webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · Histoire
Pas assez d’évaluations
91 Chs

ตอนที่ ๘๑ จดหมายจากฮ่องเต้ถึงแม่ทัพหนุ่ม

 หลายวันต่อมา ฮ่องเต้ก็ทรงยังไม่ยอมประทานอนุญาตตามที่แม่ทัพหนุ่มทูลร้องขอความเมตตาต่อเขาและสตรีอันเป็นที่รัก 

 แม้พระองค์จะทรงเห็นพระทัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่การเป็นกษัตริย์ผู้ที่ต้องปกครองคนหมู่มาก จะตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น ไม่สามารถเอาอารมณ์และความคิดเห็นหรือความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินใจได้ ยิ่งมีหัวโขนสำคัญอยู่สูงเหนือผู้คนทั่วหล้า ยิ่งต้องตระหนักถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง 

 แม้แต่ตัวฮ่องเต้เองก็ไม่สามารถเลือกสิ่งใดได้ตามพระทัย เพราะที่มาของการขึ้นครองบัลลังก์ตั่งทองนี้ ก็ได้พรากความสุขและความฝันที่เคยมีไปจากพระองค์

 และต้องรับสืบทอดอำนาจซึ่งมาพร้อมกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เพียงเพราะเป็นผู้ถูกเลือกตามสายเลือดและคนหมู่มากที่พากันเห็นว่าเหมาะสม

 ด้านฟ่งหลันหลั่น อาการบาดเจ็บของนางยังคงไม่ดีขึ้น หมอหลวงทุกคนจากสำนักหมอหลวงต่างก็พากันจนปัญญาที่จะรักษา

 ทางฝั่งเยี่ยชิงเซียวก็ยังคงเฝ้ารอฟังคำตัดสินพระทัยจากฮ่องเต้ในเรื่องของบิดาอย่างร้อนใจในทุกวัน

 ฝ่ายคนสกุลหลงและคนของเรือนหลงหลิง รวมไปถึงเหล่าทหารในกองทัพของหลงอี้หลิง ต่างก็เป็นกังวลในเรื่องของแม่ทัพและนายกองของพวกเขา และเป็นห่วงอาการแบบเจ็บของฟ่งหลันหลั่นเช่นกัน

 ทางหยวนจูวเย่ได้พักรักษาตัวหายจนเป็นปกติแล้ว แต่ฮ่องเต้ก็ยังทรงไม่ได้ปล่อยตัวเขาและคนของเขา ทั้งสองยังคงถูกขังอยู่ในคุกหลวง และรอจนกว่ากรมยุติธรรมจะไต่สวนคดีเสร็จ 

 ส่วนอาการบาดเจ็บของเยี่ยอ๋องและซ่งเฉาเกาต่างก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ 

 แต่คนที่น่าเป็นห่วงอีกคนคือเฉากงกง ดูท่าอาจหมดหวังที่จะให้เขากลับมาเป็นปกติเหมือนดังเดิม เพราะหมอหลวงลงความเห็นว่าที่อาการของเขาไม่ดีขึ้นเลยนั้น คงจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขานั้นรู้สึกผิดกับการกระทำของตน และยิ่งไปกว่านั้นเขาคงจะรู้สึกผิดต่อฮ่องเต้เป็นยากมาก ขันทีเฒ่าจึงไม่ยอมดื่มยาตามที่หมอหลวงปรุงขึ้นมาเพื่อรักษา และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สติเขายังคงเลอะเลือนอยู่

 แต่ประเด็นสำคัญ คือทุกคนที่เป็นตัวละครหลักของปัญหาในเรื่องนี้ต่างก็ยังมีปมมัดแน่น อีกทั้งกรมยุติธรรมยังหาหลักฐานมามัดตัวคนผิดที่แท้จริงไม่ได้ เพราะเรื่องราวมันช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่หลายชั้นมาก

 ท่ามกลางความรู้สึกอึดอัดและกระอักกระอ่วนใจของหลายฝ่าย เพราะไม่รู้จะต้องทำงานไปในทิศทางไหน และแล้วจุดเปลี่ยนของเรื่องก็ได้เกิดขึ้น

 เฉากงกงได้มีสติกลับมาช่วงหนึ่งและได้ขอให้ทหารของคุกหลวงส่งคนไปทูลฮ่องเต้ ว่าเขาทูลขอเข้าเฝ้าพระองค์ 

 แต่ฮ่องเต้ยังทรงกริ้วอยู่อีกทั้งไม่อยากให้เป็นที่ครหาว่าเอนเอียงเข้าข้างคนของตน พระองค์จึงทรงไม่ประทานอนุญาตให้เข้าพบ 

 ดังนั้นเฉากงกงจึงได้เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งและส่งให้กับทหารที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องขัง และขอให้ทหารนายนั้นส่งไปให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้ 

 จากนั้นขันทีเฒ่าก็วิ่งเข้าหาผนังและเอาหัวโขกไปที่กำแพงของห้องขังอย่างแรง เกิดเป็นบาดแผลฉกรรจ์ขึ้นที่ศีรษะและเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป จนสุดท้ายแล้วขันทีเฒ่าก็ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

 และเมื่อทางกรมยุติธรรมได้ทราบข่าว เจ้ากรมใหญ่จึงได้รีบรุดไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อกล่าวทูลถวายรายงานพร้อมกับนำจดหมายสั่งลาของเฉากงกงมอบแก่พระหัตถ์

 พอฮ่องเต้ทรงได้ทราบข่าวการตายของขันทีคนสนิท พระองค์แทบหมดพละกำลัง พระบาทอ่อนแรงกะทันหันถึงกลับเซพระวรกายไปทางด้านหลัง จนขันทีคนอื่น ๆ ซึ่งยืนคอยรับใช้อยู่ใกล้ ได้รีบวิ่งเข้ามาประคองพระวรกายไว้อย่างรวดเร็ว

 และหลังจากที่ฮ่องเต้ทรงได้เปิดอ่านจดหมายของเฉากงกง พระองค์ก็ทรงได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอดีตของหยวนจูวเย่ ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้เขาก่อเรื่องร้ายแรงในวันแต่งงานของหลงอี้หลิง และเหตุใดพระองค์ถึงได้ถูกเลือกให้เป็นฮ่องเต้ รวมไปถึงรายชื่อของผู้สมรู้ร่วมคิดกับเฉากงกงในอดีต

 มันคือความลับดำมืดจากกระทำอย่างถือดีและเอาแต่ใจของขุนนางบางกลุ่ม ซึ่งต้องการให้คนที่พวกตนวางตัวไว้ขึ้นครองราชย์ แม้ต้องเข่นฆ่าทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ก็ตาม

 ทว่าฮ่องเต้กลับทรงกำชับให้กับเจ้ากรมยุติธรรมปิดเรื่องจดหมายของเฉากงกงเอาไว้ก่อน และรอจนกว่าของคดีของพระตำหนักต้องห้ามจะพร้อมในการไต่สวนใหม่อีกรอบ โดยมีฟ่งหลันหลั่น เยี่ยอ๋องและซ่งเฉาเกาเกี่ยวพันอยู่ในเรื่องนี้ 

 ส่วนหลักฐานและพยาน ทางกรมยุติธรรมก็ได้รับมอบจากฮ่องเต้แล้วเรียบร้อย หากแต่หนึ่งในสามตัวละครหลักยังคงหมดสติ จึงต้องรอจนกว่าทุกอย่างจะพร้อมสรรพ 

 หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงได้รับรู้เรื่องราวในอดีตของหยวนจูววเย่ ในฐานะผู้เป็นนายของเฉากงกง พระองค์ก็ทรงรู้สึกเพราะคิดว่าในเรื่องนี้ตนก็มีส่วนผิด

 เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้ได้ทรงทบทวน ไตร่ตรองในคำขอของแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง และครั้งนี้มันยังไม่สายที่พระองค์จะตัดสินพระทัยเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องขัดใจขุนนางหลายคนที่เป็นฝ่ายกังฉินก็ตาม

 ในที่สุดฮ่องเต้ก็ทรงมีพระบัญชาให้เจ้ากรมยุติธรรมนำตัวแม่ทัพหนุ่มไปพบกับฟ่งหลันหลั่นยังสำนักหมอหลวง 

 ด้านหมอหลวงก็ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้ช่วยเหลือคนตามวิธีการที่หมอหลวงใหญ่ได้ถวายข้อมูลเมื่อครั้งก่อน แม้ว่าวิธีการมันจะเสี่ยงต่อชีวิตยิ่งนัก แต่ก็ขอให้หลงอี้หลิงเป็นผู้ตัดสินใจเลือกเส้นทางนั้นเอง

สำนักหมอหลวง

 แม่ทัพหนุ่มนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ไข้และกุมมือนางอันเป็นที่รักเอาไว้แน่น ซึ่งฟ่งหลันหลั่นยังคงนอนหมดสติอยู่บนเตียงนั้นมาหลายวันแล้ว

 หลงอี้หลิงโน้มตัวและยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาของตนเข้าไปใกล้ดวงหน้าอรชร แต่แววตาแฝงไปด้วยความเศร้าเจ็บปวด 

 เขาวางปลายนิ้วสัมผัสลงบนไรผมของสตรีน้อยปัดขึ้นไปด้านบนเหนือศีรษะเพื่อให้เห็นใบหน้างามได้อย่างชัดเจนขึ้น 

 จากนั้นแม่ทัพหนุ่มก็ได้กรีดปลายนิ้วของตนสัมผัสพวงแก้มขาวซีดลงมาถึงริมฝีปากบาง 

 "หลั่นเอ๋อร์ เจ้านอนหลับพักผ่อนไปนานมากเกินไปแล้วนะ เจ้าควรรีบลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที พอไม่มีเจ้ามาคอยป่วนในชีวิต และไม่มีผู้ใดแอบปีนกำแพงเรือนหนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน เรือนหลงหลิงก็ดูเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวา...ส่วนท่านย่าและยายเมิ่งก็เฝ้าถามหาเพราะเป็นห่วงเจ้าจับใจ ทั้งสองยังรอเจ้ากลับไปเยี่ยมพวกท่านที่เรือนสกุลหลง...

 ส่วนจางเก่อกับเข่อลัว...อ้อ! โดยเฉพาะเข่อลั่ว รายนั้นบ่นคิดถึงเจ้าไม่หยุดปากทุกวันจนข้าชักเริ่มรำคาญ บอกว่าไม่มีคู่หูดื่มสุรามานาน...ดังนั้น เจ้ารีบตื่นขึ้นมาได้แล้ว พวกเราทุกคนรอเจ้าอยู่นะ หลั่นเอ๋อร์ยอดรักของข้า"

 หลงอี้หลิงกล่าวกับสตรีบนเตียงผู้ไข้ด้วยน้ำเสียงบางเบา เลื่อนลอย ถ้อยคำล้วนเต็มไปด้วยความห่วงหาคะนึงและเศร้าเจ็บปวด 

 แปะ 

 ทันใดนั้นเองน้ำตาของลูกผู้ชายก็ได้หยดแหมะลงบนพวงแก้มของดวงหน้าอรชร

 แต่ท่ามกลางความเศร้าและทุกข์ใจของหลงอี้หลิงก็ได้มีแสงสว่างอันน้อยนิดราวกับปาฏิหาริย์เกิดขึ้น 

 ปลายนิ้วชี้บนมืออีกข้างของฟ่งหลันหลั่นได้กระดิกเล็กน้อย สิ่งนี้อาจสื่อได้ว่านางรับรู้ได้ถึงความรักของแม่ทัพหนุ่มที่กำลังพยายามสื่อสารต่อตน 

 แอ๊ด! 

 ในขณะนั้นเอง หมอหลวงใหญ่ก็ได้เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง 

 หลงอี้หลิงจึงรีบปรับสีหน้าและอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันไปทางหน้าประตู

 แม่ทัพหนุ่มเป็นคนเปิดการสนทนาขึ้นก่อน และถามไถ่ถึงอาการของฟ่งหลันหลั่นอย่างกังวลใจ 

 "ท่านหมอหลวง ไม่ทราบว่าอาการของนางตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง เพราะหลังจากที่ข้าได้กุมมือนางก่อนหน้านี้ ข้าสัมผัสปราณชีวิตของนางไม่เจอเลย มันบางเบาราวกับปุยนุ่นจนอดใจหายเสียให้ได้"

 คำถามของแม่ทัพหนุ่มทำให้หมอหลวงใหญ่ถอนใจแรงดังออกมาอย่างเหนื่อยใจ และยากที่จะอธิบายให้อีกฝ่ายทราบถึงอาการบาดเจ็บของสตรีนางนี้ให้เข้าใจได้

 เฮ้อ....

 "ขอเรียนท่านแม่ทัพตามตรง อาการบาดเจ็บภายนอกของแม่นางฟ่ง ซึ่งเกิดจากบาดแผลของคมดาบที่พึ่งได้รับมาใหม่นั้น ตอนนี้ปากแผลเริ่มจะปิดสนิทแล้ว หากไม่มีอาการติดเชื้ออื่นแทรกขึ้นมา คงอีกไม่กี่วันก็คงจะหายดี...

 ท่านหมอนิ่งไปชั่วอึดใจ จากนั้นก็กล่าวต่อ

 "...หากแต่อาการอื่น ที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ เรื่องนั้นน่าเป็นห่วงยิ่งนัก"

 เมื่อแม่ทัพหนุ่มได้ฟังคำอธิบายของหมอหลวง เขาก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอันใด และจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้รับพระราชาอนุญาตจากฮ่องเต้ในสิ่งที่ทูลขอไป 

 บุรุษ ชายชาติทหาร อกสามศอก จึงไม่สามารถเก็บอาการทุกข์ใจและเจ็บปวดที่มีได้อีกต่อไป หัวใจที่เคยแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งดั่งหินผา ในเวลานี้ช่างอ่อนแอยิ่งนัก

 แม่ทัพหนุ่มเอี้ยวตัวหันกลับไปยังเตียงผู้ไข้ และทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างหมดแรงด้วยความหมดหวัง 

 เขานั่งนิ่งจ้องมองดวงหน้างามอย่างไม่กะพริบตาอยู่นานครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปประพรมจูบอันนุ่มนวลอ่อนโยนลงบนหน้าผากโหนกนูนของฟ่งหลันหลั่น 

 ในจังหวะนั้นเองหมอหลวงก็ยังคงยืนนิ่งและมองอย่างเงียบ ๆ ก็ได้กล่าวขึ้นอย่างไม่เต็มเสียงนัก

 "เรียนแม่ทัพหลง ฝ่าบาททรงฝากให้ข้ามาแจ้งข่าวต่อท่านเรื่องหนึ่ง"

 หลงอี้หลิงเข้าใจว่าอาจจะเป็นข่าวความคืบหน้าคดีของหยวนจูวเย่และเฉากงกง รวมไปถึงคดีของพระตำหนักต้องห้าม เพราะตัวเขาเองก็มีสายข่าวอยู่ในกรมยุติธรรม อีกทั้งก่อนหน้าจะเดินทางมายังสำนักหมอหลวง เขาก็ได้ทราบข่าวนั้นเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวจึงดูไม่ได้สนใจเท่านักกับข่าวที่หมอหลวงกำลังจะแจ้งให้ทราบ เลยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเฉยชา

 "เชิญท่านหมอกล่าวมาตามตรงได้เลย ไม่ต้องเกรงใจข้า"

 หมอหลวงยืนเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ได้ยื่นจดหมายส่งให้กับคนตรงหน้าแทนคำพูดใด ๆ

 แม่ทัพหนุ่มรับจดหมายนั้นอย่างฉงนสงสัย จากนั้นก็คลี่กระดาษในมือออกอ่าน

  "หลงอี้หลิง แม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจเกรียงไกรของแคว้นโหย่ว เราได้เฝ้าไตร่ตรองและคิดทบทวนในสิ่งที่เจ้าได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้อย่างถ้วนถี่ เจ้าพูดถูกทุกอย่าง...หากแม้แต่คนในครอบครัวของตน ก็ยังไม่สามารถจะปกป้องเอาไว้ได้ ก็คงจะมิอาจหาญกล้าอวดอ้างไปปกป้องผู้อื่นได้เช่นกัน ในฐานะฮ่องเต้ของแคว้นนี้ เราไม่อาจจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินใจอันใดได้ จึงปฏิเสธคำขอนั้นของเจ้าไปอย่างเจ็บปวดใจไม่แพ้กัน...

 ทว่าสิ่งที่องค์หญิงน้อยผู้นั้นได้ประสบพบเจอกับเรื่องราวเลวร้ายเมื่อสิบปีก่อน โดยที่นางมิได้กระทำสิ่งใดผิด หากเราปล่อยผ่านและทำเมินเฉย ก็คงเห็นจะไม่ยุติธรรมต่อนางหากว่ามีหนทางที่อาจจะช่วยได้ ดังนั้นเราอนุญาตตามสิ่งที่เจ้าได้ร้องขอมา หากแต่เราไม่สามารถออกราชโองการให้เป็นลายลักษณ์อักษรได้ จึงได้เพียงเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้น และฝากท่านหมอหลวงใหญ่มาให้เจ้า เราจะรอฟังข่าวดีนั้น และขอเอาใจช่วยให้เจ้าและนาง อันเป็นที่รัก ได้ผ่านพ้นเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง"

 หลงอี้หลิงนั่งอ่านจดหมายจากฮ่องเต้ทุกตัวอักษร และเขาจดจำลายพระหัตถ์นั้นได้ดี อีกทั้งยังมีตราประจำตัวของพระองค์ได้ประทับลงนามไว้ท้ายแนบมาด้วย จึงเชื่อได้ว่านี่เป็นของจริง

 แม่ทัพหนุ่มกำจดหมายในมือไว้แน่น ก่อนจะเอี้ยวตัวหันออกมาทางฝั่งด้านนอกเตียง และนั่งคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว โดยหันหน้าไปทางพระตำหนักส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ นาทีต่อมาเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียง สั่นเครือถึงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นจากนายเหนือหัว

 "ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี"

 จากนั้นแม่ทัพหนุ่มก็คำนับลงบนพื้นตรงนั้นสามครั้ง ก่อนที่หมอหลวงจะเดินเข้าไปประคองตัวเขาให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

 ทั้งสองมองหน้ากัน ดวงตาของทั้งคู่ฉายประกายแห่งความหวังขึ้นมา

 "ท่านแม่ทัพ ท่านพร้อมที่จะให้ความร่วมมือทุกอย่างกับพวกเรา เพื่อจะช่วยเหลือแม่นางผู้นี้หรือไม่"

 หลงอี้หลิงเผยแววตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และตอบหมอหลวงออกมาอย่างหนักแน่นชัดเจน

 "หากมันจะเพื่อช่วยให้สตรีที่ข้ารักยิ่งรอดปลอดภัยและฟื้นคืนสติกลับมา ข้ายินดีทำตามที่ท่านหมอสั่งทุกอย่าง"

 เมื่อหมอหลวงใหญ่ได้รับคำตอบยืนยันอันหนักแน่นจากแม่ทัพหนุ่ม แม้ว่าวิธีการรักษาฟ่งหลันหลั่นในครั้งนี้จะเสี่ยงและอันตรายมาก 

 อีกทั้งไม่มีเคยหมอผู้ใดใช้วิธีการรักษานี้กับคนไข้มาก่อน หากเพียงแต่มีเขียนบันทึกเอาไว้ในตำราแพทย์โบราณเท่านั้น แต่เพื่อช่วยคน พวกเขาทุกคนก็จะพยายามทำหน้าที่ของหมอให้ถึงที่สุดจนสุดความสามารถ เพราะหมอที่ดีจะไม่ทิ้งผู้ไข้ของตนกลางทางอย่างเด็ดขาด

 "ดี! งั้นพวกเรามาเริ่มกันได้เลย"

 หลังจากที่หมอหลวงใหญ่กล่าวกับแม่ทัพหนุ่มเสร็จ เขาก็ตะโกนบอกให้ผู้ช่วยหมอหลวง ซึ่งยืนรออยู่ทางด้านนอกห้องนานแล้ว ได้เริ่มเตรียมตัวทำการรักษาผู้ป่วยทันที

 "ท่านหมอทุกท่าน จงรีบนำตัวยาต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ทุกอย่างที่เตรียมไว้เข้ามาในห้องได้ และราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก หากคนไหนรู้ตัวว่าตัวเองจะไม่ไหว ให้รีบถอนตัวไปซะ แล้วส่งคนที่พร้อมที่สุดเข้ามาทำงาน ...เอ้า! เวลาเหลือไม่มากแล้ว ทุกคนรีบเร่งมือกันได้"

 เมื่อสิ้นเสียงของหมอหลวง เหล่าผู้ช่วยหมอทั้งหลายทั้งหนุ่มและวัยกลางคน ต่างก็พากันวิ่งกรูเข้ามาในห้องพร้อมทั้งเครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยรักษาผู้ป่วย

 หลงอี้หลิงหันไปมองดวงหน้างามของสตรีอันเป็นที่รัก และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแห่งความหวัง

 "หลั่นเอ๋อร์ เจ้าห้ามยอมแพ้เด็ดขาด เพราะพวกเราทุกคนในห้องนี้ก็จะไม่มีใครยอมแพ้เช่นกัน!"

 ด้านสตรีน้อยก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงถ้อยคำนั้นของแม่ทัพหนุ่ม เพราะคราวนี้ปลายนิ้วมือของนางไม่ใช่แค่กระตุกแต่ขยับได้ถึงสี่นิ้วเลยทีเดียว

....

เซียงไค 盛開