webnovel

1169 มีเพียงหมู่เมฆ

ตอนที่ 1169 มีเพียงหมู่เมฆ

“พี่กู่”

“หืม”

กู่ฉิงซานกลับมามีสติ

ไป่จั่วกล่าวว่า “ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์บอกว่าที่ให้ข้ามาหาเจ้าในครั้งนี้เพราะมีทั้งปัญหาเล็กน้อยและปัญหาใหญ่อยู่ ตราบที่ช่วยแก้ปัญหา ขุนเขาจะส่งเจ้าขึ้นตรงสู่ยอดเขาโดยตรง จากนั้นก็ช่วยเลื่อนขั้น ‘ขุนเขาส้ม’ จนกลายเป็นพลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมี”

ดวงตาของกู่ฉิงซานทอประกาย

เป็นเวลานานแล้วที่เขาได้รับพลังวิญญาณมากขนาดนี้

แม้กระทั่งตอนสังหารชางอู๋จางยังไม่ได้พลังวิญญาณมากขนาดนี้เลย

การตัดสินของหน้าต่างระบบเทพสงครามคือพลังของชางอู๋จางไม่ได้ดีเท่ากับเจตจำนงภูตผีที่แท้จริงและไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับกู่ฉิงซาน

ดังนั้นจึงไม่ได้พลังวิญญาณ

ตอนนี้กู่ฉิงซานครอบครองพลังของมังกรสามอย่าง จากนั้นก็ต้องหาพลังวิญญาณจากการต่อสู้ หากไม่สังหารศัตรูระดับเจตจำนงภูตผีก็ต้องเป็นระดับปรมาจารย์ภูตผี

ไม่อย่างนั้น เลยคิดที่จะได้พลังวิญญาณได้เลย

เขาทำได้เพียงพึ่งการเต้นบูชายัญและ “ขุนเขาส้ม” เท่านั้น

การเต้นบูชายัญไม่สามารถใช้ได้ทุกครั้ง

“ขุนเขาส้ม” ทำได้ให้พลังวิญญาณเล็กน้อยทุกวินาที

ถ้า “ขุนเขาส้ม” สามารถเลื่อนขั้นได้ เช่นนั้นก็จะได้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้น

นี่ย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

กู่ฉิงซานคิดถึงตรงนี้แล้วถามว่า “ ‘ขุนเขาส้ม’ สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้หรือเปล่า”

“นั่นคือสิ่งที่ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์บอกมา พลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมีแข็งแกร่งกว่าพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ” ไป่จั่วกล่าว

“เอาเถอะ จะให้ข้าช่วยแก้ยังไงล่ะ”

“เริ่มจากปัญหาเล็กน้อยก่อนแล้วกัน โปรดพาไปที่นั่นที”

ไป่จั่วคำนับด้วยความเคารพให้กับท้องนภาเหนือวิหาร

เพียงพริบตา ทิวทัศน์รอบกู่ฉิงซานและไป่จั่วเปลี่ยนไป

พวกเขาออกจากโถงก่อนถึงถิ่นทุรกันดารที่มีหินขรุขระ

มีไฟป่าจำนวนมากอยู่ที่นี่ ทั่วดินแดนไม่มีอะไรให้กิน มีเพียงวิญญาณชั่วร้ายน่าสะพรึงนำกลุ่มมนุษย์ร่างเปลือยเพื่อต่อสู้กันไม่มีสิ้นสุด

มนุษย์เหล่านั้นที่ถูกจับโดยอีกฝ่ายผ่านการต่อสู้กลายเป็นทาสจะถูกทรมานอย่างป่าเถื่อนขณะที่วิญญาณชั่วร้ายส่งเสียงกรีดอย่างมีชัย

“โลกวิญญาณชั่วร้าย”

กู่ฉิงซานมองวิญญาณชั่วร้ายขณะกล่าว

ไป่จั่วสังเกตเห็นสายตาของเขาแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว นี่คือวิญญาณชั่วร้ายดึกดำบรรพ์ พวกมันคือวิญญาณชั่วร้ายทรงพลังอย่างแท้จริงและยังปกครองวิญญาณชั่วร้ายอีกด้วย พวกมันแตกต่างจากกลุ่มที่สวมหน้ากาก”

“จริงด้วย พวกมันโหดเหี้ยมยิ่งกว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเพียงภาชนะเพื่อความบันเทิงเท่านั้น” กู่ฉิงซานมองคนเหล่านั้นก่อนส่ายหน้า

เขาเห็นโครงหน้าของวิญญาณชั่วร้ายก่อนพลันนึกถึงหน้ากากของชางอู๋จางขึ้นมา

ภาพวาดบนหน้ากากเหมือนกับที่วิญญาณชั่วร้ายตนนี้มี

เขาเห็นว่าวิญญาณชั่วร้ายปลดปล่อยภาพติดตานับไม่ถ้วนเพื่อจัดการอีกฝ่ายจากที่ลับตา จากนั้นฉีกแขนของอีกฝ่ายเพื่อเริ่มกินทันที

“กลายเป็นว่าหน้าคำสาปเป็นการหยิบยืมของพลังวิญญาณชั่วร้ายดึกดำบรรพ์…” กู่ฉิงซานพึมพำ

จะว่าไปแล้ว เขาไม่เคยเห็นวิญญาณชั่วร้ายที่แท้จริงในโลกวิญญาณชั่วร้ายมาก่อน พวกมันล้วนเป็นวิญญาณชั่วร้ายระดับต่ำ วิญญาณชั่วร้ายธรรมดาและเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อพยพไปอยู่กับวิญญาณชั่วร้าย

แล้ววิญญาณชั่วร้ายดึกดำบรรพ์เหล่านั้นมันคืออะไร

ไป่จั่วกล่าวว่า “กำลังเสริมอยู่ที่นี่…”

กู่ฉิงซานหยุดคิดขณะมองไปที่ทุ่ง

เมื่อเห็นว่าวิญญาณชั่วร้ายคล้ายกับสัมผัสบางสิ่งได้ พวกมันล้วนหยุดนิ่งก่อนมองขึ้นไปในความว่างเปล่า

กลุ่มคนขนาดใหญ่เคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนลงสู่ใจกลางถิ่นทุรกันดาร

มีชั้นกลิ่นอายบางอยู่รอบตัวพวกเขาเพื่อคอยปกป้องและกีดกันจากโลกชั่วคราว

“มาสิ มาเข้าร่วมโลกวิญญาณชั่วร้าย ที่นี่มีทุกสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ” วิญญาณชั่วร้ายตนหนึ่งกล่าว

กลุ่มคนเกิดใหม่มองหน้ากัน

ใครบางคนอาจหาญถามว่า “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าต้องการอะไร”

วิญญาณชั่วร้ายอีกตนออกมาขณะโน้มตัวไปหากลุ่มคนแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “พวกเขารู้ว่าทุกคนที่มีความสัมพันธ์กับวิญญาณชั่วร้ายมีจิตมุ่งร้ายอันแรงกล้าอยู่ในใจ”

“สหายเอ๋ย อยากทำเรื่องชั่วร้ายใช่หรือไม่”

วิญญาณชั่วร้ายตนก่อนหน้านี้คำรามออกมา “มาสิ มาเข้าสู่โลกวิญญาณชั่วร้าย พวกเจ้าสามารถฆ่าใครก็ได้ตามที่ต้องการ! จะเอาผู้หญิงก็ได้! จะทรมานผู้ชายก็ดี! จะเผา จะฆ่าหรือปล้นชิงก็ได้ทั้งนั้น! ไม่มีความชั่วร้ายอะไรที่ทำไม่ได้! ที่นี่ ไม่มีใครห้ามได้ นั่นเพราะ…”

“นี่คือกฎที่วิญญาณชั่วร้ายเคารพยังไงล่ะ!”

กลุ่มคนมองข้างหลังวิญญาณชั่วร้าย เห็นเพียงชายหญิงร่างผอมถูกกลั่นแกล้งอยู่บนพื้น ทหารที่แข็งแกร่งหัวเราะอย่างเริงร่ากับเรื่องนี้

ในบรรดาคนเกิดใหม่ หลายคนก้าวออกมาทันที

“นี่คือโลกที่ข้าใฝ่ฝัน การทำเรื่องชั่วนี่แหละคือสิ่งที่มีความสุขที่สุด!”

“ฮ่าๆๆ ไม่ถูกจำกัดด้วยกฎหมายและศีลธรรม ข้าชอบที่นี่เหลือเกิน!”

“ข้าอยากกลับชาติมาเกิดที่นี่”

“ข้าด้วย ข้าจะได้ระบายโทสะเมื่ออยู่ที่นี่!”

กลุ่มคนนิ่ง

กู่ฉิงซานมองไป่จั่ว

ไป่จั่วกล่าวว่า “ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์มีปัญหาเล็กน้อยตอนสร้างหกวิถีขึ้นมาใหม่ ตอนนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะเผชิญกับทางเลือกสองทางขึ้นไปหลังจากถึงแก่ความตาย พวกเขาจะเลือกโลกที่อยากอาศัยอยู่”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “มันเป็นแบบนี้นี่เอง”

หลังจากคนเหล่านั้นนิ่ง กลิ่นอายของพวกเขาค่อยๆ หายไป

พวกเขาถูกรวมเข้ากับโลกใบนี้

ทันใดนั้น กลิ่นอายของวิญญาณชั่วร้ายเปลี่ยนไป

“เด็กใหม่”

วิญญาณชั่วร้ายตนหนึ่งพูดออกมาหนึ่งคำ วิญญาณชั่วร้ายอีกตนกล่าวประโยคต่อไปทันที

“เริ่มจากการเป็นทาส!”

มนุษย์ที่อยู่ใต้พวกเขาส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาก่อนพุ่งเข้าใส่พร้อมอาวุธจำนวนมากในมือ

เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนดังขึ้น

ไป่จั่วถามว่า “เจ้าเห็นหรือเปล่า”

กู่ฉิงซานกอดอกแล้วตอบว่า “วิญญาณชั่วร้ายสามารถทำให้คนที่เกิดใหม่สับสนได้ ที่จริง ข้าคิดว่าพวกมันไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ คนที่ปรารถนาจะทำเรื่องชั่วต้องทนรับกับการกระทำชั่วของคนอื่นเป็นธรรมดา”

“ข้าเห็นด้วยก็จริง แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น” ไป่จั่วปรบมือ

ฉากวิญญาณชั่วร้ายหายไปจากทั้งสองคนทันที

จากนั้น เทือกเขาจำนวนมากปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสองคน

ภูเขาเขียวขจี ต้นไม้ให้ร่มเงา น้ำในลำธารใส มีดอกไม้และผลไม้แปลกตานับไม่ถ้วน

กอริลลาถือป้ายขนาดเล็กแล้วตะโกนว่า “ตามมา ตามมา มาดูทิวทัศน์ที่นี่”

กลุ่มคนเกิดใหม่ที่อยู่ข้างหลังเดินเข้ามาใกล้ๆ

“ดูสิ อา ลำธารนี้ ช่างใสและหวานอะไรอย่างนี้”

“มันคือสวรรค์บนดิน สวรรค์บนดินของแท้ ทิวทัศน์ธรรมชาตินับไม่ถ้วน ผลไม้อันอุดมสมบูรณ์มีให้พวกเจ้ากินดื่มมากมาย”

“ตราบที่พวกเจ้าเข้าร่วมเจ้าแห่งสัตว์อสูร ทุกคนสามารถกลายเป็นสัตว์จำนวนมากได้ จะเป็นพวกโง่หรือพวกมีพละกำลัง จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”

“แล้วสามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นมนุษย์ได้หรือเปล่า”

“แน่นอน พวกเจ้าสามารถเปลี่ยนกลับได้เท่าที่ต้องการ แถมยังได้รับพลังของเจ้าแห่งสัตว์อสูรเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ด้วย!”

ทันใดนั้น ใครบางคนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ถ้างั้น พวกเราต้องทำอะไรบ้างล่ะ”

“ต้องทำอะไรงั้นหรือ” กอริลลาหันศีรษะแล้วชี้ไปที่คนคนหนึ่ง “คำถามนี้นับว่าดีมาก พวกเจ้าต้องเข้าร่วมงานแกรนด์คาร์นิวัลทุกเดือน!”

“ว้าว สุดยอด!”

“ข้าอยากเป็นสิงโตโอ่อ่า จะได้มีพลังของสิงโต”

“ข้าจะเป็นลิง แบบที่โผล่ออกมาจากหินน่ะ!”

“พวกเจ้านี่น่าเบื่อชะมัด ข้าจะเป็นนก จะได้ทะยานขึ้นท้องฟ้า!”

ผู้คนต่างสนทนาอย่างตื่นเต้น

ไป่จั่วปรบมือ

ภาพทั้งหมดหายไปจากทั้งสองคน

โลกอีกใบปรากฏขึ้น

บนจัตุรัสที่เต็มไปด้วยอาวุธและชุดเกราะ ชายในชุดเกราะศึกกล่าวเสียงดังว่า “มาเข้าร่วมกับอสุราสิ เข้ามาดู เข้ามาดู หากเข้าร่วมจะได้อาวุธที่ดีที่สุด พวกเจ้าสามารถเลือกอะไรก็ได้! นั่นรวมถึงวิชาที่ไร้เทียมทานด้วย!”

กลุ่มคนเกิดใหม่มองรอบข้างอย่างสงสัย

ใครบางคนหยิบขวานศึกสีแดงเพลิงขึ้นมาก่อนถามอย่างสนใจว่า “วิชาอะไรที่สามารถใช้กับอาวุธนี้ได้บ้าง”

“แน่นอน!” ผู้ชายก้าวมาข้างหน้าก่อนส่งสองสามวิชาไปให้

อีกคนถามว่า “ข้าไม่ชอบการใช้อาวุธ สามารถใช้มือเปล่าได้หรือไม่”

“ได้อยู่แล้ว”

ผู้ชายหยิบหนังสือลับเจ็ดถึงแปดเล่มมาแบบสุ่ม

“หากเข้าร่วมกับอสุรา ทุกครั้งที่เพิ่มพลังต่อสู้ได้ พวกเจ้าจะได้วิชาพรสวรรค์ที่สอดคล้องกัน แถมยังได้ชุดเกราะฟรีด้วย หากว่าพวกเจ้ามีฝีมือจริง พวกข้าจะมอบสุดยอดสัตว์เลี้ยงต่อสู้ให้ด้วย!”

“นอกจากนี้…”

ผู้ชายปรบมือ

ขณะความว่างเปล่าขยับ ผู้หญิงหลายคนออกมา

ทุกคนส่งเสียงอุทานต่ำ

“เห็นหรือเปล่า ผู้หญิงของพวกข้าเผ่าอสุราเป็นตัวตนที่งดงามมีเสน่ห์มากที่สุดในหกภพแล้ว”

“ฮ่าๆๆ แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการหัวใจของอสุราหญิงล่ะก็ต้องเริ่มจากเอาชนะพวกนางให้ได้ก่อน!”

ไป่จั่วมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานไอเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “โฆษณาได้ดี”

ไป่จั่วปรบมือ โลกอสุราหายไปทันที

“แทบทุกโลกเหมือนกันหมด หรือก็คือ ทั้งหกภพกำลังสั่งสมกำลังคน” ไป่จั่วกล่าว

“ทำไมพวกเขาถึงกระตือรือร้นในการสั่งสมกำลังคนล่ะ มีจุดประสงค์อะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม

ไป่จั่วอธิบายว่า “ยิ่งมีประชากรในโลกมั่งคั่งเท่าไหร่ ทรัพยากรของขุนเขาก็จะเอนเอียงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้โลกนั้นแข็งแกร่งขึ้น”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “แบบนี้ไม่ดีหรือ ข้าคิดว่าโลกทั้งหมดต่างทำหน้าที่เรียกคนได้ดีทีเดียว แล้วปัญหาเล็กน้อยที่เจ้าพูดถึงมันคืออะไรล่ะ”

ไป่จั่วปรบมือ

โลกใหม่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสอง

หมู่เมฆลอยไปมา

มีแต่เมฆหมอก มีแต่หมอกเมฆ

ไม่มีอะไรเลย

“ที่นี่คือ”

“ตำหนักสวรรค์”

“หืม ทำไมถึงไม่มีใครในตำหนักสวรรค์ล่ะ”

ขณะกู่ฉิงซานถาม เขามองผู้ชายที่นั่งอยู่บนเมฆก้อนหนึ่ง

ชางยูลี่

นี่คือหน่วยสอดแนมมนุษย์ที่เคยร่วมภารกิจกับไป่จั่ว จากนั้นก็ตายอย่างเวทนา

ชางยูลี่ยืนขึ้นแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “พี่กู่ เจ้าไม่รู้หรอกว่าโครงสร้างของตำหนักนี้ต้องใช้ทรัพยากรของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์มากแค่ไหน แค่สร้างเมฆหมอกพวกนี้ขึ้นมา ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องใช้ความพยายามเป็นจำนวนมาก”

ไป่จั่วกล่าวว่า “ในบรรดาหวนคืนชาติภพหกวิถี มีห้าแห่งที่สามารถดึงดูดคนเกิดใหม่ได้ แต่ตำหนักสวรรค์แห่งนี้ทรุดโทรม มีเพียงเมฆหมอกเท่านั้น ทำให้ไม่มีใครอยากมา”

กู่ฉิงซานมองรอบข้างแล้วพึมพำว่า “เทียบกับโลกก่อนหน้านี้ มันก็คนละโยชน์นั่นแหละ…”

ไป่จั่วถอนหายใจ “ยิ่งไม่มีใครมาเท่าไหร่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างตำหนักสวรรค์”

ชางยูลี่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ยิ่งตำหนักดูทรุดโทรมเท่าไหร่ คนยิ่งมาน้อยเท่านั้น”

“ท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ ดังนั้นขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เลยอยากให้พาคนมาที่ตำหนักอย่างนั้นหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ใช่” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน

มีแต่เมฆ

นี่นับว่ายากเกินไป ใครจะอยากใช้ชีวิตในโลกแบบนี้

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นถกแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “ข้าจะลองดู อย่างแรก ให้คนที่มีคุณสมบัติเกิดใหม่ที่ตำหนักสวรรค์มาก่อน”

ไป่จั่วหยิบแผ่นหยกขึ้นมาดูแล้วกล่าวว่า “มีผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์คนหนึ่งที่ตายในการต่อสู้กับปีศาจ หลังจากตายแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะมาเกิดในตำหนักสวรรค์กับอาณาจักรอสุรา เขากำลังลังเลอยู่ จะให้พามาเลยหรือเปล่า”

“พามาเลย” กู่ฉิงซานตอบ

ไป่จั่วยิงลำแสงไปที่แผ่นหยก

สิ้นเสียง “ฟู่” ผู้ฝึกยุทธ์ชายปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสามคน

เขามองรอบข้างก่อนกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ที่นี่คือ…”

กู่ฉิงซานเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาก่อนก้าวมาข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “สหายเต๋า ยินดีด้วย”

“ยินดีด้วยหรือ” ผู้ฝึกยุทธ์ถาม

กู่ฉิงซานประสานมือเพื่อคารวะสิบเอ็ดครั้งก่อนกล่าวด้วยความเคารพว่า “ใช่ ท่านคือจักรพรรดิที่มีพละกำลังแก่กล้าสามสิบสามวัน เพราะเป็นห่วงถึงความทนทุกข์ของทุกชีวิตในอาณาจักรเบื้องล่าง ท่านจึงปะปนอยู่รวมกับมนุษย์ หลังจากผ่านภัยพิบัติมากมาย ตอนนี้ท่านจึงกลับมาพร้อมกับความพึงพอใจ”

ผู้ฝึกยุทธ์ตกตะลึง

กู่ฉิงซานกล่าวอีกครั้ง “ข้าได้เชิญสหายเต๋าบางส่วนให้กลับมาที่สวรรค์ จากนั้นก็จะทำการควบคุมตำหนักสวรรค์เพื่อทำให้ทั้งหกภพสั่นสะท้าน”

“การดูแลตำหนักสวรรค์…ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก…”

ผู้ฝึกยุทธ์กล่าวไม่กี่คำด้วยเสียงต่ำขณะมองรอบข้าง

หมู่เมฆลอยอ้อยอิ่ง

ตำหนักสวรรค์

เขาถอนหายใจแล้วกล่าวเล็กน้อยว่า “ดี! ดี! ดี! จักรพรรดิที่มีพละกำลังแก่กล้าสามสิบสามวันเช่นข้าได้กลับสวรรค์เสียที”

..............................