webnovel

ร้านหนังสือ "คี อ๊ก"

บ้านไม้ชั้นเดียวโบราณร่วมสมัยใช้ประตูบานเลื่อนจากกระจกกับไม้ และป้ายไม้เป็นภาษาจีนแบบดั่งเดิมเขียนว่า " จวื้ อวี่ " สีครามตัวใหญ่ และอักษรฮันกึน " คี - อ๊ก " ตัวเล็ก ๆ แปะติดอยู่ข้างๆ หน้าร้านหนังสือ

ฮวังอูชิกที่ยืนมองป้ายหน้าร้านหนังสืออยู่ข้างๆ หัวหน้าเอ็นจินเนียร์ชเวกียุลที่รบเร้าให้เขาพามาดูที่นี้ให้ดี แม้ว่าจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างแต่ก็ต้องจำใจทำตามคำสั่ง

" เออ...คือว่า " หัวหน้าฮวังพยายามเหลือเกินที่จะแนะนำร้านหนังสือ แต่ดูเหมือนหัวหน้าเอ็นจิเนียร์ของพวกเขากลับเขาแต่ยืนจ้องป้ายชื่อร้านอย่างอารมณ์ดีซะอย่างนั้น

"ร้านหนังสือ...ในความทรงจำ " ชเวกียุลก็อดที่จะคิดไม่ได้

" ชื่อ..เพราะดีนะ "

" หัวหน้าฮวังอูชิก " เขาหันไปมองและยิ้มๆ ให้

" ก็ชื่อพื้น ๆ ทั่วไป " และหัวหน้าฮวังก็เอาแต่ปฏิเสธ

" ไม่ได้พิเศษอะไรหนักหนา แบบนั้นหรอกครับ " แต่หัวหน้าฮวังก็ยังคอยหลบสายตาของเขาอยู่ดี

" หัวหน้าเอ็นจิเนียร์บอกว่า อยากจะมาหาหนังสือที่นี้ "

" ถ้ายังไงรีบเข้าไปข้างในกันดีกว่า " ฮวังอูชิกยังจะคอยเดินนำหน้าเข้าไปข้างใน และก็กำลังเดินนำหน้าต้องคอยใช้เท้าเขี่ยกองหนังสือที่วางระเกะระกะอยู่ที่พื้น

" หนังสือพวกนี้เกะกะจริง ๆ " ฮวังอูชิกตั้งใจบ่นให้เสียงดังเข้าไว้

" ต้องขอโทษด้วยครับ รองประธาน "

" พอดีว่า..ช่วงนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่" และได้แต่บ่นพึมพำเสียงดังไปเรื่อย

ฮวังอูชิกกำลังคิด ๆ และคอยเดินไปที่ชั้นหนังสือบริเวณหน้าร้าน แต่พอหันกลับมาเห็นหัวหน้าเอ็นจิเนียร์กำลังที่จะเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์คิดเงินที่มีกองหนังสือวางกลบพวกมันเต็มชั้นไปหมด

" หัวหน้า !! " ก็เลยต้องรีบตะโกนห้าม

" ตรงนั้นมีแต่หนังสือเก่า ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ เชิญทางนี้จะดีกว่า " เขายิ่งห้าม แต่ว่ารองประธานกลับไม่หยุดและเดินเข้าไปที่หลังเคาน์เตอร์นั่นจนได้

ชเวกียุลดึงหนังสือเล่มสีชมพูเล่มหนึ่งออกมาจากมือของคนที่แอบอยู่หลังเคาน์เตอร์

" สงสัยจริงๆ ว่า นักพนันก็เป็นแล้ว"

" นักย่องเบา ! ก็เหมือนจะเคยทำมาก่อนแล้ว ! " เขาเปิดดูหนังสือเล่มนั้นไปพลางๆ และพูดกับคนที่เอาแต่หลบอยู่หลังเคาน์เตอร์

" ต่อไป..จะเป็นอะไรอีกดี " จนกระทั้ง เขาก้มมองลงไปที่ใต้เคาน์เตอร์คอยกวาดสายตาดูหนังสือรกๆ พวกนั้นที่วางรกเต็มพื้นเต็มไปหมด

" พูดให้มันดี ๆ เลยนะ !!! " คนที่อยู่ใต้เคาน์เตอร์เถียง จนต้องยอมคลานออกมาอย่างอิหลุกขลุกขลักจากใต้เคาน์เตอร์

"เชอะ !! " พัคจินอูรีบลุกขึ้นมา ! และพอเห็นหน้าของหัวหน้าเอ็นจิเนียร์คนที่ลุงฮวังเรียก เธอถึงกับชักสีหน้าใส่เขา

" ของฉัน ! " เธอคอยยื่นมือเข้าไปขอหนังสือของเธอคืน

" ฉันขอหนังสือของฉันคืนด้วย " แต่เธอพูดกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงหม่นสุดๆ

เธอยื่นมือออกไปรอรับหนังสือของเธอจนเมื่อย แต่ถึงยังไงๆ น้องชายของชเวมินแจก็ไม่ยักจะคืนให้กับเธอทันที

แต่เขากลับเปิดอ่านหนังสือเล่นนั้นซะดื้อ ๆ

" นิทานเด็กๆ ซินะ ! " เขาพลางเปิดผ่านๆ และปิดลงทันทีที่รู้ว่าเป็นนิทานสำหรับเด็ก เพราะฉะนั้นเธอถึงกับต้องรีบแย่งมันกลับมา

" ไม่มีมารยาท ! " เธอแย่งหนังสือคืนมาได้สำเร็จ และหันกลับไปยัดหนังสือเล่มนั่นลงกล่องกระดาษที่เตรียมเอาไว้

แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะมัวแต่ก้มมองดูหนังสือนิทานเล่มนั้นซ้ำๆ หนังสือนิทานเล่มที่มีเด็กผู้หญิงชาวญี่ปุ่นนั่งถือดาบ และนักธนูขี่ม้า

" จะมาทำไมไม่บอกกันก่อน " ฮวังอูชิกที่ยืนอึดอัดอยู่นานพอได้จังหวะก็เลยรีบปรี่เข้าไปหาเธอ

" ฉันจะได้มาเตรียมไว้ให้ ! " ฮวังอูชิกที่ยังตามเข้าไปช่วยเก็บหนังสือพวกนั่นและยัดลงกล่องกระดาษที่เตรียมไว้หลายใบต่อหลายใบเต็มพื้น

" ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ " เธอปฏิเสธและก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเก็บ และบางครั้งเธอก็มีแอบหันไปชำเลืองมองคนอื่นๆ ที่กำลังเดินเผ่นพ่านเอยู่ในร้านเดินดูตรงนั้นตรงนี้

" จะทิ้งไปก็เสียดาย " เธอหันมาบ่นกับลุงฮวัง

" หนังสือพวกนี้ บางเล่มยังใช้ได้อยู่ "

" ก็เลยอยากจะเอาไปบริจาคจะดีกว่า " เธอบอกและยังแอบมองคนอื่นๆ ที่ดูพยายามให้ความสนอกสนใจร้านหนังสือที่นี้อย่างออกหน้าออกตา

" นี่ !!! " เธอรีบร้องห้ามคนที่กำลังจะหยิบหนังสือตามชั้นวางตามใจชอบ

" หยุด !!

แต่เขากลับไม่สนใจเสียงนกเสียงกา และยังจะคอยตั้งหน้าหยิบจับหนังสือบนชั้นนั้นชั้นนี้ไปเรื่อย จนทำให้เธอต้องรีบลุกขึ้น และเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหา

เขาที่เพิ่งจะถูกเธอแย่งหนังสือไปต่อหน้าต่อตาอีกรอบ และมิหนำซ้ำยังโดนเธอจ้องตาเขม่งจ้องมองเขาอย่างกับจะฆ่าจะแกงเขาให้ได้

พัคจินอูยืนถือหนังสือเอาไว้จนแน่นและมองห้ามชเวกียุล แต่ดูๆ ไปก็เท่านั้น เพราะยังไงๆ เขาก็ไม่ได้สนใจพวกเธอเลยสักนิด

" นี่ !! " เพราะฉะนั้นเธอเลยต้องรีบเดินไล่ตามเขาไปตามชั้นหนังสือชั้นอื่นๆ เพื่อไม่ให้เขาหยิบหนังสือออกมาได้อย่างตามใจชอบ

" พูดภาษาคนไม่เข้าใจหรือยังไง นายนะ !! "

" หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ! " เธอพยายามจะเดินตามเขาและเข้าไปยื้อแย้งหนังสือที่เขาพยายามจะดึงลงมาจากชั้น

" เอาคืนมาเดี๋ยวนี้ " เธอเริ่มโกรธ

เขาที่ได้แต่ชูหนังสือหลอกล่อเธอไปๆ มาๆ เหมือนเด็กและให้เธอไล่ตาม

" อะไร !! " เขาตั้งใจแกล้งเธอ

พวกเขาสองคนกำลังดูเหมือนพวกเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งไล่แย่งของเล่น

" ค่อย ๆ คุยกันไม่ได้หรือยังไง ! " เขาแกล้งเธออยู่อย่างสนุกไปตามทางเดินแคบ ๆ ตามชั้นหนังสือพวกนั้น

" เธอจะหวงหนังสือพวกนี้ไปทำไม "

" ไหน ก็จะบริจาคหนังสือพวกนี้ "

" ให้กับโรงพยาบาลเราอยู่แล้ว ! " คราวนี้เขาชูหนังสือไว้จนสุดมือเอื้อม แต่เธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปคว้าพวกมันกลับมา

" อะไร !! " เขาชะงักทันที !

" ฉันบอกคุณตอนไหนกันว่า..." อยู่ๆ เธอก็กลับเอาแต่ยืนจ้องตาของเขา คล้ายๆ ว่ากำลังจับผิดอะไรสักอย่าง

" จะบริจาคหนังสือพวกนี้ ! " เพราะเธอจำได้แน่นอน

" ให้กับโรงพยาบาล !! " และแล้วเท้าของเธอมันก็เริ่มค่อย ๆ ขยับเข้าหา สายตาของเธอที่จับจ้องเขาอย่างไม่ลดละ

เพราะฉะนั้นเขาที่กำลังถูกเธอต้อนและใกล้จะจนมุมอยู่แล้วจำเป็นจะต้องหาทางหนี

" เออ....คือ ! " เขาพยายามที่จะถอยห่าง แต่ว่าในที่สุดเขาก็ถูกเธอต้อนจนมุมเข้าจนได้ และพัคจินอูก็เหมือนจะเอาจริง

" ทำไม !! " เธอที่กำลังเผชิญหน้ากับชเวกียุลอย่างซึ่งหน้า แต่พอเขาจะขยับถอยหนีไปข้างหลังก็ดันชนเข้ากับชั้นวางหนังสือจนทำให้ล่าถอยไม่ได้อีก

และพอเขาพยายามที่จะหันหลบไปทางซ้าย เธอ ! ก็ดันยื่นแขนออกมาขวางคอยกั้นเขาเอาไว้ไม่ให้หลบหน้าเธอได้

และพอเธอเห็นเขาพยายามที่จะหลบไปทางซ้ายของเธอ และเธอถึงได้รีบยื่นกางแขนออกไปขวางกันเอาไว้ไม่ให้ออก

เขาที่กำลังถูกผู้หญิงตรึงอยู่กับชั้นหนังสือเก่าๆ จะถอยหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ และเธอยังจ้องเขาไม่หยุดหย่อน

" นี่ ! เธอ ! " เขายิ่งต้องหาทางเจรจา

" ใจเย็นๆ กันก่อนดีกว่า! " และน้ำเสียงเจรจาที่ฟังก็รู้ว่า เขาประหม่าเข้าให้แล้ว

" บอกมา ! " ที่เธอถามเพราะว่าเธอสงสัยและอยากรู้ว่า ชเวกียุลรู้ความคิดของเธอได้ยังไง !! และในเมื่อเขาไม่ยอมที่จะตอบคำถาม

เธอเลยต้องยิ่งขยับเข้าหา ๆ และขยับเข้าหาชเวกียุลโดยชนิดที่ว่า แม้แต่กลิ่นหนังสือเก่า ๆ ที่อยู่บนชั้นข้างหลังของเขาเธอก็ยังได้กลิ่น

และแม้แต่เสียงลมหายใจติด ๆ ขัด ๆ นั้น ราวกับเหมือนมันที่กำลังดังอยู่ข้างหู และความเงียบรอบๆ ตัว ระหว่างเธอและเขาก็เงียบมากพอที่จะทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจซึ่งกันและกัน

และแม้ตอนนี้ เขาแทบอยากจะกลั้นหายใจก็ตาม เพราะถ้าหากยิ่งจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาของเธอให้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาอาจจะเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งแน่ ๆ

" หัวหน้าเอ็นจิเนีย ! หัวหน้าฮวังอยู่ข้างในนั่นหรือเปล่า !!! " จู่ ๆ มีคนมาตระโกนอยู่ที่หน้าประตูร้านหนังสือเข้าพอดี เพราะฉะนั้นทั้งเขาและก็เธอก็เลยต้องรีบผละออกจากกันทั้งคู่

" หัวหน้าเอ็นจิเนีย ! "

" อยู่หรือเปล่า !! " มีคนกำลังเรียกพวกเขาซ้ำ ๆ อยู่ที่หน้าประตู และพวกเขาทุกคนก็ได้รีบกลับออกมายืนอยู่หน้าร้าน

" มีอะไรหรือเปล่า " ฮวังอูชิกที่รีบร้อนเดินออกไปเปิดประตูร้าน และเจอกับบรรดาลูกน้องที่ต่างพากันทำนหน้าตาตื่นตกใจ

" เกิดอะไรขึ้น ! " ชเวกียุลก็เลยรีบเข้ามาหาพวกคนงานทันที

" เมื่อกี้ ! เมื้อกี้ !! " คนงานที่ยืนตัวสั่นๆ และคอยพูดจาตะกุกตะกัก"

" คนขับรถเคลน !! ถอยรถชนนั่งร้านจนถล่มลงมา "

" ตอนนี้ พวกคนงานได้รับบาดเจ็บกันหลายคน " พวกคนงานต่างพากันตื่นตกระหนักตกใจไปตามๆ กัน

ฮวังอูชิกที่ได้ยินก็รีบวิ่งแจ้นกลับไปสำนักงานใหม่ของเอ็มดีทันที และคนงานพวกนั้นที่ก็รีบวิ่งตามหัวหน้าของพวกเขาตามกันไปติดๆ

ชเวกียุลแทนที่จะรีบวิ่งตามพวกเขาไป แต่เขากลับเอาแต่หยุดและคิดไปชั่วขณะ

" กว่ารถโรงพยาบาลจะมา " และเขาที่หันไปขอร้องพัคจินอู

" ก็ประมาณ 15 นาที " แต่ว่าคราวนี้ใช้สายตาขอร้องเธอด้วย

เธอพยักหน้าอย่างไม่คิดที่จะลังเลว่า

" ตอนนี้ โรงพยาบาลแห่งใหม่ของ MD ยังไม่ได้เปิดก็จริง ! แต่ว่า..." และก็ตอบรับเขาทันที

" แต่ฝั่งของห้องแล็ป ยังมีเจ้าหน้าที่อยู่ที่นั้น "

" ฉันจะรีบตามพวกเขามาช่วย !! " เธอรีบปากและรีบวิ่งตามพวกคนงานไป โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องให้ชเวกียุลอธิบายอะไรต่อจากนั้น

ชเวกียุล รีบร้อนวิ่งไปจนถึงบริเวณด้านหลังของตึกโรงพยาบาลแห่งใหม่ของ MD ซึ่งตอนที่พวกเขาวิ่งไปถึงก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของพวกพนักงานก่อสร้าง และพอพวกเขาหันไปมองรอบๆ ก็เจอแต่ซากปรักหักพังของเหล็กนั่งร้านที่พังถล่มหลังมาจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และรถเคลนที่ได้รับความเสียหายทั้งตัวรถ ล้อ และเสาเคลนที่ก็เกือบจะหักเป็นสองท่อนยังคงห้อยต่อยแต่งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณดาดฟ้าของตึกที่กำลังมีการจัดตกแต่งสวนลอยฟ้า

เพราะฉะนั้น ชเวกียุล และหัวหน้าฮวังอูชิก และคนงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่เกิดอุบัติเหตุ พวกเขาจึงต้องเร่งรีบไปนำตัวคนงานที่ได้รับบาดเจ็บออกจากใต้ซากปรักหักพังพวกนั้นให้ได้ก่อน ๆ ที่เสาเครนอาจจะหักพักลงมาและอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่านี้

คนงานก่อสร้างที่ได้รับบาดเจ็บ คนงานหลายต่อหลายคที่กำลังช่วยกันใช้มืองัดนั่งร้านที่เป็นท่อนเหล็กหนาเพื่อจะลากเพื่อร่วมงานที่ถูกเหล็กทับขาเพื่อจะนำตัวออกมาให้ได้ คนงานบางคนที่ได้รับบาดเจ็บจากท่อนเหล็กหล่นใส่หัวไปก็หลายคน และแต่ละคนเลือดตามร่างกาย และคนงานหลายต่อหลายคนที่ถูกเหล็กนั่งร้านร่วงลงมาจนทำให้รับบาดเจ็บที่หัวจนเลือดไหลออกมา

" รีบพาคนที่ได้รับบาดเจ็บ ! " ชเวกียุลตะโกนบอกพวกเขา

"เข้าไปที่ตึกใหม่ของโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้ !! " และก็ยังจะรีบวิ่งไปช่วยดึงเอาท่อนเหล็กที่กองๆ ทับร่างคนงานก่อสร้างไปด้วย

" อะไรนะ !! " ฮวังอูชิกสงสัยจนต้องรีบเดินเข้าไปหา

" แต่ว่า ตอนนี้โรงพยาบาลแห่งใหม่ของ MD ยังไม่เปิด "

" หัวหน้าเอ็นจิเนีย คิดอะไรอยู่ ถึงจะให้พวกเราพาคนเจ็บไปที่นั่น !!

ฮวังอูชิกก็ไม่ได้เข้าใจความหมายของท่านรองประธานของพวกเขาคนนี้ และพวกคนงานคนอื่น ๆ ที่ได้ยินก็ต่างพากันสับสัน

" รีบพาคนเจ็บไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ ! " ชเวกียุลที่ได้แต่ตะโกนสั่งโดนไม่ยอมฟังเสียงใครทั้งนั้น

" รีบพาทุกคนไปที่นั่นเดี่ยวนี้ !! " เขาตะโกนย้ำๆ และยังจะช่วยคนที่ได้รับบาดเจ็บใต้กองเหล็กนั่งร้านที่ข้างๆ กำแพงตึกออกมาได้จนสำเร็จและส่งตัวให้พวกคนงานพาตัวคนที่รับบาดเจ็บทยอยกลับไปในตึกของโรงพบาลแห่งใหม่

" ช่วยด้วย !! "

" ช่วยด้วย ผมติดอยู่ตรงนี้ !!! " เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือที่เหมือนจะดังอยู่ห่างจากพวกเขาไกล ๆ

ชเวกียุล ! ที่มุ่งหน้าไปตามหาคนงานที่ติดอยู่คนนั้นแทบจะทันที และรีบเดินไปที่รถเคลนฝั่งด้านประตูคนขับ

" มีคนติดอยู่ตรงนี้ !! "

" มีคนติดอยู่ตรงนี้ !! " เขาที่พยายยามตะโกนร้องเรียกให้คนอื่นๆ มาช่วย เพราะว่าที่ตรงนี้มีคนงานที่ขาเข้าไปติดกับล้อของรถเคลนคันใหญ่

" ใครก็ได้ ! มาช่วยตรงนี้ที ! "

เพราะฉะนั้น เขาถึงได้พยายามร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไปด้วย เพราะสภาพของคนงานผู้ชายคนหนึ่งที่ขาข้างขวาติดอยู่ใต้ล้อรถเคลนขนาดใหญ่ที่กำลังร้องอวดครวญด้วยความเจ็บปวดทรมาน และยังมีเลือดไหลซึมออกมาจากขาของเขา

" ทำใจเย็นๆ ก่อน แล้วผมจะหาวิธีช่วยคุณ " ชเวกียุลให้กำลังใจคนงาน และในขณะเดียวกันก็มองไปรอบๆ ซากเหล็กที่ปรักหักพังรอบๆ ตัว ก่อนที่จะเงยหน้ากลับขึ้นไป

เสาของเคลนขนาดยักษ์ที่กำลังห้อยต่องแต่งอยู่บนฟ้า และดูเหมือนพวกมันจะทำท่าทางจะหักเหล่ไม่หักเหล่อยู่บนหัวของพวกเขาทั้งคู่

" ไม่เป็นอะไรนะ " แต่เขาก็ยังจะให้กำลังใจและรับปาก

" ผมจะรีบหาทางช่วยคุณออกไปให้ได้ "

ฮวังอูชิก และพวกคนงานที่ได้รับก็ต่างพากันวิ่งกรูกันเข้ามาแถวๆ บริเวณรถเคลนที่เพิ่งจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก และพวกเขาก็ต่างพากันตกอกตกใจจนไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้

" หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ !!! " ฮวังอูชิกร้องตะโกนดังลั่นที่เจอ !

ชเวกียุลกำลังช่วยเหลือคนงานที่ขาติดอยู่ที่ล้อรถเคลน และซ้ำร้ายเสาเคลนที่หักและห้อยแกล่งไปมาอยู่บนหัวของพวกเขาทั้งคู่ !

" ตรงนั้นมันอันตรายมาก ! ผมว่าหัวหน้าออกมาก่อนจะดีกว่า !! " ฮวังอูชิกตะโกนห้าม

และคนงานคนอื่นๆ ที่พากันร้องตะโกนให้หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ของพวกเขาออกมาจากที่ ๆ อันตราย แม้ว่าพวกเขาจะเห็นคนงานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดอยู่ตรงนั้นด้วยก็ตาม

" หัวหน้าเอ็นจิเนียรฺ ! ออกมาจากตรงนั้นก่อน เร็วๆ เข้า !! " ฮวังอูชิกที่คอยตะโกนขอร้องให้รองประธานเอ็มดีกลับออกมาก่อน และดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะว่าตอนนี้หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ของพวกเขาที่กำลังพยายามที่จะขยับล้อรถเคลนออกไปให้ได้

" หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ ! ถ้าทำแบบนั้นอาจจะทำให้เสาเคลนหักลงมาก็ได้ " ฮวังอูชิกร้องห้าม

" มันอันตรายเกินไป ! "

" รอพวกเจ้าหน้าที่มาก่อนดีกว่า ตอนนี้พวกเขากำลังมาที่นี้ " และพวกคนงานที่ต่างยืนมากันอย่างขวัญเสีย

ชเวกียุลที่กำลังจะเดินอ้อมไปที่หลังรถเคลน และพยายามที่จะใช้ทั้งสองมือดันท้ายรถเคลนก็เพื่อหวังให้มันขยับ !

รถเคลนที่ดูเหมือนกำลังจะขยับเล็กน้อย จนกระทั่งพวกเขาทุกคนที่กำลังยืนมุงดูกันอยู่ถึงกับประหลาดใจ

" พัคจินอู !!! " ฮวังอูชิกที่ร้องดังลั่น ที่จู่ๆ หลานสาวของตัวเองก็ดันไปโผล่อยู่ตรงนั้น และดูเหมือนว่าพัคจินอูจะไม่หวาดกลัวเลยด้วยซ้ำ

พัคจินอูที่ได้แต่หันไปและมองไปที่ชเวกียุลอย่างมั่นอกมั่นใจ

" ฉัน ! จะช่วยคุณเอง !!! " เธอบอกกับเขาออกไปแบบนั้น

" ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม " เขาพยักหน้า

" หนึ่ง ! สอง !! สาม !!! " และเริ่มสงสัญญาณ

" รถขยับแล้ว !! รถขยับแล้ว !!! " บรรดาพวกคนงานที่ยืนมุงดูต่างพากันโห่ร้อง

" ขาของเขาหลุดออกมาแล้ว ๆ " ฮวังอูชิก กับคนงานคนอื่น ๆ ที่ต่างพากันดีใจทีในที่สุดขาของคนงานที่ถูกล้อรถเคลนทับก็หลุดออกมา

ทั้งเขาและเธอถึงต้องรีบวิ่งเข้ามาและช่วยกันประคองคนงานที่ได้รับบาดเจ็บให้พ้นจากรถเคลนให้ได้ซะก่อน

ว่าแต่ตอนนี้ พวกคนงานทุกคนที่ก็ต่างพากันเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบนแทน เพราะว่าเสารถเคลนที่กำลังห้อยอยู่บนหัวของพวกเขามันก็ดูเหมือนจะเริ่มขยับด้วยเหมือนกัน

" หัวหน้าเอ็นจิเนีย ! พัคจินอู ! " ฮวังอูชิกที่ได้แต่ยืนกระสับกระส่ายเพราะก็ไม่รู้จะเข้าไปช่วยพวกเขาดีหรือว่าจะต้องทำอะไรถึงจะดี !!

เวลานี้ทั้งพวกคนงานที่ต่างพากันยืนลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อ ที่ ๆ คนสามคนที่อยู่ใต้เสาเคลนที่ทำท่าว่าจะหักหรือไม่หักลงมาจริงๆ กันแน่

ชเวกียุล กับ พัคจินอูที่ต่างก็รีบช่วยกันประคองหิ้วปากทั้งซ้ายและขวาของคนงานที่ขาข้างขวาเพิ่งจะหลุดออกมาได้ และยังจะต้องคอยช่วยกันประคองกันให้พ้นจากรถเคลนให้ได้ซะก่อน

เขา และ เธอ ที่ช่วยกันประคองคนงานที่ได้รับบาดเจ็บอย่างมุ่งมั่นด้วยกันทั้งคู่ และไม่คิดที่จะแหงนหน้าขึ้นไปมองเสาแคลนที่ง่อนแง่นจวนเจียนใกล้จะหักลงมาเลยสักนิดก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน

พวกคนงานที่เห็นว่า หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ และ พัคจินอู กำลังช่วยกันประคองเดินจนเกือบจะพ้นเสาของรถเคลนที่ใกล้จะหักบนหัวของพวกเขาได้สำเร็จ ทุก ๆ ที่ก็ต่างกรูกันเข้าไปช่วย

แต่พอทุก ๆ คนหันหลังกลับไป เสาที่หักของรถเคลนก็ยังคงจะอยู่บนหัวของพวกเขาอยู่เหมือนเดิม และพวกเขาทุกคนปลอดภัย