาของผู้ชายคนนั้นลางๆ ว่า พวกเขาอยู่ในห้องผู้โดยสารของเครื่องบินลำหนึ่งและมันก็ระเบิดขนเธอต้องรีบคว้าเข้าไปจับมือของพ่อลูกที่กำลังจูงมือกันเข้าบ้าน แต่พวกเขาก็ดูตกใจจนต้องกระชากมือออกกลับ
พัคจินอูก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อขอโทษที่เธอทำอะไรโดยไร้มารยาท และพวกเขาก็ปิดประตูอพาร์ตเมนท์พากันกลับเข้าไปข้างในบ้าน แต่เป็นเธอที่รีบเดินหนีออกมาจากอพาร์ทเมนต์แทบจะทันที
ชเวกียุลกำลังเดินข้ามทางม้าลายและเดินมุ่งตรงมาที่ร้านคาเฟ่ 123 เขาหยุดอยู่บริเวณประตูหน้าร้านและกำลังจะเดินก้าวเข้าไปข้างใน แต่พอกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ลูกค้าทุกๆ คนที่นั่งอยู่ในคาเฟ่ก็หันมามองที่เขาเป็นตาเดียว
" เออ คือ...."
" น่ากลัวจริง ๆ " เสียงลูกค้าหลาย ๆ คนต่างพากันกระซิบกระซาบ และต่างวิพากษ์วิจารณ์ข่าวด่วนที่หน้าจอทีวีที่อยู่เหนือศรีษระ เพราะว่ามีข่าวด่วน กรณีเครื่องบินเครื่องบินโดยสารของประเทศถูกผู้ก่อการร้ายแอบนำระเบิดพลีชีพลักลอบขึ้นเครื่องบินโดยลำเลียงชิ้นส่วนระเบิดปะปนไปกับอาหารและเครื่องดื่มของสายการบินของประเทศ และอีกทั้งในรายงานข่าวยังแจ้งอีกว่า การจับกุมผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ยังจะทำการสืบสวนไปหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป โดยมีหน่วยข่าวกรองของประเทศเป็นผู้ทำการสืบสวนทั้งหมด และทั้งนี้ท่านประธานาธิบดียังออกมาชื่นชมเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของประเทศที่ได้ทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจึงช่วยกันยับยั้งเหตุการก่อการร้ายบนเครื่องบินที่จะมุ่งหน้าเดินทางสู่ประเทศสหรัฐ และรักษาชีวิตผู้โดยสารจำนวน 133 คน เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
บนอินเตอร์เน็ต และข่าวบนหน้าจอทีวี ทุกๆ คนต่างให้ความสนอกสนใจกับคดีการก่อการร้ายภายในประเทศกันอย่างครึกโครม
" ชเวกียุล " พัคจินอูรีบเดินเข้าไปทักทายเขาอย่างลูกค้าทั่วไป และส่วนเขาก็พยักหน้าให้เล็กน้อย
" เชิญเข้ามานั่งข้างในก่อนสิ" เธอชวนอีกครั้ง และพาเขาเดินไปนั่งบริเวณริมกระจกฝั่ง ๆ ติดกับริมทางเท้า
" นายจะสั่งอะไรดี " เธอต้อนรับเขาอย่างคนปกติทั่วไป
"ฉันขอกาแฟร้อนละกัน " เขาบอกและมองตามเธอในขณะที่ออกไปสั่งออเดอร์เครื่องดื่มให้เขา และในระหว่างที่รอก็พยายามทีจะเหลียวมองดูร้านคาเฟ่รอบๆ และพอหันไปเจอคนชงกาแฟข้างคาเฟ่นี้แล้ว เขาก็เหมือนจะรู้สึกเคยเจอที่ไหนมาก่อน เพราะฉะนั้นเขาก็เลยนั่งรอจนกระทั่งพัคจินอูถือถ้วยชามาเสิร์ฟ
" ร้านของคุณนี่ ! "
" กาแฟคงจะอร่อยมากจริง ๆ " ชเวกียุลที่กำลังหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมา
" ขนาดทำเนียบประธานาธิบดี " และยังทำท่าว่าจะจิบกาแฟถ้วยนั้น
" ยังต้องสั่งกาแฟจากที่นี้" เขาพูดจบและจิบกาแฟถ้วยนั้นทันที แต่พัคจินอูกลับรีบหันควับกลับมาหาอย่างเสียไม่ได้
"ค่ะ !!! " และเธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
" พอดีว่า...." เขาจิบและค่อย ๆ วางถ้วยกาแฟร้อนนั่นลง และชวนเธอหันไปมองที่บาริสต้าของร้านที่บาร์กาแฟ
" เมื่อเช้า ท่านประธาน MD ชวนพวกเราไปที่ทำเนียบท่านประธานาธิบดี " และเขายังจ้องมองไปที่บาริสต้าหน้าตาดีแทบไม่วางตาบริเวณเคาน์เตอร์
" ผมเห็นบาริสต้าของคุณ "
" เป็นคนไปส่งกาแฟของที่นี้ ถึงทำเนียบท่านประธานาธิบดีเลยน่า... "
" หึๆๆ " เขาตั้งใจหัวเราะ
" มิน่าละ กาแฟของที่นี้ถือว่าใช้ได้จริงๆ " เขายิ้มและหันกลับมาดื่มกาแฟของเคาเฟ่นี้ต่อ แต่เธอก็ยังฝืนยิ้ม
" เรื่องแบบนี้นะ " และเธอก็ยังที่จะหาข้อแก้ตัวให้กับคนของเธอด้วย
" ดูจากลูกค้าที่ร้านของฉันแล้ว "
" ก็ไม่เห็นจะน่าแปลกใจตรงไหน ใช่ไหมละคะ" เธอตอบและยิ้มอีกที
" ไม่ทราบว่า... คุณ "
" มาที่นี้ มีธุระอะไรกับฉัน "
" อย่างนั้นเหรอค่ะ" เพราะฉะนั้นเธอถึงต้องรีบตัดบทเรื่องพวกก่อนหน้านี้ไปซะ เพราะว่าเธอไม่อยากให้ใครคนอื่นมาจับจ้องพนักงานของเธอและพี่ชายของเธอด้วย
" จินอู !! " เสียงของชเวมินแจส่งเสียงเรียกชื่อเธอตั้งแต่ประตูคาเฟ่ และตามติดๆ ด้วยบรรดาลูกค้าภายในร้านที่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอกับดาราขวัญใจ
" พี่ค่ะ " เธอเลยต้องรีบออกไปต้อนรับชเวมินแจ
" ทำไมจะมา ไม่บอกก่อนละค่ะ" เธอมองเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่ชเวมินแจกลับปฏิเสธและลากเธอไปร่วมโต๊ะระหว่างเขากับน้องชาย
" นี่ " ชวเมิแจที่เริ่มทำน้ำเสียงประชด
" วัน ๆ ฉันยุ่งสายตัวแทบขาด "
" แค่อยากจะมากินกาแฟบ้าง ก็ไม่เห็นจะเป็นไร " ชเวมินแจยิ้มอย่างอารมณ์ดี และหย่อนก้นลงไปนั่งใกล้ๆ กับชเวกีกยุลน้องชาย
" ไง " และถาม
" รสชาติกาแฟของที่นี้ "
" ฉันว่า...มันต้องถูกใจจนนายอยากจะมาอีกบ่อยๆ เลยละ " และดูท่าทางชเวมินแจชอบอกชอบใจที่น้องชายตัวเองแสดงท่าทีว่าชอบร้านคาเฟ่ร้านนี้ และน้องชายเขาก็แค่นั่งฟังเฉยๆ อยู่ก่อนก็เท่านั้น
" เอาละๆ " และชเวมินแจก็เริ่มเปลี่ยนมาทำสีหน้าจริงจังทันที
" วันอาทิตย์หน้าจะเป็นงานเปิดสำนักงานแห่งใหม่ของเอ็มดี ฟาร์มาร์ซี "
เพราะฉะนั้น ท่านประธานชเว พ่อของเราก็เลยฝากคำเชิญมาให้ "
" และฉัน ! " และชเวมินแจก็ยังจะเอื้อมมือไปโอบไหล่ของพัคจินอูต่อหน้าคนอื่น ๆ ในร้านอย่างท่าทีที่มีความสุขสุดๆ
" จะเหมากาแฟทั้งหมดของที่นี้ "
" ในวันพิธีเปิดงานที่สำนักงานใหม่ของเราด้วยละ " ชเวมินแจโอบไหลพัคจินอูและหยอกล้อกับเธอ
" เออ...จริงสิ" ชวมินแจนึกเรื่องที่อยากจะคุยกับเธอขึ้นมาได้อีก และเธอก็ยังคงตั้งใจฟัง และรวมถึงพนักงานคนอื่นๆ ที่พากันแอบฟัง
" โครงการเชย์รีส "
" ในที่สุด ! ก็ใกล้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการจริงๆ แล้วสักที "
" ท่านประธานชเว ตอนนี้ดีใจสุดๆ ไปเลยละ " ชเวมินแจเล่าข่าวดีของบริษัท
" จริงหรือเปล่า กียุล " และยังจะหันไปถามความคิดเห็นของน้องชายตัวเอง
" น่าแปลกนะครับ " แต่แล้วชเวกียุลกลับสงสัย จนต้องวางถ้วยกาแฟลงและหันมองพัคจินอู และบาริสต้าของร้านที่มองอยู่
"โครงการลับ...ของบริษัทเรา "
" คุณพัคจินอู ที่เป็นแค่นักเขียน "
" ก็รู้ซะด้วย ! " ชเวกียุลที่เอาแต่พูดและส่ายหน้าแบบไม่เห็นด้วย
" แปลกมากจริง ๆ นะครับเนี้ย " เพราะแบบนี้ตัวเขาเองถึงได้ไม่เข้าใจว่า ทำไมรัฐบาลของพวกเขาถึงเห็นพ้องว่าต้องมีโครงการๆ นี้
แต่ว่าพัคจินอูที่ไม่อยากให้คนอื่นๆ เข้าใจผิด
"พี่ค่ะ " เธอก็เลยต้องหันไปหาชเวมินแจ
" เรื่องพิธีเปิดศูนย์การแพทย์และห้องแล็ปใหม่ของพี่ "
" พวกเรายินดีช่วยให้เต็มที่เลยค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง " เพราะว่า เธอกำลังพยายามที่จะไม่สนใจคำพูดจาไร้สาระของน้องชายของชเวมินแจให้มาก
" พี่มินแจ " คังจูมิน ที่รีบเสนอหน้ามาขันอาสา และตามด้วยพนักงานคนอื่นๆ
" งานของบริษัทพี่ พวกเราจะช่วยกันอย่างเต็มที่ พี่ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น " คังจูมิน คังจูวอน และซอเยอึนที่พากันกรูเข้ามารับปากอย่างแข็งขัน
แต่สำหรับพัคจินอูที่เอาแต่พยายามหลบสายตาของชเวกียุล เพราะไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตามเธอก็ไม่อยากจะญาติดีกับเขา