" เป็นอะไรหรือปล่าวครับ "
ใช้เวลาอยู่บนรถด้วยกันพักใหญ่ๆเหรินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นเพราะคนเป็นภรรยาของเขานั่งเงียบเชียบไม่ปริปากพูดอะไรทั้งที่ปกติเป็นคนสดใสมากพูดทีน้ำไหลไฟดับ นี่ทำเพียงกอดอกแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
" ปล่าว "
อลิสตอบเสียงเรียบอย่างไร้อารมณ์ ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคนเป็นสามีสักนิด
" เธอเงียบมาตั้งแต่ออกจากร้านแล้วอะ เครียดเรื่องอะไรบอกเหรินได้เลยนะ "
" ไม่มีอะไรหรอกค่ะ "
" แล้วที่มาหาเรานี่จะคุยอะไรครับ เรารออยู่นะ " เขาพยายามชวนคุยต่อด้วยอยากทำลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ภรรยาของเขาตอนยิ้มตอนหัวเราะน่ารักกว่าตอนนี้เป็นไหนๆ
" ไม่มีอะไรแล้วล่ะ "
จนถึงตอนนี้ที่ทั้งสองคนเข้ามาในบ้านแล้วก็ยังไม่ได้คุยอะไรกัน แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วก็เข้ามาอ่านหนังสืออยู่บนเตียงในห้องนอนของอลิสที่ตอนนี้ได้กลายเป็นห้องนอนของทั้งคู่ไปแล้ว
เหรินรู้สึกอึดอัดมาก กำลังพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้คนเป็นภรรยากลับมาเป็นปกติ ถามก็ถามไปแล้ว ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดีจึงทิ้งตัวลงบนตักของเธอก็ปรากฏว่าเธอขยับตัวหนี ยิ่งทำให้เขาจ๋อยไปกันใหญ่
เป็นแบบนี้ต่อไม่ดีแน่ เหรินรู้สึกโหวงๆอยู่ใจไม่น้อย เขาตัดสินใจถามเธอออกไปออกครั้งเพื่อเคลียร์ใช้ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขืนทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อคงมีคนหายใจไม่ออกตายแน่ๆ
" เธอเป็นอะไรทำไมไม่พูดวะ เราจะไปรู้ได้ไง บอกมาสิ "
" ... " อลิสไม่ได้ตอบอะไร ทำท่าลุกขึ้นไปเก็บหนังสือที่อ่านอยู่ให้เข้าที่ เตรียมตัวสำหรับการนอน
" อย่ามาเมินเรานะ ถ้าเป็นเพราะเราเราก็จะได้รู้ไง หรือถ้าเธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็บอกมาสิ เผื่อเราช่วยอะไรได้ "
" ... "
" บอกมาเร็ว เธอเป็นอะไร " เขาสวมกอดอลิสเอาไว้ทันทีที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแต่เธอก็พยายามสะบัดออก
" ไม่ต้องมากอดเรา "
" เร็วครับ เป็นอะไรก็บอกเราตามตรงนะ " เหรินไม่ยอมแพ้ กระชับกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
" เหรินไม่ได้รักเราแล้วจะมาทำเป็นรักทำไมล่ะ ถ้ายังลืมคนเก่าไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องมาเล่นละครว่ารักเราเลย " อลิสพูดอย่างน้อยอกน้อยใจสามี
" พูดอะไรของเธอ เราเนี่ยนะลืมคนเก่าไม่ได้ ไม่ใช่แล้วครับ "
เหรินเริ่มจะนึกออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น คงเป็นเพราะว่าวันนี้ไปกินข้าวกับพี่ต้นอ้อซึ่งเป็นแฟนเก่าของเขานั่นเอง
" งั้นเธอกอดกับพี่เค้าทำไม " อลิสถามด้วยความไม่พอใจ
" พี่เค้าวิ่งเข้ามากอด เราเองก็ดีใจ คนไม่ได้เจอกันมานานก็เลยกอดตอบไปอะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลยเธอ "
เขานึกย้อนไปเมื่อตอนที่หมอกพาพี่ต้นอ้อมาแวะหาก็จำได้ว่าตอนที่พี่ต้นอ้อเข้ามากอดเขาคนที่เป็นภรรยาของเขายังไม่มาถึงบริษัทเลยนี่ แล้วจะรู้ได้ไงว่ากอดกัน แสดงว่ามาถึงนานแล้วแต่แอบดูอยู่สินะ แสบจริงๆเชียว
เหรินได้แต่แอบยิ้มในใจ ใจเหรินตอนนี้เกิดความรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก ที่อลิสเป็นแบบนี้ก็แสดงว่าเธอรู้สึกหึงเขาจริงๆ ความรู้สึกหึงมันเกิดจากอะไรกันล่ะถ้าไม่ใช่เพราะรัก หึงขนาดนี้สงสัยรักไม่ใช่เล่น
" ถ้าเป็นแบบนั้นก็อย่ามากอดเราเลย "
" เธอหึงอะ "
" ปล่อย! " เธอพยายามสะบัดตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา ขึ้นเสียงดังจนอีกคนเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
" แล้วเราต้องทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ ไหนอลิสลองบอกเราหน่อยครับ "
" เธอไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่อย่ามายุ่งกับเราก็พอ เราพอแล้ว "
" เห๊ยไม่ได้สิ เธอเป็นเมียเรานะ "
" กลับไปนอนห้องเธอก่อนไป "
" ไปสิ! "
เหรินจำใจต้องกลับไปนอนที่ห้องนอนตัวเองอีกครั้งในรอบราวๆหนึ่งเดือนได้ คิดวุ่นวายว่าจะง้อภรรยาอย่างไรได้ กลับไปตั้งหลักก่อน คุยกันตอนนี้ไม่มีอะไรดีขึ้นมาแน่
ทางด้านหมอกที่ส่งพี่ต้นอ้อกลับเรียบร้อยแล้วก็รีบพิมพ์แช็ตหาอลิสเพื่อปั่นให้เพื่อนทั้งสองคนมีปัญหากันต่อ
หมอก : โอเคยัง
หมอก : อย่าคิดมากนะเธอ
อลิส : ไม่โอเคหรอก
หมอก : เราว่าไม่มีอะไรหรอก คนเค้าไม่ได้เจอกันนานก็คงมีคิดถึงบ้างนิดๆหน่อยๆ ปกติแหละ
อลิส : เราไม่รู้จะทำยังไงดีเลยหมอก เราเสียใจอะ
หมอก : คงไม่ถึงขั้นต้องหย่ากันหรอกใช่ไหมล่ะ ทนกันได้ก็ทนนะ
อลิส : เราท้อง
อลิส : เราไม่กล้าบอกเหรินอะ
หมอก : อ่า เธอพักผ่อนดีกว่าถ้างั้น พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่
' เราท้อง ' หมอกได้อ่านแล้วรู้สึกสะท้อนใจอย่างมากที่เห็นข้อความนี้ แผนการที่เขาตั้งใจคงจะไม่มีผลอะไรแล้ว เขาช้าเกินไป มัวแต่ทำงานจนลืมคิดไปว่ายังไงเขาก็อยู่บ้านเดียวกัน
ถามตัวเองก็ไม่ได้คำตอบว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เพราะยังรักอลิสอยู่หรือเป็นเพราะอิจฉาเหรินกันแน่
หมอกได้แต่นั่งโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ก็อุตสาห์ทำให้มีปัญหากันได้แล้วเชียว ดันพลาดมีเรื่องนี้เข้ามาแทรกเสียได้
" จัดการให้ตามนี้เลยนะครับพี่ "
" เอ้อคุณเหรินครับ เรื่องที่ให้ผมตรวจสอบให้ผลตามไฟล์ที่ส่งให้เลยนะครับ "
" เดี๋ยวผมเข้าไปดู ขอบคุณมากครับ "
หลังจากพนักงานเดินลับตาไปเขาก็เปิดไฟล์ที่ได้รับมาเมื่อครู่ เรื่องที่ไก่ตายสามสี่เดือนก่อนน่ะสิ หลังจากคุยกับบริษัทที่เราซื้อยาซื้อวัคซีนจากเขาแล้ว เช็คล็อตวัคซีนที่เซ็นรับก็ปกติดีทุกอย่าง
ตามไปตรวจสอบกับพนักงานที่เป็นคนตรวจสอบรับวัคซีนก็พบว่าทุกอย่างไม่ได้ดูมีวี่แววของความผิดปกติแถมเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ของมาถึงก็พบว่ายังใช้งานได้ พนักงานก็ได้ทำการตรวจสอบแล้วถูกต้อง
อะไรๆก็ดูเป็นใจไปเสียหมด กล้องวงจรปิดก็เสียวันหลังจากรับวัคซีนเข้ามาเก็บรักษาไว้พอดี พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ลางานพร้อมกันวันนั้น ดูเหมือนจะไม่มีหลักฐานอะไรที่จะสาวไปถึงต้นตอของปัญหาได้เลย
เหรินอ่านเนื้อความในไฟล์เอกสารได้ถึงตรงนี้ก็เริ่มเครียด ในเมื่อกล้องเสียแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กลั้นใจเลื่อนลงด้านล่างก็พบเอกสารการชำระเงินวัคซีนอีกล็อตนึงที่ไม่ได้มาจากบริษัทเดียวกันถูกบันทึกเข้าไปปนกับการซื้ออาหารแทนที่จะรวมกับวัคซีน
ชื่อของคนที่เซ็นรับไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหมอก เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขานั่นเอง พอประติดประต่อเรื่องดูเหรินก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนของเขาเป็นคนสับเปลี่ยนล็อตของวัคซีน
คงจะทำให้กล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ในวันที่ขนย้ายเอาวัคซีนที่หมดอายุแล้วเข้ามาเก็บไว้แทนก่อนที่วัคซีนจะถูกส่งไปยังฟาร์มที่สระบุรี นี่ยังถือว่าโชคดีมากๆที่ไม่ได้โดนเปลี่ยนทุกล็อต ไม่อย่างนั้นไก่ตายทั่วประเทศคงจะส่งผลกระทบกับบริษัทมากกว่านี้
เขารู้สึกเสียใจมากแล้วก็โกรธมากด้วยพร้อมๆกัน ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเพื่อนเขาทำมันลงไปทำไมทั้งๆที่ก็ไม่เคยได้ทะเลาะหรือมีปากเสียงกันเลย เขาตามใจเพื่อนคนนี้มาตลอด รู้สึกเหมือนหมอกเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับตัวเอง แต่เพื่อนกลับทำกับครอบครัวของเขาแบบนี้มันน่าผิดหวังเอาเสียมากๆ
เหรินเดินปรี่ไปที่รถยนต์ของตัวเองทันที คว้าเอากุญแจจากคนขับรถมาขับเอง เหยียบคันเร่งแทบไม่ยกเท้า เขาอยากจะรีบไปให้ถึงตัวเพื่อนสนิทเสียเดี๋ยวนี้ จะกระชากคอมาด่าแล้วถามว่าทำลงไปได้อย่างไร
ทันทีที่มาถึงบริษัท เหรินรีบเข้าไปที่ห้องทำงานของหมอก กระชากคอเสื้อของคนตรงหน้าแล้วกระแทกกำปั้นลงบนใบหน้าอย่างจัง
หมอกเซตามแรงที่มากระทำไปพิงกับโต๊ะทำงานเพื่อพยุงตัวเองไว้ เช็ดเลือดที่ไหลซึมบริเวณมุมปาก มึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่จู่เหรินถึงมาต่อยตัวเองแบบนี้
" เชี่ยหมอก "
เหรินกำมือแน่นกัดกรามจนขึ้นเป็นสัน กำลังพยายามห้ามตัวเองให้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้
" อะไรของมึงเนี่ย "
" มึงทำแบบนั้นไปทำไมวะ "
" กูทำอะไรวะ "