webnovel

1140 ไม่ว่า

ตอนที่ 1140 ไม่ว่า

ทะเลหัวกะโหลกถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว

กู่ฉิงซานวิ่งไปตามทาง

สายลมเป็นสีโลหิต ตามติดร่างของเขาขณะลากเงาสีแดงบนพื้นที่เต็มไปด้วยกระดูกแตกหัก

ฟันดาบ

ฟันดาบ

ยังคงฟันดาบต่อไป

ปีศาจตัวไหนที่พุ่งเข้ามาจะถูกปกคลุมด้วยประกายดาบก่อนถูกแทงหลายสิบครั้งจนถึงแก่ความตายทันที

มีเพียงปีศาจที่ทรงพลังจริง ๆ เท่านั้นที่สามารถหยุดฝีเท้าของกู่ฉิงซานได้เล็กน้อย

…เขาจะหยุดและใช้หอกปีศาจแดงเพื่อให้ขุนเขาเซียวหมีเปลี่ยนเป็นพลังได้ง่ายยิ่งขึ้น

โดยไม่รู้ตัว เขากลับมาถึงแนวหน้าที่เผ่าพันธุ์มนุษย์พ่ายแพ้

สัตว์ประหลาดคล้ายมนุษย์นับไม่ถ้วนกำลังพักผ่อนอยู่ที่นี่

พวกมันมีใบหน้าเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายเป็นสัตว์อสูรและแมลง

แม่ทัพระดับสูงเหล่านั้นกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกมันมีศีรษะเป็นวิญญาณชั่วร้าย แต่ร่างกายเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แถมยังสวมชุดเกราะศึกอีกด้วย

“ใครมา” ปีศาจที่กำลังตรวจตราตะโกนด้วยเสียงคมปลาบ

ไม่มีคำตอบ

กู่ฉิงซานขว้างหอกปีศาจแดงขึ้นท้องนภาขณะถือดาบสองเล่มไว้ในมือ

“อึ่ก…อ้ากกกกกกก!”

เสียงคำรามขมขื่นออกมาจากลำคอของเขา

เขาเหมือนกับดาบตกขณะกระแทกลงไปยังค่ายของศัตรูโดยตรง

ตูม!

พลังงานดาบรุนแรงและเอ่อล้น

ดาบสองเล่มบินขึ้นลง ดาบเจ็ดเล่มฟาดฟันออกไปทันที

ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน มังกรอสนีที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าทะยานขึ้นไปในอากาศ

ด้านหลังมังกรอสนีตัวนี้มีมังกรอสนีอีกเก้าตัวตามติดขณะพุ่งขึ้นท้องนภาด้วยกัน

มังกรฟ้าทะยาน!

“ตาย…ให้หมด!”

กู่ฉิงซานที่เต็มไปด้วยโลหิตพ่นสองคำออกมาจากปาก

มังกรอสนีสิบตัวพุ่งลงมา!

แสงจากอสนีบาตนับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำลงมาใส่ปีศาจอย่างต่อเนื่อง

เสียงกรีดร้องมากมายดังขึ้น

กู่ฉิงวานชักดาบออกมาแล้วถือไว้ในมือ

หอกปีศาจแดงที่สาดแสงแรงกล้าตกลงมาก่อนมาอยู่ในมือของเขา

เขาพุ่งเข้าหาปีศาจยักษ์ที่ยังอยู่ในสภาพตกตะลึง

ปลายแหลมสีแดงรวมตัวราวกับเส้นด้ายก่อนกระจายออกราวกับอสนี

ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ !

ที่ใดที่หอกปีศาจแดงผ่าน ร่างของปีศาจยักษ์ที่เดิมใช้โจมตีเมืองจนราบเป็นหน้ากลองมานับไม่ถ้วนกลับกระจายไปตามสายลมก่อนหายไปสิ้น

ช่างไร้เทียมทานนัก!

ในถ้ำลึกที่อยู่ไม่ไกลจากแนวหน้านัก ปีศาจทรงพลังที่สุดส่วนน้อยสัมผัสได้ถึงฉากนี้เงียบ ๆ

ปีศาจตัวหนึ่งขยี้หัวกะโหลกในมือเพื่อระบายความโกรธ “พลังของมันกำลังทำลายกองทัพของพวกเรา ไม่ได้การ ข้าต้องไปแนวหน้า”

“เหอะ!” เสียงผู้หญิงพูดจาประชดประชันออกมาว่า “นั่นคือพลังของมังกรวิเศษ แถมมีอีกสองตัวด้วย ถ้าไปล่ะก็ได้ตายแน่”

ปีศาจตะโกนเสียงดังว่า “เมื่อกี้เจ้าว่ายังไงนะ”

“เหอะ ๆ ๆ น่าเสียดายที่พลังนั่นจะถูกทำลาย…ด้วยมือข้า!”

ผู้หญิงที่มีร่างเย้ายวนกระซิบ

นางยืนอยู่บนหัวกะโหลกนับไม่ถ้วน วางตัวงามสง่าขณะเต้นเท้าเปล่า

“ข้าจะใช้ระบำภูตผีมหาเทพเพื่อล่อมันเข้าในอาณาเขต จากนั้นทำลายจิตใจเพื่อใช้เป็นหมากในอนาคต”

ผู้หญิงร่ายรำขณะร่ายคาถาอย่างต่อเนื่อง

หัวหน้าปีศาจที่อยู่ตรงหน้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนพยักหน้า “เอาเถอะ ไม่มีใครสามารถขัดขืนการเต้นของเจ้าได้ แบบนั้นคงจะดีที่สุดแล้ว”

ทันใดนั้น ผู้หญิงหยุดร่ายรำ

นางคล้ายกับมองเห็นบางสิ่ง ลูกตาสะท้อนฉากการร่ายรำครั้งแรกอย่างเป็นทางการของกู่ฉิงซานในอดีต

“อา…การเต้นนี้มัน…”

นางคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรุนแรงขณะกล่าวซ้ำไปมาว่า “ไว้ชีวิตข้าด้วย! ยกโทษให้ข้าด้วย! ข้าจะไม่บังอาจทำอีกแล้ว”

ก่อนที่จะทันพูดจบ นางกลายเป็นกระดูกคนตายที่กองลงกับพื้นก่อนถึงแก่ความตาย

ฉากนี้น่าตกตะลึงเกินไป ปีศาจตนอื่นพูดไม่ออกสักพัก

หากอีกฝ่ายสามารถสังหารปีศาจทรงพลังที่อยู่ไกลออกไปนับพันไมล์ได้ เช่นนั้นสงครามนี้ก็ไม่มีความหมายที่จะดำเนินต่ออีกแล้ว

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งมาจากด้านบน

“ไม่ต้องห่วง ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแค่มีความสามารถยับยั้งนักเต้นจริง ๆ แล้วไม่สามารถฆ่าพวกเราโดยตรงได้หรอก”

พวกปีศาจรอสักพัก

แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่ทันสังเกตเห็นอะไร เขายังคงสังหารอยู่ที่แนวหน้าด้วยวิธีแปลกประหลาด

ทุกคนโล่งอก

“ปลดปล่อยสิ่งที่พวกเราผนึกเอาไว้ออกมา…ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางรับมือสิ่งนั้นได้หรอก”

“นั่นสิ มันควรจะเป็นเช่นนั้น”

หัวหน้าปีศาจเจ็ดถึงแปดตนตอบรับตนแล้วตนเล่าขณะเปิดปากร่ายคาถาพร้อมกัน

แนวหน้า

จุดสีดำขนาดเล็กพลันปรากฏในส่วนลึกของท้องนภา

หัวหน้าปีศาจสัมผัสฉากนี้ได้ก่อนหยุดร่ายคำสาปตนแล้วตนเล่า พวกมันเผยสีหน้ารอชมผลงาน

จุดสีดำบินข้ามท้องนภา กระแทกลงกับพื้น เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

…มันคือโลงศพหยกศักดิ์สิทธิ์!

เสียงไร้ตัวตนดังมาจากโลงศพราวกับกำลังบอกเล่าประวัติศาสตร์จากยุคโบราณเมื่อนานมาแล้ว

เสียงดังกล่าวค่อย ๆ หายไป มีเสียงเคาะมาจากโลงศพ

ใครอยู่ในโลงศพนี้

ทำไมถึงเคาะล่ะ

ทันใดนั้น มีเสียงคำรามอยู่ไม่ไกล

กู่ฉิงซานจ้องโลงศพ ร่างสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง

เขาแทบจะไม่สามารถหักห้ามการกัดกร่อนของพลังเผ่ามังกรได้

พลังที่มากเกินไปทำให้เขาประสบกับความเจ็บปวดแสนสาหัส เขาไม่มีเวลามาคิดทุกสิ่งทุกอย่าง

เสียงหัวเราะคิกคักมากมายดังอยู่ในโลงศพหยกศักดิ์สิทธิ์ราวกับตัวตนที่ยากจะอธิบายกำลังตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอก

มันปล่อยจิตเทพเพื่อจับจ้องกู่ฉิงซานอย่างไม่ใส่ใจ

“อา…หาร…”

น้ำเสียงแปลกประหลาดดังมาจากโลงศพ

ก่อนจะทันพูดจบ กู่ฉิงซานที่ถือดาบไว้พลันพุ่งเข้าหาโลงศพหยกศักดิ์สิทธิ์

แดนศักดิ์สิทธิ์ น้ำหนักหนึ่งพันเอ็ดเท่า

การตัดสินใจของพิภพ…พลังวิญญาณสองล้านแต้ม!

คมดาบเจิดจ้ากระแทกใส่โลงศพอย่างรุนแรง

โลงศพหยกศักดิ์สิทธิ์ถูกกระแทกโดยตรง ชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นสูง แม้กระทั่งตัวตนที่อยู่ข้างในก็ถูกกู่ฉิงซานจัดการด้วยดาบเดียวก่อนจะทันได้ปรากฏตัวเสียอีก!

“อ้ากกกกกก!”

กู่ฉิงซานไม่สามารถหักห้ามความเจ็บปวดทั่วร่างได้ขณะคำรามใส่ท้องนภา

ลึกเข้าไปในถ้ำ

ปีศาจทั้งหมดพูดไม่ออก

เปรี้ยะ!

เสียงหัวกะโหลกถูกบดขยี้ดังขึ้น

เสียงหนึ่งกล่าวอย่างหมองหม่นว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ รบกวนท่านนกอมตะปีศาจด้วย”

แม่ทัพปีศาจตนหนึ่งกล่าวอย่างวิตกว่า “ทันทีที่ท่านนกอมตะลงมือ พวกข้าย่อมให้เกียรติด้วยการส่งลูกน้องหนึ่งหมื่นคน”

“ไม่ต้องห่วง ตราบที่ยังมีสิ่งมีชีวิต ลูกน้องสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์คนนี้จะต้องตาย!”

“…ขอรับ”

ผ่านไปหลายสิบอึดใจ

กู่ฉิงซานสังหารสัตว์ประหลาดที่อยู่แนวหน้าเกือบทั้งหมด

ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงบางสิ่งในใจก่อนพลันเงยหน้าขึ้น

ท้องนภาถูกปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆไฟขณะแผ่แสงสีแดงแปลกประหลาดออกมา

เสียงเกียจคร้านดังขึ้น

“เป็นเจ้าที่ทำเรื่องนี้หรือ”

กู่ฉิงซานกัดฟัน ปล่อยให้โลหิตไหลลงมาถึงคาง

ทั่วร่างของเขาและแม้กระทั่งวิญญาณเจ็บปวดจนไม่สามารถตอบได้

…ช่างเถอะ จะเสียเวลาพูดให้มันได้อะไร!

เขาพลันสลายกลายเป็นหมอกสีดำก่อนปกคลุมแนวหน้าทั้งหมดเอาไว้

จุติเป็นมังกรมาร!

เพียงพริบตา หมอกสีดำรวมตัวเป็นรูปทรงมังกรก่อนเคลื่อนตัวไปค่ายแนวหน้าอย่างช้า ๆ

โฮก!!!

สัตว์ประหลาดรูปทรงมังกรที่เกิดจากหมอกสีดำคำราม

มังกรสีดำตัวนี้พุ่งตรงขึ้นท้องนภาเพื่อเข้าหากลุ่มเมฆไฟ!

ในกลุ่มเมฆไฟ เสียงหวาดกลัวและเกรี้ยวกราดพลันดังขึ้น

“สารเลว…เจ้า…”

เสียงคำรามของมังกรลากยาวจนกลบคำพูดของอีกฝ่าย

นกอมตะปีศาจเพลิง มังกรดำหลับใหล สัตว์ประหลาดที่ไร้เทียมทานทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน!

สายลมพัดพา เปลวไฟและสายฝนตกลงมาสู่โลก

ทั่วท้องนภาสลับไปมาระหว่างแสงสว่างกับความมืดอย่างต่อเนื่อง

การต่อสู้เช่นนี้คล้ายกับจุดจบโลกกำลังมาเยือน

ในบรรดาปีศาจที่ดูจากไกล ๆ ในที่สุดมีใครบางตนพูดขึ้นมาว่า “นายท่าน ดูท่าจะไม่สามารถบอกได้ว่าใครชนะหรือแพ้สักพักใหญ่ พวกเราควร…”

“ไม่จำเป็น!”

เสียงที่ออกคำสั่งก่อนหน้านี้ดังขึ้น

เสียงนั้นกล่าวอย่างมีชัยว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าสังเกตเห็นหรือเปล่า ถึงแม้มังกรดำจะอาจหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไงเสีย ถึงพละกำลังของมันก็มากเกินไป แต่จิตใจของมันกำลังสูญสิ้น”

“ทันทีที่สูญสิ้น มันจะมาอยู่ข้างเดียวกับพวกเรา!”

พวกปีศาจสัมผัสเล็กน้อยก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ใช่จริง ๆ

โชคดีที่เป็นแบบนี้

อีกด้าน

เมืองโบราณเทียนเซียน

หากไม่นับกู่ฉิงซาน ผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวข้ามภัยพิบัติทั้งหมดต่างมาถึงแล้ว

พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยเต้าหลิง พร้อมรับคำสั่งจากผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งใหญ่ที่จะมุ่งสู่ขุนเขาเซียวหมี

เซี่ยเต้าหลิงไม่พูด เพียงแค่กุมมือขณะดูจิตรกรรมฝาผนังของเมืองโบราณเทียนเซียนอย่างเงียบงัน

จิตรกรรมฝาผนังเหล่านั้นบอกเล่าเรื่องวิเศษและตำนานจากยุคเมื่อนานมาแล้ว

เซี่ยเต้าหลิงมองดู สีหน้ากำลังรำลึกถึงความทรงจำ

“ข้า…เหมือนจะประทับใจบางอย่าง…”

นางพึมพำ พลังวิญญาณค่อย ๆ ก้าวกระโดด

ความผันผวนของพลังวิญญาณในระดับราชาแห่งอิสรภาพค่อย ๆ เพิ่มขึ้น

ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนสั่นสะท้านอยู่ในใจ

แค่ดูจิตรกรรมฝาผนังก็พัฒนาการฝึกฝนได้งั้นหรือ

จุดกำเนิดของจ้าวสำนักเซี่ยผู้นี้คืออะไรกันแน่

ทุกคนกำลังครุ่นคิด แต่ทันใดนั้น เซี่ยเต้าหลิงหยุดนิ่ง

ไกลออกไป

มีลมโชยมาจากไกล ๆ

เซี่ยเต้าหลิงพลันหันหลัง

“ปราณดาบ…”

“ปั่นป่วนอะไรอย่างนี้…ไม่ นี่มันกู่ฉิงซาน!”

นางหยุดดูจิตรกรรมฝาผนัง จากนั้นหยิบเหรียญทองแดงออกมาสองสามเหรียญแล้วโยนออกไป

กรุ้ง ๆ กริ้ง ๆ !

เหรียญทองแดงตกลงบนพื้นเหรียญแล้วเหรียญเล่าเพื่อทำนาย

เซี่ยเต้าหลิงมองดูก่อนตะโกนทันที “ทุกคนเตรียมตัว ไปแนวหน้าเพื่อช่วยกู่ฉิงซาน!”

พวกผู้ฝึกยุทธ์ลังเล

ถ้าหาก…

หากเซี่ยเต้าหลิงยังคงเพิ่มพละกำลังอยู่ที่นี่ ภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

แล้วนางจะไปแนวหน้าเพื่ออะไร

กู่ฉิงซานเป็นผู้ใช้ดาบระดับนภายามค่ำ ถึงจะไปไม่ถึงฝั่ง แต่ก็ใช่ว่าจะหนีไม่ได้ไม่ใช่หรือ

ใครคนหนึ่งกล่าวว่า “กู่ฉิงซานคือผู้ใช้ดาบ เขาย่อมเต็มใจสู้ที่แนวหน้า ท่านทำการสัมผัสภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่ที่นี่เพื่อเพิ่มพละกำลังต่อเถอะ”

“ใช่” อีกคนเห็นด้วย “ยิ่งพลังของท่านแข็งแกร่งเท่าไหร่ ความหวังที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติในครั้งนี้ก็มากขึ้นตามไปด้วย”

“ส่วนสหายเต๋ากู่…ขอโทษด้วยจริง ๆ ท่านจะปกป้องเขาตลอดไม่ได้ เขาต้องฝึกฝนวิชาดาบด้วยตัวเองบ้าง”

“ตอนแรก ขุนเขาเซียวหมีมอบหมายให้เขาอยู่ที่หอสังเกตการณ์แนวหน้า มันอาจจะมีความหมายบางอย่างก็ได้”

เซี่ยเต้าหลิงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ความหมายบางอย่างหรือ ที่ข้ารู้คือสถานการณ์ของเขาในตอนนี้อันตรายมาก”

ทันใดนั้น ร่างของนางใหญ่ขึ้น นางเปลี่ยนร่างจากสาวน้อยงดงามมาเป็นสาวงามเย้ายวน

พลังที่มากยิ่งกว่าออกมาจากร่างของนาง

พละกำลังนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าเกือบเท่าตัว!

พวกผู้ฝึกยุทธ์มองโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง เมื่อสัมผัสพลัง พวกเขาลืมสิ่งที่จะพูดไปสักพัก

เกินความเข้าใจจริง ๆ พลังของนางเหนือกว่าจุดสูงสุดของระดับราชาแห่งอิสรภาพไปแล้ว

“ถ้าพวกเจ้าไม่ไป ข้าจะไปเอง”

เซี่ยเต้าหลิงพลันหายไปจากกลุ่มคน

นางพุ่งขึ้นท้องนภาก่อนมุ่งสู่ทะเลหมู่เมฆอย่างรวดเร็ว

ข้างหน้า

ที่สุดขอบฟ้า กลิ่นความตายรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ความมืดและเปลวไฟไม่มีสิ้นสุดกระจายไปทั่วสวรรค์และปฐพี ไม่ต่างจากนรกที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกหลอมละลาย

เซี่ยเต้าหลิงได้รับผลจากบรรยากาศดังกล่าวจนอดหรี่ตามองไม่ได้

จิตสังหารไม่มีสิ้นสุดพลันหลั่งไหลออกจากตัวนาง ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกทิศทางตกตะลึง

นางเพียงกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “ไม่ว่าจะขุนเขาเซียวหมีหรือปีศาจ ไม่ว่าใครที่กล้าแตะต้องลูกศิษย์ของข้า ข้าจะทำลายพวกมันให้หมด”

..............................