ตอนที่ 1168 กลับขุนเขาศักดิ์สิทธิ์
เสาหลักแห่งสวรรค์
มีขั้นบันไดอยู่ตามเสาแถวแล้วแถวเล่าเพื่อนำตรงไปสู่ท้องนภา
ผู้ฝึกยุทธ์และภูตปีนขึ้นสู่ส่วนลึกของหมู่เมฆพร้อมกัน
การปรากฏตัวของชวงเป็นเพียงแค่ตอนย่อยเท่านั้น ตอนนี้ทุกคนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่ออยากปีนเสาหลักแห่งสวรรค์จนไปถึงขุนเขาเซียวหมี!
“ตอนข้ามาคราวที่แล้ว เสาหลักแห่งสวรรค์ยังพังทลายอยู่ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพึมพำด้วยความสงสัย
“นั่นสิ ตามบันทึกแล้วเสาหลักแห่งสวรรค์นี้พังทลายมานานแล้ว แต่ผู้ฝึกยุทธ์ต้องมองหาทะเลสาบภูตกลับด้านท่ามกลางหมู่เมฆ” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนตอบ
“ทะเลสาบภูตหายาก น้อยคนนักที่จะเจอหลังจากค้นหามาอย่างยาวนาน”
“อืม ว่ากันว่าในยุคโบราณมีสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่คอยทดสอบผู้ฝึกยุทธ์อยู่ในหมู่เมฆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว”
...
กู่ฉิงซานไม่พูดอะไร เพียงแค่ปีนขึ้นไปเงียบ ๆ
ดูท่าด้วยการฟื้นคืนแบบค่อยเป็นค่อยไปของขุนเขาเซียวหมี เสาหลักแห่งสวรรค์ก็จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
เขาแค่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจที่ต้องพบบนขุนเขาเซียวหมีในท้ายที่สุดอย่างไร
อาจารย์หาทะเลสาบภูตเจอหรือเปล่า
อาจารย์…
น่าเสียดาย อาจจะไม่ได้ตามหามันอยู่ก่อนแล้ว พอคิดถึงตรงนี้เขาก็จำได้ขึ้นมา
ใครคืออาจารย์กันล่ะ
ตอนเขาพบอาจารย์ครั้งแรก นางคือสามปราชญ์ในโลก
ภายหลังในยุคโบราณ นางคือธิดาของจ้าวตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก เพราะนางเกิดมาจากดอกบัวทองคำและครอบครองพรสวรรค์เหลือล้น นางเป็นที่อิจฉาของเผ่าพันธุ์เทพจนโดนคำสาปชั่วร้ายเข้า
แต่ตอนนี้ดูท่าตัวตนของอาจารย์จะเป็นยิ่งกว่านั้น
ผู้ฝึกยุทธ์โบราณ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหวนคืนชาติภพหกวิถีมากนัก…
ยิ่งคิดเท่าไหร่ กู่ฉิงซานยิ่งรู้สึกสับสนมากเท่านั้น
เสาหลักแห่งสวรรค์ทะลวงเข้าไปในหมู่เมฆ
หลังจากปีนมาได้หลายร้อยอึดใจ ทุกคนพลันโผล่ศีรษะออกมาจากทะเลหมู่เมฆ
ตรงหน้าทะเลสาบอันยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่
สุดขอบทะเลสาบหลอมรวมกับหมู่เมฆราวกับไม่มีพรมแดน
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปร่ายวิชาตามประสบการณ์ที่ได้มาเมื่อคราวที่แล้วขณะเหาะนำตรงทะเลสาบ
คนอื่นตามหลัง
ภูตและผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดดำลงไปในทะเลสาบขณะตามกู่ฉิงซานจนกระทั่งแสงรอบข้างยิ่งมากยิ่งเลือนหาย
ท้ายที่สุดทะเลสาบมืดจนแทบมองไม่เห็นอะไร
ทุกคนยังคงดำต่อไปจนถึงขั้นต้องกระจายจิตเทพจึงสามารถสำรวจความมืดไม่มีสิ้นสุดได้
กู่ฉิงซานส่งสัญญาณให้ทุกคนรอ
ผ่านไปหลายอึดใจ
เขาเห็นแสงหมองหม่นวูบไหวในความมืด
แสงนี้แทบจะมองไม่เห็น แต่ผู้ฝึกยุทธ์ปลดปล่อยจิตเทพออกไปเพื่อตรวจสอบมัน
“ลุย” กู่ฉิงซานกล่าวกับทุกคน
กลุ่มคนดำไปทางที่แสงดังกล่าวลอยอยู่อย่างมั่นคง
ผ่านไปสักพัก รอบข้างค่อย ๆ เจิดจ้ายิ่งขึ้น
ในน้ำทะเลสาบกระจ่างชัด แสงนวลสาดส่องมาจากท้องนภา เผยทางขึ้นให้เห็นชัดเจน
ทุกคนลอยขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนพุ่งออกจากทะเลสาบ
พวกเขาเห็นทะเลสาบและท้องนภากว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุด
ผู้ฝึกยุทธ์ล้วนมองกู่ฉิงซาน
มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีเท่านั้นที่จะมองเห็นขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเคลือบด้วยกระจกทะลวงผ่านสวรรค์และปฐพี
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงความผันผวนเล็กน้อยในความว่างเปล่า จิตเทพของเขากระจายออก กวาดผ่านภายในรัศมีหลายพันไมล์จนกระทั่งเห็นขุนเขาในที่สุด
ขุนเขาเซียวหมี!
ขุนเขาเซียวหมีในวันนี้ฟื้นคืนสีสันของกระจกเคลือบ ไม่ใช่สีหมองหม่นที่เคยถูกทำลายเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“ตามข้ามา”
กู่ฉิงซานส่งสัญญาณ ทะยานขึ้นในอากาศก่อนมุ่งตรงสู่ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนขยับตา
ผ่านไปหลายสิบอึดใจ
กลุ่มคนหยุดอยู่ที่ตีนเขาศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาเห็นความว่างเปล่าแยกออก ลิงแสมพุ่งออกมา
ลิงแสมจ้องกู่ฉิงซานก่อนตะโกนว่า
“ท่านอีกแล้ว!”
กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าเองแหละ”
ลิงแสมคำนับแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ขอบคุณที่ท่านช่วยขุนเขาเซียวหมีเอาไว้”
“ด้วยความยินดี ข้าทำเพื่อความสะดวกของตัวเองด้วยน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ได้ยินเช่นนี้ พวกเขาตกตะลึงจนลืมหายใจ
ว่าไงนะ
ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกช่วยไว้โดยผู้ฝึกยุทธ์ที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีหรือ
น่ากลัวอะไรอย่างนี้ ช่างเป็นที่มีความสามารถเหลือเกิน!
ผู้ฝึกยุทธ์หญิงพลันกล่าวว่า “เดี๋ยวนะ ขุนเขาเซียวหมีก่อนหน้านี้ใกล้จะถูกทำลาย แต่เขาช่วยไว้ได้งั้นหรือ”
ทุกคนมองผู้ฝึกยุทธ์หญิงก่อนจะรู้ว่านางคือธิดาของปราชญ์ดาราจักร
ลิงแสมจ้องผู้ฝึกยุทธ์หญิงก่อนพยักหน้าแล้วตอบว่า “เป็นเขาและอาจารย์ของเขาที่ร่วมมือกัน มันช่างน่าทึ่งจริง ๆ ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าไม่อยากมาชวนคุยหรอกนะ ตอนนี้พวกเรากำลังจะปีนเขาน่ะ”
“ได้! ที่จริง ขุนเขากำลังรอท่านอยู่” ลิงแสมตอบ
มันหยิบฆ้องธรรมกับค้อนออกมาจากด้านหลังแล้วกล่าวกับทุกคนว่า
“เคาะฆ้องธรรมแล้วจะถูกส่งขึ้นเขาศักดิ์สิทธิ์”
“ฆ้องธรรมจะสุ่มหนึ่งในฉายาจำนวนมากให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าจะได้รับโดยยึดตามชื่อของตัวเอง สุดท้ายจะถูกส่งไปตามแต่ละจุดของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์”
“ใครจะเริ่มก่อน”
ทุกคนมองกู่ฉิงซาน
สีหน้าของกู่ฉิงซานดูเขินอาย ร่างของเขาพลันขยับก่อนถอยมาอยู่หลังทุกคน
เขาประสานมือให้ทุกคนแล้วกล่าวว่า “ทุกท่าน โปรดก้าวออกไปก่อนที ข้าจะได้เห็นชื่อของพวกเจ้า รู้ความสามารถที่พวกเจ้ามีเพื่อจะได้รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป”
ทุกคนพลันเข้าใจ
กลายเป็นว่าผู้ฝึกยุทธ์ผู้นี้มีความคิดที่ก้าวไกลนัก!
ใครจะนึกล่ะว่าลิงแสมจะกล่าวเสียงดังว่า “พี่เมา ฉายา “แมวลายตัวใหญ่” ไปถึงขีดจำกัดของพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์สั่งเองเลยว่าให้ท่านเป็นคนเคาะก่อนเพื่อจะได้สนทนากัน!!!”
ทั้งที่ข้าพยายามเลี่ยงจะพูดแล้วแท้ ๆ ทำไมเจ้าถึงโพล่งออกมาแบบนั้นเล่า
ขณะไม่พอใจ กู่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับสายตาเกินบรรยายของผู้ฝึกยุทธ์ เขาถือฆ้องธรรมแล้วเคาะ
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นบนฆ้องธรรม “กู่ฉิงซาน เพราะเป็นที่โปรดปรานของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ ครั้งนี้จึงได้รับมอบฉายาเป็น: ราชาแมว”
“ราชาแมวสินะ ได้”
ฆ้องธรรมถูกเคาะออกไป เขาไม่อาจสรรหาคำมาบรรยายได้จนต้องหักห้ามโทสะเอาไว้ในใจ “กู่ฉิงซาน สถานที่ที่เข้าไป: วิหารหกวิถี”
ชั้นแสงสว่างวิญญาณพุ่งออกจากร่างของกู่ฉิงซานก่อนหายไปพร้อมกับเสียงดัง “ฟิ่ว”
“เอาล่ะ คนต่อไป!”
…
กู่ฉิงซานรู้สึกเพียงว่าเขาตกอยู่ในภวังค์ก่อนจากที่ที่เคยอยู่มา
วินาทีต่อมา ฉากรอบข้างเปลี่ยนไป
เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่ใจกลางตำหนัก
ตำหนักนี้มีหกประตู มีทางยาวไปสู่ข้างนอกของประตูแต่ละด้าน
กู่ฉิงซานมองรอบข้างจนเห็นฉากอันวุ่นวาย
ผู้คนจำนวนมากรักษาความสงบเรียบร้อยในโถง
“เงียบ! เงียบ!”
“อย่าแตกแถว! คนที่แตกแถวจะถูกส่งไปยมโลก!”
“หมูตรงนั้นน่ะ ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ ทางเลือกของเจ้าคือยมโลกกับราชาสัตว์อสูร แต่เพราะเจ้าเคยไปข้องเกี่ยวกับมนุษย์มา ทำให้เหลือแค่ยมโลกเท่านั้น!”
หลังจากนั้น เสียงร้องโหยหวนของหมูดังขึ้น
หมูหายไปแล้ว
กู่ฉิงซานอดที่จะปาดเหงื่อจากหน้าผากไม่ได้
มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่
เขาพลันเห็นคนรู้จักเข้า
ไป่จั่ว!
ไป่จั่วกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อเห็นกู่ฉิงซาน เขาสาวเท้าเข้ามาทันที
“คราวที่แล้ว ขอบคุณที่ช่วยแก้แค้นให้ชางยูลี่กับข้าด้วยการสังหารเสือชั่วตัวนั้นนะ” เขาประสานมืออย่างจริงจังเพื่อขอบคุณ
“ไม่เป็นไร ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่หรือ” กู่ฉิงซานถาม
“อ๋อ ขุนเขาต้องแบ่งเป็นหกส่วน ปีศาจทั้งหมดก่อนหน้านี้ต้องไปเกิดใหม่” ไป่จั่วตอบ
“อย่างหมูเมื่อครู่”
“ปีศาจหมูน่ะ”
“อ๋อ หมูปีศาจไปยมโลกน่ะหรือ”
“ใช่ ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ถึงกับเป็นหวนคืนชาติภพหกวิถีขนาดย่อม เดิมที ผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวข้ามจุดสูงสุดทั้งหกเพื่อไปสู่ยอดเขา จากนั้นกลับสู่โลกมนุษย์หรือไม่ก็มุ่งไปตามเส้นทางสู่สวรรค์”
“เส้นทางสู่สวรรค์…”
กู่ฉิงซานทวนซ้ำ ทันใดนั้นความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ
ในอดีต เรนี่โดลหาทางไปเส้นทางสู่สวรรค์ได้ ดังนั้นนางจึงทิ้งกิเลนไว้ที่นี่เพื่อค้นหาเส้นทาง
หลังจากผ่านมาหลายปี จนกระทั่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะถูกทำลาย กิเลนก็ยังหาทางไปยังเส้นทางสู่สวรรค์ไม่เจอ
ในบันทึกประวัติศาสตร์โลกของฝั่งผู้ฝึกยุทธ์ ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกใช่ก้าวข้ามภัยพิบัติมาตลอด ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์คนไหนพบเส้นทางสู่สวรรค์บนขุนเขาเซียวหมี
แล้วเส้นทางสู่สวรรค์มันอยู่ที่ใดกันล่ะ
..............................