ตอนที่ 1141 ศิษย์อาจารย์
ในท้องนภา เปลวไฟและความมืดปะทะกันไปมา ทำให้พลังทำลายล้างระเบิดไปมา
ทรายหินบินไปมา อากาศธาตุเกิดการระเบิด
การต่อสู้ระหว่างนกอมตะปีศาจกับมังกรดำยิ่งมากยิ่งดุเดือด
แค่ผลที่ตามมาจากการระเบิดพลังมากพอจะสังหารสิ่งมีชีวิตธรรมดาได้
ในระยะของแนวหน้า ไม่พบเห็นปีศาจที่ยังมีชีวิตอยู่
พลังมังกรดำยิ่งมากยิ่งแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนมันจะแบกรับมากขึ้นเรื่อย ๆ
นกอมตะปีศาจไม่กล้าเผชิญหน้ากับมังกรดำซึ่ง ๆ หน้า แต่เลือกใช้ความเร็วกับความว่องไวในการค้นหาช่องโหว่ของมังกรดำ
เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง นกอมตะปีศาจพบโอกาสก่อนจิกใส่มังกรที่เกิดจากหมอกสีดำอย่างรุนแรง
ตูม…
เสียงหมองหม่นเดินทางไปมาระหว่างสวรรค์และปฐพี
นกอมตะปีศาจจิกลงไปบนโล่หลากสีสัน
โล่ของผู้พิทักษ์ทุกสิ่ง!
ถึงแม้สัตว์ประหลาดหุบเหวจะไม่สามารถถูกอัญเชิญมาที่นี่ได้ แต่มันไม่ได้สูญเสียการป้องกันแต่อย่างใด
เพราะความสามารถพิเศษในการปกป้องวิญญาณ กู่ฉิงซานจึงไม่หมดสติไปอย่างสมบูรณ์
ถึงแม้การโจมตีของนกอมตะปีศาจจะถูกขัดขืนไว้ได้ แต่แรงกระแทกรุนแรงนี้ทำให้กู่ฉิงซานตกอยู่ในภวังค์
กู่ฉิงซานเผยร่างมนุษย์ก่อนเคลื่อนลงมาจากท้องนภา
นกอมตะปีศาจมีกำลังใจ
…นี่คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิต!
มันกำลังจะใช้ทักษะร่างกายด้วยการพุ่งใส่ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี แต่ทันใดนั้น มันรู้สึกถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึง
นกอมตะปีศาจนิ่งขณะมองกู่ฉิงซานอย่างระแวดระวัง…จู่ ๆ มีมนุษย์เพศหญิงปรากฏตัวข้างกู่ฉิงซาน
เซี่ยเต้าหลิง
ในที่สุดเซี่ยเต้าหลิงก็มาถึง
นางวางมือบนไหล่ของกู่ฉิงซานเพื่อช่วยให้ร่างของเขามั่นคง
“พลังมหาศาลขนาดนั้น…นี่คือพลังของเผ่ามังกรหรือ”
นางวางมือข้างหนึ่งที่หลังกู่ฉิงซาน มืออีกข้างยื่นออกมาก่อนร่ายวิชาอย่างรวดเร็ว
วิชาลับ เก้าดาราชะล้างมหาสมุทร!
“ฟู่…”
เซี่ยเต้าหลิงขมวดคิ้ว
นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดของกู่ฉิงซานทันที
นี่คือวิชาลับเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายขัดเกลาพละกำลังของตัวเองได้ เมื่อใช้พวกเขาจะแบ่งพลังส่วนหนึ่งที่ยังไม่ถูกดูดกลืนไปให้อีกฝ่าย
โชคยังดี พลังของนางสูงกว่ากู่ฉิงซานการแบกรับพลังของนางย่อมสูงกว่า
กู่ฉิงซานผู้อยู่ในภวังค์ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา
ความเจ็บปวดในร่างกายทุเลาลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขากลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่คนธรรมดาสามารถทานทนได้
“อาจารย์ ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่” เขารีบถาม
“ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ากำลังสู้อยู่น่ะ เพราะงั้นข้าเลยมีความคิดดี ๆ ก็เลยมาดูน่ะ” เซี่ยเต้าหลิงตอบอย่างเรียบง่าย
“อาจารย์มอบอะไรให้ข้า” กู่ฉิงซานถาม
“มังกรหยิ่งทะนงรู้สึกเสียใจ ไม่มีความยั่งยืน หายนะของความเวทนา…หลังจากข้ามาที่นี่ มันก็กลายเป็นแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ศิษย์ของข้าจะสู้อย่างหนักขนาดนี้”
เซี่ยเต้าหลิงมองแนวหน้าที่เต็มไปด้วยกระดูกแตกหักก่อนกล่าวอย่างสงบว่า “เจ้ามาถึงจุดนี้แล้ว แน่นอนว่าในฐานะอาจารย์ ข้าจะนิ่งเฉยไม่ได้”
“พวกผู้ฝึกยุทธ์ พวกเขาเห็นแก่ตัวเกินไป”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังมาจากท้องนภาไกลลิบ
ศิษย์อาจารย์มองพร้อมกัน
เป็นนกอมตะปีศาจที่ส่งเสียง
“โจมตีได้นิดหน่อยทำมาเป็นพูดจาใหญ่โต เผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นพวกเจ้าช่างชั่วร้ายน่ารังเกียจจริง ๆ ” มันจ้องเซี่ยเต้าหลิงขณะกล่าวยั่วโมโหอย่างช้า ๆ
เซี่ยเต้าหลิงเมินมันก่อนถามกู่ฉิงซานว่า “เจ้าฆ่ามังกรไปกี่ตัว”
“สองตัว”
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้” ใบหน้าของเซี่ยเต้าหลิงเคร่งขรึมขณะเตือนอย่างจริงจังว่า “พลังของมังกรคู่นี้หาได้ยากยิ่ง ขีดจำกัดสูงสุดของพลังเหนือกว่าข้า สามารถนับว่าเป็นโอกาสอันดีได้ แต่หลังจากเจ้าดูดกลืนมันเข้าไป เจ้าต้องระงับความเย่อหยิ่งและความหุนหันพลันแล่น...มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ว่าในโลกหลายร้อยล้านใบ มีความลึกลับและความสามารถพิเศษนับไม่ถ้วน การแข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะได้ เจ้ายังต้องระแวดระวังเวลาเดินทางข้างนอก”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว แต่ถ้าขีดจำกัดสูงสุดของพละกำลังศิษย์เหนือกว่าอาจารย์ มันจะไม่เกินขอบเขตระดับราชาแห่งอิสรภาพหรอกหรือ แล้วทำไมข้าถึงยังรอดได้อีกล่ะ” กู่ฉิงซานสงสัย
เซี่ยเต้าหลิงส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพเพิ่มขีดจำกัดพลังวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ มันแตกต่างจากพลังเผ่ามังกรอีกอย่าง ทันทีที่ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพจบลง พลังเหนือธรรมชาติของผู้รับใช้สี่สิบแปดคนในระดับราชาแห่งอิสรภาพจะถูกสร้างขึ้นมา นี่คือพลังของฝั่งผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เกี่ยวอะไรกับพลังเผ่ามังกรที่เจ้าเชี่ยวชาญ”
กู่ฉิงซานพลันกล่าวว่า “เป็นแบบนั้นเอง ศิษย์เข้าใจแล้ว”
ทันใดนั้น กลุ่มเมฆไฟเจิดจ้าสะท้อนท้องนภา
“สารเลว!”
นกอมตะปีศาจมองทั้งสองคนก่อนกรีดร้องด้วยเสียงคมปลาบ “พูดแบบนี้ จะบอกว่าเทพไม่ได้อยู่ในสายตาอย่างนั้นหรือ”
เซี่ยเต้าหลิงชำเลืองมองมันขณะกล่าวกับกู่ฉิงซานต่อว่า “พลังเผ่ามังกรที่เจ้าขัดเกลาอยู่นั้นมันร้ายกาจเกินไป ตอนนี้ข้าจะขัดเกลาพลังเผ่ามังกรสองพลังนี้ให้เป็นแหล่งกำเนิดพลังที่บริสุทธิ์และสงบ แบบนี้ การดูดกลืนจะไม่ส่งผลกับภาระร่างกายและวิญญาณของเจ้ามากนัก”
กู่ฉิงซานตรวจสอบร่างกายคร่าว ๆ
ความเร็วการดูดกลืนพลังไม่ได้เปลี่ยนไป แต่มันเปลี่ยนจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากเป็นแม่น้ำที่สงบนิ่ง
ความเจ็บปวดทุเลาลงไปมากขึ้น
เขารู้สึกว่าสติกลับคืนมาแล้ว
“น่าทึ่งมาก มีวิธีแบบนี้ด้วย” กู่ฉิงซานชื่นชม
เซี่ยเต้าหลิงกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าอยู่ในสภาพนี้ ข้าก็เลยนึกวิชาลับนี้ขึ้นมาได้ ถ้าอยากเรียนรู้ ข้าจะสอนเจ้าเอง”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “ขอรับ ข้าต้องการวิชาลับนี้จริง ๆ เกรงว่าจะได้ใช้มันในอนาคต”
พลังของสายเลือดมังกรมารสามารถดูดกลืนพลังของสิ่งมีชีวิตมากมายได้ ถ้าเชี่ยวชาญวิชาลับพลังชะล้างก็ไม่ต้องห่วงเรื่องพลังบางอย่างที่จะมาทำร้ายเขา
เซี่ยเต้าหลิงบอกกู่ฉิงซานถึงวิชาลับของพลังชะล้างผ่านจิตเทพ
กู่ฉิงซานตั้งใจฟังขณะถามเป็นครั้งคราว ในที่สุดก็ค่อย ๆ เชี่ยวชาญวิชาลับนี้
อีกด้าน นกอมตะปีศาจไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
ด้วยการกระพือปีก มันพุ่งออกไปเพื่อหมายจะสังหารผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ที่อาจหาญทั้งสอง!
ทว่า…
มันเพิ่งสยายปีก แต่กลับหุบลงทันที
เพราะผู้ฝึกยุทธ์หญิงอีกคนปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
ยังเป็นเซี่ยเต้าหลิง!
ในความว่างเปล่า มีผู้ฝึกยุทธ์หญิงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ทุกคนดูเหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์หญิงคนแรก
เพียงพริบตา ทั่วความว่างเปล่าปกคลุมด้วยผู้ฝึกยุทธ์หญิง
…พลังเหนือธรรมชาติ จุติสิบล้านร่าง!
นกอมตะปีศาจรวบรวมเปลวเพลิงร้อนแรงจากร่างกายเอาไว้ขณะมองพวกเซี่ยเต้าหลิงอย่างระวังก่อนมองนางคนแรกอีกครั้ง “กลายเป็นว่าเจ้ามีพลังเหนือธรรมชาตินี้ ดูท่าเจ้าต้องไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาแน่ ๆ แบบนี้ควรค่าแก่การเอาจริง”
เซี่ยเต้าหลิงชำเลืองมองมันขณะกล่าวต่อว่า “ฉิงซาน ข้าเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังในเมืองโบราณเทียนเซียน ข้าคล้ายกับคิดถึงบางสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “นี่นับว่าแปลก อาจารย์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับของพวกนี้มาก่อน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ หรือว่าเป็นความทรงจำจากชาติที่แล้ว”
เซี่ยเต้าหลิงกล่าว่า “ข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้สึกได้อย่างหนึ่ง…หากสามารถไปถึงบอกเขาเซียวหมีในครั้งนี้ได้ ข้าจะต้องพบบางสิ่งอย่างแน่นอน”
นางกล่าวอีกว่า “ครั้งล่าสุดตอนข้าอยู่ในสมาพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้น หลังจากเจ้าไปแล้ว ในบรรดาสหายของพวกเจ้า มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่ายวินจี นางช่วยข้าผนึกลมหายใจก่อนทำให้ข้ากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง”
“ข้าพบว่าในสภาพนี้ มันง่ายนักที่จะเข้าใจบางสิ่งในอดีต ดังนั้นข้าจึงค่อย ๆ ไตร่ตรองถึงต้นเหตุของวิชานี้ จากนั้นจึงเชี่ยวชาญมัน”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความนับถือว่า “อาจารย์ ข้าจำได้ว่ายวินจีไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ แต่ท่านยังสามารถเรียนวิชาของนางได้ ช่างน่าทึ่งนัก”
เซี่ยเต้าหลิงยิ้มเล็กน้อยคิ้วงดงามค่อย ๆ คลายออก
ด้วยการขัดเกลาพลังเผ่ามังกรอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดที่นางรับไว้ค่อย ๆ เบาลง
นางกล่าวอีกว่า “ฉิงซาน ตอนข้าดูสีหน้าเจ้า ดูเหมือนจะยังมีความวิตกอยู่ แต่เพราะอะไรล่ะ”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ศิษย์มีสหายอยู่ที่โลกเก้าร้อยล้านชั้น พวกข้าตัดสินใจที่จะร่วมกันต่อสู้ช่วงเที่ยง ตอนนี้พวกเขารวมตัวกันหมดแล้ว แต่ข้ายังไปไม่ได้”
“ช่วงเที่ยงหรือ ข้ายังอยากก้าวข้ามภัยพิบัติก่อน ยังไงเสีย พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพเป็นประโยชน์มาก ถ้าเจ้าไปต่อสู้ก็อาจจะสามารถใช้มันได้”
เซี่ยเต้าหลิงมองท้องนภาขณะพูด
ตอนนี้ ราตรีเย็นเยือกผ่านไปแล้ว อาทิตย์ยามเช้ากำลังจะขึ้น มีแสงเลือนรางสาดส่องมาระหว่างสวรค์และปฐพี
รุ่งสางกำลังมา
เซี่ยเต้าหลิงคำนวณในใจอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “ฉิงซาน ทันทีที่ข้ากลายเป็นเด็กสาว ข้าจะเข้าสู่ความทรงจำได้ง่ายและเกิดการรู้แจ้งได้โดยไม่ติดขัดใด ๆ นี่จะเป็นการตัดขาดสภาพแวดล้อมออกไป…แต่ข้าต้องสำรวจความลับของขุนเขาเซียวหมีก่อน ดังนั้นข้าต้องระแวดระวังตอนก้าวข้ามภัยพิบัติให้มากขึ้น”
“เอาล่ะ ฉิงซาน เจ้าต้องดูดกลืนพลังมังกรคู่นี้ ถึงแม้ระดับการฝึกฝนจะยังไม่พัฒนา แต่พลังของฝั่งที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ก็เหนือกว่าข้าแล้ว เหลือแค่เจ้าต้องปกป้องข้า เจ้ากับข้า ศิษย์กับอาจารย์ จะก้าวข้ามภัยพิบัตินี้อย่างรวดเร็ว”
กู่ฉิงซานถามว่า “อาจารย์ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการดูดกลืนพลังเผ่ามังกรนี้เสร็จ”
“ราวสิบห้านาที” เซี่ยเต้าหลิงตอบ
หัวใจของกู่ฉิงซานมั่นคง
อาจารย์อยากค้นหาข้อมูลจากขุนเขาเซียวหมีนี้ นางจึงต้องการการปกป้อง
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที เขาจะได้รับพลังมังกรคู่ การปกป้องนางจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
จากนั้นเขากล่าวว่า “อาจารย์ ให้ข้าปกป้องเอง ปัญหาอย่างเดียวคือขุนเขาเซียวหมีกว้างใหญ่ไพศาล พวกเราต้องก้าวข้ามภัยพิบัติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เกรงว่าพวกเราต้องทุ่มทุกอย่างที่มี”
เซี่ยเต้าหลิงฟังพลางครุ่นคิด “เดิมข้ามีสัตว์ขี่เป็นนกยูง แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เอามาตอนก้าวข้ามภัยพิบัติ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวเช่นกันว่า “ในช่วงความโกลาหลของสัตว์อสูรวิญญาณคราวที่แล้ว สัตว์ขี่ของข้าถูกข้าฟันทิ้ง ยานอวกาศก็จอดอยู่ในวังวนความว่างเปล่า”
ทั้งอาจารย์และศิษย์เผยสีหน้าเสียดายพร้อมกัน
หลังจากนั้น…
ทั้งสองพลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาเห็นศีรษะไปมองนกอมตะปีศาจ
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “อาจารย์ ข้าเคยได้ยินว่าความเร็วของนกอมตะเร็วกว่านกยูงนิดหน่อยนะ”
เซี่ยเต้าหลิงพยักหน้าแล้วพึมพำว่า “ใช่ ว่ากันว่านกอมตะบินได้มั่นคงที่สุด แต่น่าเสียดาย ตั้งแต่เริ่มฝึกในฐานะอาจารย์มาก็ไม่เคยได้นั่งบนหลังนกอมตะเลย”
“ศิษย์ก็ไม่เคยนั่งเหมือนกัน”
นกอมตะปีศาจมองผู้ฝึกยุทธ์ชายหญิงที่อยู่ทั่วท้องนภาด้วยความลังเล แต่ทันใดนั้น มันรู้สึกถึงสายตาสองคู่
มันมองอาจารย์และศิษย์ สายตาของอีกฝ่ายกำลังจับจ้องด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
มีไอเย็นเยือกยากจะอธิบายอยู่ในใจของนกอมตะปีศาจ มันรู้สึกไม่ดีเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
มันตะโกนเสียงดังว่า “พวกเจ้า…พวกเจ้าต้องการอะไร”
กู่ฉิงซานเมินมันก่อนกล่าวกับเซี่ยเต้าหลิงว่า “อาจารย์ ดูสิ นกอมตะนี่ยังไม่ได้กำจัดวิญญาณชั่วร้ายของตัวเอง เกรงว่าคงไม่ยอมจำนนง่าย ๆ ”
เซี่ยเต้าหลิงครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อมันคิดว่าข้ากับเจ้าเป็นศัตรู คงจะหว่านล้อมได้ไม่ง่ายนัก…แบบนี้ ข้าจะจัดการมันก่อน เอาให้ไม่มีแรงมาต่อกรอีกเลย”
กู่ฉิงซานปาดเหงื่อจากหน้าผากก่อนรีบคิดตามเซี่ยเต้าหลิงอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องรีบร้อน อาจารย์ ข้าจำได้ว่านกปีศาจหวาดกลัวผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวข้ามภัยพิบัติอสนีบาตที่สุด หากจัดการมันด้วยอสนีบาตน่าจะได้ผลที่ดีกว่า”
“หืม…ก็จริง…”
เซี่ยเต้าหลิงรู้
วินาทีต่อมา
นางชักแส้ยาวออกมา
“นกอมตะปีศาจ เจ้าเต็มใจเป็นสัตว์ขี่ของข้าหรือไม่” เซี่ยเต้าหลิงถาม
สัตว์ขี่หรือ
ให้เทพเป็นสัตว์ขี่งั้นหรือ
นกอมตะปีศาจเดือดดาล คำสบถก่อเกิดขึ้นในใจ
คาดไม่ถึง เซี่ยเต้าหลิงพลันตวัดแส้ยาวในมือ
อสนีบาตเคลื่อนไปตามแส้ยาว เคลื่อนไหวไปมาไม่มีสิ้นสุด
พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ สะเทือนฝัน!
หลังจากนั้น เซี่ยเต้าหลิงสิบล้านร่างที่อยู่บนท้องนภาชักแส้ออกมา
งูอสนีบาตร้อนแรงพันรอบแส้ยาวแต่ละเส้น
เซี่ยเต้าหลิงจำนวนนับไม่ถ้วนตวัดแส้ยาวพร้อมกัน
เพี้ยะ…
ตูม!!!
เกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว!
สวรรค์และปฐพีถูกแสงอสนีบาตสาดส่อง ราวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนท้องนภา ฉากผู้ฝึกยุทธ์ก้าวข้ามภัยพิบัติอสนีบาตได้เกิดขึ้น
นกอมตะปีศาจตกตะลึง
เซี่ยเต้าหลิงมองนกอมตะปีศาจแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “คิดก่อนแล้วค่อยพูด”
..............................