ตอนที่ 994 เทพวารี!
บนยานอวกาศราชินีหนาม
กู่ฉิงซานยังสนทนากับหน้าต่างระบบเทพสงครามอยู่
“เทพวารีวิวัฒนาการจากระบบสงครามขนาดใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ความโกลาหลแข็งแกร่งขึ้นจากการแพร่กระจาย”
“ถ้าอย่างนั้น พวกมันมาจากไหนล่ะ”
กู่ฉิงซานถาม
หน้าต่างระบบเทพสงครามยังคงเงียบ
เห็นได้ชัดว่ามันไม่อยากพูด
กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้
เขากวาดมองทะเลแห่งความตระหนักรู้โดยใช้จิตเทพจนพบว่าแผนที่ดวงดาวที่ผู้สร้างปฐพีทิ้งเอาไว้ได้หายไปแล้ว
ผู้สร้างปฐพีไม่ได้ทิ้งข้อมูลเรื่องสถานที่ที่เทพวารีอยู่
กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่นาน ใคร่ครวญถึงความเป็นไปได้มากมาย ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา “มีข้อมูลน้อยเกินไป”
ตอนนี้ บัญญัติราชามารเหมือนกับนกน่าขนลุกที่ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวแต่อย่างใด
คงจะดีถ้าเขาสามารถใช้มันเพื่อปลุกเทพวารีได้
พลังของกองทัพเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่อาจดูถูกได้ หากมีที่ว่างสำหรับการพัฒนาและวิวัฒนาการ วิญญาณกรีดร้องย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
ด้วยวิธีนี้ วิญญาณกรีดร้องจะไม่สามารถจดจ่อกับการเล่นงานเขาได้
ต่อมา
ความโกลาหล ด้วยบัญญัติใหม่ที่เป็นศัตรู มันจึงไม่สามารถเปลี่ยนโลกเก้าร้อยล้านชั้นให้ยุ่งเหยิงได้
กู่ฉิงซานครุ่นคิดไปมา ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าเขาควรทำอะไร
เขาถามว่า “หน้าต่างระบบเทพสงคราม ข้ามีคำถามสุดท้าย”
“ว่ามาเลย”
“ถ้าวันสิ้นโลกใกล้เข้ามา ความโกลาหลและบัญญัติจะร่วมมือกันสู้กับวันสิ้นโลกหรือเปล่า”
หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “พวกมันจะสู้กับวันสิ้นโลกด้วย”
คำตอบนี้ฉลาดพอจะแสดงให้เห็นความชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองสิ่ง
กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนหยุดการสื่อสารกับหน้าต่างระบบเทพสงคราม
เขาย้ายจิตเทพมาที่หน้าต่างระบบอีกอัน
หน้าต่างระบบสีแดงนั่น บัญญัติราชามาร
กู่ฉิงซานส่งเสียงเรียก “ออกมา พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
บนหน้าต่างระบบของบัญญัติราชามาร แถวตัวอักษรสีแดงขนาดเล็กสะดุดตายังคงกะพริบอยู่
“โปรดหลบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ส่งสารกำลังมา”
กู่ฉิงซานกระแอมลำคอขณะมองแถวตัวอักษรขนาดเล็กนี้
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องบอกเจ้าว่านอกจากหนีแล้ว พวกเรายังสามารถทำบางสิ่งได้ด้วย”
บนหน้าต่างระบบของบัญญัติราชามาร แถวตัวอักษรสีแดงขนาดเล็กสะดุดตาปรากฏขึ้น
“บัญญัตินี้จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน โปรดหลบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ส่งสารกำลังมา”
กู่ฉิงซานส่งเสียง ‘ชิ!’
บัญญัตินี้ถึงกับเสียกำลังใจในการต่อสู้ไปแล้วหรือ
กู่ฉิงซานเรียบเรียงคำพูดก่อนให้กำลังใจ “ที่จริง เจ้าไม่ต้องท้อแท้ไปหรอก ข้าเคยฆ่าวิญญาณกรีดร้องในยุคโบราณมาแล้ว เจ้าน่าจะจำเรื่องนี้ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงต้องวางแผนและใช้ความคิดเพื่อดูว่าจะสามารถหาหนทางในการฆ่ามันอีกครั้งได้หรือเปล่า”
“อย่ากลัวไปเลย ขอแค่พวกเราร่วมมือกัน ย่อมมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากกู่ฉิงซานพูดจบ แถวตัวอักษรสีแดงขนาดเล็กสะดุดตาปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบของบัญญัติราชามาร
“ยุคแห่งความโกลาหลมาถึงแล้ว พละกำลังของวิญญาณกรีดร้องกำลังเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรง ไม่ช้าจะไปถึงจุดที่ท่านไม่สามารถเทียบเคียงได้”
“ดังนั้นสิ่งเดียวที่สามารถทำในตอนนี้ได้ก็คือ”
“หนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
กู่ฉิงซานมองแถวตัวอักษรสีแดงขนาดเล็กเหล่านี้สักพัก
แทบเป็นไปไม่ได้ที่บัญญัตินี้จะสื่อสารได้อย่างถูกต้อง
มันถูกเรียกว่าบัญญัติราชามารเชียวนะ
ก็จริงที่สถานการณ์ค่อนข้างเร่งด่วน
แต่ถ้ายังทำตัวน่าสมเพชแบบนี้แล้วจะไปทำอะไรได้
กู่ฉิงซานหมดความอดทน
เขากล่าวกับบัญญัติราชามารว่า
“เจ้ายังจะมีปัญหาอยู่อีก ถ้ายังทำตัวอ่อนแอแบบนี้ ข้าจะไปหาคนที่กำลังจะตายเพื่อใส่เจ้าเข้าไป จากนั้นก็ส่งไปให้ผู้ส่งสารเสียเลย”
“ความจริง ข้าไม่อยากร่วมทางจนตายไปพร้อมกับบัญญัติขยะแบบนี้หรอก” กู่ฉิงซานกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงมีน้ำโหและไม่แยแส “ข้าคิดว่าเจ้ารู้เรื่องที่ข้าสามารถเตะเจ้าออกไปตอนอยู่ในยุคโบราณได้ ตอนนี้ข้าก็ยังสามารถทำได้อยู่”
หลังจากได้ยินถึงตรงนี้ ข้อความทั้งหมดบนหน้าต่างระบบของบัญญัติราชามารหายไป
หนึ่งอึดใจ
สองอึดใจ
สามอึดใจ
แถวตัวอักษรสีแดงขนาดเล็กปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านอยากจะพูดอะไร บัญญัตินี้พร้อมตั้งใจฟังแล้ว”
กู่ฉิงซานปรบมือแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ใช่แล้ว นิสัยของเจ้ามันต้องแบบนี้สิ”
บนหน้าต่างระบบสีแดง แถวตัวอักษรขนาดเล็กอีกชุดปรากฏขึ้น “ท่านผู้ส่งสารแห่งบาป โปรดพูดช้าๆ ด้วย”
กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ากระตือรือร้นแล้ว เช่นนั้นข้าขอถามว่าทำไมเจ้าไม่ปลุกบัญญัติอื่นให้มาต่อสู้กับความโกลาหลด้วยกัน”
ตัวอักษรสีแดงขนาดเล็กนิ่งไป ข้อความใหม่ปรากฏขึ้นแถวแล้วแถวเล่า
“ภารกิจของข้ามีอย่างเดียว นั่นก็คือทำให้ราชามารจุติลงมา”
กู่ฉิงซานถามว่า “แล้วเจ้าทำหรือยัง”
“ทำเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง”
“ครึ่งหนึ่งเหรอ เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย
บัญญัติราชามารอธิบายว่า “เพราะวิญญาณกรีดร้องเข้าสู่พื้นที่ควบคุมในช่วยงวิกฤติ การอัญเชิญของข้าจึงไม่เสร็จสมบูรณ์ มีเพียงซากศพที่อัญเชิญออกมาได้”
“ซากศพอยู่ที่ไหน” กู่ฉิงซานถาม
“ถูกวิญญาณกรีดร้องทำลายไปแล้ว” บัญญัติราชามารตอบ
กู่ฉิงซานนึกถึงข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้แล้วพยักหน้า “ข้าจำได้ล่ะ วิญญาณกรีดร้องเหมือนจะเคยสู้กับซากศพเมื่อนานมาแล้ว ในเมื่อซากศพมีพลังขนาดนั้น ทำไมเจ้าถึงไม่อัญเชิญต่อล่ะ”
บัญญัติราชามารตอบว่า “ทรัพยากรทั้งหมดถูกใช้ไปแล้ว วิญญาณกรีดร้องไม่ให้เวลาข้าในการอัญเชิญครั้งที่สอง”
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้เลย หนทางเดียวของเจ้าในตอนนี้คือปลุกบัญญัติอื่นขึ้นมาเพื่อขัดขืนวิญญาณกรีดร้องร่วมกัน”
“ไม่ ภารกิจของข้ามีอย่างเดียว นั่นก็คือทำให้ราชามารจุติลงมา” บัญญัติราชามารกล่าว
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจทำให้เจ้าอัญเชิญราชามารได้อีกแล้ว เจ้าต้องทำให้บัญญัติอื่นปรากฏขึ้นมาเพราะอย่างน้อยจะช่วยทำให้วิญญาณกรีดร้องไขว้เขวได้”
บัญญัติราชามารยังยืนกรานว่า “ไม่ ภารกิจของข้ามีอย่างเดียว นั่นก็คือทำให้ราชามารจุติลงมา”
กู่ฉิงซานเงียบ
เขาพึมพำกับตัวเอง “ดูท่าข้าต้องไปตามคนที่กำลังจะตายเพื่อใส่เจ้าเข้าไป จากนั้นก็ส่งไปให้ผู้ส่งสารจริงๆ แล้วล่ะ”
บัญญัติราชามารกล่าวทันทีว่า “โปรดอย่าทำแบบนั้น ถ้าทำขึ้นมา โลกนับไม่ถ้วนในความว่างเปล่าจะถูกความโกลาหลควบคุม”
“ไม่ใช่เรื่องของข้า!” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างหงุดหงิด “ข้าจะไปหาคนอื่นหรือไม่ก็สัตว์เพื่อใส่เจ้าเข้าไป”
หลังจากพูดจบ เขาหันศีรษะไปตะโกนเรียกจางหยิงห่าว “นี่ หยิงห่าว เจ้าเคยอยู่ในโลกลี้ลับมาก่อน ในโลกนั้นมีสัตว์อะไรมากที่สุด”
จางหยิงห่าวกำลังสนทนาเรื่องความโกลาหลกับเย่เฟยหลี เขาตกตะลึงเมื่อได้ยินคำถามนี้
“มีสัตว์อะไรมากที่สุดหรือ”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่ากู่ฉิงซานหมายความว่าอย่างไร แต่จางหยิงห่าวก็ครุ่นคิดสักพักก่อนตอบว่า
“ในโลกลี้ลับมีหมูมากที่สุด”
“หมูหรือ”
“ใช่ หมู มีหมูอยู่เต็มเขาเลย”
กู่ฉิงซานยืนขึ้นก่อนเดินไปสุดขอบชั้นดาดฟ้า
เขากล่าวว่า “ข้าจะไปจับหมูกลับมา จากนั้นใส่บัญญัติเข้าไปแล้วส่งไปให้วิญญาณกรีดร้อง เท่านี้ข้าก็ปลอดภัยแล้ว”
เหล่าต้ากำลังนอนอยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพึมพำออกมาก็อดที่จะลืมตากว้างเพื่อจ้องมองเขาไม่ได้
นิสัยของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร เพียงแค่ฟังจากที่พูดก็สามารถรับรู้ได้
คำพูดของกู่ฉิงซานน่าสนใจ ดูเหมือนจะเป็นการจงใจบอกให้คนอื่นฟังด้วย
แต่รอบข้างก็ไม่มีใครอยู่
แสดงว่ากู่ฉิงซานกำลังสนทนากับบัญญัติสุดท้ายอยู่
เขากำลังใช้วิธีนี้เพื่อมาขู่บัญญัติหรือ
…วิเศษ
เหล่าต้าหลับตาลงอีกครั้ง
กู่ฉิงซานเดินไปที่ขอบชั้นดาดฟ้าทีละก้าวและเตรียมจะกระโดดลงไป
แถวตัวอักษรสีแดงขนาดเล็กที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เขาหยุดนิ่ง
“นายท่าน ข้ายอมรับผิดแล้ว โปรดอย่าเอาข้าใส่ในร่างหมูเลย”
“หืม ทำไมล่ะ” กู่ฉิงซานถามอย่างสงสัย
“ข้ามีภารกิจศักดิ์สิทธิ์น่ะ”
“เจ้ามีภารกิจเดียวไม่ใช่หรือ ทำให้ราชามารจุติลงมาอะไรนั่นน่ะ”
“ไม่ ข้ามีอีกภารกิจ นั่นก็คือช่วยท่านปลุกบัญญัติอื่นขึ้นมา” บัญญัติราชามารตอบ
กู่ฉิงซานยกนิ้วขึ้นแล้วกล่าวชมเชย “เจ้านี่สมควรกับฉายาบัญญัติราชามารจริงๆ”
บัญญัติราชามารกล่าวทันทีว่า “แต่ก่อนหน้านั้น ท่านต้องไปตามหาบัญญัติก่อน ข้าจึงจะสามารถปลุกมันขึ้นมาได้”
ครั้งนี้เป็นกู่ฉิงซานที่แข็งทื่อไป
ตามหาบัญญัติหรือ
ใช่
ถ้าไม่สามารถตาหาบัญญัติจนเจอได้ แล้วจะปลุกมันขึ้นมาได้อย่างไร
กู่ฉิงซานจมสู่ความคิด
“ตามหาบัญญัติ… อืม แล้วพวกเราจะตามหาบัญญัติได้อย่างไรล่ะ”
กู่ฉิงซานพึมพำอย่างแผ่วเบา
เขาอดที่จะมองเหล่าต้าไม่ได้
เหล่าต้าส่งแอนนา ซูเสวี่ยเอ้อร์ หนิงเยว่ฉานและหลินไปอาณาจักรหนามเพื่อเตรียมสู้กับความโกลาหล
ที่มาของเหล่าต้ายังลึกลับ แต่เขาก็ยังเป็นผู้ช่วยเหลือร่วมกัน
เขาจะรู้สถานที่ที่ตามหาบัญญัติเจอหรือเปล่า
กู่ฉิงซานกำลังจะถามเหล่าต้า
เหล่าต้าหลับตาลงก่อนตอบช้าๆ ว่า “อย่ามามองข้า ข้าใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ห่างไกล ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับบัญญัติใดๆ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่รู้ว่าพวกมันซ่อนอยู่ที่ไหน”
กู่ฉิงซานต้องคิดหาทางแก้ด้วยตัวเอง
ในยุคโบราณ เพื่อช่วยเขากลับมาอย่างปลอดภัย เทพวารีจึงถูกผู้สร้างปฐพีถอดออกไป นับจากนั้นมาข่าวคราวก็หายไปสิ้น
ผู้สร้างปฐพีเอาไพ่ที่หลับใหลใบนี้ไปซ่อนไว้ที่ใดกัน
…………………………………